Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net



ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนา: “Am I a Soldier of the Cross?” (Dr. Isaac Watts, 1674-1748).


ถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว

CRUCIFIED WITH CHRIST!
(Thai)

โดย Dr. R. L. Hymers, Jr.,
ศิษยาภิบาล Emeritus

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคล ลอสเอนเจลิส
ภาคบ่าย 17 พฤษภาคม 2020
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Afternoon, May 17, 2020

“ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ใช่ข้าพเจ้าเอง แต่พระคริสต์ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำรงอยู่ในเนื้อหนังขณะนี้ ข้าพเจ้าก็ดำรงอยู่โดยความเชื่อแห่งพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กาลาเทีย 2:20)


การถูก “ตรึงกับพระคริสต์” นั้นหมายความว่าอย่างไร? ผมเชื่อว่านั่นหมายความว่าจิตวิญญาณของเราต้องผ่านคืนที่มืดมน เราจะต้องรู้ถึงความบาปของเรา รู้สึกถึงความเจ็บปวด รู้สึกถึงเล็บที่ถูกตอกตะปู และตายกับพระคริสต์ – ร่วมกับพระคริสต์คือการสิ้นพระชนม์กับพระองค์ และรวมถึงฟื้นคืนพระชนม์กับพระองค์

ศิษยาภิบาลริชาร์ดเวิร์มเบรนด์เคยถูกตรึงกางเขนกับพระคริสต์แล้วในขณะที่เขาถูกจำจองอยู่ในคุกเป็นเวลาสองปี ในหนังสือของเขาที่ชื่อ In God’s Underground ท่านอธิบายว่าเขาถูกตรึงไว้กับพระคริสต์อย่างไร เวิร์มเบรนด์ กล่าวว่า

     เพราะผมถูกขังเดี่ยวในคุกนี้เป็นเวลาสองปี ผมไม่มีอะไรจะอ่านไม่มีอะไรจะเขียน ผมมีแต่ความคิดความรู้สึก แม้ผมไม่ใช่คนชอบคิด แต่ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้จักอยู่เงียบ ๆ
     ผมยังเชื่อพระเจ้าอีกไหม? ตอนนี้การทดสอบได้เข้ามา ผมอยู่อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีเงินเดือน ไม่มีอะไรดี ๆ ในชีวิตที่จะคิดถึง พระเจ้าทรงมอบความทุกข์ให้ผมเท่านั้น ผมจึงถามตัวเองว่าจะรักพระองค์ต่อไปอีกหรือไม่
     แต่ผมเองก็ค่อย ๆ เรียนรู้จากต้นท้อที่คอยห้อยลูกท้องตามกิ่งต่าง ๆ ... ผมพบว่าที่นี่ [ในความรู้สึกที่โดดเดี่ยว] ความคิดและความรู้สึกของผมก็พาผมหันไปหาพระเจ้า และผมก็สามารถอยู่ผ่านพ้นคืนแล้วคืนเล่าด้วยการอธิษฐาน ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมไม่ได้แสแสร้งอีกต่อไป ผมเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ! (In God’s Underground, หน้า 120)

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

ตอนนี้บทเทศนาของเรามีไว้สำหรับใช้ในมือถือแล้ว
ไปที่ WWW.SERMONSFORTHEWORLD.COM.
คลิกไปที่ปุ่มสีเขียวที่ค่า “APP” จากนั้น
ให้ทำตามข้อแนะนำในนั้น

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

การถูก “ตรึงกับพระคริสต์” นั้นหมายความว่าอย่างไร? ผมเชื่อว่านั่นหมายความว่าจิตวิญญาณของเราต้องผ่านคืนที่มืดมนต์ เราจะต้องรู้ถึงความบาปของเรา รู้สึกถึงความเจ็บปวด รู้สึกถึงเล็บที่ถูกตอกตะปูอยู่ ตายกับพระคริสต์ – ร่วมกับพระคริสต์ในการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ และรวมถึงฟื้นคืนพระชนม์กับพระองค์

คนดื้ออย่างผมต้องผ่านพ้นอะไรแบบโหด ๆ ถึงจะหันมาหาพระเจ้า ยอมที่จะถูก “ตรึงไว้กับพระคริสต์” แต่ยังอยู่ในขั้นตอนของการเรียนรู้ความจริงนี้ แม้ว่าตอนนี้ผมจะอายุแปดสิบเข้าไปแล้วก็ตาม

