เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
คายาฟาส - ชายผู้ที่วางแผนฆ่าพระคริสต์!CAIAPHAS – THE MAN WHO เขียนบทเทศนาโดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “แต่คนหนึ่งในพวกเขา ชื่อคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่พิจารณาด้วยว่า จะเป็นประโยชน์แก่เราทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศเขามิได้กล่าวอย่างนั้นตามใจชอบ แต่เพราะว่าเขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น จึงพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระชนม์แทนชนชาตินั้น และมิใช่แทนชนชาตินั้นอย่างเดียว แต่เพื่อจะรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปนั้น ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย” (ยอห์น 11:49-53) |
เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงท้ายการทำพันธกิจของพระคริสต์ หลังจากที่พระเยซูยกลาซารัสขึ้นมาจากความตายแล้วพระองค์ก็ทรงปลิกตัวหนีออกไปในชนบท พระองค์ไม่ได้กลับมายังกรุงเยรูซาเล็มจนกว่าจะถึงสัปดาห์สุดท้ายก่อนถูกตรึงบนกางเขน บางคจะคิดว่าการยกลาซารัสจากความตายน่าจะทำให้ผู้นำศาสนา เกิดความเชื่อในพระองค์ แต่ก็ไม่ พระเยซูตรัสก่อนหน้านี้ว่า “ถ้าเขาไม่ฟังโมเสสและพวกผู้พยากรณ์ แม้คนหนึ่งจะเป็นขึ้นมาจากความตาย เขาก็จะยังไม่เชื่อ” (ลูกา 16:31) การอัศจรรย์ยังไม่สามารถทำให้คนกลับใจมาหาพระเจ้าได้ ตอนนี้เมื่อพวกมหาปุโรหิตและพวกฟาริสีเห็นว่าพระเยซูกำลังทำ "อัศจรรย์หลายอย่าง” พวกเขาจึงเรียกประชุมตามที่เรียกกันว่า “สภา” สมาชิกของเซนเฮดริน (ยอห์น 11: 47) และมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นที่สภานี้ คายาฟัสได้พยากรณ์ถูกต้องเพื่อต่อต้านพระคริสต์ หนังสืออรรถธิบายพระคัมภีร์ใหม่ อธิบายถึงเหตุการณ์: คายาฟาสเป็น "นักสู้นักฉวยโอกาสผู้ไม่รู้จักความหมายของความเป็นธรรมหรือความยุติธรรม... เขาไม่สำนึกจากการหลั่งโลหิตที่ไร้เดียงสา [เขาทำในสิ่งที่เขาทำ] ดูราวกับว่ามันเป็นสิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับความต้องการของประชาชน คายาฟาสอิจฉาพระเยซู คายาฟาสต้องการให้พระเยซูถูกสังหารเพื่อเป็นไปตามความต้องการของตนเอง เพื่อให้พระเยซูเขาถูกลงโทษ เขาจึงใช้วิธีการที่ชาญฉลาด ... เขาเป็นคนหน้าซื่อใจคดเพราะในการทดลองครั้งสุดท้าย ... เมื่อเขาเต็มไปด้วยความยินดีเพราะเขาได้พบสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นดิน สำหรับการลงโทษของพระเยซูคริสต์เขาฉีกเสื้อคลุมของปุโรหิตของเขาราวกับว่าเอาชนะด้วยความเศร้าโศกอย่างสุดซึ้ง! อย่างเช่น คายาฟัส ลองดูที่ Josephus, Antiquities, XVIII, 4:3” (William Hendriksen, Th.D., New Testament