Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




เฮโรดแลยอห์น

HEROD AND JOHN
(Hmong)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนครลอสแอนเจลิส
ช่วงเย็นวันของพระเป็นเจ้า 12 พฤษจิกายน ค.ศ. 2017
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, November 12, 2017

“เพราะเฮโรดยำเกรงยอห์นด้วยรู้ว่า ท่านเป็นคนชอบธรรมและบริสุทธิ์จึงได้ป้องกันท่านไว้ เมื่อเฮโรดได้ยินคำสั่งสอนของท่านก็ปฏิบัติตามหลายสิ่งและยินดีรับฟังท่าน” (มาระโก 6:20)


เรื่องราวของกษัตริย์เฮโรดและยอห์นผู้ให้บัพติศมาถือเป็นโศกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่ประการหนึ่งในพระคัมภีร์และในประวัติศาสตร์ ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้เขากำลังรับมือกับกษัตริย์เฮโรดซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ที่อ่อนไหวและอ่อนแอ พระองค์อยากที่จะเชื่อฟังจอห์น และมีสันติสุขในพระเจ้า แต่ความอ่อนแอและความไม่แน่ใจของพระองค์ ทำให้เขาได้ทำการผิดพลาดอย่างมหันต์ นั่นคือการฆาตกรรมยอห์นผู้ให้บัพติศมา เพราะในที่ท้ายที่เฮโรดได้ตัดศีรษะของยอห์น!

เมื่อผมอ่านเรื่องของกษัตริย์เฮโรด ผมรู้สึกเสียใจแทนยอห์น แต่รู้สึกฉันโกรธเฮโรด พระองค์เป็นคนโง่ที่น่าเศร้าใจให้ พระองค์เข้ามาใกล้กับการช่วยกู้ชีวิต แต่แล้วก็ไม่เคยเป็นเช่นนั้น พระองค์ใกล้จะกลับใจใหม่ แต่พระองค์ก็ไปนรก เมื่อผมคิดถึงบทเพลงนมัสการที่กล่าวถึงเฮโรดที่นายกริฟฟิธ ร้องนั้นทำให้จิตใจของผมหดหู่

เกือบจะมารับเชื่ออยู่แล้ว
เกือบจะเชื่อในพระเยซูคริสต์
เกือบจะมาแล้วแต่ว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว
น่าเศร้า น่าเศร้าโศก เกือบแล้วแต่ก็หลงไป!
   (“Almost Persuaded,” Philip P. Bliss, 1838-1876)

เกือบจะมาแล้วแต่ว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว
น่าเศร้า น่าเศร้าโศก เกือบแล้วแต่ก็หลงไป!