ก่อนอื่นผมเริ่มเรียนรู้ความจริงนี้ตอนอยู่ในคริสตจักรจีนซึ่งผมเป็น “คนนอก” มาหลายสิบปี ผมอยากจากที่นั้นไป แต่พระเจ้าก็จะไม่ยอมให้ผมจากไป พระองค์ตรัสกับผมอย่างชัดเจนในฮีบรู 10:25 และที่อื่น ๆ ในพระคัมภีร์ ดังนั้นผมจึงเริ่มที่จะเรียนรู้ “ตรึงกางเขนกับพระคริสต์”

ผมถูกทดสอบครั้งต่อไปคือที่เซมินารีแบ๊บติสต์ใต้ในเมือง มาริน ผมเกลียดสถานที่นี่เพราะอาจารย์เกือบทุกคนอยู่สายเสรีนิยมที่ไม่เคยกลับใจใหม่ที่ฉีกพระคัมภีร์ออกเป็นชิ้น ๆ ในทุกห้องเรียน ผมเกลียดการอยู่ที่นั่น แต่แล้วพระเจ้าทรงตรัสให้ผมอยู่ที่นั่นต่อไปไม่ว่าผมจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม และแล้วหลังเที่ยงคืนในห้องของผมที่พระคริสตธรรมนั่น พระเจ้าทรงเรียกผมออกไปในเวลากลางคืน มี “เสียงเบา ๆ” นั่นคือเสียงของพระเจ้าตรัสกับผมว่า “หลายปีนับจากนี้เจ้าจะนึกถึงคืนนี้ และเจ้าจะจำได้ว่า เราบอกเจ้าแล้วว่างานหลักของเจ้าจะเริ่มขึ้นเมื่อเจ้าอายุมากขึ้น…ตอนนี้เจ้าจะเรียนรู้ที่จะไม่กลัว เราจะอยู่กับเจ้า ... ถ้าเจ้าไม่บอกออกไปก็จะไม่มีใครกล้าพูดออกไป – เพราะคนอื่นก็กลัวที่จะพูด ดังนั้นถ้าเจ้าไม่พูดก็จะไม่มีใครกล้าพูด”

จากนั้นก็มีศาสตราจารย์โฮเมอร์ลีคส์ของผมชื่อ ดร. กอร์ดอนกรีน พูดกับผมว่า “ไฮเมอร์สคุณเป็นนักเทศน์ที่เก่งที่ดีที่สุดมากคนหนึ่ง แต่…คุณจะไม่มีโอกาสรับใช้ในเคลือคริสตจักรเซาเทิร์นแบ๊บติสต์หากคุณไม่หยุดสร้างปัญหา” ผมมองตาเขาและพูดว่า “ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ผมเองก็ไม่ต้องการอยู่เช่นกัน” ตอนนี้ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว (Against All Fears, p. 86)

จากนั้นผมลงมาอยู่ที่ลอสแองเจลิสและเริ่มก่อตั้งคริสตจักรนี้ ภายหลัง กรีนตัน ก็มาสร้างความแตกแยกคริสตจักรนี้เพียงเพราะเขา “ไม่เห็นด้วย” กับผม เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องอะไร? เขาไม่เห็นด้วยกับผมในประเด็นต่าง ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย! เขาเป็นเพียงชายขี้ขลาด “กลัว” ที่จะยืนบนหลักความจริงของพระเจ้า! ลาก่อน เจ้าหนูตัวน้อย!

ตอนนี้ ผมอายุก็ 80 ปีแล้ว ผมรู้ว่าพระเจ้าได้เตรียมผมทั้งหมดให้พร้อมที่จะเป็นเสียงแห่งการพยากรณ์เพื่อพระองค์ ในช่วงแห่งการละทิ้งความเชื่อในยุคสุดท้าย (2 เธสะโลนิกา 2: 3)