Commentary, Baker Book House, 1981 edition, volume I, p. 163; note on John 11:49-50) จงสังเกตดูอีกครั้งว่ามหาปุโรหิตผู้ชั่วร้ายได้พยากรณ์ เช่นเดียวกับบาลาอัมในพระคัมภีร์เก่าคนชั่วนี้ทำจริงคำทำนายที่แท้จริง “แต่คนหนึ่งในพวกเขา ชื่อคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่พิจารณาด้วยว่า จะเป็นประโยชน์แก่เราทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศเขามิได้กล่าวอย่างนั้นตามใจชอบ แต่เพราะว่าเขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น จึงพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระชนม์แทนชนชาตินั้น และมิใช่แทนชนชาตินั้นอย่างเดียว แต่เพื่อจะรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปนั้น ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย” (ยอห์น 11:49-53) พระคัมภีร์กล่าวว่า “ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย” (ยอห์น 11:53) หนึ่งสัปดาห์ต่อมาคายาฟาสส่งทหารไปจับกุมพระเยซูขณะที่พระองค์อธิษฐานในสวนเกทเสมนี คนเหล่านั้นพาพระองค์ไปหาคายาฟาสผู้ที่กล่าวแก่พระองค์ว่า "เราสั่งให้ท่านสาบานโดยอ้างพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ให้บอกเราว่า ท่านเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าหรือไม่” (มัทธิว 26:63) พระเยซูตรัสตอบว่า" “ขณะนั้นมหาปุโรหิตจึงฉีกเสื้อของตน แล้วว่า “เขาได้พูดหมิ่นประมาทแล้ว เราต้องการพยานอะไรอีกเล่า ดูเถิด บัดนี้ ท่านทั้งหลายก็ได้ยินเขาพูดหมิ่นประมาทแล้ว ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร” คนทั้งปวงก็ตอบว่า “เขามีความผิดถึงตาย แล้วเขาถ่มน้ำลายรดพระพักตร์พระองค์และตีพระองค์ และคนอื่นเอาฝ่ามือตบพระองค์แล้วว่า “เจ้าพระคริสต์ จงพยากรณ์ให้เรารู้ว่าใครตบเจ้า?” (มัทธิว 26:65-68) มหาปุโรหิตไม่มีอำนาจสั่งการผู้คน เพราะฉะนั้นคายาฟาสจึงลากพระเยซูไปให้ปอนติอุสปิลาตผู้ว่าราชการชาวโรมันและเรียกร้องให้ชาวโรมันตรึงพระองค์ เป็นการยากที่จะจัดเตรียมบทเทศน์เกี่ยวกับชีวประวัติเช่นนี้ แต่เป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่จะสรุปตารมสองข้อจากคำพูดและการกระทำของคนนี้ โจเซฟ คายาฟาสมหาปุโรหิตผู้วางแผนตรึงพระเยซูคริสต์บนกางเขน I. หนึ่ง คายาฟาสคือผู้เชื่อที่เคร่งครัด และยังพูดความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อคนบาป คายาฟาสคือลูกเขยของมหาปุโรหิตหลวงอย่างแอนนัส เขาดำรงตำแหนงนี้มานานกว่า 18 ปี และถือว่านานกว่าคนอื่นๆ ด้วย แต่น่าเสียดายที่เราสามารถรู้ได้ว่าเขาเป็นผู้คนแบบไหน ยกตัวอย่างเช่นหลายต่อหลายครั้งเมื่อตอนที่ ดร. ไฮเมอร์ส อายุยังน้อย ท่านถูกบอกว่า "คุณไม่สามารถสั่งสอนแบบนั้นได้" หรือ "คุณไม่สามารถเทศนาแบบนั้นได้" ในขณะที่หลายปีผ่านไปแล้วก็เห็นได้ชัดว่าคำแนะนำนี้ ผิด คนที่บอกเขาว่ากังวลเกี่ยวกับตำแหน่งมากกว่าความจริงตามที่ได้รับในพระคัมภีร์ นักเทศน์ไม่สามารถพอใจกับผู้ชายที่มีความห่วงใยเพียงอย่างเดียวกับการรักษางานของพวกเขาและไม่สร้างความรำคาญให้กับทุกคน คายาฟาสเป็นคนแบบนั้น เขารู้ว่าพระเยซูทรงทำ "ปาฏิหาริย์หลายอย่าง" (ยอห์น 11:47) แต่เขาสนใจเท่านั้นที่จะหยุดยั้งพระเยซูให้พ้นจากความได้เปรียบทางการเมือง เขาคิดว่า "ถ้าเราปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวเราจะสูญเสียอะไรบางอย่าง" พระเยซูทรงตรัสและทำในสิ่งที่พระองค์ทีงตรัสนั้น และทรงทำด้วยความรักและโดยการเชื่อฟังพระเจ้า คายาฟาสกล่าวและทำในสิ่งที่เขาพูดและแต่การกระทำกลับไม่คิดเกี่ยวกับพระเจ้า ในคริสตจักรของเรามีหลายคนเหมือนเช่นเขา เขาเป็นคนเคร่งศาสนามาก เขายังพูดความจริงเกี่ยวกับการชดใช้ของพระคริสต์ เมื่อเขากล่าวว่า" “ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศ”(ยอห์น 11:50) ดังนั้น เขาจึงพูดถึงความจริงเกี่ยวกับการทรงพระชนม์ของพระคริสต์แทนคนบาป ตามการทพยากร์ของอิสยาห์ “แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี” (อิสยาห์ 53:5) แต่ระวัง! คุณสามารถรู้คำเหล่านั้นโดยไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย! นั่นเป็นกรณีของคายาฟาส เขารู้คำพูดหล่านั้นเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับชีวิตของเขาเลย นี่คือมหาปุโรหิตคนเดียวกันที่ขู่เปโตรตอนเขาประกาศเรื่องการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์จากความตาย แต่เพราะเขากลัวประชาชนเขาจึงเพียงแค่ขู่เปโตรและปล่อยเขาไป (กิจการ 4:21) อีกประการหนึ่งคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตองค์คนเดียวกันที่จับอัครสาวกเข้าคุก (กิจการ 5: 17-18) แต่พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาเพื่อเปิดประตูคุกและปล่อยพวกเขาออก แล้วคายาฟาสก็ส่งเจ้าหน้าที่นำเปโตรไปที่ศาลสูงสุด "โดยปราศจากความรุนแรง ... เกรงว่าเขาควรจะถูกขว้างด้วยก้อนหิน" (กิจการ 5:26) มีคนจำนวนมากกำลังฟังอัครสาวกทั้งหลายอยุ๋ ดังนั้นคายาฟาสกลัวว่าฝูงชนจะขว้างปาเขาให้ตาย ถ้าเขาทำร้ายพวกสาวก! ชายคนหนึ่งในศาลสูงสุดชื่อกามาลิเอลบอกคายาฟาสกับคนอื่น ๆว่า “ในกรณีนี้ ข้าพเจ้าจึงว่าแก่ท่านทั้งหลายว่า จงปล่อยคนเหล่านี้ไปตามเรื่อง อย่าทำอะไรแก่เขาเลย เพราะว่าถ้าความคิดหรือกิจการนี้มาจากมนุษย์ก็จะล้มละลายไปเอง แต่ถ้ามาจากพระเจ้า ท่านทั้งหลายจะทำลายเสียก็ไม่ได้ เกลือกว่าท่านกลับ [จะเป็น] ผู้สู้รบกับพระเจ้า” (กิจการ 5:38-39) คายาฟาสและคนอื่นเห็นด้วยกับกามาลิเอล