เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนาโดย: “Higher Ground” เชื้อโรคโคโรนาไวรัสจะหยุดเราอย่างนั้นหรือ?SHALL THE CORONAVIRUS STOP US? โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ จูเนียร์ |
กรุณาเปิดไปที่พระธรรมลูกา 21:8-11 “ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเราและว่า ‘เราเป็นพระคริสต์’ และว่า ‘เวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว’ เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายอย่าตามเขาไปเลย เมื่อท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงการสงครามและการจลาจล อย่าตกใจกลัว เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นจำต้องเกิดขึ้นก่อน แต่ที่สุดปลายยังจะไม่มาทันที แล้วพระองค์ตรัสแก่เขาว่า ประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในที่ต่าง ๆ และจะเกิดการกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรง และจะมีความวิบัติอันน่ากลัว และหมายสำคัญใหญ่ ๆ จากฟ้าสวรรค์” (ลูกา 21:8-11) ตอนนี้ให้เปิดไปที่มัทธิว 24:4-8. “ฝ่ายพระเยซูทรงออกจากพระวิหาร แล้วพวกสาวกของพระองค์มาชี้ตึกทั้งหลายของพระวิหารให้พระองค์ทอดพระเนตร พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า สิ่งสารพัดเหล่านี้พวกท่านเห็นแล้วมิใช่หรือ เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็หามิได้ เมื่อพระองค์ประทับบนภูเขามะกอก พวกสาวกมาเฝ้าพระองค์ส่วนตัวกราบทูลว่า ขอทรงโปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายทราบว่า เหตุการณ์เหล่านี้จะบังเกิดขึ้นเมื่อไร สิ่งไรเป็นหมายสำคัญว่าพระองค์จะเสด็จมา และวาระสุดท้ายของโลกนี้ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ระวังให้ดี อย่าให้ผู้ใดล่อลวงท่านให้หลง ด้วยว่าจะมีหลายคนมาต่างอ้างนามของเรา กล่าวว่า ‘เราเป็นพระคริสต์ เขาจะล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดการกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก” (มัทธิว 24:4-8) ผมอยากเรารู้จักคำนี้ในพระธรรมตอนนี้ “โรคระบาด” จากนั้นมาดูรายละเอียดในมัทธิว 24:8 “เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก” + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ตอนนี้คำว่า “โรคระบาด” มันสำคัญ ในภาษากรีกคือ ลอยมอย (พหูพจห์) พระคัมภีร์ฉบับ Unger’s Bible Commentary กล่าวว่า "นำไปใช้ได้กับ ... โรคร้ายต่างๆ" พระเยซูได้ทรงตรัสถึงโรคระบาดที่เป็นโรคเอดส์เอาไว้แล้ว คำนี้ยังรวมถึงการระบาดของโรคโคโรนาไวรัสด้วย สังเกตสิ่งที่พระคริสต์ตรัสเกี่ยวกับโรคระบาดเหล่านี้ในข้อ 8 “ทั้งหมดนี้เป็นจุดเริ่มต้นของความเศร้าโศก” คำในภาษากรีกหมายถึง “จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวด” (MacArthur) หากพูดถึงสมัยของเรา เจ เอ็น เดย์ไบ กล่าวว่า “จะมีคริสตจักรเทียมเท็จ: จะมีความอดอยาก มีโรคระบาด มีแผ่นดินไหว” หนังสือ Vine’s Expository Dictionary ได้ให้คำจำกัดความของโรคระบาด “ในลูกา 21:11 ว่าเป็นโรคติดต่อชนิดร้ายแรงที่ใช้ในรูปพหูพจน์” ตอนนี้ให้พิจารณาว่าผู้เชื่อใน “คริสตจักร” จะทำอย่างไรหลังจากโรคระบาดโควิด รายงานในเว็ปไซต์ onenewsnow.com (24 เมษายน 2020) ในหัวข้อ “ผู้คนในคริสตจักรจะไปทิศทางไหนหลังจากวิกฤตโควิด" ในนั้นบอกว่ามีคนจำนวนมากทีเดียว “ที่เข้าร่วมนมัสการแบบออนไลน์” และยังบอกว่า “ชีวิตการเป็นอยู่ในคริสตจักรหลังจากการระบาดใหญ่นี้อาจดูแตกต่างจากที่เคยเป็นมาก่อน” “42% กล่าวว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าก่อนการระบาดใหญ่เสียอีก” “พบว่าผู้นำในคริสตจักรจะมีความวิตกกังวลและกลัวเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาจะต้องเผชิญหลังเหตุการณ์เลวร้ายนี้สิ้นสุดลง” “ผู้เชื่อส่วนใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งคริสตจักรใหญ่ ๆ ทั้งหลายจะวิตกกังวลกับเรื่องนี้ไปทั่วประเทศอเมริกา” “เราอาจจะเชื่อนักวิทยาศาสตร์มากกว่า - การที่จะมาเชื่อและทำตามศิษยาภิบาล “เพราะนี่เป็นวัฒนธรรมที่สอนผู้คนให้คาดหวังว่าสิ่งต่าง ๆ ไปตามนั้น ... ตามความต้องการ” หลังจากที่ผมใช้เวลา 62 ปีที่ผ่านมาในการประกาศข่าวประเสริฐ ผมคิดว่าการกลัวเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่ดี ผมก็คิดว่านี่อาจเป็นส่วนหนึ่งของการพยากรณ์ถึงยุคสุดท้ายที่พูดถึงใน 2 เธสะโลนิกา 2: 3 “อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงคุณโดยวิธีใด: เพราะวันนั้นจะไม่มาเว้นแต่จะล้มลงก่อน” (Hē apostasia” – การละทิ้งความเชื่อ) ดร. เมอร์ริล เอฟอันเกอร์ กล่าวว่า “การละทิ้งความเชื่อก็เพื่อให้แสดงว่าผู้คนที่ละทิ้งพระเจ้าจะถูกสลายหายไปอย่างสิ้นเชิง - การละทิ้งความเชื่อของคนทั้งหมดในคริสต์ศาสนจักร” (Biblical Demonology, p. 207) เราเองก็จะหลงหายไปหรือเปล่า หากเราไม่ยืนหยัดในพระวจนะอย่างแท้จริง? “โดยไม่ยกเลิกการร่วมประชุมซึ่งกันและกันของพวกเรา ตามแบบของบางคน แต่จงเตือนสติซึ่งกันและกัน และให้มากยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อพวกท่านเห็นวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว” (ฮีบรู 10:25) ดร. ดับบริล คริสเวลล์ พูดถึงข้อนี้ว่า “ผู้เขียนฮีบรูกล่าวว่าการรวมตัวกันจะมีมากขึ้น…เมื่อวันของพระคริสต์ใกล้เข้ามา…ความสำคัญของคริสตจักรท้องถิ่น และความซื่อสัตย์ของคริสเตียนทุกคน” (The Criswell Study Bible; อ้างอิงจากพระธรรมฮีบรู 10:25) ผมเชื่อว่าคำพูดเหล่านี้มีความหมายตรงกับสิ่งที่เกิดในทุกวันนี้มาก เราเห็นถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ว่าใกล้เข้ามาแล้ว แต่พวกอีเวนเจลิคอล์ใหม่กกลับไม่เชื่อพระคัมภีร์ข้อนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเรื่องที่เราต้องผ่านความยากลำบากครั้งใหญ่ ซาตานเองก็รู้ว่ามันต้องการแยกคนที่อ่อนแอตามคริสตจักรท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่อให้พวกเขายอมจำนนต่อมันและหันมาต่อต้านพระคริสต์อย่างเต็มรูปแบบ ผมเสียใจมากที่ผู้ชายอย่าง เดวิด เยเรมีห์ ไม่ได้เน้นการเข้าโบสถ์ประจำอย่างที่พวกเขาเคยทำมาก่อน ดร. เยเรมีย์ล้มเหลวในการบอกสมาชิกของเขาถึงวิธีเตรียมพร้อมสำหรับความยากลำบากครั้งใหญ่ที่จะมาถึง ตอนนี้ให้เปิดไปที่พระธรรม 24:6-8 “ท่านทั้งหลายจะได้ยินถึงเรื่องสงครามและข่าวลือเรื่องสงคราม คอยระวังอย่าตื่นตระหนกเลย ด้วยว่าบรรดาสิ่งเหล่านี้จำต้องบังเกิดขึ้น แต่ที่สุดปลายยังไม่มาถึง เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดการกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก” (มัทธิว 24:7, 8) “สุดปลายยังไม่มาถึง” (24:6) “เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดการกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก” (มัทธิว 24:7, 8) “เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก” (24:8) ผมเห็นด้วยกับ ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ ที่กล่าวใน 24:9 ว่าเป็นการกล่าวถึงความยากลำบากที่กำลังจะมาถึง ดร. เอ ดับบริล โทเซอร์ กล่าวว่า “แน่นอนวันนั้นคือวันแห่งความชั่วและมากขึ้นเรื่อย ๆ (เพิ่มทวี) ที่คริสเตียนที่แท้จะทราบ และพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปเพื่อที่จะเผชิญกับมัน” (“Of God and Men,” หน้า 131) กรุณายืนปมจะอ่านมัทธิว 24:7-14, หน้า 1033 “เพราะประชาชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ประชาชาติ ราชอาณาจักรต่อสู้ราชอาณาจักร ทั้งจะเกิดการกันดารอาหารและโรคระบาดอย่างร้ายแรงและแผ่นดินไหวในที่ต่าง ๆ เหตุการณ์ทั้งปวงนี้เป็นขั้นแรกแห่งความทุกข์ลำบาก ในเวลานั้นเขาจะมอบท่านทั้งหลายไว้ให้ทนทุกข์ลำบากและจะฆ่าท่านเสีย และประชาชาติต่าง ๆ จะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา คราวนั้นคนเป็นอันมากจะถดถอยไปและทรยศกันและกัน ทั้งจะเกลียดชังซึ่งกันและกัน จะมีผู้พยากรณ์เท็จหลายคนเกิดขึ้นและล่อลวงคนเป็นอันมากให้หลงไป ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่ขยายออกไป แต่ผู้ใดที่อดทนได้จนถึงที่สุด ผู้นั้นจะรอดพ้นได้ ข่าวประเสริฐเรื่องอาณาจักรนี้จะประกาศไปทั่วโลกให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง” (มัทธิว 