ในขณะที่บางคนบอกว่าคุณจะถูกนำไปพบกับพระคริสต์บนท้องฟ้าก่อนพบกับความยากลำบาก แต่ผมยังเชื่อว่าพวกเราคริสเตียนจะต้องผ่านเข้าไปในความทุกข์ยากครั้งใหญ่ก่อน ตามที่ มาร์วิน เจ โรสเซนทอล์ กล่าวไว้ในหนังสือ The Pre-Wrath Rapture of the Church ส่วนบางคนอย่าง กรีนตัน เชื่อตามแบบพวกอีเวนเจลิคอล์ใหม่ก็ตาม ผมยังพูดว่า “ยืนหยักเพื่อพระคริสต์ - ไม่ว่าจะเกิดอะรขึ้นก็ตาม”

ผมไม่ได้เกลียด จอห์น ซามูเอล ผมเพิ่งรู้ว่าเขาไม่เข้มแข็งพอที่จะยืนหยัดต่อสู้ในยุคสุดท้ายนี้เท่านั้น เขากลัวว่าตัวเองอาจจะ “พังและถูกเผาไหม้” ถ้าเขายังอยู่กับผม เป็นเพราะ จอห์น ซามูเอล ยังไม่ได้ “ถูกตรึงด้วยกับพระคริสต์” ผม “ถูกชนและถูกเผาไหม้” หลายครั้งจนทำให้ผมไม่กลัวอีกต่อไป!

ดร. คาเกน บอกผมเสมอว่าเขาชอบสิ่งที่ผมเทศนาเกี่ยวกับความเข้มแข็งในยุคสุดท้ายนี้ แค่นั้นก็เป็นกำลังใจที่เพียงพอสำหรับผมแล้ว! หากคุณ “ถูกตรึงด้วยกับพระคริสต์” คุณจะสามารถยึดติดกับผมและ ดร. คาเกน ในยุคที่คนกำลังละทิ้งความเชื่อ (2 เธสะโลนิกา 2: 3) และคุณจะเป็นผู้เสียสละชีพเพื่อพระคริสต์อย่างมีเกียรติ - เหมือนอย่างเช่นศิษยาภิบาล วูร์มเบรน์ด!

“ข้าพเจ้าถูกตรึงไว้กับพระคริสต์แล้ว แต่อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่ใช่ข้าพเจ้าเอง แต่พระคริสต์ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า และชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำรงอยู่ในเนื้อหนังขณะนี้ ข้าพเจ้าก็ดำรงอยู่โดยความเชื่อแห่งพระบุตรของพระเจ้า ผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” (กาลาเทีย 2:20)

ดร. ทิโมธี หลิน ในหนังสือของเขาอาณาจักรหรือThe Kingdom of God ของพระเจ้ากล่าวว่า “ทุกวันนี้สมาชิกคริสตจักรจำนวนมากไม่สามารถได้ยินเสียงของพระเจ้าเพราะพวกเขารักตนเองเหนือสิ่งอื่นใด…หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างและได้ยินมากแต่เรียนรู้น้อย หลายคนคิดว่าพวกเขารู้ทุกอย่าง แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่รู้ความจริงอะไรเลย หลายคนไม่สามารถบอกคุณได้เลยว่าจุดประสงค์ในชีวิตคืออะไร!” ดร. เอ. ดับบลิวโทเซอร์ให้ตัวอย่างนี้

     ถามนักศึกษาคนหนึ่งที่มหาวิทยาลัยชื่อ “บ๊อบ ทำไมมาเรียนที่นี่?”
      “ผมอยากจะแต่งงาน ผมต้องการเงิน และผมต้องการเดินทาง”
      “แต่บ๊อบสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน ถึงคุณจะได้สิ่งเหล่านั้นแต่วันหนึ่งแก่และตาย อะไรคือจุดประสงค์หลักของชีวิตคุณ”
     จากนั้นบ๊อบพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าผมมีจุดประสงค์ในชีวิตหรือไม่”
     คนส่วนใหญ่ไม่ทราบวัตถุประสงค์ในชีวิตเลย (“The Purpose of Man,” หน้า 27)

คริสเตียนอาจบอกว่าจุดประสงค์ในชีวิตของพวกเขาคือไปสวรรค์ แต่ ดร. หลิน พูดซ้ำ ๆ ว่าไม่มีข้อพระคัมภีร์ที่บอกว่าการไปสวรรค์เป็นจุดประสงค์ในชีวิตของคุณ!