แต่พวกเขาทำอะไร? พวกเขาเกรงกลัวพระเจ้าหรือไม่? ไม่! พวกเขาตีพวกสาวกและ "สั่งให้พวกเขาไม่ให้กล่าวถึงพระนามของพระเยซูและปล่อยพวกเขาไป" (กิจการ 5:40) “ที่ในพระวิหารและตามบ้านเรือน เขาได้สั่งสอนและประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ ทุก ๆ วันมิได้ขาดt” (กิจการ 5:42) ดังนั้น เราจึงออกจากคายาฟาส - อ่อนแอไม่สามารถหยุดเที่จะทศนาพระกิตติคุณและแพร่กระจายความเชื่อของเรา เขาไม่เคยมีพระเจ้าและกลับใจจากบาปของเขา เขามุ่งมั่นแต่เรื่องการเมือง -ที่เกี่ยวข้องดดยตรงกับพระเจ้า แต่กลับไม่เกรงกลัวพระเจ้า – จนกว่าเขาถูกไล่ออกจากตำแหน่งฐานะปุโรหิตโดยปีลาต วาทิวลา สองสามปีต่อมาในปี ค. ศ. 36 ตามโจเซฟัส (Antiquities, XVIII:4, 2) ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากที่เขาถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แต่ต่อมาได้มีการค้นหีบหินปูน (กระดูก) ที่มีกระดูกของคนตายถูกค้นพบในกรุงเยรูซาเล็มในปี ค. ศ. 1991 ซึ่งเชื่อกันว่านี่กระดูกของคายาฟาส – ต่อมานักโบราณคดีเชื่อว่านี่เป็นโลงศพที่แท้จริงของเขา (Archaeological Study Bible, Zondervan, 2005, p. 1609; note on Matthew 26:3) ผู้คนจดจำเขาในนาม “ผู้รับผู้ชอบการฆาตกรรม [พระเยซู] ผู่ไม่มีความผิด” (John D. Davis, D.D., Davis Dictionary of the Bible, Baker Book House,1978 edition, p. 114) II. สอง คายาฟาสเหมือนคาอิน - และไม่เคยรับการช่วยกู้ คายาฟาสและคาอินเป็นคู่ขนานระหว่างกัน คาอินรู้ดีถึงการนำเครื่องบูชาไถ่บาปด้วยเลือดไ เหมือนอาเบล แต่คาอินไม่ได้กลับใจที่จะทำ “คาอินได้ลุกขึ้นต่อสู้อาแบลน้องชายของเขาและฆ่าเขา” (ปฐมกาล 4:8) พระคัมภีร์ใหม่เชื่อมระหว่าง คาอินและชายอย่างคายาฟาส ยอห์นกล่าวว่า “อย่าเป็นเหมือนคาอินที่มาจากมารร้ายนั้น และได้ฆ่าน้องชายของตนเอง และเหตุใดเขาจึงฆ่าน้องชาย ก็เพราะการกระทำของเขาชั่ว และการกระทำของน้องชายนั้นชอบธรรม พี่น้องทั้งหลายของข้าพเจ้าเอ๋ย อย่าประหลาดใจถ้าโลกนี้เกลียดชังท่าน” (1 ยอห์น 3:12-13) คายาฟาสเป็นเหมือนช่นคาอินได้รับอิทธิพลจากซาตาน "คนชั่วคนหนึ่ง" คาอินและคายาฟาสก็เป็น "ชาวโลก" เขาไม่เคยหยุดฟังซาตาน เขาไม่เคยทิ้ง "โลก" ไว้เพื่อรับใช้พระเจ้า Essenes ของชุมชน Qumran ที่เป็นชาวยิวและเป็นค้นพบ Dead Sea Scrolls เรียกคายาฟาสว่า "ปุโรหิตที่ชั่วร้าย" (Archaeological Study Bible, ibid.) คาอินฟาสและคาอินคือบุคคลที่เตือนสติคริสเตียนที่ยังคงหลงหาย ทั้งคาอินและคายาฟาสรู้เรื่องการบูชาด้วยเลือด ทั้งคาอินและคายาฟาสพูดโดยตรงกับพระเจ้า พระเจ้าพระบุตรได้ตรัสกับคายาฟาสอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงตรัสต่อคาอิน (ปฐมกาล 4: 