บทเพลงเกี่ยวกับเฮโรดและโยฮันผู้ให่บัพติศมา บอกเราถึงความจริงของคริสเตียน

ประการแรก บทเทศนาแห่งความรอดจะเรียกให้คุณตัดสินใจทุกครั้ง คำว่า "ตัดสินใจ" กับเรา ดูเหมือนจะเป็นคำที่ไม่ดี แต่กับคำว่า "ตัดสินใจนิยม" เป็นคำสอนที่ไม่ดีเพราะคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิด! และไม่เคยยืนหยัดรับความจริงอย่างที่จอห์นผู้ให้บัพติศมาสอนเอาไว้ในพระธรรมอย่างนี้ว่า “แล้วเราจะต้องทำอย่างไร” (ลูกา 3:10) ตอนที่พระเยซูคริสต์เสด็จมา "แล้วเราจะต้องทำอย่างไร" (ลูกา 3:10) ตอนพระเยซูคริสต์เสด็จมา พระองค์ก็ทรงตรัสอย่างเดียวกัน และพระองค์ก็ทรงตรัสสองอย่างนี้ให้ผู้คนว่าจะเลือกเอาอะไร นั่นคือแผ่นดินสวรรค์และนรก เลือกทางที่กว้างซึ่งนำไปสู่ความหายนะหรือทางแคบ ๆ ที่นำเราสู่ชีวิต สร้างบ้านบนทรายหรือบนหิน พระเจ้าหรือซาตาน ผู้คนตัดสินใจเอาเองว่าจะเลือกคริสร์หรือต่อต้านพระองค์ การเทศนาของพระคริสต์เรียกร้องให้พวกเขาตัดสินใจหรือต่อต้านพระองค์ เช่นเดียวกันกับที่เปโตรที่ประกาศในวันเพ็นเทคอสต์ เปโตรเรียกร้องให้ตัดสินใจ และผู้คนก็ตอบว่า "เราจะต้องทำอย่างไร" (กิจการ 2:37) เปาโลเทศนาในกิจการบทสุดท้ายโดยแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม ในบทสุดท้ายของคำเทศนาของพระธรรมบารมีของพระธรรมเทศนาแบ่งเป็นสองกลุ่ม "บางคนก็เชื่อในสิ่งที่พูดกันและบางคนก็ไม่เชื่อ" (กิจการ 28:24) พวกเขาต้องตัดสินใจ! และในการฟื้นฟูทุกครั้งตลอดในประวัติศาสตร์คริสเตียน นักเทศน์ที่ดีมักทำเช่นนั้น บรรดาผู้ที่ได้ยินพวกเขาต้องตัดสินใจว่าจะเลือกอะไร!

ทุกวันนี้เราได้ยินคำเทศนาแบบต่างๆ แต่กลับไม่มีการเรียกร้องให้ตัดสินใจ นักเทศน์บางคนเรียกคนที่หหลงาย นักเทศน์บางคนก็เทศน์แบบนุ่มนวลและปลอบโยน และส่วนนักเทศน์คนอื่น ๆ ก็อธิบายพระคัมภีร์แบบข้อต่อข้อเหี่ยวแห้งเหมือนฝุ่นโดยไม่ได้การชำระโดยพระโลหิตของพระคริสต์ ไฟอยู่ที่ไหน ความท้าทายอยู่ที่ไหน? ไม่น่าแปลกใจที่คนหนุ่มสาวกำลังหนีออกจากคริสตจักรของเราไปเป็นจำนวนมาก! การเทศนาในวันนี้ส่วนใหญ่ไม่คุ้มค่ากับการถ่มน้ำลายออกไป - อยากอ้างคำพูดของประธานาธิบดี จอห์น แนทส์ การ์เนอร์ (1933-1941) เรื่องราวของเฮโรดและยอห์นผู้ให้บัพติศมานั้นแสดงให้เห็นถึงความไร้ค่าที่ไม่ยอมรับคำเทศนาดังกล่าว เตือนเราว่าพระคริสต์เรียกร้องให้ตัดสินใจ คุณจะตัดสินใจโดยวิธีไหน? มันมีผลต่อชีวิตของคุณหรือไม่? เปลี่ยนใจของคุณหรือไม่?

เฮโรด "ได้ยินเขาด้วยความดีใจ" เฮโรดชอบนักเทศน์ เขาชอบฟังคำสั่งสอนของเขา แต่มันไม่มีผลอะไรให้กับเขา ผมไม่ชอบคนมาบอกว่าเทศนาได้ดีมากๆ ผมไม่มีความสุขเลยที่ได้ยินอย่างนั้น แต่ผมจะดีใจใจมากเมื่อได้หรือได้เห็นคนตัดสินใจกลับใจใหม่จากบาปและกลับมาหาพระเยซู สิ่งเดียวที่ทำให้ผมพอใจคือเมื่อมีคนตัดสินใจอย่างเนี่ยวแน่และไว้ใจพระเยซู มีการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนชีวิตที่แท้จริง นั่นคือการทดสอบว่าคำเทศนาของผมได้รับพระพรจากพระเจ้าหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะสนุกกับมันหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะถูกรบกวนด้วยหรือไม่ ไม่ว่าคุณจะชอบผมและพอใจกับการเทศนาของผมหรือไม่ การทดสอบนี้ – มันนำคุณไปสู่การตัดสินใจการกระทำที่แน่นอนของการไว้วางใจพระเยซูคริสต์ด้วยหัวใจทั้งหมดของคุณ และตลอดชีวิตของคุณ? คนหนึ่งกล่าวว่า "พวกเขาต้องการอะไรมากขึ้นอีกหรือ?" พระเยซูคริสต์ต้องการชีวิตทั้งหมดของคุณ - ทั้งหมดนี้!