เพื่อแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่วัตถุประสงค์ของคุณในชีวิตควรไปดูที่ 2 ทิโมธี 2:12 อ่านครึ่งแรกของข้อ 12

“ถ้าพวกเราทนความทุกข์ยาก พวกเราก็จะครอบครองร่วมกับพระองค์ด้วย…”

“ทนทุกข์” หมายถึง “อดทน” วิวรณ์ 20: 6 กล่าวว่า “พวกเขาจะเป็นปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าและของพระคริสต์และจะปกครองร่วมกับเขาหนึ่งพันปี” คำว่า "ทนทุกข์" หมายถึง "อดทน" ตามบริบทของ 2 ทิโมธี 2:12 มีให้ใน 2 ทิโมธี 2: 1-11 โน้ต Scofield ด้านบนข้อ 1 กล่าวอย่างถูกต้อง “เส้นทางของ 'ทหารที่ดีในช่วงเวลาของการละทิ้งความเชื่อ” การครองราชย์ร่วมกับพระคริสต์นี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนในคำอุปมาเกี่ยวกับเงินสิบมินา 19: 11-27 ผู้ที่เตรียมปกครองด้วยพระคริสต์จะได้รับ “มีอำนาจครอบครองสิบเมืองเถิด” (ข้อ 17) หรือ “มากกว่าห้าเมือง” (ข้อ 19) ดร. หลินกล่าวว่าสิ่งนี้คือความจริง ผู้ที่อดทนในชีวิตนี้จะได้ครองร่วมกับพระคริสต์ในการเสด็จมาของพระองค์! คำว่า "ทนทุกข์" หมายถึง "อดทน"

ดังนั้นเราต้องทนอะไร เราอดทนโดยไม่รักทางของโลก

“อย่ารักโลกหรือบรรดาสิ่งของที่อยู่ในโลก ถ้าผู้หนึ่งผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่ได้อยู่ในผู้นั้น เพราะว่าสิ่งสารพัดซึ่งมีอยู่ในโลก คือราคะตัณหาของเนื้อหนัง และราคะตัณหาของตา และความเย่อหยิ่งแห่งชีวิต ไม่ได้เป็นของพระบิดา แต่เป็นของโลก และโลกกำลังผ่านพ้นไป พร้อมกับราคะตัณหาของโลกนั้น แต่ผู้ที่กระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้าก็ดำรงอยู่เป็นนิตย์” (1 ยอห์น 2:15-17)

อดทนโดยการไม่หนีออกจากคริสตจักรแม้จะแตกแยกก็ตาม

“เขาเหล่านั้นได้ออกไปจากพวกเรา แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ได้เป็นของพวกเรา เพราะว่าถ้าในตอนนั้นพวกเขาเป็นของพวกเรา พวกเขาก็คงอยู่กับพวกเราต่อไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย แต่พวกเขาได้ออกไปแล้ว เพื่อพวกเขาจะได้ปรากฏว่าพวกเขาหาได้เป็นของพวกเราทุกคนไม่” (1 ยอห์น 2:19)

เราอดทนโดยปฏิเสธที่จะติดตามคนสอนเท็จ

“พวกท่านที่รัก อย่าเชื่อวิญญาณทุก ๆ วิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณเหล่านั้นว่าวิญญาณเหล่านั้นมาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้พยากรณ์เท็จเป็นอันมากออกไปในโลกแล้ว” (1 ยอห์น 4 4:1)

เราอดทนโดยทำสิ่งเหล่านั้นเพื่อทำให้พระเจ้าพอพระทัย

“และสิ่งใดก็ตามที่พวกเราทูลขอ พวกเราก็จะได้รับจากพระองค์ เพราะว่าพวกเรารักษาบรรดาพระบัญญัติของพระองค์ และกระทำตามสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์” (1 ยอห์น 3:22)

เราอดทนโดยรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า

“และสิ่งใดก็ตามที่พวกเราทูลขอ พวกเราก็จะได้รับจากพระองค์ เพราะว่าพวกเรารักษาบรรดาพระบัญญัติของพระองค์ และกระทำตามสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ และนี่เป็นพระบัญญัติของพระองค์ คือให้พวกเราเชื่อในพระนามของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และให้รักซึ่งกันและกัน ตามที่พระองค์ได้ทรงมอบพระบัญญัติไว้แก่พวกเราแล้ว” (1 ยอห์น 3 3:22, 23)