6-7) ทั้งคาอินและคายาฟาสยักเสียงพระเจ้าพูดกับมโนธรรมของตนและพุ่งไปสู่ชีวิตที่มุ่งตน ทั้งคาอินและคายาฟาสจะยืนอยู่ต่อหน้าพระคริสต์ในการพิพากษาครั้งสุดท้ายและพระองค์จะตรัสกับพวกเขาว่า" “เราไม่เคยรู้จักเจ้าเลย เจ้าผู้กระทำความชั่วช้า จงไปเสียให้พ้นจากเรา” (มัทธิว 7:23) จากนั้นพวกเจา“แต่บรรดาลูกของอาณาจักรจะต้องถูกขับไล่ไสส่งออกไปในที่มืดภายนอก ที่นั่นจะมีเสียงร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” (มัทธิว 8:12) เช้านี้ผมขอเตือนคุณ! – ให้มั่นใจว่าคุณคิดเกี่ยวกับพระเจ้า! ให้มั่นใจว่าคิดถึงบาปของคุณ! และให้มั่นใจว่าไม่ใช่เพียวแค่ใช่ “คำพูดที่ถูกต้อง” ให้มั่นใจว่าคุณสำนึกในบาป! “จงเป็นทุกข์โศกเศร้าและคร่ำครวญ จงให้การหัวเราะของตนกลับกลายเป็นการคร่ำครวญ และความปีติยินดีของตนกลับกลายเป็นความเศร้าสลด” (ยากอบ 4:9) ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้รับการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ซึ่งจริงๆแล้วคุณได้เผชิญหน้ากับพระเยซูคริสต์เลยแม้แต่น้อย และได้รับการชำระล้างจากความผิดบาปของคุณด้วยเลือดของตัวเอง (วิวรณ์ 1: 5) อย่ารอ! อย่าปฏิเสธที่จะมาหาพระเยซู! อย่ารอจนกว่าพระเจ้ายอมปล่อยคุณทิ้งและใจที่ถูกเนรเทศ! ฉันเพิกเฉยต่อพระผู้ช่วยให้รอดนานเกินไป ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาออกมาและอธิษฐานปิดการนมัสการ ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่: |
โครงร่างของ คายาฟาส - ชายผู้ที่วางแผนฆ่าพระคริสต์! CAIAPHAS – THE MAN WHO เขียนบทเทศนาโดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “แต่คนหนึ่งในพวกเขา ชื่อคายาฟาสเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น กล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายไม่รู้อะไรเสียเลย และไม่พิจารณาด้วยว่า จะเป็นประโยชน์แก่เราทั้งหลาย ถ้าจะให้คนตายเสียคนหนึ่งเพื่อประชาชน แทนที่จะให้คนทั้งชาติต้องพินาศเขามิได้กล่าวอย่างนั้นตามใจชอบ แต่เพราะว่าเขาเป็นมหาปุโรหิตประจำการในปีนั้น จึงพยากรณ์ว่าพระเยซูจะสิ้นพระชนม์แทนชนชาตินั้น และมิใช่แทนชนชาตินั้นอย่างเดียว แต่เพื่อจะรวบรวมบุตรทั้งหลายของพระเจ้าที่กระจัดกระจายไปนั้น ให้เข้าเป็นพวกเดียวกันตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาทั้งหลายจึงปรึกษากันจะฆ่าพระองค์เสีย ” (ยอห์น 11:49-53) (ลูกา 16:31 เอเฟซัส 2: 1 ยอห์น 11: 47-48, 49-52, 53; I. หนึ่ง คายาฟัสคือผู้เชื่อที่เคร่งครัด และยังพูดความจริงเกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์ของพระองค์เพื่อคน บาป, ยอห์น 11:47, 50; อิสยาห์ 53: 5; กิจการ 4:21; 5: 17-18, 26, 38-39, 40, 42.
II. สอง คายาฟัส เหมือนคาอิน - และไม่เคยรับความรอด |