24:7-14) ตอนนี้ผผมต้องบอกพวกคุณว่า ผมไม่เชื่อเรื่องความยากลำบากใหญ่ก่อนถูกนำขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว ผมเชื่อว่าการถูกนำไปพบกับพระคริสต์บนท้องฟ้ามาก่อนที่ความโกรธของพระเจ้าจะถูกเทออกมา โดยทั่วไปแล้วผมเชื่อในพระพิโรธก่อนถูกนำขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนที่มาร์วิน โรเซนธาล พูดถึงในหนังสือของเขาที่ชื่อ The Pre-Wrath Rapture of the Church (Thomas Nelson Publications, 1990) กรุณาอย่าตัดสินหนังสือของโรเซนธาลก่อนที่คุณจะอ่านมันก่อน มาร์วิน เจ. โรเซนธาล ก็เป็นเหมือนกับผมที่เชื่อเรื่องความทุกข์ครั้งใหญ่ก่อนถูกนำสู่ท้องฟ้า ท่าน โรเซนธาล สอนในหนังสือของเขาว่า การถูกนำสู่ท้องฟ้าจะไม่มาถึงก่อนจานแห่งการพิพากษางในวิวรณ์ 16 ดังนั้น ผมเชื่อการนำสู่ท้องฟ้า แต่ผมไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจนกว่าจะถึงก่อนการพิพากษาตามที่มีการเปิดเผยในวิวรณ์ 16 นี่ไม่ใช่บาป แต่เป็นสิ่งที่พระคัมภีร์พยากรณ์ไว้ นักประกาศข่าวประเสริฐ์ชาวจีนผู้ยิ่งใหญ่อย่าง จอห์น ซัง ก็เชื่อในสิ่งนี้ ดร. ทิโมธี หลิน อาจารย์และศิษยาภิบาลของผมเป็นเวลา 24 ปี ดร. คริสโตเฟอร์ เอล คาเกล ก็เชื่อเช่นนี้ โรเซนธาลถูกหรือไม่? ผมคิดว่าเขาใกล้กับความถูกต้อง ก่อนที่คุณจะปฏิเสธโรเซนธาลคุณควรอ่านและศึกษาบทที่สิบหกในหนังสือของเขา “การเสด็จมาและอวสาน” จุดประสงค์ของผมในคำเทศนานี้แสดงให้เห็นว่าหากเรา “คริสเตียน” ไม่สามารถยืนอยู่ภายใต้ “โรคระบาด” ก่อนยุคแห่งความทุกข์ลำบากคใหญ่ พวกเขาจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไรได้ในช่วงระหว่างความยากลำบากครั้งใหญ่? “ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่มีต่อไปอีกเลย และถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใด ๆ รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ที่เลือกสรรไว้ จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า” (มัทธิว 24:21, 22) พระธรรมข้อเหล่านี้แสดง “การทนทุกข์ครั้งใหญ่ หรือ Great Tribulation” ดร. เจ. เวอร์นอน แมคกี กล่าวว่า “เราอ่านในหนังสือวิวรณ์ที่กล่าวถึงช่วงเวลาแห่งความยากลำบากครั้งใหญ่ นั้น หนึ่งในสามของประชากรโลกจะถูกทำลาย…ในช่วงเวลานั้นจะถูกทำลาย มีบางครั้งสิ่งนี้ดูเหมือนจะเป็นการพูดเกินจริง อย่างไรก็ตามในตอนนี้หลายประเทศในโลกมีระเบิดปรมาณูซึ่งสามารถทำลายประชากรของโลกได้ดูเหมือนจะไม่เกินความจริงอีกต่อไป” (Thru the Bible; อ้างอิงจากมัทธิว 24:22) พระเยซูตรัสว่า “เหตุฉะนั้น เมื่อท่านทั้งหลายเห็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนซึ่งกระทำให้เกิดการรกร้างว่างเปล่า