เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ความเหี่ยวแห้งจากผลงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์THE WITHERING WORK OF GOD’S SPIRIT โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนคร ลอสแอนเจลิส |
สถาบันเสรีนิยมสอนพวกเราว่ามีสองอิสยาห์ แต่พวกเขาผิด เพราะ 39 บทแรกกล่าวถึงความบาปและการกลับมาของพวกเชลย แต่ 40 บทหลัง ผู้เผยพระวจนะกล่าวถึงการไถ่พวกเขา ตอนที่สองพูดถึงความรอดผ่านทางการทนทุกข์ของพระคริสต์ “เสียงหนึ่งร้องว่า ร้องซิ และเขาว่า ข้าจะร้องว่ากระไร บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และความงาม [ความรัก NASV สง่าราศีของพวกเขา NIV] ทั้งสิ้นของมันก็เป็นเสมือนดอกไม้แห่งทุ่งนา ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป เพราะพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์เป่ามาถูกมัน มนุษยชาติเป็นหญ้าแน่ทีเดี ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” (อิสยาห์ 40:6-8) “เสียงหนึ่งร้องว่า ร้องซิ” เสียงที่พูดให้กับผู้เผยพระวจนะนั้นคืออะไร? นั่นคือ “เสียงของพระเจ้า” ที่อยู่ในข้อที่ห้า ภาษาฮีบรูคำว่า “ร้อง” คือคำว่า qârâ หมายถึง “ร้องออกมา” – [การเผชิญหน้า] ของคนที่มาพบกัน” (Strong #7121) เหมือนคำฮีบรูที่ถูกใช้ในอิสยาห์ 58:1 “จงร้องดัง ๆ อย่าออมไว้ จงเปล่งเสียงของเจ้าเหมือนเป่าแตร จงแจ้งแก่ชนชาติของเราให้ทราบถึงเรื่องการละเมิดของเขา แก่วงศ์วานของยาโคบเรื่องบาปของเขา” (อิสยาห์ 58:1) นั่นคือสิ่งที่ ยอหน์ บัพติสโต เทศนา ยอห์น ได้พพูดถึงอิสยาห์ 40:3 ท่านกล่าว่า “เราเป็นเสียงของผู้ที่ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า จงกระทำมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป ตามที่อิสยาห์ผู้พยากรณ์ได้กล่าวไว้” (ยอห์น 1:23; อิสยาห์ 40:3) “ร้อง” ในภาษากรีกอยู่ใน ยอห์น 1:23 คือคำว่า bǒaō ซึ่งหมายถึง “การตะโกน...ร้องออกมา” (Strong) ภาษาฮีบรูและภาษากรีกคือ “ร้องออกดังๆ” (อิสยาห์ 58:1) หมายความว่านักเทศน์ต้องพูดเสียงดังเป็นกระบอกเสียงของพระเจ้า ... "ตะโกนและร้องไห้ออกมา" ให้กับผู้ที่หลงหายและสับสน! บรรดานักเทศน์ควรร้องดังๆออกมาให้กับผู้ที่ฟังพระวจนะของพระเจ้า น่าเศร้านี่ไม่ใช่รูปแบบที่นิยมให้กับนักเทศน์ในทุกวันนี้ นั่นเป็นเพราะการไม่เชื่อฟังหลักพื้นฐานในพระคัมภีร์เกี่ยวกับการเทศนา นักเทศน์สมัยใหม่ "เทศนาแบบใช้เสียงเบาๆและไปในรูปแบบการสั่งสอน" ไม่เหมือนคนสมัยก่อน เหล่านักเทศน์สมัยใหม่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า พระเจ้าตรัสกับอิสยาห์ว่า "จงร้องเสียงดังและขอเบิกไม่ได้" คำเทศนาที่ทันสมัยไม่ใช่ตามตัวอย่างของพระเยซู พระเยซู “ร้อง...ในพระวิหารช” (ยอห์น 7:28), และเหมือนตอนที่พระเยซูทรงยืนขึ้นและตะโกนร้อง” ใน ยอห์น 7:37. หรือก็ไม่เหมือนปโตรเทศนาในวันเพนเทคอย เขากล่าวว่า “ท่านชาวยูเดียและบรรดาคนที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้ และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้าเถิด” (กิจการ 2:14) ดร. จอห์น กิล กล่าวว่า "และยกเสียงของเขาขึ้น เพื่อให้คนทั้งมวลได้ยิน... รวมทั้งแสดงถึงความกระตือรือร้นและด้านจิตวิญญาณและความอดทน ด้วยว่าเมื่อได้รับการทรงสถิตโดยพระวิญญาณจากเบื้องบน เขาก็ไม่หวาดกลัวต่อมนุษย์" (An Exposition of the New Testament; note on Acts 2:14) ผมขอย้ำอีกครั้ง นักเทศน์ที่เทศน์อยู่บนธรรมาส์ในทุกวันนี้ ล้วนเป็นคนที่ไม่เชื่อฟังพระเจ้า การเทศนาของพวกเขานั้นเป็นการแสดงถึงการไม่ทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า อาจารย์เปาโลได้กล่าวถึงหมายสำคัญขอิงการละทิ้งความเชื่อเอาไว้ว่า จงประกาศพระวจนะ...