แต่มีเรื่องเศร้าเกี่ยวกับคนอย่างเฮโรด พระองค์เกือบตัดสินใจ พระองค์เกือบจะรับเชื่อในพระคริสต์และกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริง คนที่เหมือนเฮโรดช่างน่าเศร้าและน่าสงสารมาก คุณมาที่โบสถ์ คุณได้ยินเราสั่งสอน และคุณรู้สึกอารมณ์ คุณรู้สึกว่าคุณควรเชื่อถือพระเยซู คุณบอกว่าคุณต้องการวางใจพระองค์ แต่คุณไม่เคยทำ แทนที่จะวางใจในพระเยซู แต่คุณกลับค้นหาหนทางพิสูจน์ที่คุณเชื่อในพระองค์ มันจะไม่มีทางที่จะเกิดขึ้น! ไม่! ไม่! ทำไมไม่มี? เพราะเป็นความรู้สึกของคุณ มันเป็น "ความรู้สึก" ที่คุณต้องมีให้พระองค์ได้ก่อนที่คุณจะเชื่อพระองค์อย่างนั้นหรือ? มันไร้สาระ! วิธีเดียวที่คุณสามารถเชื่อพระเยซูคือการวางใจพระองค์แทนที่จะเป็นความรู้สึก คุณอยู่ห่างจากขั้นตอนการไว้วางใจพระเยซูเพียงแค่ขั้นตอนเดียว แต่คุณก็ไม่เคยทำ คุณเป็นคนที่แปลกมากๆ คุณมานมัสการทุกอาทิตย์ แต่คุณไม่ยอมที่จะไว้ใจในพระผู้ช่วยให้รอด คุณมาหาเราหลังจากนมัสการ - แต่คุณไม่ได้ตั้งใจที่จะวางใจพระองค์อย่างแท้จริง ผมถามคุณว่า "คุณไว้วางใจพระองค์หรือไม่" คุณพูดว่า "ไม่" คุณพูดว่า "ไม่" อย่างตรงไปตรงมา - ราวกับว่าคุณมั่นใจมาก ทำไมคุณถึงมั่นใจ? นั่นเป็นเพราะคุณกำลังมองหาความรู้สึกอะไรบางอย่าง!

ต้องมีเหตุและผล! แต่ผมขอพูดกับคุณอย่างสัตย์ซื่อและจริงใจว่า "ความรู้สึก" ที่คุณต้องการนั้นคือวิญญาณชั่ว! มารอยู่ข้างหน้าใจคุณ "ฉันต้องมีความรู้สึก! ฉันต้องการแม้มันไม่ดี! ฉันจะไม่พอใจถ้าไม่มีความรู้สึกชั่วนั้น!" เมื่อมารสามารถควบคุมความรู้สึกของคุณ แสดงว่าคุณตกเป็นทาสของมัน - มันจะเอาความรู้สึกนั้นให้กับคุณ! จากนั้นคุณจะหลงเสน่ห์และหลงใหลในตัวมันโดยที่คุณจะไม่ได้รับความรอด! มารแห่ง "ความรู้สึก" นั้นจะเป็นสิ่งที่คุณรัก เพราะมันเป็นไอดอลของคุณ เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น คุณจะอยู่ภายใต้การสะกดจิตที่คุณเองก็จะไม่อาจที่จะสามารถเชื่อใจพระเยซูผู้สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อช่วยคุณอย่างที่แท้จริงซึ่ง! และเป็นมารแห่ง "ความรู้สึก" และแล้วสุดท้ายก็คือลากคุณลงสู่นรก ผมได้ยินเสียงมารแห่ง "ความรู้สึก" หัวเราะใส่!" คุณตอนนี้! ใส่คุณตอนนี้! คุณเป็นทาสของมันและจะตกในนรกตลอดไปแล้ว มีนักเทศน์บางคนที่กลายเป็นทาสของมาร ผมรู้จักนักเทศน์ที่ดึงดูดคนเหล่านั้นไว้ และสัญญาว่าพวกจะได้รับความรอดแต่ในขณะเดียวกันพวกเขากำลังอยู่ในสถานะที่เลวร้าย พวกเขาติดตามพวกเขาเองแทนที่จะเป็นพระคริสต์ ในกรณี เหมือนกรณี ยอห์น ผู้ให้บัพติศมา