ที่ดานิเอลผู้พยากรณ์ได้กล่าวถึงนั้น ตั้งอยู่ในสถานที่บริสุทธิ์” (ผู้ใดก็ตามที่ได้อ่านก็ให้ผู้นั้นเข้าใจเอาเถิด:)” (มัทธิว 24:15) ดร. แมคกี้ กล่าวว่า “พระเยซูของเราตรัสถึง…ภาพของกลุ่มต่อต้านพระองค์ (ดูดาเนียล 12:11) ซึ่งจะถูกจัดขึ้นในพระวิหาร [สร้างใหม่]” “ด้วยว่าในคราวนั้นจะเกิดความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง อย่างที่ไม่เคยมีตั้งแต่เริ่มโลกมาจนถึงเวลานี้ และจะไม่มีต่อไปอีกเลย และถ้ามิได้ทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า จะไม่มีเนื้อหนังใด ๆ รอดได้เลย แต่เพราะทรงเห็นแก่ผู้ที่เลือกสรรไว้ จึงทรงให้วันเหล่านั้นย่นสั้นเข้า” (มัทธิว 24:21, 22) ดร. แมคกี้ กล่าวว่า “พระเจ้าจะไม่ยอมให้มนุษย์ฆ่าตัวตาย นี่คือเหตุผลว่านี่จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ” (McGee, ibid., อ้างอิงจากมัทธิว 24:22) โปรดสังเกตว่าคริสเตียนที่ “ได้รับการทรงเลือก” จะยังคงอยู่ที่นี่ ดังที่ มาร์วิน เจ โรเซนทอล์ กล่าวไว้ในหนังสือของเขา The Pre-Wrath Rapture of the Church ตอนนี้ให้เปิดพระคัมภีร์ไปที่ 2 เธสะโลนิกา 2:3 “อย่าให้ผู้หนึ่งผู้ใดล่อลวงพวกท่านโดยทางหนึ่งทางใดเลย เพราะว่าวันนั้นจะไม่มาถึง ยกเว้นจะมีการจากไปเสียก่อน” (2 เธสะโลนิกา 2:3) “ยกเว้นจะมีการจากไปเสียก่อน” (ฉับบแปลใหม่) นักเทศน์ผู้ได้ละทิ้งความหลายคนในทุกวันนี้เหมือน กรินตัน และ วอล์ดรีป ลืมเกี่ยวกับคำเตือนที่กล่าวไว้ในทิโมธี 4: 1, 2. เปิดไปที่ 1 ทิโมธี 4: 1, 2 “บัดนี้ พระวิญญาณตรัสอย่างชัดแจ้งว่า ในกาลภายหลังบางคนจะออกไปจากความเชื่อนั้น โดยตั้งใจฟังพวกวิญญาณที่ล่อหลอก และบรรดาหลักคำสอนของพวกผีปีศาจ โดยพูดคำโกหกต่าง ๆ ในความหน้าซื่อใจคด โดยใจวินิจฉัยผิดและชอบของพวกเขาถูกนาบลงด้วยเหล็กที่ร้อนจัด” (1 ทิโมธี 4:1,2) เมื่อพวกเขาลืมเรื่องคำพยากรณ์นี้พวกเขากลับไปให้ความสนใจกับ “วิญญาณที่ล่อลวงและหลักคำสอนของมาร (วิญญาณชั่ว) การพูดแบบคนหน้าซื่อใจคด เพราะความรู้สึกผิดชอบชั่วช้าของเขาก็เหี่ยวแห้งไปด้วยเหล็กร้อน” นั่นคือเหตุผลที่ผู้ชายที่ชอบแยกคริสตจักร ทำไม? เพราะพวกเขา “ให้ความสำคัญกับหลักคำสอนของมาร” นี่คือเหตุผลว่าทำไม! นี่คือคุณลักษณะหลายอย่างของ “ผู้นำ” ที่สร้างความแตกแยกในคริสตจักร ดร. รอย แบรนสัน กล่าวเอาไว้ในหนังสือของเขา, Church Split (หน้า 29-31) 1. พวกเขาเป็นคนรักตัวเอง พวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับว่าใครก็ตามแม้แต่ศิษยาภิบาลก็ห้ามฉลาดกว่าพวกเขา 2. พวกเขาเห็นแก่ตัว พวกเขาต้องการหนทางของตัวเองเท่านั้น ไม่ว่าใครหรืออะไรก็ตามจะได้รับผลกระทบ 3. พวกเขาจะไม่ยอมรับเมื่อพวกเขาทำผิด นั่นคือเครื่องหมายอีกประการของคนเห็นแก่ตัว 4. พวกเขาแสวงหาแต่เรื่องได้รับเกียรติและถูกยกยอ 5. พวกเขาไม่ยอมใคร ไม่มีการสอนใดในพระคัมภีร์ที่ชัดเจนไปกว่าอำนาจของศิษยาภิบาลและคำตักเตือนที่จะต้องเชื่อฟังและทำตาม พวกเขาบอกว่าพวกเขาภักดีต่อพระคริสต์ พวกเขาบอกว่าศิษยาภิบาลเป็นจอมเผด็จการที่โหดร้าย 6. พวกเขาหลอกลวง พวกเขาแกล้งทำเป็นว่าห่วงใยคริสตจักร แต่ความจริงก็คือบ้าอำนาจและตำแหน่งเท่านั้น 7. พวกเขาใช้คำพูดไปในทางที่ผิด ๆ “ฉันรักศิษยาภิบาล แต่…” จากนั้นพวกเขาก็ต่อต้านโจมตีศิษยาภิบาล 8. พวกเขาใส่ร้ายศิษยาภิบาลหรือใช้เจตนาที่จะเบี่ยงเบงคำพูดของท่าน 9. พวกเขาใช้แรงจูงใจไปในทางที่ผิด และตรงกันข้ามกับทุกสิ่งที่ศิษยาภิบาลทำ 10. พวกเขาไม่ยอมรับการคำสั่งสอน พวกเขา "ปรับเปลี่ยน" สิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวเอาไว้ 11. พวกเขาชักชวนผู้อื่นโดยร้องเรียนให้ต่อต้านศิษยาภิบาล ดังนั้นพวกเขาจึงคัดเลือกคนที่จะหนีตามพวกเขาเพื่อแยกคริสตจักร คุณลักษณะทั้งหมดเหล่านี้ปรากฏขึ้นระหว่างการแบ่งแยกคริสตจักรภายใต้การนำโดย กรีนตัน และ วอล์ดรีป ผมไม่สามารถยืนขึ้นในขณะที่ผมเทศนา กรีนตันไม่พอใจกับผมที่ทำเช่นนี้ เขาเป็นคนค่อนข้างขี้อาย แต่เขาโกรธผมเพราะไม่ยอมให้เขาเป็นนักเทศน์หลักในคริสตจักร เขาพูดซ้ำไปซ้ำมาว่าเขาไม่ได้โกรธ เขายังเขียนบอก ดร. คาเกน ว่าเขาไม่จำเป็นต้องสอนให้คน “พอใจ” ผมเองก็ไม่ยอมให้เขาเทศนาเพราะเขาไม่มีของประทานในด้านนี้ เขาบอกว่าเขาเห็นด้วยกับผม แต่เขาโกหกที่พูดอย่างนั้น เช่นเดียวกับชายหนุ่มหลายคนที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพ่อของพวกเขา ดังนั้นตอนผมป่วย เขาจึงกบฏพ่อของเขากับผม แต่เขาแอบทำอย่างนี้ แทนที่จะพูดกับผมตรงๆ เขากลับนับประชุม “ลับ” กับนักเทศน์อีกคนคือ จอห์น จอห์น วอล์ดรีป จากนั้น กรีนตัน ก็เริ่มปล่อยข่าวให้คนอื่น ๆ ในคริสตจักรให้คนเหล่านั้นรู้ว่าเขาไม่เห็นด้วยกับผม แต่เขาไม่เคยบอกผมเกี่ยวกับสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วยนั้นว่าคืออะไร เวลาที่ผมมารู้เกี่ยวกับการกบฏของกรีนตันมันก็สายเกินแก้ เขาเอาคนหนุ่มสาวของเราออกสองในสามและเริ่มตั้ง “คริสตจักร” ของตัวเองกับคนเหล่านั้น ที่เหลือคือ 35 คนเท่านั้น ช่วงเวลาที่คริสตจักรแตกแยกนั้น ผมอายุเกือบ 80 ปีและป่วยและก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าจะเป็นเช่านี้ อย่างก็ตามผมก็รู้ว่าพระเจ้าจะยังคงทรงสถิตกับผม ดังนั้นผมจึงไม่ต้องกังวลอะไรมากมาย หนึ่งในมัคนายกคนหนึ่งพยายามที่จะต่อสู้ผม ส่วนอีกคนก็นำภาพลามกอนาจารของตัวเองกับผู้หญิงลงในเว็บไซต์ของเขา ผู้นำอีกคนบอกว่าผมเป็นคนต่อต้านคนผิวดำในคริสตจักรของเรา ผู้นำอีกคนหนึ่งบ่นว่าฉันหยุดเทศนาบนท้องถนนเพราะถูกโจมตีโดยกลุ่ม LGBTQS ผู้ซึ่งไม่ได้รับความช่วยเหลือ เมื่อทุกสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ผมเองก็ลาออกในฐานะศิษยาภิบาล และดร. คาเกนก็ถูกแต่งตั้งให้เป็นศิษยาภิบาล ลูกชายของเขาซึ่งผมเองปลูกปั้มให้เป็นศิษยาภิบาลคนต่อไปก็จากเราไปแม้ว่าผมจะถือว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม จากนั้นเชื้อโรคโคโรนาก็จะโจมตี! ดังนั้นเราจึงย้ายออกจากอาคารโบสถ์เก่าและเริ่มการประชุมนมัสการในบ้าน ผมเองก็เหมือนะศิษยาภิบาลอีเมอริตัสที่เทศนาทุกวันอาทิตย์ผ่านทีวีในบ้าน เราซื้ออาคารโบสถ์ใหม่ในย่านชานเมืองของลอสแองเจลิส ผมให้คำปรึกษาแก่ชายหนุ่มชาวจีนเพื่อรับช่วงต่อจากผม ในยามที่ผมไม่สามารถประกาศได้อีกต่อไป ผมถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องชอบเทศนาเกี่ยวกับวิญญาณชั่วและการแตกแยกคริสตจักร แต่ผมมีผู้ชมจำนวนมากมายรวมถึงนักเทศน์ใน “โลกที่สาม” ที่อ่านคำเทศนาของผมใน 43 ภาษาทั่วโลก เนื่องจากการแตกแยกคริสตจักรกำลังเกิดขึ้นใน "โลกที่สาม" เช่นเดียวกับในอเมริกา ผมรู้สึกว่าการเทศนาเหล่านี้จะช่วยพวกเขาและเราด้วย ผมรู้สึกว่าพระเจ้าต้องการให้ผมพูดเรื่องนี้ตอนเราเริ่มคริสตจักรจีนใหม่ ผมรู้สึกดีใจมากที่พระเจ้าทรงเรียกผมให้เป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐให้กับคนจีนตอนอายุ 19 ปี ผ่านมากว่า 60 ปีแล้ว ตอนนี้ผมยังคงทำในสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้ฉันทำเมื่อหลายปีก่อน ผมยังคงเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐโดยพระคุณของพระเจ้า นานมาแล้วที่ผมเลิกคิดว่าจะเป็นอย่างอื่น! นี่คือบทกวีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ จอห์นเวสลีย์ผู้ ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ในวารสารของเขา แกว่งไปแกว่งมาเล็ก ๆ น้อย ๆ ผมก่อตั้งคริสตจักรหลายแห่ง “ตั้งแต่เริ่มแรก” การเทศนาในระยะเวลา 62 ปีของผม ผมแน่ใจว่าพระเจ้าจะช่วยให้ ดร. คาเกนและผมเริ่มต้นใหม่อีกครั้งได้ แม้ว่ามันจะไม่ง่ายเลย พวกเราคือพระคุณของพระเจ้าที่จะเริ่มต้นคริสตจักรใหม่นี้ในท่ามกลางลัทธิแอนตีโนเมียนแห่งการประกาศข่าวประเสริฐใหม่ในยุคสุดท้าย มันจะทำให้คุณต้องเป็นคนที่นับถือนิกายฟันดาเมนทัลลิสท์ มันจะทำให้คุณต้องลำบากมาก ๆ กับสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นโคโรนาไวรัส แต่ก็จะไม่หยุดคุณจากการที่คุณจะทำเพื่อพระเยซูคริสต์อย่าง ดร. ทิโมธี หลิน และอาจารย์ ริชาร์ด เวิร์มเบรนด์ จำไว้ว่า “เราต้องผ่านความยากลำบากมากมายเพื่อที่จะเข้าไปอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า” (กิจการ 14:22) ฉันกำลังไปในทิศทางที่สูงขึ้น ใหม่และสูงขึ้นทุกวัน ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ |