เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ถูกรังเกียจแต่น่ารักDESPISED BUT LOVELY! เขียนบทเทศนา โดย อาร์ เอล ไฮเมอร์ส “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” |
ผมยังไม่เคยเทศนาจากบทเพลงโซโลมอนมาก่อน เมื่อมาดูที่บทเทศน์ของสเปอร์เจียน ผมกลับพบว่าเจ้าชายแห่งนักเทศน์คนนี้มีบทเทศนาจากบทเพลงแห่งซาโลมอนถึง 63 บท ในขณะที่ท่านรับใช้ในกรุงลอนดอน ดังนั้นผมจึงมาถึงข้อความนี้ในวันนี้ “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” ดร.แมคกี้ กล่าวว่า "ชาวยิวเรียกบทเพลงของซาโลมอนว่าเป็นความบริสุทธิ์แห่งขพระคัมภีร์ ดังนั้นใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจความลึกซึ้งของพระคัมภีร์เล่มนี้ นี่คือที่ ๆ คุณอาศัยอยู่ในสถานที่ลับของผู้สูงสุด ... ถ้าพระเยซูคริสต์หมายถึงการสิ่งที่ดีที่สุดให้คุณ แล้วคุณก็จะรักพระองค์แล้วหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มนี้จะมีความหมายมากให้กับคุณ เพลงของซาโลมอนเป็นพระธรรมที่ประยุกต์ใช้กับเรามากมาย ที่นี่พระเจ้าทรงตรัสกับประชาชนของพระองค์ในลักษณะเป็นการเล่าเรื่องในบทกวีซ เราจำเป็นต้องสวมรองเท้าแห่งวิญญาณของเราถึงจะเข้าใกล้หนังสือเล่มนี้ได้ เราอยู่บนพื้นฐานของความบริสุทธิ์ เพลงของโซโลมอนเป็นเหมือนดอกไม้ที่บอบบางที่ต้องการดูแลเอาใจใส่อย่างระมัดระวัง เพราะมีความหมายที่แตกต่างและมีนัยสำคัญสี่อย่างในหนังสือเล่มนี้" (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Thomas Nelson Publishers, 1982, volume III, p. 143) ประการแรก เพลงของซาโลมอนเป็นภาพแห่งความรักระหว่างสามีและภรรยา ประการที่สองเป็นภาพแห่งความรักของพระเจ้าต่ออิสราเอล พวกธรรมจารย์สมัยโบราณตีความตามสองแบบนี้ แต่ก็มีอีกสองความหมายสำหรับคริสเตียน ประการที่สาม เป็นภาพแห่งความรักระหว่างพระคริสต์กับคริสตจักรจักรของพระองค์ ประการที่สี่ เป็นภาพความรักของพระคริสต์ต่อคริสเตียนแต่ละคนและการมีส่วนร่วมกับจิตวิญญาณของพระคริสต์ นักบุญที่ยิ่งใหญ่หลายคนของพระเจ้าได้มีประสบการณ์กับสิ่งนี้แล้ว เพลงโซโลมอนเป็นหนังสือเล่มโปรดของ โรเบิร์ต เมอร์เรย์ แมคเชนนี นักเทศน์ชาวสก็อตผู้เห็นคลื่นแห่งการฟื้นฟูอันยิ่งใหญ่ในช่วงการทำพันธกิจของเขา มีคนพูดถึง แมนเชนนี ว่า "ท่านเทศน์อย่างนั้นไปตลอดชีวิตเหมือนถูกประทับบนหน้าผาก" แม้ว่าม่านจะเสียชีวิตตอนอายุแค่ 29 ปีเท่านั้น เพลงโซโลมอนเป็นหนังสือเล่มโปรดของเขา เมื่อ โรเบิร์ต แมคเชนนี ใช้พระธรรมเล่มนี้เทศน์ให้กับคนที่มีใจแข็งแกร่งกระด้าง แต่แล้วคนเหล่านั้นก็ล้มลงยอมจำนนต่อพระคริสต์ นอกจากนี้พระคัมภีร์เล่มนี้ยังเป็นที่โปรดปรานให้กับนักเทศดีชาวสก็อต อย่าง ซามูเอล รูเทอร์ ฟอร์ด ด้วย (1600-1661), D. L. Moody (1837-1899) and Harry Ironside (1876-1951) และอย่างที่ผมกล่าวไว้ว่า