เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
เปโตรกลายเป็นสาวกได้อย่างไรHOW PETER BECAME A DISCIPLE เขียนบทเทศน์โดย ดร. คริสโตเฟอร์ เอล คาแกน “คนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูด และได้ติดตามพระองค์ไปนั้น คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า “เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว” ซึ่งแปลว่าพระคริสต์ อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู และเมื่อพระเยซูทรงทอดพระเนตรเขาแล้วจึงตรัสว่าท่านคือซีโมนบุตรชายโยนาห์ เขาจะเรียกท่านว่าเคฟาส ซึ่งแปลว่าศิลา” (ยอห์น 1:40-42; หน้า 1116 Scofield). |
นี่เป็นครั้งแรกที่เปโตรได้พบกับพระเยซู ชื่อเดิมของเขาคือไซมอน พระเยซูทรงตั้งชื่อใหม่ให้เขาว่า “เปโตร” ซึ่งแปลว่า “หิน” แอนดรูว์คือพี่ชายของเขา เปโตรเป็นชาวประมง แอนดรูว์กับเปโตรอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากทะเลกาลิลีซึ่งอาชีพของพวกเขาคือจับปลา อาชีพนี้สมัยนั้นเป็นเรื่องยากเนื่องจากการตกปลาเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องทำงานหนัก เปโตรแต่งงานแล้ว เพราะพระเยซูเคยรักษาแม่ยายของเขา เปโตรอายุประมาณ 30 ปีตอนที่เขาได้มาพบกับพระเยซู ในบรรดาสาวกนั้นเขาเป็นคนที่แก่ที่สุด ชาวประมงในทะเลกาลิลีเป็นคนที่แกร่ง การจับปลาเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกลัวเพราะพายุที่รุนแรงมักเกิดขึ้นในทะเลกาลิลีแบบทันทีทันใด พายุเหล่านั้นสามารถทำให้เรือลำเล็กจมน้ำได้ เปโตรไม่ใช่พวกฟาริสี แต่เขาเป็นคนยิวบางครั้งเขาก็ไปที่โบสถ์ เขาไม่ได้เป็นนิกายออร์โธดอกซ์ที่เคร่งครัดเช่นพวกฟาริสี แต่เขาแตกต่างจากชาวประมงอื่น ๆ เปโตรรู้ในใจของเขาว่าเขาเป็นคนบาป หลังจากนั้นเขาก็พูดกับพระเยซูว่า “ออกไปจากข้าพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาป” (ลูกา 5: 8; หน้า 1078) ดังนั้นเปโตรจึงไม่ได้เป็นคนที่เคร่งศาสนาหรือเป็นคริสเตียนที่ดี เขามีนิสัยที่แข็งกระด้าน เขาเป็นชาวประมงที่ลำบาก เขาไม่เหมือน "คนในคริสตจักร" ที่ได้รับการฝึกฝน เขาใช้ภาษาที่ไม่สุภาพและมีอารมณ์ฉุนเฉียวง่าย เขาเป็นคนบาปที่ทำผิดพลาดมากมาย + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ตอนนี้ลองคิดถึงบุคคลที่คุณพยายามที่จะนำมาพบกับพระคริสต์ เช่นเดียวกับเปโตรเขาไม่ได้เป็น "คนในคริสตจักร" ที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจึงมานมัสการในคริสตจักร เขาได้แต่คิดว่าเป็นเรื่องถูกต้องที่จะใช้เวลาเล่นวิดีโอเกมเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือออกไปเที่ยวกับเพื่อนที่ไม่เชื่อ ทุกคนที่เขารู้ก็เป็นเหมือนเขา เขาเป็นคนบาป เขามีความคิดที่ผิด เขามีปัญหา คุณจะไม่สามารถนำเขามาพบกับพระคริสต์แบบขัดแย้งกับเขา บอกเขาเกี่ยวกับพระเยซูแทน บอกเขาว่าพระเยซูทำอะไรให้คุณ เป็นมิตรกับเขา จะต้องใช้ความรอบคอบเพื่อนำเขาไปกับคุณที่โบสถ์ เปโตรไม่ได้รับการฝึกฝนและหลงไหลกับวิถีชีวิตแบบชาวโลก แอนดรูว์พี่ชายของเขาแนะนำเขาถึงพระเยซู “ก่อนอื่นเขาพบไซมอนพี่ชายของเขาเอง [เปโตร] แล้วพูดกับเขาว่าเราได้พบพระเมสสิยาห์ [มาซีฮา] ซึ่งแปลว่าพระคริสต์” (ยอห์น 1:41; หน้า 1116) เปโตรไม่ได้เป็นสาวกในตอนแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซู สิ่งนี้สำคัญมาก ในบทความเกี่ยวกับ "การตัดสินใจ" ดร. เอดับบลิว โทเซอร์ เขียนไว้ชัดเจนว่าการบังคับให้คนพูดตาม "คำอธิษฐานของคนบาป" ไม่สามารถสร้างคริสเตียนให้เป็นสาวกที่แท้จริงได้ เปโตรไม่ได้ "ตัดสินใจ" ครั้งแรกที่เขาได้ยินเกี่ยวกับพระเยซู ใช่เปโตรสนใจ เขาต้องการที่จะได้ยินมากขึ้น แต่มันก็ไม่ได้จนกว่าต่อมาหลังจากยอห์นผู้ให้บัพติสมาถูกจับกุม เปโตรถึงได้ตัดสินใจติดตามพระเยซูในฐานะสาวก “ครั้นยอห์นถูกขังไว้ในคุกแล้ว พระเยซูได้เสด็จมายังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศข่าวประเสริฐแห่งอาณาจักรของพระเจ้า และตรัสว่า เวลากำหนดมาถึงแล้ว และอาณาจักรของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว ท่านทั้งหลายจงกลับใจเสียใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐเถิด ขณะที่พระองค์เสด็จไปตามชายทะเลกาลิลี พระองค์ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นซีโมนและอันดรูว์น้องชายของซีโมน กำลังทอดอวนอยู่ที่ทะเล ด้วยว่าเขาเป็นชาวประมง พระเยซูตรัสกับเขาว่า ท่านจงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดังหาปลา เขาก็ละอวนตามพระองค์ไปทันที” (มาระโก 1:14-18; หน้า 1046) แต่ละคนที่คุณกำลังพยายามนำมาพบกับพระคริสต์ - ในบางจุดจะตัดสินใจว่าจะเป็นสาวกของพระคริสต์หรือไม่ นี่คือการต่อสู้ นี่คือการต่อสู้ ยังไม่พอแค่พาเขามาโบสถ์กับคุณสองสามสัปดาห์หรือหลายเดือนยังไม่พอ มันคือการต่อสู้อย่างต่อเนื่องที่สามารถดำเนินต่อไปเป็นเดือนหรือเป็นปี ไม่ทราบว่านี่คือสิ่งที่ทำให้ กรีนตัน ชาน เป็นนักประกาศที่มีประสิทธิภาพ เขาก็เป็นคนหนึ่งที่เหมือนกับผู้ตัดสินใจจำนวนมากที่คิดว่าพวกเขาอยู่ "ใน" เมื่อพวกเขาเข้าใจ "ข้อเท็จจริง" ของพระกิตติคุณ แต่ผู้ใช้หลักการตัดสินใจนิยมอย่าง ชาน และ วอร์ดรีป นั้นกลับปล่อยให้ผู้เชื่อใหม่ “ไป” เร็วเกินไป พวกเขาไม่ทราบว่าการนำดวงวิญญาณที่แท้จริงคือการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง นั่นคือเหตุผลที่การชนะวิญญาณที่แท้จริงนั้นต้องอาศัยสติปัญญา: “ผู้นำดวงวิญญาณที่ฉลาด” (สุภาษิต 11:30; หน้า 680) ข้อนั้นสามารถแปลได้ว่า “ผู้ที่ฉลาดย่อมชนะวิญญาณ” ดร. เอ. ดับบลิวดับเบิลยูโทเซอร์กล่าวอย่างชาญฉลาด “ด้วยการพยายามผลักดันความรอดทั้งหมดให้เป็นประสบการณ์หนึ่งในสองสิ่งผู้สนับสนุนศาสนาคริสต์ในทันทีก็อวดกฎแห่งการพัฒนาที่ไหลผ่านธรรมชาติทั้งหมด พวกเขาเพิกเฉยต่อผลของการชำระบาปการแบกกางเขนและการเชื่อฟังในทางปฏิบัติ พวกเขาผ่านความต้องการการฝึกอบรมทางวิญญาณความจำเป็นในการสร้างนิสัยทางศาสนาที่ถูกต้องและความจำเป็นในการต่อสู้กับโลกมารและเนื้อหนัง” (The Inadequacy of ‘Instant Christianity’) เปโตรถูกทดสอบในช่วง “คริสตจักรแตกแยก” อีกส่วนหนึ่งหนีออกจากคริสตจักร เปโตรตัดสินใจที่จะไม่ออก เขาตัดสินใจที่จะไม่ไปกับคนอื่น “ตั้งแต่นั้นมาสาวกของพระองค์หลายคนก็ท้อถอยไม่ติดตามพระองค์อีกต่อไป พระเยซูตรัสกับสิบสองคนนั้นว่า ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือซีโมนเปโตรทูลตอบพระองค์ว่า พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์และข้าพระองค์ทั้งหลายก็เชื่อและแน่ใจแล้วว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงดำรงพระชนม์” (ยอห์น 6:66-69; หน้า 1124) พระเยซูตรัสกับสาวกสิบสองคนว่า " “ท่านทั้งหลายก็จะจากเราไปด้วยหรือ” ซีโมนเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า พวกข้าพระองค์จะจากไปหาผู้ใดเล่า พระองค์มีถ้อยคำซึ่งให้มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 6:67, 68) สองสิ่งนี้มีความสำคัญในข้อนี้ 1. คนที่เหลือไม่เคยได้ยินอีกเลย! ในช่วงเวลา 61 ปีที่ผ่านมา ผมพบว่าผู้ที่ออกจากคริสตจักรจะไม่เคยกลายเป็นสาวกที่เข้มแข็ง ผมไม่เคยเห็นว่าจะมีใครที่ทำได้! 2. ถ้าเปโตรไปกับกลุ่มที่ “แตกแยก” เขาอาจจะไม่มีวันกลับใจใหม่ได้ “เขาเหล่านั้นได้ออกไปจากพวกเรา แต่เขาเหล่านั้นก็ไม่ใช่พวกเรา เพราะว่าถ้าเขาเป็นพวกของเรา เขาจะอยู่กับเราต่อไป แต่เขาได้ออกไปแล้ว ซึ่งก็เป็นที่ปรากฏชัดแล้วว่า เขาเหล่านั้นหาใช่พวกของเราทุกคนไม่” (1 ยอห์น 2:19; หน้า 1322) “คือว่า พวกอัครสาวกนั้นได้บอกท่านทั้งหลายว่า ในสมัยสุดท้ายจะมีคนเยาะเย้ยบังเกิดขึ้น เขาเป็นคนที่ดำเนินตามตัณหาอันชั่วของตัวคนเหล่านี้คือคนที่แยกตัวออกมาและประพฤติตัวตามโลกียวิสัย และปราศจากพระวิญญาณ” (ยูดาห์ 18, 19; หน้า 1329) ผู้ที่ออกไปแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคริสเตียนหรือสาวกที่แท้จริงได้ การเป็นสาวกการกลับใจที่แท้จริง นั้นมันมากกว่าเพียงแค่การจดจำข้อพระคัมภีร์สองข้อหรือเชื่อหลักคำสอนสองสามข้อ การเป็นสาวกรวมถึงการตัดสินใจที่จะอยู่ และไม่มีความรู้สึกที่จะออกไปเพราะไม่มีอะไรที่คุ้มค่า "ออกไปที่นั่น" เปโตรเห็นสิ่งนี้ - แต่เขายังไม่กลับใจใหม่! ผมคิดว่าคุณจะเห็นได้ว่าการชนะจิตวิญญาณเป็นงานใหญ่! มันไม่ได้แค่เรียกชื่อหรือให้ใครบางคนท่องตามคำอธิษฐานเท่านั้น มันคือการต่อสู้ที่มีชีวิตเพื่อจิตวิญญาณของบุคคลที่มีชีวิต! การกลับใจใหม่ และการเป็นสาวกที่แท้จรองนั้น มันมากกว่าเพียงแค่แสดงว่าพระเยซูคือใคร! “พระองค์ตรัสถามเขาว่า แล้วพวกท่านเล่าว่าเราเป็นผู้ใด? ซีโมนเปโตรทูลตอบว่า พระองค์ทรงเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเยซูตรัสตอบเขาว่า ซีโมนบุตรโยนาเอ๋ย ท่านก็เป็นสุข เพราะว่าเนื้อหนังและโลหิตมิได้แจ้งความนี้แก่ท่าน แต่พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงแจ้งให้ทราบ” (มัทธิว 16:15-17; หน้า 1021) พระเจ้าพระบิดาทรงสำแดง (แสดง) ว่าพระเยซูคือใครต่อเปโตร พระเจ้าแสดงให้เปโตรเห็นว่าพระเยซูทรงเป็นใครจริง ๆ แต่เปโตรยังไม่กลับใจใหม่!!! หลายคนคิดว่าเขากลับใจใหม่แล้ว แต่พวกเขาคิดผิด! ทันทีหลังจากที่ยอห์นแสดงให้เปโตรว่าพระเยซูทรงเป็นใคร - จากนั้นเปโตรก็เริ่มปฏิเสธพระกิตติคุณ!!! “ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่และพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ จนต้องถูกประหารเสีย แต่ในวันที่สามจะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่ ฝ่ายเปโตรเอามือจับพระองค์ เริ่มทูลท้วงพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ให้เหตุการณ์นั้นอยู่ห่างไกลจากพระองค์เถิด อย่าให้เป็นอย่างนั้นแก่พระองค์เลย พระองค์จึงหันพระพักตร์ตรัสกับเปโตรว่า “ซาตาน จงถอยไปข้างหลังเรา เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเรา เพราะเจ้ามิได้คิดตามพระดำริของพระเจ้า แต่ตามความคิดของมนุษย์”” (มัทธิว 16:21-23; หน้า 1022) เปโตรต่อต้านพระกิตติคุณ เขายังเคยห้ามพระเยซูตอนที่พระองค์ทรงตรัสว่าพระองค์จะไปที่กางเขนและฟื้นคืนพระชนม์จากความตาย เขาปฏิเสธพระกิตติคุณ! ดังนั้นคน ๆ หนึ่งสามารถเป็นผู้ติดตามพระเยซูเป็นเวลาหลายปีและยังคงเขียนและต่อสู้ แน่นอน! เปโตรคุยโอ้อวดว่าเขาเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง คืนก่อนที่พระคริสต์จะถูกตรึงที่กางเขน เปโตรพูดกับพระองค์ว่า ““ถึงแม้ข้าพระองค์จะต้องตายกับพระองค์ ข้าพระองค์ก็จะไม่ปฏิเสธพระองค์เลย” (มัทธิว 26:35; หน้า 1038) แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเปโตรก็ปฏิเสธพระเยซูถึงสามครั้ง! เปโตรยังไม่ได้บังเกิดใหม่! เขาวิ่งหนีจากพระเยซูตอนพระองค์ถูกจับในเกทเสมนี เขาปฏิเสธพระคริสต์สามครั้ง เปโตรเป็นสาวกกับคนอื่น - แต่การต่อสู้ของเขายังไม่จบ เขายังไม่บังเกิดใหม่ เขายังไม่ได้ "เข้า" ถึงแก่นแท้เลย! ไม่จนกระทั่งพระเยซูทรงฟื้นคืนจากความตาย และในที่สุดเปโตรก็กลับใจใหม่ ตามที่มีการบันทึกไว้ในยอห์น 20:22 “และเมื่อ [พระเยซู] ได้ตรัสอย่างนี้แล้ว พระองค์ได้เป่าลมใส่พวกเขา [เปโตร และคนอื่น ๆ] และตรัสให้กับพวกเขาว่า รับพระวิญญาณบริสทธิ์” (ยอห์น 20:19-22; หน้า 1144) นักวิจารณ์ จอห์น เอลลิคอตต์ บอกเราว่าอัครสาวกpอห์น “จำได้ว่าอิทธิพลของช่วงเวลาในชีวิตในอนาคตของพวกเขาคือการสร้างจิตวิญญาณใหม่โดยที่พวกเขาถูกเรียกให้ออกจากความตายสู่ชีวิต” (Ellicott’s Commentary on the Whole Bible) และแน่นอน ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี กล่าวว่านี่คือตอนที่เปโตรได้บังเกิดใหม่อีกครั้ง นั่นคือในคืนที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์! (ดู Thru the Bible ใน ยอห์น 20:22) นั่นคือตอนที่เปโตรได้วางใจในพระเยซูอย่างแน่นอนแล้ว ในไม่ช้าเขาก็กลายเป็นอัครสาวกผู้ประกาศที่ในวันเพนเทคอสต์ และมีสามพันคนได้รับความรอดในวันนั้น ต่อมาเขาก็เสียชีวิตเพื่อพระคริสต์แทนที่จะปฏิเสธพระองค์ แต่ก่อนหน้านั้นเปโตรต้องผ่านจุดเริ่มต้นที่ผิดพลาดล้มเหลวการดิ้นรนและความเข้าใจอย่างถ่องแท้ คุณเห็นไหมว่าการนำดวงจิตวิญญาณเป็นการต่อสู้ที่หนักหนาและจริงจัง? ไม่สามารถทำได้ด้วยโทรศัพท์หรือคำอธิษฐานของคนบาป แต่เป็นการต่อสู้เพื่อชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณทั้งชายและหญิง ต้องอาศัยคำอธิษฐานของคุณ ใช้ภูมิปัญญา ใช้ความพยายาม ใช้เวลา หากคุณชนะหนึ่งดวงวิญญาณต้องใช้ทั้งชีวิตของคุณ คุณทำไปมาก คุณทำได้ดีมาก ผมขออธิษฐานขอให้คุณทำงานได้ ดูเหมือนว่าถนนจะยาวเกินกว่าจะติดตามหรือไม่? มันดูยากและยาวเกินไปใช่ไหม พระเยซูตรัสว่า “ทางแคบซึ่งนำไปสู่ชีวิตและมีน้อยคนที่ค้นพบมัน” (มัทธิว 7:14; หน้า 1004) แต่สุดท้ายนี้ให้เรานำคำพูดสุดท้ายของเปโตรมากล่าวในบทเทศนานี้ และนี่เป็นคำพูดสุดท้ายของเปโตรก่อนที่จะถูกตรึงที่กางเขน “แต่ขอท่านทั้งหลายจงเจริญขึ้นในพระคุณ และในความรู้เกี่ยวกับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา สง่าราศีจงมีแด่พระองค์ทั้งในปัจจุบันนี้และตลอดไปเป็นนิตย์ เอเมน (2 เปโตร 3:18; หน้า 1320) ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ |