Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




พระวจนะและยุคแห่งการละทิ้งความเชื่อ

THE BIBLE AND TODAY’S APOSTASY!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอ์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

ที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทอร์เบอนาเคล เมือง ลอสแอนเจลิส
วันของพระเป็นเจ้าในตอนเย็น 6 มิถุนายน 2018
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, June 17, 2018


กรุณาเปิดพระคัมภีร์ของคุณไปที่ 2 ทิโมธีบทที่สาม ในหน้า 1280 ในพระคัมภีร์ฉบับ the Scofield Study Bible ตอนนี้ดูบทที่สองในพระคัมภีร์ของคุณ

ผมถือว่า 2 ทิโมธีบทที่สามและสี่เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดในพระคัมภีร์สำหรับเราในทุกวันนี้ 2 ทิโมธีเป็นเล่มสุดท้ายที่อาจารย์เปาโลเขียนไว้เป็นพระคัมภีร์ โดยเขียนในปี ค. ศ. 67 ตอนนั้นเปาโลถูกจับโดยจักรพรรดินีโรเพราะประกาศข่าวประเสริฐ เขาถูกล่ามโซ่อยู่ในเรือนจำที่เมมเมอร์ไทน์อยู่ไม่ไกลจากโคลีเซียม ผมและภรรยาก็เคยไปเยี่ยมคุกมึดนี้ เปาโลเขียนจดหมายฉบับนี้ที่นั่น จากนั้นเขาก็ถูกตัดศีรษะในไม่กี่เดือนหลังจากที่เขาเขียน 2 ทิโมธี ด้วยเหตุนี้ 2 ทิโมธีจึงถูกเขียนขึ้นเพื่อแสดงให้เราเห็นว่าจะมีชีวิตอยู่อย่างไรในฐานะคริสเตียนในช่วงเวลาแห่งการละทิ้งความเชื่อ - ช่วงเวลาแห่งความไม่เชื่อและการปฏิเสธพระคริสต์ ถูกเขียนขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งให้กับเราในช่วงเวลานี้! ศตวรรษที่ 20 และ 21 เป็นช่วงเวลาที่ไร้ศีลธรรมที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ดูบทที่ 3 ข้อ 1

“แต่จงเข้าใจข้อนี้ด้วย คือว่าในวันสุดท้ายนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุค” ( 2 ทิโมธี 3:1)

กรุณามองนักเขียนบางคนกล่าวว่า นี่คือช่วงเวลาทั้งหมดนับตั้งแต่การเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ของพระคริสต์ แต่ผมไม่เชื่ออย่างนั้น ดร. เจ. เวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า "พวกเรากำลังเคลื่อนเข้าสู่ยุคสุดท้าย... ผมเชื่อว่าตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความลำบาก ผมไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน แต่ผมมั่นใจว่าจะแย่ขึ้นเรื่อย ๆ" (McGee, Thru the Bible; note on II Timothy 3:1) ข้อที่สองและสามข้อถัดไปจะแสดงถึงภาพเวลาที่เราอาศัยอยู่ ดูข้อ 2 - 7

“เหตุว่าคนจะเป็นคนรักตัวเอง เป็นคนเห็นแก่เงิน เป็นคนอวดตัว เป็นคนจองหอง เป็นคนพูดหมิ่นประมาท เป็นคนไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา เป็นคนอกตัญญู เป็นคนไร้ศีลธรรมเป็นคนไม่มีความรักให้กันตามธรรมชาติ เป็นคนไม่ทำตามสัญญา เป็นคนหาความใส่เขา เป็นคนไม่มีสติรั้งใจ เป็นคนดุร้าย เป็นคนชังคนดี เป็นคนทรยศ เป็นคนมุทะลุ เป็นคนหัวสูง เป็นคนรักความสนุกสนานยิ่งกว่ารักพระเจ้า เขามีสภาพทางของพระเจ้าภายนอก แต่ฤทธิ์ของทางนั้นเขาปฏิเสธเสีย คนอย่างนี้ท่านจงผินหน้าหนีจากเขาเสียด้วย เพราะในบรรดาคนเหล่านั้น มีคนที่แอบไปตามบ้าน แล้วนำหญิงที่เบาปัญญาหนาด้วยบาปไปเป็นเชลย แล้วพากันหลงใหลไปด้วยตัณหาต่าง ๆ ถึงจะเรียนกันอยู่เสมอ แต่ก็ไม่อาจเรียนรู้ถึงความจริงเลย” ( 2 ทิโมธี 3:2-7)

