Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ถูกรังเกียจแต่น่ารัก

DESPISED BUT LOVELY!
(Thai)

เขียนบทเทศนา โดย อาร์ เอล ไฮเมอร์ส
และเทศนาดดย ศจ. จอห์น ซามูเอล คาเกน
ที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทอร์เบอนาเคล เมือง ลอสแอนเจลิส
วันของพระเป็นเจ้าในตอนเย็น 13 พฤษภาคม 2018
A sermon written by Dr. R. L. Hymers, Jr.
and preached by Rev. John Samuel Cagan
at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Morning, May 13, 2018

“ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”
(บทเพลงซาโลมอน 5:16)


ผมยังไม่เคยเทศนาจากบทเพลงโซโลมอนมาก่อน เมื่อมาดูที่บทเทศน์ของสเปอร์เจียน ผมกลับพบว่าเจ้าชายแห่งนักเทศน์คนนี้มีบทเทศนาจากบทเพลงแห่งซาโลมอนถึง 63 บท ในขณะที่ท่านรับใช้ในกรุงลอนดอน ดังนั้นผมจึงมาถึงข้อความนี้ในวันนี้

“ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”
“ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”
“ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”

ดร.แมคกี้ กล่าวว่า "ชาวยิวเรียกบทเพลงของซาโลมอนว่าเป็นความบริสุทธิ์แห่งขพระคัมภีร์ ดังนั้นใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจความลึกซึ้งของพระคัมภีร์เล่มนี้ นี่คือที่ ๆ คุณอาศัยอยู่ในสถานที่ลับของผู้สูงสุด ... ถ้าพระเยซูคริสต์หมายถึงการสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ แล้วคุณก็จะรักพระองค์แล้วหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้จะมีความหมายมากให้กับคุณ เพลงของซาโลมอนเป็นพระธรรมที่ประยุกต์ใช้กับเรามากมาย ที่นี่พระเจ้าทรงตรัสกับประชาชนของพระองค์ในลักษณะเป็นการเล่าเรื่องในบทกวีซ เราจำเป็นต้องสวมรองเท้าแห่งวิญญาณของเราถึงจะเข้าใกล้หนังสือเล่มนี้ได้ เราอยู่บนพื้นฐานของความบริสุทธิ์ เพลงของโซโลมอนเป็นเหมือนดอกไม้ที่บอบบางที่ต้องการดูแลเอาใจใส่อย่างระมัดระวัง เพราะมีความหมายที่แตกต่างและมีนัยสำคัญสี่อย่างในหนังสือเล่มนี้" (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Thomas Nelson Publishers, 1982, volume III, p. 143)

ประการแรก เพลงของซาโลมอนเป็นภาพแห่งความรักระหว่างสามีและภรรยา ประการที่สองเป็นภาพแห่งความรักของพระเจ้าต่ออิสราเอล พวกธรรมจารย์สมัยโบราณตีความตามสองแบบนี้ แต่ก็มีอีกสองความหมายสำหรับคริสเตียน ประการที่สาม เป็นภาพแห่งความรักระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรจักรของพระองค์ ประการที่สี่ เป็นภาพความรักของพระคริสต์ต่อคริสเตียนแต่ละคนและการมีส่วนร่วมกับจิตวิญญาณของพระคริสต์ นักบุญที่ยิ่งใหญ่หลายคนของพระเจ้าได้มีประสบการณ์กับสิ่งนี้แล้ว เพลงโซโลมอนเป็นหนังสือเล่มโปรดของ โรเบิร์ต เมอร์เรย์ แมคเชนนี นักเทศน์ชาวสก็อตผู้เห็นคลื่นแห่งการฟื้นฟูอันยิ่งใหญ่ในช่วงการทำพันธกิจของเขา มีคนพูดถึง แมนเชนนี ว่า "ท่านเทศน์อย่างนั้นไปตลอดชีวิตเหมือนถูกประทับบนหน้าผาก" แม้ว่าม่านจะเสียชีวิตตอนอายุแค่ 29 ปีเท่านั้น เพลงโซโลมอนเป็นหนังสือเล่มโปรดของเขา เมื่อ โรเบิร์ต แมคเชนนี ใช้พระธรรมเล่มนี้เทศน์ให้กับคนที่มีใจแข็งแกร่งกระด้าง แต่แล้วคนเหล่านั้นก็ล้มลงยอมจำนนต่อพระคริสต์ นอกจากนี้พระคัมภีร์เล่มนี้ยังเป็นที่โปรดปรานให้กับนักเทศดีชาวสก็อต อย่าง ซามูเอล รูเทอร์ ฟอร์ด ด้วย (1600-1661), D. L. Moody (1837-1899) and Harry Ironside (1876-1951) และอย่างที่ผมกล่าวไว้ว่า สเปอร์เจียนใช้พระธรรมเพลงโซโลมอนมาเทศน์ถึง 63 ครั้ง และยังมีการฟื้นฟูมาที่ Isle of Lewis ตอนนั้น ดันแคน แคมป์เบลล์ เทศนาจากเพลงโซโลมอนเล่มนี้

ตอนนี้เรามาที่ข้อความนี้ เจ้าสาวพูดถึงสามีของเธอว่า “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” เช่นกันคริสเตียนที่แท้จริงกล่าวถึงพระเยซูว่า “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” ขณะที่ผมพิจารณาคำสอนบทนี้ ผมคิดว่าเช่นเดียวกับท่านสเปอร์เจียน ผมไม่สามารถเช้าใจ "ข้อความลึกซึงนี้ ผมไม่อาจเข้าใจได้เช่นนี้ แต่ถ้าผมไม่สามารถนำเอาความหมายทั้งหมดออกใช้ อย่างน้อยที่สุดผมก็พยายามที่จะนำบางส่วนออกมาใช้ในเช้านี้ เป็นการดีกว่าที่เราจะได้สามารถมองเห็นบางอย่างในพระเยซู มากกว่าที่สามารถมองเห็นทุกอย่างในโลกนี้ "น่ารักโดยสิ้นเชิง" อีกสักครู่ ผมจะพาคุณตรงไปที่สองอย่างที่มีความแตกต่างกับพระเยซู - เรื่องของโลกและของคริสเตียนที่แท้จริง

I. หนึ่ง คนที่ไม่เชื่อจะไม่คิดว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่

คุณสังเกตเห็นว่าโลกกำลังปิดเขาออกมาในวันนี้? ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อยากได้ยินชื่อของพระองค์ ผมเคยได้ยินว่าภาคทัณฑ์ในกองทัพอากาศสหรัฐฯไม่ได้รับอนุญาตให้มีการอธิษฐานออกพระนามพระเยซูอีกต่อไป เมื่อนักบวชได้รับการขอร้องให้อธิษฐานในหน้าที่ของพลเมืองพวกเขาจะถูกถามโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้จบคำอธิษฐานในนามของพระเยซู ความเกลียดชังชื่อของพระเยซูไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในแต่ละปีจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อย้อนกลับไปในช่วงแรก ๆ ของภาพเคลื่อนไหวเมื่อคริสเตียนได้รับการพรรณนาในการอธิษฐาน ในสตูดิโอก็ป้องกันไม่ให้พวกเขากล่าวว่า "ในพระนามของพระเยซู อาเมน" ผมคิดว่าบรรดาคนเหล่านั้นคิดว่าเราจะไม่สังเกตเมื่อพวกเขาออกไป แต่ในเมื่อเราอธิษฐานให้กล่าวว่า "ในพระนามของพระเยซู" เราได้สังเกตเห็นและทำให้เราตระหนักว่าชายเหล่านั้นเกลียดชังพระเยซูอย่างไร

ความเกลียดชังพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา กลายเป็นเรื่องที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาผลิตบทภาพยนตร์เรื่อง "The Last Temptation of Christ" ซึ่งแสดงถึงพระผู้ช่วยให้รอดในแง่ลบว่าเป็นบ้ากาม ตอนที่ศิษยาภิบาลของเรา ดร. ไฮเมอร์ส นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขาในห้องนั่งเล่นและคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนั้นตอนที่เขาอ่านหนังสือและพบว่ากำลังจะออกฉาย พระเจ้าตรัสกับเขาว่า "เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาปล่อยหนังเรื่องนี้ออกฉายอย่างนั้น?" ดร. ไฮเอมรส กล่าวว่า "พระบิดา ข้าพระองค์ไม่สามารถทำอะไร" และพระองค์ตรัสว่า "ถ้าเจ้าไม่สามารถห้าม ก็ไม่มีใครจะห้าม" และเราก็ออกไปปกป้องพระเยซู ตอนนั้นมีทีวีทุกช่องออกข่าวถึงการเดินขบวนต่อต้านหนังเรื่องนี้ในตอนเย็นวันนั้น หนังสือเสนอข่าวตีพิมพ์ในหน้าแรก เช่นฉบับ New York Times และ Wall Street Journal พวกเขาวได้เสนอข่าวออกทางที่ช่วง Nightline ใน Tonight Show บน Crossfire และแม้แต่ใส่รูปถ่ายและเรื่องราวเกี่ยวกับการสาธิตของเราใน ทีวี Guide! มีรายงานในอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลีกรีซ ออสเตรเลีย และอิสราเอล เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า ดร. ไฮเมอร์ส อยู่ในหนังสือพิมพ์หน้าแรกในกรุงเยรูซาเล็มโพสต์ มีหนังสือชื่อ "Hollywood Under Siege" โดย โทมัส อาร์ ลินลอฟ (2008, University Press of Kentucky) รูปพ่อของผมถูกตีพิมพเป็นภาพสีที่ปกหนังสือ ซึ่งมีผู้คนประมาณ 125 คนจากคริสตจักรของเราถือป้ายประท้วงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สาระดูสกปรกและดูหมิ่นศาสนา ป้ายขนาดใหญ่ประมาณสามสิบฟุตยาวกล่าวว่า "Wasserman - Lay Off of Jesus!" ลิว แวสเมน เป็นคนที่ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพของ ดร. ไฮเอมร์ส ถูกเขียนในหนังสือถึงสามสิบเล่มถึงเรื่องการต่อต้านนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่เกลียดชังพระเยซูเท่านั้น แต่พวกเขาเกลียดชัง ไฮเมอร์ส และพ่อของผมและคริสตจักรของเราที่ออกมาปกป้องพระผู้ช่วยให้รอด! หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "Hollywood Under Siege" คิดดู 125 คนจากคริสตจักรแบ็บติสต์เล็ก ๆ ออกมาต่อต้านฮอลลีวูด "ภายใต้การล้อม"! เจ้าพ่อภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่คือ "ภายใต้การล้อม" จากผู้นับถือลัทธิแบ็บติสต์เพียงไม่กี่โหลจากคริสตจักรในเมือง! แต่ดร. ไฮเมอร์ส รู้ว่าฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไรและชนชั้นสูงของ Beverly Hills, New York และ Washington เกลียดพระเจ้าพระเยซูคริสต์ จาก บิล มาเฮอ ถึง จอร์จ คลูนีย์ จาก อันเดอร์สัน คูเปอร์ ถึง วูล์ฟ บลิทเซอร์ - พวกเขาดูหมิ่นและปฏิเสธพระบุตรของพระเจ้า และผมไม่คิดว่ามันจะสิ้นสุดลงจนกว่ามีการข่มเหงคริสตจักร และผมเชื่อว่าคุณจะเห็นอย่างนั้นในชีวิตของคุณ

สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ภาพของพระเยซูคริสต์ถูกแขวนไว้ในโบสถ์หลายแห่งของเราในวันนี้ พระองค์ไม่ได้รับการต้อนรับแม้แต่ในบ้านของเพื่อนของพระองค์! ดร. ไมเคิล ฮอร์ตัน เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหนังสือที่ชื่อ Christless Christianity (Baker Books, 2008) กล่าวในนั้นว่า "ฮอร์ตันโต้แย้งว่าในขณะที่เรายังมาไม่ถึง Christless Christianity เราทำอย่างดีในทางของเรา ถึงแม้ว่าเราจะเรียกชื่อพระคริสต์บ่อยครั้ง พระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณถูกทิ้งออกไป" แต่เราไม่ควรแปลกใจว่าทำไมพระเยซูคริสต์ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายในวันนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า

“พราะท่านจะเจริญขึ้นต่อพระพักตร์ของพระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือนรากแตกหน่อมาจากพื้นดินแห้ง ท่านไม่มีรูปร่างหรือความสวยงาม และเมื่อเราทั้งหลายจะมองท่าน ไม่มีความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:2-3)