เราต้องอดทนต่อคำสอนอาจารย์ของเรา

“จงระลึกถึงคนเหล่านั้นซึ่งปกครองเหนือพวกท่าน ผู้ซึ่งได้ประกาศพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกท่าน จงตามอย่างความเชื่อของพวกเขา โดยพิจารณาปลายทางแห่งความประพฤติของพวกเขา จงเชื่อฟังคนเหล่านั้นที่ปกครองเหนือพวกท่าน และพวกท่านจงยอมอยู่ใต้บังคับ ด้วยว่าคนเหล่านั้นคอยระวังดูจิตวิญญาณของพวกท่าน เหมือนกับว่าพวกเขาจะต้องรายงาน เพื่อพวกเขาจะให้รายงานนั้นด้วยความปีติยินดี และไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ เพราะสิ่งนั้นไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่พวกท่าน” (ฮีบรู 13:7, 17)

เราอดทนโดย “ทำพันธกิจของพระเจ้าเสมอ” - มั่นคง!

“เหตุฉะนั้น พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า พวกท่านจงตั้งมั่นอยู่ อย่าหวั่นไหว จงปฏิบัติงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้บริบูรณ์ทุกเวลา ด้วยว่าท่านทั้งหลายทราบว่า งานหนักของท่านทั้งหลายไม่สูญเปล่าในองค์พระผู้เป็นเจ้า” (1 โครินธ์ 15 15:58)

ด้วยการอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าทรงฝึกให้เราเป็นสาวกที่จะปกครองร่วมกับพระคริสต์ในราชอาณาจักรที่กำลังจะมาถึง

“ผู้ใดที่มีชัยชนะ เราจะให้ผู้นั้นนั่งกับเราในพระที่นั่งของเรา เหมือนกับที่เรามีชัยชนะแล้วด้วย และได้นั่งลงกับพระบิดาของเราในพระที่นั่งของพระองค์ ผู้ใดที่มีหู ก็ให้ผู้นั้นฟังสิ่งซึ่งพระวิญญาณตรัสแก่คริสตจักรทั้งหลายเถิด” (วิวรณ์ 3:21, 22)

ใช้เวลา 22 ปีในคุกในพรรคคอมมิวนิสต์จีนเพื่อความเชื่อของเขา เขาพูดว่า

“บางคนถามผมว่าคริสตจักรทุกวันนี้จะไปทิศทางไหน ผลเลยตอบอย่างไม่มีข้อสงสัยเส้นทางของอัครสาวก…สัตย์ซื่อจนถึงวันตาย” เขาเทศนางานในวานศพ ดร. จอห์น ซอง เขาสูญเสียฟันทั้งหมด และการได้ยินและสายตาขณะที่อยู่ถูกจำจองในคุก หลังจากที่เขาได้รับการปล่อยตัวออกจากคุกเขาและภรรยาของเขาสอนกลุ่มคริสเตียนในอพาร์ตเมนต์ของพวกเขาจนกระทั่งเขาเสียชีวิต 1991

โปรดยืนขึ้นและร้องบทเพลงนมัสการของเรา

ฉันเป็นทหารแห่งไม้กางเขนผู้ติดตามพระเมษโปดก
และฉันยังต้องกลัวที่จะแบกพระนามของพระองค์อีกอย่างนั้นหรือ?

ฉันต้องถูกนำไปยังท้องฟ้าเตียงแห่งดอกไม้อย่างง่ายดาย
ในขณะที่คนอื่น ๆ ต่อสู้เพื่อชิงดีชิงเด่นและแล่นผ่านทะเลเลือด?

ไม่มีศัตรูให้ฉันเผชิญหน้า ฉันต้องไม่กั้นน้ำท่วมหรือไม่
โลกที่ชั่วร้ายนี้เป็นเพื่อนของฉันอย่างสง่างามหรือเปล่าเพื่อช่วยฉันไปหาพระเจ้า?

แน่นอนฉันต้องต่อสู้ถ้าฉันจะครองราชย์ พระเจ้าโปรดทรงเพิ่มความกล้าหาญให้ฉัน!
ฉันจะทนงานหนักทนความเจ็บปวดโดยพระวจนะของคุณ
   (“Am I a Soldier of the Cross?”, Dr. Isaac Watts, 1674-1748)

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้