ดูเหมือนรายชื่อของคนที่แยกจากคริสตจักรของเรา เมื่อนายโอลิเวียส ละทิ้งพวกเรา เหมือนเราอยู่ในยุคสุดท้าย! ตอนนี้ดูข้อ 12 และ 13

“แท้จริงทุกคนที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกกดขี่ข่มเหง แต่คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น ทั้งล่อลวงคนอื่น และก็ถูกคนอื่นล่อลวงด้วย” (2 ทิโมธี 3:12, 13)

ดูต่อไป

ข้อเหล่านี้อธิบายถึงโลกที่ปฎิเสธพระเจ้าในทุกวันนี้ ซึ่งเป็นโลกแห่งความชั่วร้ายและซาดิสต์ซึ่งหลายคนทำตัวเหมือนมนุษย์ป่าโลก "ทุกอย่างที่จะมีชีวิตอยู่อย่างซื่อตรง" [ชีวิตคริสเตียน] จะถูกข่มเหงในทางเดียวหรือ คนอื่น ๆ โลกดูถูกดูหมิ่นคริสเตียนที่ดี (ข้อ 3) เราจะเห็นทุกอย่างในทุกวันนี้ ชาวโลกกำลังข่มขู่คริสเตียนที่ยืนหยัดต่อสู้กับ "พวกมีพฤติกรรมผิดทางเพศ"" เพราะมันทำให้สมาชิกคริสจักรหลาย ๆ แห่งสูญเสียสมชาชิก เช่นแบ๊บติสต์ใต้สูญเสียสมาชิก 200,000 คน และคนเหล่านี้ต่างหนีออกจากคริสตจักรของพวกเขาเมื่อปีที่แล้ว ในปีนี้กลับมีมากขึ้นและเราต่าง "เต็มไปด้วยอันตราย" อันตรายเพราะ ชาวมุสลิมกำลังจะมาระเบิดแผ่นดินของเรา คนที่ใช้ยาเสพติดกำลังมีมากขึ้น ไม้กางเขนกำลังถูกฉีกขาด เด็ก ๆ ถูกห้ามไม่ให้อธิษฐานในโรงเรียน ทุกคนดูเหมือนจะเข้าใจว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นในประเทศและในโลกของเรา

คุณและมอยู่ในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความยากลำบากนี้ นักประกาศชาวอังกฤษ ลีโอนาร์ ดราเวนฮิลล์กล่าวว่า "นี่เป็นยุคสุดท้าย!" ไม่กี่วินาทีหลังจากที่ผมเขียนประโยคนั้น ผมได้ยินมาว่าผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมโจมตีกรุงปารีสในหลายแห่ง ชาวมุสลิมฆ่าคนอย่างเลือดเย็นกว่า 120 คน เพียงแค่ 24 ชั่วโมงก่อนโอบามากล่าวว่าเป็นฝีมือพวก "ISIS" เป็นเรื่องตลก! โอบามาเป็นประธานาธิบดีที่อ่อนแอที่สุดของอเมริกานับตั้งแต่จิมมี่คาร์เตอร์!

นี่เป็นช่วงที่น่ากลัว เป็นเวลาที่เลวร้าย คริสตจักรของเราเต็มไปด้วยผู้หลงหาย ศิษยาภิบาลหลายคนกลัวว่าจะมีคนออกจากโบสถ์ของพวกเขา จนพวกเขาไม่กล้าสอนพระกิตติคุณเพราะกลัวที่จะทำให้คนที่หลงหายบางคนโกรธ! พระคริสตธรรมของคุณเต็มไปด้วยศาสตราจารย์ที่สูบบุหรี่และบอกคุณว่าพระคัมภีร์เต็มไปด้วยคำโกหก คุณรู้ว่าพวกเขาทำ! คุณรู้ว่าผมถูก! คำตอบคืออะไร? เราควรทำอย่างไร อัครสาวกให้คำตอบในข้อ 14

“แต่ฝ่ายท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านเรียนรู้แล้ว และได้เชื่ออย่างมั่นคง ท่านก็รู้ว่าท่านได้เรียนมาจากผู้ใด” (2 ทิโมธี 3:14)