เฮโรดจับกุมยอห์นและนำไปขังในคุก เพราะภรรยาของพระองค์ที่ชื่อเฮโรเดียสเกลียดยอห์น ที่เขาไปเรียกเธอว่าเป็นหญิงล่วงประเวณี พระคัมภีร์กล่าวว่า "เฮโรดกลัวยอห์นรู้ว่าเขาเป็นคนชอบธรรมและเป็นคนบริสุทธิ์" พระองค์เห็นยอห์นเป็นคนชอบธรรม เฮโรดจึงไปหายอห์นที่อยู่ในคุกอีกครั้ง พระวจนะกล่าวว่าไป "สังเกตเขา" นั่นหมายความว่าเฮโรด "ทำให้เขาปลอดภัย" เฮโรดรู้ว่ามีบางอย่างที่ชอบธรรมและแตกต่างกันเกี่ยวกับยอห์น พระองค์ "ฟัง [จอห์น] ด้วยความยินดี" พระองค์เป็นเหมือนหลายคนที่บูชานักบุญ พวกเขารู้ว่านักบุญเป็นคนชอบธรรมเช่นเซนต์ออกุสตีน พวกเขาอาจอ่านและหลงไหลกับคำพูดของนักบุญ แต่พวกเขาไม่เคยวางใจในพระคริสต์ ถึงแม้ว่าผู้คนที่ชอบออกัสตินก็บอกให้ทำเช่นนั้น ผมคิดว่าเฮโรดมองยอห์นเหมือนที่คาทอลิกยกย่องนักบุญ "พระองค์ได้ฟังเขาด้วยความดีใจ" แต่มันไม่ได้ช่วยเขาเลย!

เฮโรดลงไปเยี่ยมยอห์นในคุก แม้รู้ว่าอาจทำให้ภรรยาของพระองค์ไม่พอใจ แต่พระองค์ยังคงไป พระองค์รู้สึกว่าถูกนำมาที่นั่น เขารู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างพาไปที่นั่นอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้ เมื่อพระองค์เข้าไปฟังยอห์น "พระองค์ฟังด้วยความยินดี" พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำให้พระองค์เข้าไปฟังผู้เผยพระวจนะ มีหลายคนที่มาคริสตจักรด้วยเหตุผลเดียวกัน พวกเขาชอบมาอยู่ในคริสตจักร แม้จะถูกต่อว่าผ่านคำเทศนาทุกครั้ง แต่พวกเขาไม่ยอมที่จำจำนนให้กับพระคริสต์ เฮโรดเกือบจะถึงจุดที่กลับใจใหม่ แต่พระองค์ก็ไม่เคยเปลี่ยนใจ ทำไมเฮโรดจึงตัดศีรษะของยอห์นผู้ให้บัพติศมา? เราจะเข้าใจเฮโรดได้อย่างไร?

