เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
โยนาห์ – ผู้เผยพระวจนะแห่งการฟื้นฟูJONAH– THE PROPHET OF REVIVAL! โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงโยนาห์บุตรชายของอามิททัยว่า จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เหตุความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาเบื้องหน้าเราแล้ว” (โยนาห์ 1:1, 2) |
พระธรรมโยนาห์ถูกเขียนโดยตัวของโยนาห์เอง ที่ผมบอกอย่างนั้นเพราะมันแสดงให้เห็นถึงความคิดและคำอธิษฐานของโยนาห์ที่ไม่มีใครอื่นรู้นอกจากโยนาห์เองที่รู้ ความจริงเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นโยนาห์ตามประวัติศาสตร์ที่กล่าววไว้ในพระธรรม 2 พงศ์กษัตริย์ 14: 24-25 นั้นคือมีธรรมจารย์ที่เรียกตัวเองว่า “โยนาห์บุตรชายของอามิตทัยผู้เผยพระวจนะซึ่งมาจากเมืองกัท - เฮชเชอร์” (2 พงศ์กษัตริย์ 14:25) องค์พระเยซูคริสต์เองพูดถึงโยนาห์ในฐานะผู้เผยพระวจนะทางประวัติศาสตร์ที่แท้จริง โปรดไปดูที่ มัทธิว 12: 39-41 ยืนขึ้น โดยผมจะอ่านสิ่งที่พระเยซูตรัสเกี่ยวกับโยนาห์ “พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า คนชาติชั่วและเล่นชู้แสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่ทรงโปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ผู้พยากรณ์ ด้วยว่า โยนาห์ได้อยู่ในท้องปลาวาฬสามวันสามคืน ฉันใด บุตรมนุษย์จะอยู่ในท้องแผ่นดินสามวันสามคืนฉันนั้น ชนชาวนีนะเวห์จะลุกขึ้นในวันพิพากษาพร้อมกับคนยุคนี้ และจะกล่าวโทษเขา ด้วยว่าชาวนีนะเวห์ได้กลับใจเสียใหม่เพราะคำประกาศของโยนาห์ และดูเถิด ผู้เป็นใหญ่กว่าโยนาห์อยู่ที่นี่” (มัทธิว12:39-41) เรายังยืนอยู่และเปิดไปที่พระธรรมลูกา 11:29-30 “เมื่อคนทั้งปวงประชุมแน่นขึ้น พระองค์ตั้งต้นตรัสว่า คนยุคนี้เป็นคนชั่ว มีแต่แสวงหาหมายสำคัญ และจะไม่โปรดให้หมายสำคัญแก่เขา เว้นไว้แต่หมายสำคัญของโยนาห์ผู้พยากรณ์เท่านั้น ด้วยว่าโยนาห์ได้เป็นหมายสำคัญแก่ชาวนีนะเวห์ฉันใด บุตรมนุษย์จะเป็นหมายสำคัญแก่คนยุคนี้ฉันนั้น” (ลูกา 11:29-30) พวกคุณนั่งได้ ดังนั้น 2 พงศ์กษัตริย์ 14:25 จึงให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของโยนาห์ และลูกา 11: 29-30 เป็นหมายสำคัญที่กล่าวถึงโยนาห์โดยพระเยซูคริสต์ และแมทธิว 12: 39-41 ก็กล่าวถึงการฟื้นคืนชีพของโยนาห์ซึ่งเป็นหมายสำคัญของการถูกฝังและการคืนชีพในวันที่สาม ดังนั้นพันธสัญญาเดิมบันทึกโยนาห์ว่ามีตัวตนจริง ๆ และพระคริสต์เองก็บอกเราว่าความตายและการฟื้นคืนชีพของโยนาห์เป็นคำทำนายถึงการสิ้นพระชนม์และการฟื้นพระชนม์ของพระคริสต์เอง เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ กล่าวว่า “เรายังคงไม่มั่นใจกับ ทอมส์ [เสรีนิยม] ศาสตราจารย์ แกรนกรีนด์ และ ดร. ไดรสดัส เราอาจมั่นใจได้ว่าสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเกิดขึ้นเช่นเดียวกับที่พวกเขาได้กำหนดไว้ตามการเขียนที่บริสุทธิ์ [พระคัมภีร์] " (Quoted by Dr. J. Vernon McGee, Thru the Bible, volume III, note on Jonah, Introduction, p. 738)
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
I. ประการแรก การเรียกโยนาห์ “พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงโยนาห์บุตรชายของอามิททัยว่า จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น...” (โยนาห์ 1:1, 2) ข้อ 3 “แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไป…ให้พ้นจากพระพักตร์พระเยโฮวาห์” (โยนาห์ 1:3) ผมเข้าใจโยนาห์ผู้ชายคนนี้ดี นั่นคือเหตุผลที่หนังสือเล่มเล็ก ๆ ของโยนาห์เป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของผมในพันธสัญญาเดิม โยนาห์หนีไปจากพระพักต์ของพระเจ้า แต่ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น ผมถูกเรียกให้เป็นผู้ประกาศและรู้เรื่องนี้ดี แต่ผมเป็นนักศึกษาที่ยากจนที่พูดอย่างนี้เพราะผมเองรู้ว่าไม่อาจจบการศึกษาจากวิทยาลัยนั้นได้ ความจริงผมหวังที่จะเรียนและเป็นมิชชันนารีสำกัดแบ๊บติสต์ใต้ แต่ผมเองก็รู้สึกเหมือนโยนาห์อยู่ดี ผมรู้ว่าผมได้รับการทรงเลือก แต่ก็พยายามหนีจากพระพักต์ของพระเจ้าเพราะกลัวว่าจะล้มเหลวในสถาบันพระคริส๖ธรรม พระเจ้ากำลังตรัสให้ผมทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มีนักศึกษาที่เรียนในพระคริสตธรรมคนหนึ่งพูดกับผมว่า “ผมไม่อาจรับใช้ในคริสตจักรได้ เพราะผมรู้ว่าผมถูกโจมตีและถูกเผา” เขากลัวว่าจะล้มเหลวในการรับใช้ ผมเองก็คิดถึงเรื่องนั้น จากนั้นผมก็พูดว่า “ผมเองก็ถูกชนมาแล้วและถูกเผามาหลายครั้งมากจนผมไม่กลัวอะไรอีกแล้ว” มันเป็นความกลัวที่คอยทำให้มนุษย์หนีจากการทรงเรียกของพระเจ้าเพื่อไปรับใช้ มันกลัวอยู่เสมอไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ชนะในทุกสิ่งที่เขาทำ - แต่เขากลัวการทำพันธกิจ น้องชายของเขาพูดถึงเขาว่า “พี่ชายของผมทำอะไรไม่ได้เลย” แต่เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากความกลัวที่จะ “ถูกชนและถูกเผา” เขาสูงหกฟุตนักเรียนเกรด “A” เป็นคนที่มีของประทาน และนักเทศน์ที่ดี แต่เขาหนีออกจากที่พระพักต์ของพระเจ้าเพราะเขากลัว! ตอนนี้ คนหนุ่มสาวทั้งหมาย ให้ผมเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตอให้พวกคุณได้ฟัง "คุณสามารถทำอะไรก็ได้ที่พระเจ้าเรียกให้คุณทำ - อะไรก็ได้!" พระคัมภีร์กล่าวว่า “ข้าพเจ้ากระทำทุกสิ่งได้โดยทางพระคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี 4:13) เพราะผมได้พิสูจน์ข้อนั้น ผมจึงรู้ว่ามันเป็นความจริง ตอนนี้ผมอายุ 80 ปี และคือบุคคลที่รอดจากการเป็นโรคมะเร็ง โรคไขข้ออักเสบที่หัวเข่า แต่ผมไม่เคยกลัวแม้ว่าคนชั่วร้ายสองคนจะนำสมาชิกคริสตจักรของเราออกไป 3/4 ก็ตามดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ผมก็เลือกที่จะอยู่อย่างเงียบ ๆ เหมือนทารกตัวเล็ก ๆ ในอ้อมแขนของแม่ ผมกลัวอย่างนั้นหรือ? พูดตามตรงผมไม่เคยกลัวเลยสักนิด! คุณย่าของผมเคยบอกผมว่า “เจ้าไม่ต้องกลัวอะไร แต่จงกลัวตัวเอง” ซึ่งเธอได้ยินประธานาธิบดี แฟรงกลินดี รูสเวลต์กล่าวในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ และผมพบว่าคุณย่าของผมกล่าวถูกต้องทีเดียว! ยังพบว่าคุณไม่สามารถหนี“ จากที่ประทับของพระเจ้า” ทำไม? เพราะพระเจ้าไปกับคุณทุกที่ - นั่นคือเหตุผล! ผมเองก็ค้นพบว่าคุณก็สามารถไปที่จะหนีจากพระพักต์ของพระเจ้าเหมือนกับที่โยนาห์หนีพระเจ้าไปที่ทาราชิค แต่พระเจ้าก็ทรงประทับที่นั่นพอ ๆ กับที่พระองค์อยู่ที่บ้าน! และพระเจ้าจะไม่ปล่อยให้นักเทศน์หนีไปโดยไม่มีการต่อสู้ครั้งใหญ่ ผมเคยรู้จักชายผู้หนึ่งที่ติดแอลกอฮอล์ ผมค้นพบในภายหลังว่าเขาดื่มเพื่อสกัดกั้นความคิดของเขาที่พระเจ้าทรงเรียกเขา แต่เขาก็กลัวเกินกว่าที่จะเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า ดังนั้นตอนนี้เขาเมาทุกคืนเพื่อให้ลืมความกลัว ชื่อของเขาคือ จอห์น เบิร์ช (ไม่ได้ล้อเล่น!) และเขาเคยเรียนกับผมที่พระคริสตธรรม เขาออกจากที่นั่นไป ๆ มา ๆ เพราะการดื่มเหล้า! ผมรู้จักชายอีกคนชื่ออลัน ผมนำอลันมาที่พบกับพระคริสต์ แต่มันยากมาก ทำไมล่ะ? อลันกลัวว่าเขาจะรอดแล้วเขาจะต้องไปสวรรค์! ทำไมเขากลัวที่จะไปสวรรค์? วันหนึ่งเขาพูดกับผมว่า “ผมต้องไปพบพ่อของผมอีกครั้งและเขาโกรธผมอย่างมากที่ไม่ไปที่พระคริสตธรรม และกลายเป็นนักเทศน์เพรสไบทีเรียนอย่างที่เขาเป็น ”อลันอายุหกสิบกว่าปีแล้ว เขานั่งในคริสตจักรเพรสไบทีเรียนในวันอาทิตย์ด้วยความกลัวว่าจะรอด เพราะพ่อของเขาที่เสียขีวิตแล้วไปสวรรค์และโกรธเขาที่นั่น! เขารู้สึกทรมานกับความคิดนี้มานานกว่าสี่สิบปี แต่ผมเชื่อเสมอว่า [นาย ศจ. เบล็ค] จะยิ้มและกอดเขาเหมือนพ่อของบุตรน้อยหลงหายทางหลังจากที่เขากลับมาบ้าน อลันเป็นคนแรกที่ผมนำมาพบกับพระคริสต์! ตอนผมเรียนอยู่ที่พระคริสตธรรม มีหญิงสาวคนหนึ่งได้มารับความรอดในตอนที่เรามีการประชุมกัน เธอเป็นผู้หญิงขี้อาย แต่ผมสังเกตเห็นว่าเธอมีปัญหา ผมจึงไปพูดกับเธอ เธอพูดว่า “ฉันกลัวที่จะบอกแม่ว่าฉันได้รับความรอดแล้ว” ผมพูดว่า “ไปบอกเธอ เธอจะไม่โกรธ” แต่ผมผิด เมื่อแม่ของเธอรู้ว่าเธอรอดแล้ว แม่ก็ไล่เธอออกจากบ้าน ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ ดังนั้น ผมจึงพูดว่า “ให้ผมไปคุยกับแม่ของคุณ” ผมใส่สูทและเน็คไทแล้วก็ไปเยี่ยมผู้หญิงคนนั้น เมื่อเธอรู้ว่าผมเป็นใครเธอเริ่มกรีดร้องตะโกนใส่ผม ในที่สุดผมก็เข้าไปในห้องนั่งเล่นของผู้หญิงคนนั้น ผมพูดว่า “คุณจะไม่ยอมให้ลูกสาวกลับบ้านเลยเหรอ?” เธอพูดว่า “ฉันให้เธอกลับบ้านได้ถ้าเธอมีเพศสัมพันธ์และเสพยา แต่ตอนนี้เธอเป็นคริสเตียนไปแล้ว! ฉันจึงไม่อยากให้เธอกลับบ้านได้อีก” เด็กหญิงยากจนคนนั้นจึงย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านของอีกคนหนี่ง และหางานทำสุดท้ายก็เรียนจบวิทยาลัย ในที่สุดเธอก็แต่งงานกับชายหนุ่มคริสเตียนที่ดีคนหนึ่ง ผมเข้าใจว่าแม่ของเธอไม่เข้าร่วมงานพิธีแต่งงานของเธอ ต่อมาสองคนนี้ไปประกาศยังประเทศหนึ่งในยุโรป เราส่งเงินให้พวกเขาทุกเดือนเพื่อช่วยพวกเขาที่นั่น อยู่มาวันหนึ่งผมก็ได้ยินว่าหนังสือพิมพ์ถูกกองไว้ที่ประตูบ้านของแม่เธอ จากนั้นตำรวจได้เข้าไปในมาบ้านของเธอแล้วพบว่าเธอเสียชีวิตบนพื้น ในขณะที่มือของเธอยังจับขวดวอดก้าที่ว่างครึ่งหนึ่งไว้! โอ้หญิงสาวต้องหลั่งน้ำตาและเจ็บปวดอะไรเพื่อจะได้เป็นคริสเตียนและเป็นผู้ประกาศ! แต่เธอรักพระเยซูมากพอที่จะเอาชนะความกลัวของเธอและติดตามพระเจ้าไปประกาศข่าวประเสริฐ! และเธอก็มีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งมากพอที่จะได้ยินสิ่งที่พระเยซูทรงตรัส ยืนขึ้นและเปิดพระคัมภีร์ของคุณไปที่มัทธิว 10: 34-39 “อย่าคิดว่าเราได้มาเพื่อที่จะส่งสันติภาพไปบนแผ่นดินโลก เรามิได้มาเพื่อที่จะส่งสันติภาพไป แต่ดาบเล่มหนึ่งต่างหาก ด้วยว่าเราได้มาเพื่อที่จะให้ลูกชายไม่ลงรอยกับบิดาของตน และลูกสาวไม่ลงรอยกับมารดาของตน และลูกสะใภ้ไม่ลงรอยกับแม่สามีของตน และบรรดาคู่อริของผู้หนึ่งผู้ใดจะเป็นพวกคนแห่งครัวเรือนของตนเอง ผู้ใดที่รักบิดาหรือมารดายิ่งกว่าเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่รักบุตรชายหรือบุตรสาวยิ่งกว่าเราก็ไม่สมกับเรา และผู้ใดที่ไม่รับเอากางเขนของตน และตามเรามา ก็ไม่สมกับเรา ผู้ใดที่พบชีวิตของตนจะกลับเสียชีวิตนั้น และผู้ใดที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะพบชีวิตนั้น” (มัทธิว 10:34-39) พวกคุณนั่งลงได้ ผมรู้ว่าพวกคุณบางคนมีพ่อแม่ที่จะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อพาคุณออกจากคริสตจักรของเรา โปรดจำความกล้าหาญของผู้หญิงคนนี้และทำตามตัวอย่างของเธอ หากคุณทำเช่นนั้นพ่อแม่ที่ไม่เชื่อพระเจ้าจะโกรธคุณมาก - ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อพวกเขาเห็นชีวิตที่ดีของคุณในที่สุดพวกเขาก็จะมาที่คริสตจักรของเราในอนาคต แต่คุณต้องมีความเชื่อที่จะติดตามพระคริสต์แม้ว่าผู้ปกครองจะไม่ยอมรับคุณอีกครั้ง! อย่าเป็นเหมือนโยนาห์และพยายามหนีจากพระพักต์ของพระเจ้า!!! ที่คริสตจักรจีน ผมมีเพื่อนสนิทสองคนชื่อเบ็นกับแจ็ค เบ็นทรยศต่อ ดร. หลิน ในที่สุดเขาก็หนีไปกับแฟนสาวของเขา จากนั้นผมไม่เคยเห็นเขาอีกเลย แต่แจ็คได้รับการฝึกฝนให้เป็นเภสัชกร แต่เขาก็ไม่ชอบอาชีพนี้ ดังนั้น เขาจึงไปเรียนที่วิทยาลัยทัลบอตและกลายเป็นนักเทศน์ เขาเป็นเพื่อนสนิทของผม เราเป็นเพื่อนซี้กันและไปร่วมงานแต่งของเขา เขาวางใจในพระเยซูในการประชุมของเรา จากนั้นเขาเขียนว่า “หลายปีต่อมาพ่อกับแม่ก็มารับความรอด…ผมเห็นพ่อของผมฝึกฝนและรับใช้เป็นครูสอนระวีฯในวันอาทิตย์ ชีวิตของพ่อส่งผลดีต่อชีวิตนักเรียนของท่าน และมีส่วนทำให้คริสตจักรเติบโตมาก” II. ประการที่สอง ความทุกข์ของโยนาห์ “แต่โยนาห์ได้ลุกขึ้นหนีไปยังเมืองทารชิชจากพระพักตร์พระเยโฮวาห์ ท่านได้ลงไปยังเมืองยัฟฟา และพบกำปั่นลำหนึ่งกำลังไปเมืองทารชิช ดังนั้นท่านจึงชำระค่าโดยสาร และลงเรือเดินทางร่วมกับเขาทั้งหลายไปยังเมืองทารชิชให้พ้นจากพระพักตร์พระเยโฮวาห์ แต่พระเยโฮวาห์ทรงขับกระแสลมใหญ่ขึ้นเหนือทะเล จึงเกิดพายุใหญ่ในทะเลนั้น จนน่ากลัวกำปั่นจะอับปาง” (โยนาห์ 1:3-4;) มองขึ้น โยนาห์ทราบดีว่าพายุนี้มาจากพระเจ้า “ท่านจึงตอบเขาทั้งหลายว่า จงจับตัวข้าพเจ้าโยนลงไปในทะเลก็แล้วกัน ทะเลก็จะสงบลงเพื่อท่าน เพราะข้าพเจ้าทราบอยู่ว่า ที่พายุใหญ่เกิดขึ้นแก่ท่านเช่นนี้ ก็เนื่องจากตัวข้าพเจ้าเอง” (โยนาห์ 1:12) ในที่สุดชาวเรือก็จับโยนาห์โยนลงทะเลและทะเลก็สงบลง “และพระเยโฮวาห์ทรงจัดเตรียมปลามหึมาตัวหนึ่งไว้ให้กลืนโยนาห์เข้าไป และโยนาห์ก็อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน แล้วโยนาห์ก็อธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านจากภายในท้องปลานั้น” (โยนาห์ 1:17-2:1) ผมเองช่วงแรก ๆ ก็มีปัญหาและสงสัยในพระเจ้าเช่นเดียวกัน แต่ต่อมาผมเห็นว่าเหตุการณ์นี้เป็นประเภทของพระเยซูผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนถูกฝังและฟื้นคืนพนะชนม์จากความตาย หลังจากนั้น ผมอ่านสิ่งที่ ดร. เอ็ม. อาร์ ดีฮาน พูดเกี่ยวกับโยนาห์และปลาตัวใหญ่ ดร. ดีฮาน กล่าวว่าโยนาห์ตายไปแล้วในท้องปลาตัวใหญ่ ดร. เจเวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า หนังสือเล่มนี้เป็นการพยากรณ์ของการฟื้นคืนพระชนม์ องค์พระเยซูเจ้าเองตรัสว่าเช่นเดียวกับที่โยนาห์เป็นหมายสำคัญแก่ชาวนีนะเวห์ เขาจะเป็นหมายสำคัญในการฟื้นคืนจากความตาย…หนังสือเล่มเล็ก ๆ ของโยนาห์แสดงให้เห็นและสอนถึงการฟื้นคืนพระชนม์ขององค์พระเยซู (Thru the Bible, note on Jonah’s resurrection from the dead, volume III, p. 739) ดูที่โยนาห์ 1:17 “และพระเยโฮวาห์ทรงจัดเตรียมปลามหึมาตัวหนึ่งไว้ให้กลืนโยนาห์เข้าไป และโยนาห์ก็อยู่ในท้องปลานั้นสามวันสามคืน” (โยนาห์ 1:17) ตอนนี้ให้ดูข้อที่สำคัญที่สุดในพระรรมโยนาห์ ห้าคำสุดท้ายของโยนาห์ 2:9 “ความรอดของพระเจ้า” (โยนาห์ 2:9ข) ให้ผมหยุดอยู่ที่นี่ แล้วให้ผมได้แสดงความคิดเห็นถึงความทุกข์ของโยหาห์ในท้องปลาตัวใหญ่ มีคืนหนึ่งตอนที่ผมอ่านพระธรรมโยนาห์ ผมรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่ผมไม่เคยนึกถึงมาก่อน เป็นเรื่องปกติที่คิดว่าการฟื้นฟูนั้น “จุดประกาย” โดยสถานการณ์ภายนอก นักเทศน์ที่มีชื่อเสียงหลายคนกำลังพูดว่าโคโรนาไวรัส จะ “จุดประกาย” การฟื้นฟู แต่ผมไม่เชื่ออย่างนั้นเลย!!! นั่นเป็นความคิดจากฟินเนย์และมันก็ไม่เป็นความจริงเลย แต่นี่คือความจริงที่แท้จริงของการฟื้นฟู - มันเป็น "ประกายไฟ" (ผมเกลียดคำของพวกอีเวนเจลิคอล์ใหม่ใช้ในทุกวันนี้) - การฟื้นฟูนั้นเป็น "จุดประกาย" โดยพระเจ้าเอง "ความรอดคือพระเจ้า" (โยนาห์ 2:9ข) แต่ในอีกคืนหนึ่งคือสิ่งที่ผมเห็นอย่างชัดเจน – ในขณะที่ผมอ่านการฟื้นฟูใหญ่ในประวัติศาสตร์ เราค้นพบว่าการฟื้นฟูใหญ่ทั้งหมดเริ่มต้นด้วยผู้นำที่ต้องผ่านความทุกข์ ผมตั้งชื่อให้พวกเขาสองสามคนตามที่นึกถึงได้ จอห์นเวสลีย์ –ผมแค่ยกความทุกข์สองสามอย่างที่เขาประสบก่อนการฟื้นฟูครั้งใหญ่ครั้งแรก เขาเป็นผู้ประกาศในจอร์เจียที่ล้มเหลว เขามีประสบการณ์ขัดแย้งกับมาร เขาถูกเผาด้วยรูปจำลอง เขาเกือบเสียชีวิต จอร์จ ไวท์ฟิลด์ เพื่อนของเขาเลิกคบหาสมาคมกับเขา เขาถูกใส่ร้ายโดยคณะของเขาเอง เขาถูกใส่ร้ายในคริสตจักรของพ่อของเขาและถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมพิธีศิลมหาสนิทโดยศิยาภิบาลของเขาเอง เขาแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดึงผมออกมาและทิ้งเขาไป จากนั้นเวสลีย์ได้รับประสบการณ์แบบวันเพนเทคอสต์! ผู้คนหลายพันคนยืนอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเย็นเพื่อฟังเขาเทศนา ชีวิตและงานของเขาได้รับการกล่าวถึงโดยทนายความของคิง “ไม่มีรูปใดมีอิทธิพลต่อจิตใจมากมาย ไม่มีเสียงใดเลยที่สัมผัสหัวใจมากมาย ไม่มีคนอื่นทำชีวิตของอังกฤษเช่นนี้ ”สำนักพิมพ์หนึ่งแห่งกล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าจอห์นเวสลีย์เป็น “นักเทศน์ผู้มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งมาตั้งแต่สมัยผู้เผย” มารีย์ มันเซน เธอเริ่มอดอาหารและอธิษฐานเพื่อการฟื้นฟูในประเทศจีน ซาตานดึงเธอลงไปที่พื้นและขดตัวให้เหมือนงูตัวใหญ่ เธอไปโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือหรือสนับสนุนมิชชันนารีหญิงโสดผู้ประกาศและอธิษฐานเพื่อการฟื้นฟูครั้งใหญ่ซึ่งยังคงดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ในคริสตจักรในจีน โจนาธาน โกเฟอร์ท – เขาและภรรยาของเขาไปที่จีน ที่ ๆ พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก ทารกสี่คนเสียชีวิต นายโกเฟอร์ทเกือบเสียชีวิตสองครั้ง เขาต้องพาทารกที่เสียชีวิตใส่ในรถเข็น และเข็นเป็นเวลา 12 ชั่วโมงเพื่อไปเอาศพไปฝังที่ ๆ อนุญาตฝังคนที่เป็นคริสเตียน ผมหวังว่าผมจะมีเวลาที่จะบอกคุณว่านางโกเฟอร์ท และลูก ๆ ของเธอต้องทนทุกข์ทรมานอย่างไร ตอนที่ทารกที่ชื่อคอนแวนต์เสียชีวิต” ร่างเล็ก ๆ ของเราคอนแวนต์ก็ถูกนำไปฝังอยู่ข้างหลุมศพพี่สาวในวันเกิดของเธอวันที่ 13 ตุลาคม 1902” เรามีการประชุมบางครั้งในคริสตจักรเก่าของเราที่ปรากฏภายนอกเช่นเดียวกันกับการประชุมกับของ ดร.โกเฟอร์ท ในประเทศจีน ผมพูดว่า "ภายนอก" โดยมีจุดประสงค์ แต่ "ผู้นำ" ส่วนใหญ่ในคริสตจักรของเราโกหกพระเจ้าเมื่อพวกเขาสารภาพบาปของพวกเขา ดังนั้น ดังที่ดร. โทเซอร์ กล่าวไว้ว่าพวกเขาทำบาปสองประการ - บาปแห่งการโกหกและบาปแห่งการโกหกในพระนามของพระเจ้า! กรีนตันพูดโกหกให้กับ ดร. คาเกน เมื่อเขาบอกว่าเขาไม่จำเป็นต้อง "เทศนา" โดย "สมบูรณ์แบบ" ดังนั้น ผู้ชายร่างเล็กผู้น่าเศร้าคนนี้จึงกลายเป็นเหมือนยูดาสผู้ทรยศพระคริสต์มากกว่าเหมือนเปโตรผู้กลับใจใหม่อย่างแท้จริง การฟื้นฟูที่แท้จริงภายใต้การนำของ โจนาธาน โกเฟอร์ท นั้นเหมือนกับการฟื้นฟูที่แท้จริงที่ผมเห็นเหมือนกับภายใต้การนำของ ดร. ทิโมธี หลิน ที่คริสตจักรจีนแบ๊บติสต์แห่งแรกในปลายปี 1960 ซึ่งไม่มีการเน้นเรื่อง "ของประทานแห่งวิญญาณ" - แต่จะเน้นไปที่การอธิษฐานและกับใจใหม่ กับผมเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ดูเหมือนว่า "ความเชื่อและการกลับใจ" เป็นเพียงอารมณ์ - แต่ไม่จริงใจ มันยังทำให้ผมประหลาดใจว่าผู้ชายอย่าง กรีนตัน และ กรีฟฟิท์ คิดว่าพวกเขาหลอกพระเจ้าได้ !!! ตาบอดหรือไง !!! ขณะที่ผมกำลังเขียนบทเทศนาในห้องอาบน้ำของเราเมื่อไม่กี่คืนที่ผ่านมา ก่อนที่ผมจะนั่งอยู่ที่ขอบอ่างอาบน้ำของเรา ผมได้ก้มลงไปในอ่างอาบน้ำ ในขณะเดียวกันผมตกลงไปในอ่างและหัวของผมได้ไปกระแทกที่ด้านล่างของอ่าง ผมนอนนิ่งที่นั่นแต่ก็ยังรู้สึกตัวและพยายามยกเท้าของผมขึ้นตรง ๆ แต่ก็ทำไม่ได้ ผมคิดว่าคอผมหักแน่ แต่สุดท้ายผมก็สามารถกระดิกนิ้วเท้าได้ ดังนั้น ผมรู้ว่ากระดุดสันหลังของผมไม่ได้หัก ขณะที่ผมนอนอยู่ในสภาพที่น่ากลัวเช่นนี้ มารก็บอกผมว่าเราจะไม่มีทางที่จะมีการฟื้นฟูที่แท้จริงเกิดขึ้นได้ นั่นคือตอนพระเจ้าทรงแสดงให้ผมเห็นว่าการฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์เกิดขึ้นหลังจากผู้คนอย่าง เวสลีย์ มารี มอนสัน และ โจนาธาน กอฟฟอร์ทและคนอื่น ๆ เช่นจอห์นซอง ก่อนที่พระเจ้าจะทรงไว้ใจพวกเขาและประทานให้มีการฟื้นฟูใหญ่เช่นนี้ ตอนนี้เรามีการฟื้นฟูที่แท้จริงหรือไม่? อาจจะ แต่เราต้องจริงใจและสัตย์จริงมาก มิฉะนั้นพระเจ้าจะไม่ส่งการฟื้นฟูที่แท้จริงที่พวกเราบางคนอธิษฐานขอมานานหลายปี! เช่นเดียวกับ โยนาห์ ศิษยาภิบาล ริชาร์ด เวิร์มบรันด์ ก็อยู่ในท้องปลาเป็นเวลา 14 ปีในคุกของคอมมิวนิสต์ ท่านใช้เวลาสามใน 14 ปีในคุกโดยถูกกักขังอย่างโดดเดี่ยวไม่เห็นใครเลยนอกจากผู้คุมจากพรรคคอมมิวนิสต์ ทำไมพระเจ้าถึงปล่อยให้เวิร์มเบรนด์ผ่านสิ่งเหล่านี้ไป? หากคุณอ่านหนังสือของท่าน คุณจะเห็นว่าพระเจ้าทรงใช้ห้องขังของท่านเพื่อสอนให้ท่านเรียนรู้ถึงความรักและความจริงใจ ผมยังไม่เคยพบกับสิ่งที่ผู้ชายที่หนักเท่ากับที่ ริชาร์ด เวิร์มบรันด์ เจอ เขาเรียนรู้ด้วยการถูกขังเดี่ยวเพื่อพูดอย่างจริงใจต่อคนทั้งโลกหลังจากที่เขาถูกปล่อยตัวออกจากคุก ชายร่างเล็กอย่าง กรีนตัน และ กรีฟฟิท์ ไม่เคยเป็นคนที่จริงใจ พวกเขามีแต่โกหกพระเจ้า การ “สารภาพ” บาปนั้นกับพวกเขาที่ไม่เคยมีความหมายอะไร มันก็เพียงพอง่ายที่จะเห็นว่า จอห์น เวสลีย์ มารี มอนเซนและโจนาธาน โกเฟอร์ท เป็นคนจริงจังไม่เจ้าเลห์เหมือนโยนาห์! ดร. เอ. ดับบลิว โทเซอร์ กล่าวว่า “หากเราโง่พอที่จะทำเช่นนั้นได้เราอาจใช้เวลาตลอดทั้งปีขอให้พระเจ้าทรงส่งการฟื้นฟูในขณะที่เรามองข้ามข้อเรียกร้องของเขาและทำตามกฎของพระองค์ต่อไป หรือตอนนี้เราสามารถเริ่มเชื่อฟังและเรียนรู้พระพรของการเชื่อฟัง พระคำของพระเจ้าอยู่ต่อหน้าเรา เราต้องอ่านและทำตามสิ่งที่เขียนไว้และการฟื้นฟู…จะเกิดขึ้นตามธรรมชาติเช่นเดียวกับการเก็บเกี่ยวที่เกิดขึ้นหลังจากการหว่านและการปลูก” (“การฟื้นฟูจะเกิดขึ้นได้อย่างไร - ส่วนที่ผม”) ความจริงใจคือสิ่งที่พระเจ้ากำลังมองหา! ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ |
โครงร่างของ โยนาห์ - ผู้เผยพระวจนะแห่งการฟื้นฟู JONAH– THE PROPHET OF REVIVAL! โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “พระวจนะของพระเยโฮวาห์มาถึงโยนาห์บุตรชายของอามิททัยว่า จงลุกขึ้นไปยังนีนะเวห์นครใหญ่ และร้องกล่าวโทษชาวเมืองนั้น เหตุความชั่วของเขาทั้งหลายได้ขึ้นมาเบื้องหน้าเราแล้ว” (โยนาห์ 1:1, 2) (2 พงศ์กษัตริย์ 14:25; มัทธิว 12: 39-41; ลูกา 11: 29-30) I. ประการแรก การเรียกโยนาห์ โยนาห์ 1: 1, 2, 3; ฟิลิปปี 4:13; แมทธิว 10: 34-39 II. ประการคที่สอง ความทุกข์ของโยนาห์ โยนาห์ 1: 3-4, 12; 1: 17-2: 1; 01:17; 2: 9ข |