นั่นคือธรรมชาติมนุษย์ที่อยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้รับความรอดในพระเยซู "ไม่มีความสวยงามที่เราควรจะปรารถนาให้เขา" และพวกเขา "ดูถูกและปฏิเสธ" พระองค์ นั่นคือวิธีการของ ดร. ไฮเมอร์ส เมื่อตอนที่เขายังเด็กเขาเคยเดินเข้าไปในโบสถ์คาทอลิกแทบทุกวัน พวกเขาเก็บประตูเปิดตลอดเวลาในทศวรรษที่ 1940 และเขาไปเพราะที่นั่นมันเงียบสงบ มีรูปปั้นของพระเยซูขนาดเต็มรูปแบบเหมือนจริงในโบสถ์แห่งนี้แบกกางเขนของพระองค์ด้วยเลือดไหลลงบนใบหน้าของพระองค์ น่าเศร้าที่เขาเห็นว่าพระเยซูเป็นคนที่ เสียสละถูกตรึงบนไม้กางเขน ความคิดของการถูกตรึงบนไม้กางเขนของเขาทำให้เขาหวาดกลัว ดร. ไฮเมอร์ส เป็นเด็กในคริสตจักรนั้น ความคิดนี้ไปกับเขาจนถึงวันที่เขาได้รับการกลับใจใหม่เมื่อวันที่ 28 กันยายนปี 1961 ตอนอายุยี่สิบปี ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าพระเยซูเป็นคนผิด คนน่ากลัวจึงถูกตรึงบนกางเขนและสิ้นพระชนม์ แต่ในวันที่ ดร. ไฮเมอร์ส กลับใจใหม่ เขาได้เห็นพระองค์เป็นครั้งแรกในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดที่ฟื้นคืนพระชนม์ผู้ทรงชนะเหนือความตายและยังมีชีวิตอยู่ทางขวามือของพระเจ้าในสวรรค์ ทรงเป็นพระผู้ช่วยเขาให้พ้นจากความผิดบาปและเปลี่ยนชีวิตของเขา ตั้งแต่ตอนเขาเห็นพระเยซูคริสต์ในเช้าวันนั้น พระเยซูคริสต์ “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!

II. หนึ่ง คริสเตียนที่แท้จริงเห็นว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่

พระนามพระเยซูทรงหอมหวานเท่าที่ฉันรู้จัก
   และพระองค์ทรงเป็นเหมือนกับชื่อที่น่ารักของพระองค์
นั่นคือเหตุผลที่ฉันรักพระองค์เช่นนั้น
   โอ้ เท่าที่ข้าฯทราบพระนามพระเยซูนั้นแสนหวาน
(“Jesus is the Sweetest Name I Know,” Lela Long, 1924)

ซึ่งอาจจะมาหาคุณทันทีเช่นเดียวกับพ่อของเรา หรือคุณอาจค่อยๆดูว่าพระองค์ทรงเป็นที่รักจนกว่าคุณจะยอมจำนนต่อพระองค์และวางใจในพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าของคุณ ขณะที่ ดร.ไฮเมอร์ส เชื่อพระเยซูที่เขาสามารถร้องเพลงกับ ชาร์ลส์ เวสลีย์ ดังนี้

โซ่ของข้าฯหลุดออกออก ใจของข้าฯก็มีอิสระ
   ข้าฯลุกขึ้นเดินออกไปและเดินตามพระองค์ไป
ความรักที่น่าอัศจรรย์! นั้นเป็นเช่นไร
   ข้า แต่พระเจ้าของข้าพระองค์พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์?
(“And Can It Be?”, Charles Wesley, 1707-1788)

ในความเป็นจริง พวกเขาร้องเพลงนี้ในเช้าที่พระเยซูทรงเชื่อกู้เขาไว้!

จิตวิญญาณของข้าฯถูกคุมขังยาวนาน
   ผูกพันอย่างรวดเร็วในบาปและคืนธรรมชาติ
ตาของคุณกระจายรังสีอกมา
   ข้าฯตื่นขึ้น ดันเจี้ยนไฟด้วยแสง
โซ่ของข้าฯหลุดออกออก ใจของข้าฯก็มีอิสระ
   ข้าฯลุกขึ้นเดินออกไปและเดินตามพระองค์ไป
ความรักที่น่าอัศจรรย์! นั้นเป็นเช่นไร
   ข้า แต่พระเจ้าของข้าพระองค์พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อข้าพระองค์?

ในขณะนั้นศิษยาภิบาลของเราอาจจะตะโกนกับ แมคเชย์นี หรือ สเปอร์เจียน "องค์ทรงน่ารักมาก ๆ!" เขาจะร้องเพลงนมัสการเยอรมัน

องค์พระเยซูพระผู้ปกครองธรรมชาติทั้งหมด
   โอ้พระเจ้าและบุตรมนุษย์!
ข้าฯจะรักพระองค์ ข้าฯจะให้เกียรติ
   จิตวิญญาณของข้าฯเริงร่าอยู่ในพระองค์!

พระผู้ช่วยให้รอดทรงสง่างาม! พระเจ้าแห่งประชาชาติทั้งหลาย
   พระบุตรของพระเจ้าและบุตรของมนุษย์!
ความรักความรุ่งโรจน์และเกียรติยศสรรเสริญ
   ตอนนี้และตลอดไปเป็นของพระองค์!
(“Fairest Lord Jesus,” 17th century German hymn,
      translated by Joseph A. Seiss, 1823-1904)

“ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”

นี่คือพระคริสต์

”พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงเพราะว่าโดยพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นผู้ครองบัลลังก์ หรือเป็นผู้ครองอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครอบครองอาณาจักร หรือเทพผู้มีอำนาจ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นที่เริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง ด้วยว่าเป็นที่ชอบพระทัยพระบิดาที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นมีอยู่ในพระองค์ พระคริสต์ทำให้เกิดสันติภาพและการคืนดี และโดยพระองค์นั้นให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระองค์เอง โดยพระองค์นั้นข้าพเจ้าพูดได้ว่า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในท้องฟ้า พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์ และพวกท่านซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่ถูกกันและเป็นศัตรูในใจด้วยการชั่วต่าง ๆ บัดนี้ พระองค์ทรงโปรดให้คืนดีกับพระองค์ โดยความตายแห่งพระกายเนื้อหนังของพระองค์ เพื่อจะได้ถวายท่านให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้ตำหนิและไร้ข้อกล่าวหาในสายพระเนตรของพระองค์ คือถ้าท่านดำรงและตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อ และไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้ยินแล้ว และที่ได้ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า ซึ่งข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้รับใช้ในการนั้น” (โคโลสี 1:15-22)

ฮาเลลูยา! นั่นคือพระเยซู! “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”!" เราหันกลับจากการลงโทษและปฏิเสธพระองค์มาล้มลงที่พระบาทของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ เพราะพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้รอดและทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายเพื่อประทานชีวิตให้เรา ฮาเลลูยา! “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!" “ใช่แล้ว ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!"

พระนามพระเยซูทรงหอมหวานเท่าที่ฉันรู้จัก
   และพระองค์ทรงเป็นเหมือนกับชื่อที่น่ารักของพระองค์
นั่นคือเหตุผลที่ฉันรักพระองค์เช่นนั้น
   โอ้ เท่าที่ข้าฯทราบพระนามพระเยซูนั้นแสนหวาน

จงมาเหมือนเหมือนผู้หญิงบาปที่ "จูบเท้าของพระองค์" (ลูกา 7:38) พระเยซูตรัสกับเธอว่า "บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว" (ลูกา 7:48) "จูบพระบุตร" พระคัมภีร์บอกว่าจงทำเช่นนั้น! "อย่าเพิกเฉยต่อพระบุตรผู้ทรงพระชนม์ผู้ทรงพระชนม์" (สดุดี 2:12) คุณจะจูบพระบุตรของพระเจ้าเช้านี้และเชื่อในพระองค์หรือไม่? "จูบพระบุตรของพระเจ้า" คุณพูดว่า ใช่ ใช่ จงรักภักดีต่อพระองค์ด้วยความเชื่อและวางใจพระองค์เพราะพระองค์ทรงล้วนแต่น่ารักน่าใคร่! สเปอร์เจียนกล่าวว่า

     คุณไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะมาหาพระเยซูเพราะ "ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเลวร้าย - นั่นคือความเข้าใจผิดของคุณเกี่ยวกับเขา มันไม่ได้บอกว่าเขาค่อนข้างน่ารักและบางครั้งก็เต็มใจที่จะได้รับคนบาปบางประเภท; แต่ "เขาเป็นคนที่น่ารักโดยสิ้นเชิง" และเขาก็พร้อมที่จะต้อนรับคนบาปทุกคน คิดถึงชื่อของเขา เป็นพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอด ไม่ใช่ชื่อที่น่ารักใช่มั้ย? คิดถึงงานของเขา เขามาหาและรักษาสิ่งที่สูญหาย นี่คืออาชีพของเขา ไม่น่ารักเหรอ? คิดถึงสิ่งที่เขาทำ พระองค์ทรงไถ่ชีวิตของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ ไม่น่ารักเหรอ? คิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังอธิษฐานก่อนพระที่นั่งของพระเจ้าสำหรับคนบาป ... นี่น่ารักใช่มั้ย? พระเยซูทรงเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนบาปที่ต้องการพระองค์ มาแล้วมาและต้อนรับไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณออกไปมีทุกอย่าง [เรียกคุณ] มา ขอให้วันสะบาโตซึ่งข้าพเจ้าได้เทศนาสั่งสอนพระคริสต์และชูพระองค์ขึ้นเป็นวันที่พระองค์ตรัสกับเขาไม่ให้ออกไปจากเขาอีกต่อไป แต่เพื่อจะได้เป็นนิรันดรกาลตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน (C. H. Spurgeon, “Altogether Lovely,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1977 reprint, volume 17, pages 407-408)

“ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” และพระองค์ทรงเรียกท่านมาหาพระองค์และวางใจในพระองค์และรอดพ้นจากบาปตลอดกาลและนิรันดร์ - เพราะพระองค์ทรงรักคุณเช่นนั้น! เพราะพระองค์ทรงรักคุณ! เพราะพระองค์ทรงรักคุณ! มาหาพระองค์ - เพราะพระองค์ทรงรักคุณเช่นนั้น! พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งคุณ - เพราะพระองค์ทรงรักคุณ!

ออกจากความเป็นทาส ความเศร้าโศกและความมืด
   พระเยซู ข้าฯมาพระเยซู ข้าฯเข้ามา
เข้าสู่เสรีภาพความยินดีและความสว่างในพระองค์
   พระเยซู ข้าฯมาพระเยซู ข้าฯเข้ามา
ออกจากความเจ็บป่วยของข้าพระองค์
   จากความปรารถนาและความมั่งคั่งของพระองค์
จากบาปของข้าฯและเข้าสู่ในตัวพระองค์เอง
   พระเยซู ข้าฯมาพระเยซู ข้าฯเข้ามา

ตอนนี้จงรับฟังอีกตอนหนึ่งในบทเพลงนี้

ออกจากความกลัวและความกลัวของหลุมฝังศพ
   พระเยซู ข้าฯมาพระเยซู ข้าฯเข้ามา
ในความสุขและแสงจากบ้านของพระองค์
   พระเยซู ข้าฯมาพระเยซู ข้าฯเข้ามา
ออกจากส่วนลึกของสถานที่ปรักหักพัง
   เข้าสู่ความสงบของที่พักอาศัยของคุณ
หน้าตาอันน่ารื่นรมย์ของพระองค์ที่จะเห็น
   พระเยซู ข้าฯมาพระเยซู ข้าฯเข้ามา
(“Jesus, I Come,” William T. Sleeper, 1819-1904)

พระเยซูทรงรักคุณ เช้านี้จงมาหาพระเยซู เชื่อพระองค์ คุณจะพบว่าพระองค์ “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่" พระโลหิตของพระองค์จะล้างความบาปทั้งหมดของคุณ หากคุณต้องการพูดคุยกับเราเกี่ยวกับการไว้วางใจพระเยซู ตอนที่คนอื่น ๆ ขึ้นไปรับประทานอาหารกลางวัน ให้คุณมานั่งที่สองแถวแรก อาเมน

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงเดี่ยวก่อนเทศนาโดย ผป. เบนจามิน คินเคด กรี่ฟฟี่ท:
“Fairest Lord Jesus” (translated from German by Joseph A. Seiss, 1823-1904).


โครงร่างของ

ถูกรังเกียจแต่น่ารัก

DESPISED BUT LOVELY!

เขียนบทเทศนา โดย อาร์ เอล ไฮเมอร์ส
และเทศนาดดย ศจ. จอห์น ซามูเอล คาเกน
A sermon written by Dr. R. L. Hymers, Jr.
and preached by Rev. John Samuel Cagan

“ใช่แล้ว ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!"
(บทเพลงซาโลมอน 5:16)

I.   หนึ่ง คนที่ไม่เชื่อจะไม่คิดว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ อิสยาห์ 53:2-3.

II.  หนึ่ง คริสเตียนที่แท้จริงเห็นว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ โคโลสี 1:15-22;
ลูกา 7:38, 48; สดุดี 2:12.