ภายใต้การเทศนาของยอห์น เฮโรดรู้สึกถึงการปรากฏตัวและอำนาจของพระเจ้า พระองค์รู้ว่ายอห์นกล่าวถูกต้อง ถึงกระนั้นพระองค์ก็ไม่ยอมวางใจพระคริสต์ พระองค์เข้าใจสิ่งที่ยอห์นกำลังเทศนานั้นให้กับพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่วางใจในพระคริสต์ พระองค์ยังคงเรียนรู้และเรียนรู้อยู่เสมอ แต่พระองค์ไม่เคยตัดสินใจที่จะเชื่อพระเยซู พระองค์ไม่ต้องการเปลี่ยนชีวิตของพระองค์เอง แท้จริงแล้วพระองค์จะต้องแยกจากหญิงชั่วร้ายคนนั้นที่ชื่อเฮโลเดียส พระองค์จะต้องเปลี่ยนสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตของพระองค์ละทิ้งไป คนหนุ่มสาวหลายคนในโอเรียนเต็ลเป็นเช่นนั้น พ่อแม่ของพวกเขาปล่อยให้พวกเขามาที่คริสตจักรของเรา แต่พวกเขาไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เราสั่งสอน พวกเขาคิดว่าเราเข้มงวดเกินไป ลูก ๆ ของพวกเขามาที่โบสถ์ของเรา - แต่พวกเขาถูกดึงออกไป นั่นเป็นความจริงให้กับคุณด้วยหรือไม่? พ่อแม่ของคุณคิดว่าเราเคร่งครัดเกินไปหรือไม่? พวกเขาปล่อยให้คุณมา แต่พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์เราเมื่อพวกเขาพูดกับคุณ พวกเขาบอกคุณว่าอย่ามาคริสตจักรบ่อยเกินไป พวกเขากล่าวว่า "ต้องไปคริสตจักรบ่อยอย่างนั้นเลยหรือ?" คุณจึงถูกตักขาดระหว่างพ่อกับแม่และคริสตจักรนี้ คุณรู้ว่าเรากล่าวถูกต้อง แต่คุณก็ต้องการให้พ่อแม่พอใจในตัวคุณ คุณกลัวที่จะยืนอยู่กับเราต่อต้านพ่อแม่ที่ไม่ใช่คริสเตียนของคุณ พวกเขาลืมสิ่งที่พระเยซูตรัสว่า "ผู้ที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา" (มัทธิว 10:37) แท้จริงแล้วเฮโรดอยากเป็นคริสเตียน แต่พระองค์ก็อยากจะอยู่ฝ่ายนางเฮโลเดียวด้วย พระคัมภีร์กล่าวว่า "คนสองใจเป็นคนไม่มั่นคงในบรรดาทางทั้งหลายที่ตนประพฤตินั้น” (ยากอบ 1: 8) ดร. ชาร์ลส ซี ไรรีย์ กล่าวว่า "คนสองสองจิตสองใจคือคนแบ่งแยกความจงรักภักดี" (Ryrie Study Bible) เฮโรดไม่ผิดหรอ? พระองค์อยากเป็น คริสเตียน แต่ก็อยากจะช่วยเหลือนางเฮโลเดียส เขาเป็นสองจิตสองใจ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเป็นคริสเตียนแท้ได้

เมื่อเร็ว ๆ นี้เรามีสาวเอเชียที่เป็นแบบนั้น เธอต้องการที่จะทำให้พ่อแม่พอใจที่ไม่ใช่คริสเตียนของเธอ แต่เธอก็อยากเป็นคริสเตียน และแล้สดูเหมือนเธอจะเป็นคนที่ไม่มีความสุข สุดท้ายเลยมาหาพระเยซู เธอตัดสินใจที่จะไปกับพ่อแม่ของเธอและมาหาพระเยซู ขณะที่เธอทำอย่างนั้นเธอก็เปลี่ยนใจ เธอตัดสินใจที่จะให้พระเยซูคริสต์เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเธอ ความวุ่นวายทั้งหมดหายไปและตอนนี้เธอเป็นคริสเตียนที่น่ารัก แต่เฮโรดตัดสินใจเลือกที่จะไม่อยู่ฝ่ายยอห์นผู้ให้รับบัพติศมาไปผยู่ฝ่ายนางเฮโรเดียอาส ดังนั้นเขาจึงไม่เคยกลายมาเป็นคริสเตียนแท้จริง เขาตายและลงไปนรก พระคัมภีร์กล่าวว่า "ท่านทั้งหลายจงเลือกเสียในวันนี้ว่าพวกท่านจะปรนนิบัติผู้ใด" (โยชูวา 24:15) คุณต้องเลือกระหว่างบิดามารดาที่หลงหายหรือว่าพระเยซูคริสต์ คุณต้องเลือกระหว่างเพื่อนที่หลงหายหรือพระเยซูคริสต์ ไม่มีทางอื่นที่จะการช่วยคุณให้รอดนอกจากพระคริสต์ อย่าเกียจคร้านและสองจิตสองใจเหมือนเฮโรด จงเลือกพระเยซูคริสต์และคริสตจักร จงตัดสินใจให้ชัดเจน "เลือกวันนี้ที่คุณจะรับ" (ยากอบ 1: 8) "คนใจแคบไม่มั่นคงในทุกวิถีทางของเขา" พระเยซูตรัสว่า "ผู้ที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเราก็ไม่สมกับเรา" (มัทธิว 10:37)