สเปอร์เจียนใช้พระธรรมเพลงโซโลมอนมาเทศน์ถึง 63 ครั้ง และยังมีการฟื้นฟูมาที่ Isle of Lewis ตอนนั้น ดันแคน แคมป์เบลล์ เทศนาจากเพลงโซโลมอนเล่มนี้ ตอนนี้เรามาที่ข้อความนี้ เจ้าสาวพูดถึงสามีของเธอว่า “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” เช่นกันคริสเตียนที่แท้จริงกล่าวถึงพระเยซูว่า “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” ขณะที่ผมพิจารณาคำสอนบทนี้ ผมคิดว่าเช่นเดียวกับท่านสเปอร์เจียน ผมไม่สามารถเช้าใจ "ข้อความลึกซึงนี้ ผมไม่อาจเข้าใจได้เช่นนี้ แต่ถ้าผมไม่สามารถนำเอาความหมายทั้งหมดออกใช้ อย่างน้อยที่สุดผมก็พยายามที่จะนำบางส่วนออกมาใช้ในเช้านี้ เป็นการดีกว่าที่เราจะได้สามารถมองเห็นบางอย่างในพระเยซู มากกว่าที่สามารถมองเห็นทุกอย่างในโลกนี้ "น่ารักโดยสิ้นเชิง" อีกสักครู่ ผมจะพาคุณตรงไปที่สองอย่างที่มีความแตกต่างกับพระเยซู - เรื่องของโลกและของคริสเตียนที่แท้จริง I. หนึ่ง คนที่ไม่เชื่อจะไม่คิดว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ คุณสังเกตเห็นว่าโลกกำลังปิดเขาออกมาในวันนี้? ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่อยากได้ยินชื่อของพระองค์ ผมเคยได้ยินว่าภาคทัณฑ์ในกองทัพอากาศสหรัฐฯไม่ได้รับอนุญาตให้มีการอธิษฐานออกพระนามพระเยซูอีกต่อไป เมื่อนักบวชได้รับการขอร้องให้อธิษฐานในหน้าที่ของพลเมืองพวกเขาจะถูกถามโดยเฉพาะเพื่อไม่ให้จบคำอธิษฐานในนามของพระเยซู ความเกลียดชังชื่อของพระเยซูไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในแต่ละปีจะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อย้อนกลับไปในช่วงแรก ๆ ของภาพเคลื่อนไหวเมื่อคริสเตียนได้รับการพรรณนาในการอธิษฐาน ในสตูดิโอก็ป้องกันไม่ให้พวกเขากล่าวว่า "ในพระนามของพระเยซู อาเมน" ผมคิดว่าบรรดาคนเหล่านั้นคิดว่าเราจะไม่สังเกตเมื่อพวกเขาออกไป แต่ในเมื่อเราอธิษฐานให้กล่าวว่า "ในพระนามของพระเยซู" เราได้สังเกตเห็นและทำให้เราตระหนักว่าชายเหล่านั้นเกลียดชังพระเยซูอย่างไร ความเกลียดชังพระผู้ช่วยให้รอดของพวกเขา กลายเป็นเรื่องที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อพวกเขาผลิตบทภาพยนตร์เรื่อง "The Last Temptation of Christ" ซึ่งแสดงถึงพระผู้ช่วยให้รอดในแง่ลบว่าเป็นบ้ากาม ตอนที่ศิษยาภิบาลของเรา ดร. ไฮเมอร์ส นั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขาในห้องนั่งเล่นและคิดเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนั้นตอนที่เขาอ่านหนังสือและพบว่ากำลังจะออกฉาย พระเจ้าตรัสกับเขาว่า "เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาปล่อยหนังเรื่องนี้ออกฉายอย่างนั้น?" ดร. ไฮเอมรส กล่าวว่า "พระบิดา ข้าพระองค์ไม่สามารถทำอะไร" และพระองค์ตรัสว่า "ถ้าเจ้าไม่สามารถห้าม ก็ไม่มีใครจะห้าม" และเราก็ออกไปปกป้องพระเยซู ตอนนั้นมีทีวีทุกช่องออกข่าวถึงการเดินขบวนต่อต้านหนังเรื่องนี้ในตอนเย็นวันนั้น หนังสือเสนอข่าวตีพิมพ์ในหน้าแรก เช่นฉบับ New York Times และ Wall Street Journal พวกเขาวได้เสนอข่าวออกทางที่ช่วง Nightline ใน Tonight Show บน Crossfire และแม้แต่ใส่รูปถ่ายและเรื่องราวเกี่ยวกับการสาธิตของเราใน ทีวี Guide! มีรายงานในอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลีกรีซ ออสเตรเลีย และอิสราเอล เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า ดร. ไฮเมอร์ส อยู่ในหนังสือพิมพ์หน้าแรกในกรุงเยรูซาเล็มโพสต์ มีหนังสือชื่อ "Hollywood Under Siege" โดย โทมัส อาร์ ลินลอฟ (2008, University Press of Kentucky) รูปพ่อของผมถูกตีพิมพเป็นภาพสีที่ปกหนังสือ ซึ่งมีผู้คนประมาณ 125 คนจากคริสตจักรของเราถือป้ายประท้วงว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สาระดูสกปรกและดูหมิ่นศาสนา ป้ายขนาดใหญ่ประมาณสามสิบฟุตยาวกล่าวว่า "Wasserman - Lay Off of Jesus!" ลิว แวสเมน เป็นคนที่ผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาพของ ดร. ไฮเอมร์ส ถูกเขียนในหนังสือถึงสามสิบเล่มถึงเรื่องการต่อต้านนี้ พวกเขาไม่เพียงแต่เกลียดชังพระเยซูเท่านั้น แต่พวกเขาเกลียดชัง ไฮเมอร์ส และพ่อของผมและคริสตจักรของเราที่ออกมาปกป้องพระผู้ช่วยให้รอด! หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "Hollywood Under Siege" คิดดู 125 คนจากคริสตจักรแบ็บติสต์เล็ก ๆ ออกมาต่อต้านฮอลลีวูด "ภายใต้การล้อม"! เจ้าพ่อภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมและยิ่งใหญ่คือ "ภายใต้การล้อม" จากผู้นับถือลัทธิแบ็บติสต์เพียงไม่กี่โหลจากคริสตจักรในเมือง! แต่ดร. ไฮเมอร์ส รู้ว่าฮอลลีวู้ดเป็นอย่างไรและชนชั้นสูงของ Beverly Hills, New York และ Washington เกลียดพระเจ้าพระเยซูคริสต์ จาก บิล มาเฮอ ถึง จอร์จ คลูนีย์ จาก อันเดอร์สัน คูเปอร์ ถึง วูล์ฟ บลิทเซอร์ - พวกเขาดูหมิ่นและปฏิเสธพระบุตรของพระเจ้า และผมไม่คิดว่ามันจะสิ้นสุดลงจนกว่ามีการข่มเหงคริสตจักร และผมเชื่อว่าคุณจะเห็นอย่างนั้นในชีวิตของคุณ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ภาพของพระเยซูคริสต์ถูกแขวนไว้ในโบสถ์หลายแห่งของเราในวันนี้ พระองค์ไม่ได้รับการต้อนรับแม้แต่ในบ้านของเพื่อนของพระองค์! ดร. ไมเคิล ฮอร์ตัน เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ในหนังสือที่ชื่อ Christless Christianity (Baker Books, 2008) กล่าวในนั้นว่า "ฮอร์ตันโต้แย้งว่าในขณะที่เรายังมาไม่ถึง Christless Christianity เราทำอย่างดีในทางของเรา ถึงแม้ว่าเราจะเรียกชื่อพระคริสต์บ่อยครั้ง พระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณถูกทิ้งออกไป" แต่เราไม่ควรแปลกใจว่าทำไมพระเยซูคริสต์ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายในวันนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า “พราะท่านจะเจริญขึ้นต่อพระพักตร์ของพระองค์อย่างต้นไม้อ่อน และเหมือนรากแตกหน่อมาจากพื้นดินแห้ง ท่านไม่มีรูปร่างหรือความสวยงาม และเมื่อเราทั้งหลายจะมองท่าน ไม่มีความงามที่เราจะพึงปรารถนาท่าน ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:2-3) นั่นคือธรรมชาติมนุษย์ที่อยู่ในสภาพที่ยังไม่ได้รับความรอดในพระเยซู "ไม่มีความสวยงามที่เราควรจะปรารถนาให้เขา" และพวกเขา "ดูถูกและปฏิเสธ" พระองค์ นั่นคือวิธีการของ ดร. ไฮเมอร์ส เมื่อตอนที่เขายังเด็กเขาเคยเดินเข้าไปในโบสถ์คาทอลิกแทบทุกวัน พวกเขาเก็บประตูเปิดตลอดเวลาในทศวรรษที่ 1940 และเขาไปเพราะที่นั่นมันเงียบสงบ มีรูปปั้นของพระเยซูขนาดเต็มรูปแบบเหมือนจริงในโบสถ์แห่งนี้แบกกางเขนของพระองค์ด้วยเลือดไหลลงบนใบหน้าของพระองค์ น่าเศร้าที่เขาเห็นว่าพระเยซูเป็นคนที่ เสียสละถูกตรึงบนไม้กางเขน ความคิดของการถูกตรึงบนไม้กางเขนของเขาทำให้เขาหวาดกลัว ดร. ไฮเมอร์ส เป็นเด็กในคริสตจักรนั้น ความคิดนี้ไปกับเขาจนถึงวันที่เขาได้รับการกลับใจใหม่เมื่อวันที่ 28 กันยายนปี 1961 ตอนอายุยี่สิบปี ก่อนหน้านั้นเขาคิดว่าพระเยซูเป็นคนผิด คนน่ากลัวจึงถูกตรึงบนกางเขนและสิ้นพระชนม์ แต่ในวันที่ ดร. ไฮเมอร์ส กลับใจใหม่ เขาได้เห็นพระองค์เป็นครั้งแรกในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดที่ฟื้นคืนพระชนม์ผู้ทรงชนะเหนือความตายและยังมีชีวิตอยู่ทางขวามือของพระเจ้าในสวรรค์ ทรงเป็นพระผู้ช่วยเขาให้พ้นจากความผิดบาปและเปลี่ยนชีวิตของเขา ตั้งแต่ตอนเขาเห็นพระเยซูคริสต์ในเช้าวันนั้น พระเยซูคริสต์ “ทั่วทั้งสรรพางค์ของเขาล้วนแต่น่ารักน่าใคร่! II. หนึ่ง คริสเตียนที่แท้จริงเห็นว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ พระนามพระเยซูทรงหอมหวานเท่าที่ฉันรู้จัก ซึ่งอาจจะมาหาคุณทันทีเช่นเดียวกับพ่อของเรา หรือคุณอาจค่อยๆดูว่าพระองค์ทรงเป็นที่รักจนกว่าคุณจะยอมจำนนต่อพระองค์และวางใจในพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดและพระเจ้าของคุณ ขณะที่ ดร.ไฮเมอร์ส เชื่อพระเยซูที่เขาสามารถร้องเพลงกับ ชาร์ลส์ เวสลีย์ ดังนี้ โซ่ของข้าฯหลุดออกออก ใจของข้าฯก็มีอิสระ ในความเป็นจริง พวกเขาร้องเพลงนี้ในเช้าที่พระเยซูทรงเชื่อกู้เขาไว้! จิตวิญญาณของข้าฯถูกคุมขังยาวนาน ในขณะนั้นศิษยาภิบาลของเราอาจจะตะโกนกับ แมคเชย์นี หรือ สเปอร์เจียน "องค์ทรงน่ารักมาก ๆ!" เขาจะร้องเพลงนมัสการเยอรมัน องค์พระเยซูพระผู้ปกครองธรรมชาติทั้งหมด “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” นี่คือพระคริสต์ ”พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงเพราะว่าโดยพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นผู้ครองบัลลังก์ หรือเป็นผู้ครองอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครอบครองอาณาจักร หรือเทพผู้มีอำนาจ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้นโดยพระองค์และเพื่อพระองค์ พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์ พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกายคือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นที่เริ่มต้น เป็นบุตรหัวปีที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง ด้วยว่าเป็นที่ชอบพระทัยพระบิดาที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นมีอยู่ในพระองค์ พระคริสต์ทำให้เกิดสันติภาพและการคืนดี และโดยพระองค์นั้นให้สิ่งสารพัดกลับคืนดีกับพระองค์เอง โดยพระองค์นั้นข้าพเจ้าพูดได้ว่า ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในแผ่นดินโลกหรือในท้องฟ้า พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์ และพวกท่านซึ่งเมื่อก่อนนี้ไม่ถูกกันและเป็นศัตรูในใจด้วยการชั่วต่าง ๆ บัดนี้ พระองค์ทรงโปรดให้คืนดีกับพระองค์ โดยความตายแห่งพระกายเนื้อหนังของพระองค์ เพื่อจะได้ถวายท่านให้เป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้ตำหนิและไร้ข้อกล่าวหาในสายพระเนตรของพระองค์ คือถ้าท่านดำรงและตั้งมั่นอยู่ในความเชื่อ และไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐซึ่งท่านได้ยินแล้ว และที่ได้ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า ซึ่งข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้รับใช้ในการนั้น” (โคโลสี 1:15-22) ฮาเลลูยา! นั่นคือพระเยซู! “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่”!" เราหันกลับจากการลงโทษและปฏิเสธพระองค์มาล้มลงที่พระบาทของพระองค์ด้วยการสรรเสริญ เพราะพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยเราให้รอดและทรงฟื้นขึ้นมาจากความตายเพื่อประทานชีวิตให้เรา ฮาเลลูยา! “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!" “ใช่แล้ว ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!" พระนามพระเยซูทรงหอมหวานเท่าที่ฉันรู้จัก จงมาเหมือนเหมือนผู้หญิงบาปที่ "จูบเท้าของพระองค์" (ลูกา 7:38) พระเยซูตรัสกับเธอว่า "บาปของเจ้าได้รับการอภัยแล้ว" (ลูกา 7:48) "จูบพระบุตร" พระคัมภีร์บอกว่าจงทำเช่นนั้น! "อย่าเพิกเฉยต่อพระบุตรผู้ทรงพระชนม์ผู้ทรงพระชนม์" (สดุดี 2:12) คุณจะจูบพระบุตรของพระเจ้าเช้านี้และเชื่อในพระองค์หรือไม่? "จูบพระบุตรของพระเจ้า" คุณพูดว่า ใช่ ใช่ จงรักภักดีต่อพระองค์ด้วยความเชื่อและวางใจพระองค์เพราะพระองค์ทรงล้วนแต่น่ารักน่าใคร่! สเปอร์เจียนกล่าวว่า คุณไม่จำเป็นต้องกลัวที่จะมาหาพระเยซูเพราะ "ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเลวร้าย - นั่นคือความเข้าใจผิดของคุณเกี่ยวกับเขา มันไม่ได้บอกว่าเขาค่อนข้างน่ารักและบางครั้งก็เต็มใจที่จะได้รับคนบาปบางประเภท; แต่ "เขาเป็นคนที่น่ารักโดยสิ้นเชิง" และเขาก็พร้อมที่จะต้อนรับคนบาปทุกคน คิดถึงชื่อของเขา เป็นพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยให้รอด ไม่ใช่ชื่อที่น่ารักใช่มั้ย? คิดถึงงานของเขา เขามาหาและรักษาสิ่งที่สูญหาย นี่คืออาชีพของเขา ไม่น่ารักเหรอ? คิดถึงสิ่งที่เขาทำ พระองค์ทรงไถ่ชีวิตของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์ ไม่น่ารักเหรอ? คิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังอธิษฐานก่อนพระที่นั่งของพระเจ้าสำหรับคนบาป ... นี่น่ารักใช่มั้ย? พระเยซูทรงเป็นที่น่าสนใจสำหรับคนบาปที่ต้องการพระองค์ มาแล้วมาและต้อนรับไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณออกไปมีทุกอย่าง [เรียกคุณ] มา ขอให้วันสะบาโตซึ่งข้าพเจ้าได้เทศนาสั่งสอนพระคริสต์และชูพระองค์ขึ้นเป็นวันที่พระองค์ตรัสกับเขาไม่ให้ออกไปจากเขาอีกต่อไป แต่เพื่อจะได้เป็นนิรันดรกาลตลอดไปเป็นนิตย์ อาเมน (C. H. Spurgeon, “Altogether Lovely,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1977 reprint, volume 17, pages 407-408) “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่” และพระองค์ทรงเรียกท่านมาหาพระองค์และวางใจในพระองค์และรอดพ้นจากบาปตลอดกาลและนิรันดร์ - เพราะพระองค์ทรงรักคุณเช่นนั้น! เพราะพระองค์ทรงรักคุณ! เพราะพระองค์ทรงรักคุณ! มาหาพระองค์ - เพราะพระองค์ทรงรักคุณเช่นนั้น! พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งคุณ - เพราะพระองค์ทรงรักคุณ! ออกจากความเป็นทาส ความเศร้าโศกและความมืด ตอนนี้จงรับฟังอีกตอนหนึ่งในบทเพลงนี้ ออกจากความกลัวและความกลัวของหลุมฝังศพ พระเยซูทรงรักคุณ เช้านี้จงมาหาพระเยซู เชื่อพระองค์ คุณจะพบว่าพระองค์ “ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่" พระโลหิตของพระองค์จะล้างความบาปทั้งหมดของคุณ หากคุณต้องการพูดคุยกับเราเกี่ยวกับการไว้วางใจพระเยซู ตอนที่คนอื่น ๆ ขึ้นไปรับประทานอาหารกลางวัน ให้คุณมานั่งที่สองแถวแรก อาเมน ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ร้องเพลงเดี่ยวก่อนเทศนาโดย ผป. เบนจามิน คินเคด กรี่ฟฟี่ท: |
โครงร่างของ ถูกรังเกียจแต่น่ารักDESPISED BUT LOVELY! เขียนบทเทศนา โดย อาร์ เอล ไฮเมอร์ส “ใช่แล้ว ทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่!" I. หนึ่ง คนที่ไม่เชื่อจะไม่คิดว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ อิสยาห์ 53:2-3. II. หนึ่ง คริสเตียนที่แท้จริงเห็นว่าทั่วทั้งสรรพางค์ของพระเยซูล้วนแต่น่ารักน่าใคร่ โคโลสี 1:15-22;
|