"แต่ฝ่ายท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านเรียนรู้แล้ว” จงไปที่คริสตจักรไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! ดร. ลี โรเวสัน (1909-2007) เป็นศิษยาภิบาลผู้ยิ่งใหญ่แห่งแบ๊บติสต์ คำขวัญของท่านคือ “สู่การเจริญเติบโต" - "เป็นคำขวัญที่ผมได้รับการสอนมานานกว่าหกสิบปีแล้ว" - "ความซื่อสัตย์ในการนมัสการ – เช้าวันอาทิตย์ และเย็นวันอาทิตย์และทุกคืนวันพุธ" (Lee Roberson, D.D., “Three to Thrive Statement,” The Man in Cell No. 1, Sword of the Lord Publishers, 1993, back cover)

อะไรคือข้อผิดพลาดที่นั่น? ไม่มีอะไรผิดพลาด! มาอยู่ที่คริสตจักรแทนไปร่วมงานเลี้ยงกับบรรดาผู้ปฏิเสธพระเจ้า! อยู่ที่คริสตจักรแทนที่จะไปที่ลาสเวกัสหรือไปยังเมืองที่ชั่วร้ายอย่างซานฟรานซิสโก! อยู่ที่นี่ทุกเช้าวันอาทิตย์ทุกคืนวันอาทิตย์และทุกคืนวันพุธ! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น! ไม่ว่าการละทิ้งความเชื่อจะมีมากขึ้น ""แต่ฝ่ายท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ท่านเรียนรู้แล้ว” ตอนนี้ดูข้อ 15

“และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันบริสุทธิ์ ซึ่งมีฤทธิ์สอนท่านให้ได้ปัญญาถึงความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์” ( 2 ทิโมธี 3:15)

ลองดูตามที่ ดร. แมคกี้ กล่าวเอาไว้

สิ่งเดียวที่โลกนี้ต่อต้านมากที่สุด คือพระคำองพระเจ้า [พระคัมภีร์] แต่นี่เป็นแหล่งเดียวที่จะเสริมสร้างลูกของพระเจ้าให้เติบโต

หากคุณไม่อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน คุณจะสับสนและกระวนกระวาย และหลงไปกับบุคคลที่ละทิ้งความในทุกวันนี้ ตอนนี้ดูข้อ 15

“และตั้งแต่เด็กมาแล้ว ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันบริสุทธิ์ ซึ่งมีฤทธิ์สอนท่านให้ได้ปัญญาถึงความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์” ( 2 ทิโมธี 3:15)

ดร. แมคกี้ กล่าวว่า

พระคัมภีร์ไม่ใช่เพียง แต่ช่วยให้เรา [ทาง] รอดพ้น แต่มันช่วยเราเอาชนะโลกแห่งความชั่วร้ายอย่างปัจจุบันนี้ ... นั่นคือการต่อสู้ของผมจำเป็นต้องศึกษาพระวจนะของพระเจ้าอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็น [คำตอบ] มันสามารถทำให้เรา "ฉลาดไปสู่ความรอดโดยความเชื่อในพระเยซูคริสต์" และ ... มันทำให้เราฉลาดรู้ว่าจะอยู่ที่นี่ (ในโลกแห่งความชั่วร้ายนี้อย่างไร)

ทำไมเราควรอ่านพระคัมภีร์และเชื่อฟัง? เป็นเพราะพระคัมภีร์ไม่เหมือนกับหนังสืออื่น ดูข้อ 16,

“พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี การอบรมในเรื่องความชอบธรรม” (2 ทิโมธี 3:16)

ดร. ดับบริว เอ คริสเวลล์ (1909-2002) เป็นแชมป์ที่ยิ่งใหญ่ในทางพระคัมภีร์ ท่านกล่าวว่าว่า

วิธีที่ชัดเจนในการให้เข้าใจความหมายของเปาโล คือให้เราแปลตามนี้: "พระคัมภีร์ทุกข้อ เพราะเป็นการหายใจของพระเจ้า ตรัสสั่งสอนและเป็นประโยชน์ ... พระคัมภีร์ต้นฉบับได้ระบุไว้: เป็นพระเจ้าทรงเป่าลม (theopneustos, Greek) พระวจนะหรือพระคัมภีร์ต้องมาจากพระผู้เป็นเจ้าโดยตรง หลักคำสอนพระคัมภีร์นั้งต้องคงไว้ซึ่ง "พระเจ้าทรงหายใจ" ... 2 เปโตร 1:21 ให้หลักฐานเพิ่มเติมว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้สื่อสารกับผู้เขียนพระคัมภีร์อย่างถูกต้อง (W. A. Criswell, Ph.D., The Criswell Study Bible, note on II Timothy 3:16)

ใน 2 เปโตร 1:21 กล่สาวว่า “คนของพระเจ้าเจียนตามที่ได้รับการดลใจโดยพระวิญญาณบริสทธิ์” “เคลื่อนไหว” ในภาษากรีกคือคำว่า pherō ซึ่งหมายถึง "นำออกไป" พระคัมภีร์นั้นไม่มีข้อผิดพลาด เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรง “นำ หรือ ดลใจ" ผู้เขียนที่พูดและเขียนพระคัมภีร์ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงำมนุษย์ที่บันทึกไม่ให้การผิดพลาด ดังนั้นคำพูดของพระคัมภีร์ที่เป็นภาษาฮีบรูและกรีกเป็นพระวจนะของพระเจ้าที่มีให้กับมนุษย์ ดร. เฮนรี มอร์ริส กล่าวว่า "พระคัมภีร์ทั้งหมด" รวมทุกคำใน "พระคัมภีร์" ... ไม่ใช่แค่ความคิด แต่เป็นงานเขียนที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้คำพูดเหล่านี้จึงได้รับการดลใจจากพระเจ้า ... หลักคำสอนที่แท้จริงคือการดลใจเป็นพระคำที่บริสุทธิ์" (Henry M. Morris, Ph.D., The Defender’s Study Bible, note on II Timothy 3:16)

“คำพูด" หมายถึง "ทั้งหมด" "วาจา" หมายถึง "คำ" "แรงบันดาลใจ" หมายถึง "พระเจ้าทรงหายใจ" ทุกคำในพระคัมภีร์จะได้รับการดลใจ นั่นคือการดลใจด้วยวาจาที่เต็มไปด้วยหลักคำสอนที่ถูกต้องของนิกายออร์โธดอกซ์ (Dr. R. L. Hymers, Jr.)

ภาษาฮีบรูและภาษากรีกทั้งพระคัมภีร์คือ "theopneustos" - "พระเจ้าทรงเป่าลม" ซึ่งได้รับการดลใจจากพระเจ้า ศาสดาพยากรณ์และอัครสาวกเขียนคำฮีบรูและกรีกตามที่ได้รับการดลใจ "พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้เสด็จไป" การดลใจไม่ครอบคลุมถึงพระคัมภีร์ฉบับแปลใด ๆ รวมทั้งฉบับ KJV จะมีก็แต่เพียงต้นฉบับที่เป็นภาษาฮีบรูและภาษากรีกที่เขียนโดยตรงโดยผู้เผยพระวจนะและอัครสาวกตามที่ปรากฏในม้วนหนังสือ Dead Sea Scrolls แสดงระดับสูงของการเก็บรักษาพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูไว้ ตามข้อความในฉบับ Textus Receptus Greek เป็นข้อความที่เป็นพันธสัญญาเดิมแปลเป็นภาษากรีกฉบับใหม่ที่น่าเชื่อถือมาก ดังนั้นเมื่อคุณเปิดพระคัมภีร์คิงเจมส์คุณกำลังอ่านคำแปลที่มีความน่าเชื่อถือสูงจากคำพูดที่เป็นการดลใจของพระเจ้าตามพระคัมภีร์ฮีบรูและกรีก

เหตุใดจึงสำคัญ? ดร. บี บี แมคคินนี่ ปีหัวหน้าภาควิชาดนตรีที่ Baylor University, Southern Baptist School เป็นเวลาหลาย ในปี 1920 คณาจารย์เสรีนิยมที่เบย์เลอร์และโรงเรียน แบ๊บติสต์ ใต้ อื่น ๆ สอนว่าพระคัมภีร์มีข้อผิดพลาด นั่นคือเหตุผลที่ ดร. แมคเนนี่ เขียนบทเพลง "ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นความจริง" ดร. แมคแคนนี่ เป็นเพื่อนของ ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ และท่านเชื่อในพระคัมภีร์ นั่นเป็นเหตุผลที่เพลงของ แมคแคนนี่ กล่าว

ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์ถูกส่งมาจากพระเจ้า
   ทั้งเดิมและทั้งใหม่
ดลใจและบริสุทธิ์ พระคำที่มีชีวิต
   ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นความจริง

แม้ว่าศัตรูวิญญาณแห่งความมืดจะปฏิเสธ
   พระคัมภีร์เก่าและใหม่
ความจริงมันหวานมากในแต่ละครั้ง '
   ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นความจริง
ฉันรู้ ฉันรู้ ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นความจริง
   ทุกถ้อยคำได้รับการดลใจมาจากพระเจ้า
ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นความจริง
    (“I Know the Bible is True,” Dr. B. B. McKinney, 1886-1952)

ผมได้เรียนรู้พระคัมภีร์จากกศิษยาภิบาลของผม ดร. ทิโมธี ลิน ผู้เป็นนักวิชาการด้านพระคัมภีร์ และสอนที่มหาวิทยาลัยบ๊อบโจนส์ ต่อมาท่านได้เป็นอธิการบดีของวิทยาลัยแห่งประเทศจีนในกรุงไทเปประเทศไต้หวัน หลังจากนั้นก็ได้รับตำแหน่งต่อจากนาย เจมส์ ฮัดสัน เทย์เลอร์ที่สามซึ่งผมเองก็เคยได้พบหลายครั้ง ผมยังมีอาจารย์อีกอื่น ๆ คือ ดร. เจ. เวอร์นอน แมคกี้ ซึ่งผมได้ฟังวิทยุของท่านทุกวันมานานกว่าสิบปี ผมเรียนรู้จากนักวิชาการที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้ว่าพระคัมภีร์เป็นความจริงอย่างแท้จริง

ดังนั้น ตอนที่ผมไปเรียนที่ เคล สเตต์ ลอสแอนเจลิส เพื่อเรียนปริญญาตรี ผมไม่สงสัยเลยกับการสอนต่อต้านพระคัมภีร์ที่นั่น ผมรู้ว่าพวกเขาผิดและพระคัมภีร์ถูกต้อง จากนั้นผมได้รับปริญญามหาบัณฑิตสาขาศาสนศาสตร์ที่วิทยาลัยศาสนศาสตร์แบ็บติสต์ โกลเดน เกท อยู่ใกล้ซานฟรานซิสโก อาจารย์ที่นั่นเกือบทุกคนอยู่ในสายเสรีนิยมสอนต่อต้านพระคัมภีร์ ผมเกลียดกับการอยู่ที่นั่น เพราะเย็นชาไม่มีชีวิตชีวาและตายด้าน ผมถูกสอนโดยอาจารย์ที่ "ตายในบาปและล่วงประเวนี" (เอเฟซัส 2: 1) - อาจารย์ที่มี "ความเข้าใจของพวกเขามืดลงและถูกแยกออกจากชีวิตของพระเจ้าโดยไม่รู้ตัวว่าอยู่ในตัวพวกเขา ตาบอดหัวใจของพวกเขา" เอเฟซัส 4:18

ผมยังจำการโกหกของพวกเขา ตอนที่ทดสอนนั้นพวกเขาอยากได้คำตอบจากผมอย่างที่พวกเขาต้องการ แต่ผมไม่เชื่อแม้แต่คำพูดเดียวของพวกแบบเสรีนิยมตามที่พวกเขาสอนเรา อย่างไรก็ตามสามข้อในพระธรรมสดุดี 119 ช่วยให้ผมสามารถผ่านพ้นสามปีอันน่าสยดสยองที่ใช้เวลาเรียนที่พระคริสตธรรมนั่น

“โอ ข้าพระองค์รักพระราชบัญญัติของพระองค์จริง ๆ เป็นการไตร่ตรองของข้าพระองค์วันยังค่ำ โดยพระบัญญัติของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้ ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เสมอ ข้าพระองค์มีความเข้าใจมากกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์ เพราะบรรดาพระโอวาทของพระองค์เป็นการไตร่ตรองของข้าพระองค์” (สดุดี 119:97-99)