เฮโรดไปฟังยอห์นเทศนา และ "เมื่อเขาได้ยิน เขาทำหลายสิ่งหลายอย่าง" ใช่เขาทำหลายสิ่งหลายอย่าง ใช่ทุกอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขายอมแพ้บาปบางอย่าง ใช่ "เขาทำอะไรหลายอย่าง" แต่เขาไม่เคยทำสิ่งหนึ่งที่ยอห์นขอให้เขาทำ เขาไม่เคยเชื่อพระคริสต์! ไม่ใช่เหตุผลที่คุณเกือบจะนับถือศาสนาคริสต์? เกือบแต่ก็ยังหายไป! "ทำหลายสิ่งหลายอย่าง" ไม่เพียงพอ หญิงสาวคนหนึ่งกล่าวว่า "พวกเขาต้องการอะไรมากกว่านั้น?" เธอควรจะพูดว่า "พระเจ้าทรงต้องการอะไรมากกว่านั้น?" ดร. มาร์ตีน ลอยด์โจนส์ ก็เคบเทศนาเอาไว้อย่างนั้น และนี่ผมก็ดัดแปลงมาจากต้นฉบับของท่าน ดร. ลอยด์โจนส์กล่าวว่า "อะไรที่นำให้คุณหันหลังกลับ? ลองตรวจสอบตัวเอง จงฉลาดและปล่อยมันไป! หลายสิ่งหลายอย่างไม่เพียงพอ พระเจ้าต้องการทุกอย่างของคุณมิใช่เพียงการสละบาปบางอย่าง แต่เป็นการกระทำทั้งหมดของคุณ "ชีวิตทั้งชีวิตของคุณต้องมอบให้กับพระคริสต์! (D. Martyn Lloyd-Jones, M.D., “Missing the Mark”)

มีอีกเพียงสิ่งเดียวที่ผมอยากจะจะพูด ในข้อ 24 เฮโรเดียสบอกลูกสาวของเธอว่าอยากได้ศีรษะของยอห์นแบ็บติสต์ เฮโรดเสียใจมาก แต่ "เพื่อเห็นแก่ผู้ที่นั่งกับเขาพระองค์จึงไม่ทรงปฏิเสธเธอ" (มาระโก 6:26) โอ้นั่นมันคือความห่วงใยต่อชื่อเสียงของตัวเองและเห็นแก่คนอื่น ในหัวใจของเขาเขารู้ว่าคนเหล่านี้ผิด ในทางตรงกันข้ามพระองค์ชื่นชมยอห์นและรู้ว่าเขาถูกต้อง ถึงกระนั้นพระองค์ก็ทรงมอบตัวเองให้กับทำบาปและปฏิเสธคำประกาศของยอห์น พระองค์ยอมสละความรอดนิรันดร์ทิ้งและไปสู่นรกเพียงเพราะกลัวว่าคนเหล่านี้จะคิดอย่างไรให้กับพระองค์ โอ้นี่เป็นความความบ้ากันทั้งนั้น! ถึงแม้คนทั้งโลกจะหัวเราะเยาะคุณ แม้ว่าทั้งครอบครัวจะยอมรับว่าคุณเป็นคนคลั่งไคล้ศาสนาก็ตาม ทุกคนเรียกคุณว่าอ้ายโง่ ที่สำคัญพระเจ้าทรงรับคุณหรือเปล่า? เพราะพระองค์เป็นผู้พิพากษาแต่เพียงผู้เดียว!

ทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงบอกคุณ เชื่อพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ และแสดงให้ทุกคนในครอบครัวและเพื่อนฝูงของคุณและทั้งโลกนี้รู้ว่าคุณหันหลังให้กับโลกเลวทรามนี้แล้ว - และมอบชีวิตทั้งหมดให้กับพระเยซูคริสต์!

เมื่อคุณรู้ว่าพระเยซูคริสต์ถูกต้องและเป็นจริง คุณจะไม่มีวันมีสันติสุขจนกว่าคุณจะมอบชีวิตทั้งสิ้นให้กับพระองค์ เฮโรดแย่มาก! ชีวิตของพระองค์แย่มากแค่ไหนหลังจากที่พระองค์สั่งให้ตัดศีรษะยอห์น! มันหลอกหลอนและทรมานชีวิตของเขามาก เมื่อเฮโรดได้ยินเรื่องพระเยซู พระองค์คิดว่าพระเยซูได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย คำสอนของยอห์นนี้หลอกหลอนเขาในความฝันในเวลากลางคืน! เขาฝันถึงจานที่เข้ามาหาเขาด้วยหัวของจอห์นที่วางอยู่บนนั้น แม้ว่าคุณปฏิเสธความจริงที่คุณไม่ได้ผ่านมัน มันจะหลอกหลอนคุณและทรมานคุณตลอดกาล จะทำให้คุณไม่มีสันติสุข เฮโรดฝันร้ายเกี่ยวกับยอห์น - "โอ้ทำไมถึงไม่ยอมฟังยอห์น? โอ้ ยอห์นทำไมเราถึงสิ่งที่ผู้คนจะคิดกับเรา? โอ้จอห์นเราเป็นคนโง่อะไรเช่นนี้"

ภาพชีวิตของเฮโรดหลังจากที่พระองค์ตัดศีรษะจอห์น นั่นจะเป็นชีวิตของคุณ และยิ่งกว่าถ้าคุณไม่ได้ตัดสินใจที่จะละทิ้งโลกนี้และมาวางใจในพระเยซูคริสต์และมอบตัวเองให้กับพระองค์ ผมไม่กลัวถูกกล่าวหาว่าพยายามทำให้คุณตกใจ แน่นอนผมพยายามที่จะขู่คุณ ถ้าความรักอันมหัศจรรย์ของพระเยซูคริสต์ไม่ดึงดูดคุณ ผมจะพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อทำให้คุณกลัว ด้วยความน่าสะพรึงกลัวนี้ก็ทำให้คุณได้รับชีวิตนิรันดร์ ไม่อยากให้คุณความรู้สึกผิดไปชั่วนิรันดร์ นั่นคือสิ่งที่รอให้ทุกคนละทิ้งทุกอย่างและยอมรับพระคริสต์อย่างสิ้นสุดใจ ขอให้พระคริสต์ทรงช่วยคุณให้รอดจากความบาปของคุณ ในขณะที่พระองค์กำลังรอคอยอยู่ จงมาหาพระคริสต์โดยความเชื่อและวางใจในพระองค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่มีทางอื่นใดที่จะสามารถรอดได้ อาเมน จอห์น คาเกน โปรดมาและนำเราอธิษฐานเผื่อคนที่จะมอบชีวิตทั้งหมดให้กับพระเยซู

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

ร้องเพลงพิเศษก่อนเทศนาโดย นาย เบนจามิน คิมเกด กรีฟิฟฟี่:
“Almost Persuaded” (Philip P. Bliss, 1838-1876).