ตอนที่ผมใกล้าจะเรียนจบที่สถาบันชั่วของพวกเสรีนิยมนั้นผมก็เกือบตาย สิ่งเดียวที่ทำให้ผมสามารถเรียนต่อไปคือพระคัมภีร์ หลายคืนที่หนาวเหน็บและเหงานั้น ผมไปนอนในหอพักพร้อมกับเอาพระคัมภีร์โดยเปิดไปที่สดุดี 119 - วางไว้บนหน้าอกของผม ผมเห็นด้วยกับ ดร. แมคกี้ เมื่อ่านกล่าวว่า "ยาแก้พิษเฉพาะกับโลกแห่งการละทิ้งคือพระวจนะของพระเจ้า ทรัพยากรและการขอความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวสำหรับลูกของพระเจ้าคือพระวจนะของพระเจ้า ... และจะตอบสนองความต้องการของเราได้อย่างเพียงพอ ... พระคัมภีร์ทั้งหมดได้รับการดลใจจากพระเจ้านั่นคือพระเจ้าทรงเป่าลม กล่าวว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสต้องการและได้กล่าวทุกสิ่งที่พระองค์ต้องการจะตรัส ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปตามความต้องการของจิตใจมนุษย์" (McGee, ibid. บันทึกข้อ 2 ทิโมธี 3: 14-17)

ผมต้องการให้คุณจดจำคำพูดอันแสนสุขเหล่านี้ของพระเจ้า โปรดปู สุภาษิต 3: 5-7 อยู่ในหน้า 673 ของพระคัมภีร์ฉบับ the Scofield Study Bible

“จงวางใจในพระเยโฮวาห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความเข้าใจของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น อย่าทำตัวฉลาดตามสายตาของตนเอง จงยำเกรงพระเยโฮวาห์ และออกไปเสียจากความชั่วร้าย” (สุภาษิต 3:5-7)

จำข้อเหล่านั้น อ่านซ้ำ ๆ ให้กับตัวเอง “การคลี่คลายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย” (สดุดี 119: 130) ข้อความต่อไปที่ผมอยากจะจะให้พวกคุณจดจำคือสดุดี 119: 97-99 อยู่ในหน้า 660 ในคัมภีร์ the Scofield Study Bible ให้เรายืนอ่านออกเสียงดัง ๆ

“โอ ข้าพระองค์รักพระราชบัญญัติของพระองค์จริง ๆ เป็นการไตร่ตรองของข้าพระองค์วันยังค่ำ โดยพระบัญญัติของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำให้ ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เสมอ ข้าพระองค์มีความเข้าใจมากกว่าบรรดาครูของข้าพระองค์ เพราะบรรดาพระโอวาทของพระองค์เป็นการไตร่ตรองของข้าพระองค์” (สดุดี 119:97-99)

พวกคุณนั่งลงได้

ผมอธิษฐานขอให้ถ้อยคำเหล่านี้ที่มาจากพระเจ้าเองจะช่วยให้ท่านสามารถอยู่ในโลกได้โดยไม่ต้องหลงทางไปคามอาจารย์ผู้ไม่เชื่อ คำพูดเหล่านี้จะปกป้องคุณจากหนังสือต่าง ๆ ที่ต่อต้านพระเจ้า และเป็นหนังสือที่คุณต้องอ่านเพื่อการศึกษา

ในช่วงเวลาแห่งการละทิ้งความผิดบาปและความชั่วร้ายเหล่านี้ ผมขออธิษฐานให้พวกท่านอ่านพระคัมภีร์ทุกวัน พวกคุณจะได้เรียนรู้ที่จะรักพระวจนะ และจะกลายเป็นเพื่อนที่รักที่สุดของคุณในช่วงเวลาแห่งความเหงาและความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราในทุกวันนี้ บุคคลหนึ่งเปรียบเหมือนที่ปรึกษาของผมคือ อับราฮัม ลินคอล์น ท่านกล่าวว่า "พระคัมภีร์เป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่พระเจ้ามอบให้กับมนุษย์ ใช้หนังสือทั้งหมดนี้ด้วยเหตุผลที่คุณสามารถทำได้และสร้างความสมดุลด้วยความเชื่อ แล้วคุณจะมีชีวิตอยู่และตายไปอย่างคนที่ดีกว่า"

นี่เป็นอีกบทหนึ่งที่น่าจดจำได้ ไปดู ฮีบรู 13:17 อยู่ในหน้า 1304 ใน Scofield Study Bible ยืนและอ่านออกเสียงดัง ๆ

“ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตวิญญาณของท่าน เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ เพราะที่ทำดังนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลาย” (ฮีบรู 13:17)

พวกคุณนั่งได้ บรรดาผู้ที่ "ปกครองท่าน " คือศิษยาภิบาลของคริสตจักร ในกิจการ 20:28 อัครทูตเปาโลได้กล่าวให้แก่บรรดาศิษยาภิบาลเป็นผู้นำทั้งหลาย "และจงรักษาฝูงแกะทั้งหมดที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงตั้งท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และเพื่อจะได้บำรุงเลี้ยงคริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง" ศิษยาภิบาลและผู้นำในคริสตจักรให้คำแนะนำและนำทางสมาชิกเหมือนคนเลี้ยงแกะพาแกะของตน ศิษยาภิบาลไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ แต่ผมพบว่าแม้ว่าศิษยาภิบาลของผมไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ แต่ท่านก็เป็นคนที่รักและรับใช้พระเจ้า ผมจะไม่เป็นศิษยาภิบาลได้อย่างทุกวันนี้ ถ้าผมกบฏต่อท่าน

มีอีกข้อที่อยากใทองจำเอาว้ เปิดที่ไป ฮีบรู 10:24, 25 ในหน้า1300 พระคัมภีรฉบับ the Scofield Bible ยืนขึ้นอ่านออกเสียง ดัง ๆ

“และให้เราพิจารณาดูกันและกัน เพื่อเป็นเหตุให้มีความรักและกระทำการดี ซึ่งเราเคยประชุมกันนั้นอย่าให้หยุด เหมือนอย่างบางคนเคยกระทำนั้น แต่จงเตือนสติกันและกัน และให้มากยิ่งขึ้นเมื่อท่านทั้งหลายเห็นวันเวลานั้นใกล้เข้ามาแล้ว (ฮีบรู 10:24, 25)

คุณนั่งได้ นี่เป็นวิธีสำคัญในการรักษาตัวเองให้อยู่ในฝ่ายจิตวิญญาณ หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนั้นคือการอยู่กลุ่มอธิษฐานที่คุณไว้วางใจได้ ผมอยู่มีกลุ่มที่ไว้ใจ และสามารถติดต่อันได้ในคริสตจักรของเรา หากไม่มี ดร. คาร์แกนและอนุชนในกลุ่มอธิษฐานผมควม่อาขอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้

“บุคคลที่เดินกับปราชญ์จะกลายเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะถูกทำลาย” (สุภาษิต 13:20)

และอีกอย่างหนึ่ง ทำในสิ่งที่พระคัมภีร์พูดและคุณจะได้รับการเปลี่ยนแปลง พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงเชื่อพระเยซูคริสต์ และเจ้าจะรอด" (กิจการ 16:31) เมื่อคุณเชื่อในพระเยซู เมื่อคุณไว้วางใจพระองค์ด้วยสุดใจของคุณ คุณก็จะรอด พระองค์สิ้นพระชนม์ถูกตรึงบนไม้กางเขนในสถานที่ของคุณ เพื่อจ่ายค่าโทษบาปของคุณ โลหิตของพระองค์ไหลออกจากห้าบาดแผลทั่วพระวรกายของพระองค์ โลหิตที่หลั่งออกมาก็เพื่อชำระให้สะอาดจากบาปทั้งสิ้น เข้ามาวางใจพระเยซูแล้วคุณจะได้รับความรอดตลอดไป พระคัมภีร์กล่าวเช่นนั้น - และพระคัมภีร์ไม่โกหกเพราะเป็นพระวจนะของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่!

เพื่อนแท้ที่ข้าฯเคยรู้จัก
ความอดทนของข้าฯที่ฉันพยายาม
เมื่อทั้งหมดเป็นเท็จข้าฯพบว่าพระองค์เป็นจริง
ที่ปรึกษาและคำแนะนำของข้าฯ

ไม่อาจมีของมีค่าบนแผ่นดินโลก
ที่อาจปริมาณมีค่าที่จะซื้อได้
ที่จะสอนให้ข้าฯมีชิวิตอีกครั้ง
มันสอนข้าฯว่าจะตายอย่างไร!

มีค่า พระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดทรงสำแดงแก่เราในพระธรรมอันบริสุทธิ์นี้ อาเมน!

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงเดี่ยวก่อนเทศนาโดย ผป. โนอาห์ ซอง
“I Know the Bible is True” (Dr. B. B. McKinney, 1886-1952).