ในขณะที่มีโอกาสและไม่มีโอกาส จงว่ากล่าว ห้ามปราม และตักเตือนด้วยความอดทนทุกอย่างและการสั่งสอนพราะจะถึงเวลาที่คนจะทนต่อคำสอนอันถูกต้องไม่ได้ แต่เขาจะรวบรวมครูไว้ให้สอนในสิ่งที่เขาชอบฟัง ตามความปรารถนาของตนเอง เพราะมีหูที่คัน NASV)” 2 ทิโมธี 4:2, 3) “สั่งสอน” อย่างต่อเนื่อง แต่การเทศนากลับถูกลืม ทุกอย่างที่เราได้ยินคือสอน – “สอน” โดยไม่มีไฟ! นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้มาจากสถาบันพระคริสตธรรม! สอนแบบเหี่ยวแห้ง สอนพระคัมภีร์ข้อต่อข้อ! ไม่มีใครได้ยินประเสริฐและไม่มีใครถูกรบกวในฝ่ายวิญญาณโดยผ่านการ "สอน" คุณไม่สามารถ "สอน" แพะให้เป็นแกะได้! พวกเขาต้องได้รับฟังคำการเทศน์ถึงความบาปและความเกียจคร้าน! "เสียงร้องว่า" ร้อง" (อิสยาห์ 40: 6) นั่นคือลักษณะของการประกาศพระกิตติคุณที่แท้จริง! ไม่มีอะไร เพราะการประกาศที่แท้จริงนั้นเป็นการดลใจโดย เพื่อคลื่อนไหวและเปลี่ยนใจที่ตายแล้วให้กลับมามีชีวิต! ไม่มีสิ่งใดนอกจากคำเทศนาที่ทำให้วิญญาณได้รับการฟื้นฟู ไบรอัน เอช เอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า "การเทศนาฟื้นฟูมีพลังและอำนาจที่นำพระวจนะของพระเจ้าที่เป็นเหมือนค้อนทุบลงในหัวใจและมโนธรรม นี่คือสิ่งที่ขาดหายไปจากคำเทศนาของนักเทศน์ส่วนใหญ่ของเราในทุกวันนี้ นักเทศน์ที่เทศนาในงานฟื้นฟูนั้นไร้” (Revival! A People Saturated With God, Evangelical Press, 1997 edition, p. 103) ดร. ลอยด์ โจนส์ เป็นหนึ่งในนักเทศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ยี่สิบ เขากล่าวว่า "การเทศนาคืออะไร? ตรรกะที่ว่าด้วยไฟ! ... เป็นศาสนศาสตร์แห่งไฟ และเป็นศาสนศาสตร์แห่งไฟที่ไร้ข้อตำหนิ ... การเทศนาเป็นเหมือนไฟ ... ผมบอกว่าคนที่สามารถพูดในสิ่งเหล่านี้ได้โดยปราศจากความรัก ไม่มีสิทธิอะไรที่จะไปยืนอยู่บนธรรมาสน์ และไม่ควรได้รับอนุญาตด้วย" (Preaching and Preachers, p. 97) แล้วอิสยาห์ก็กล่าวว่า “ข้าจะร้องว่ากระไร?” (อิยาห์ 40:6) ชายหนุ่มคนหนึ่งบอกผมถึงสิ่งที่อาจารย์ในสถาบันพูด เขาบอกว่า เราต้องเตรียมบทเทศนาล่วงหน้าไว้หกเดือน นอกจากคนบ้าเท่านั้นที่ทำอย่างนี้! นักเทศน์ที่ทำเช่นนี้ ไม่ใช่นักเทศน์ที่แท้จริง เพราะไม่ใช่คำเทศน์ที่มาจากพระเจ้า! มันเป็นไปไม่ได้! สเปอร์เจียน นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่เคยทำเช่นนี้ “ข้าจะร้องว่ากระไร?” ผมจะร้องถึงข่าวดีของพระเจ้า บางคนบอกว่าผมเทศนาเหมือนฮิตเลอร์ มันอาจจะใช่ แต่ฮิตเลอร์พูดโกโหก ส่วนผมพูดความจริง การเทศนาที่เมด้วยความรักเท่านั้นถึงจะสามารถเปลี่ยนชีวิตคนให้ทำตามได้ ส่วนการอธิบายพระคัมภีร์ข้อนั้นทำให้คนง่วงนอน ดร. ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า "การเทศนาในทุกวันนี้ไม่ได้ช่วยใครเลย มันไม่ได้ทำให้คนรับรู้ในบาป แต่กลับปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างนั้น ไม่เกิดประโยชฯเลย" นี่มันผิด! พวกเขาไม่ได้ถูกสอนให้สำนึกในบาป! “เสียงหนึ่งร้องว่า ร้องซิ และเขาว่า ข้าจะร้องว่ากระไร บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และความงาม [ความรัก] ทั้งสิ้นของมันก็เป็นเสมือนดอกไม้แห่งทุ่งนา...ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” (อิสยาห์ 40:6, 8) I. ประการแรก ข้าจะร้องถึงชีวิตที่แสนสั้น “เสียงหนึ่งร้องว่า ร้องซิ และเขาว่า ข้าจะร้องว่ากระไร บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และความงาม [ความรัก] ทั้งสิ้นของมันก็เป็นเสมือนดอกไม้แห่งทุ่งนา...ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” (อิสยาห์ 40:6, 8) ชีวิตอีกไม่นานก็จะหายไป นี่จะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เหมือนวัยหนุ่มสาวของคุณที่ผ่านไปตลอดกาล แต่จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมกำลังเขียนชีวประวัติของผม โรเบิร์ตลูกชายของผมถามผมว่า ผมกำลังจะมีอายุเจ็ดสิบหกปีภายในไม่กี่สัปดาห์ ดูเหมือนว่าวัยหนุ่ของผมพึ่งผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน! และคุณก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย! ดวงอาทิตย์แห่งฤดูร้อนกำลังจะมา ต้นหญ้าเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ดอกไม้เหี่ยวแห้งและตายไป ชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวานั้นเป็นเพียงชั่วคราวและสั้น อัครทูตยากอบพูดถึงเรื่องนี้ เขาพูดว่า “และคนมั่งมี...เมื่อถูกทำให้ต่ำลง เพราะว่าเขาจะต้องล่วงลับไปดุจดอกหญ้าเพราะทันทีที่ตะวันขึ้นพร้อมด้วยความร้อนอันแรงกล้า มันก็กระทำให้หญ้าเหี่ยวแห้งไป และดอกหญ้าก็ร่วงลง และความงามของมันสูญสิ้นไป คนมั่งมีจะเสื่อมสูญไปตามทางทั้งหลายของเขาเช่นนั้นด้วย” (ยากอบ 1:10-11) น้อยคนนักที่มองเห็นถึงเรื่องนี้ พวกเขากำลังเดินอยู่บนโลกโดยไม่สนใจความจริง – ความคิดของพวกเขาอีกไม่นานก็จะสิ้นสุดลง! ซี ที สตูดด (1860-1931) เป็นหนึ่งในคนรวยไม่กี่คนที่มองเห็นเรื่องนี้ ท่านรับมรดกก้อนโต แต่สุดท้ายได้ละทิ้งศรัพย์สินเหล่านั้น และไปเป็นมิชชั่นนารีที่จีน และต่อมาไปเป็นมิชั่นนารียในดินแดนที่อันตรายอย่างแอฟริกา ซี ที สตูดด กล่าวเอาไว้ว่า แค่ชีวิตเดียว ผมหวังว่าวัยรุ่นทุกควรอ่านเกี่ยวกับ ซี ที สตูดด และนับถือท่านเป็รนฮีโร่! ถ้าคุณสามารถเห็นความจริงในบทกลอนของท่าน! แค่ชีวิตเดียว พระคริสต์ทรงตรัสว่า “เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของสิ้นทั้งโลก แต่ต้องสูญเสียจิตวิญญาณของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร? เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาจิตวิญญาณของตนกลับคืนมา” (มาระโก 8:36, 37) “เสียงหนึ่งร้องว่า ร้องซิ และเขาว่า ข้าจะร้องว่ากระไร บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และความงาม [ความรัก] ทั้งสิ้นของมันก็เป็นเสมือนดอกไม้แห่งทุ่งนา...ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” (อิสยาห์ 40:6, 8) ดังนั้น! ผมจะต้องเทศนาถึงชีวิตที่แสนสั้นต่อไป! และคุณเองก็ต้องคิดเกี่ยวกับชีวิตที่แสนสั้นนี้ของคุณด้วย พระวจนะกล่วว่า “ผู้ใดจะทราบถึงฤทธิ์ความกริ้วของพระองค์ และพระพิโรธของพระองค์ตามความเกรงกลัวพระองค์” (สดุดี 90: 12) II. ประการที่สอง ความเหี่ยวแห้งนี้คือการกระทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ คำว่า “เหี่ยวแห้ง” หมายความว่าเหี่ยวเฉา เหี่ยวแห้ง เนื้อหนังที่สูญหายไป อิสยาห์ 40: 7 กล่าวว่า “ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป เพราะพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์เป่ามาถูกมัน มนุษยชาติเป็นหญ้าแน่ทีเดียว” (อิสยาห์ 40:7) สเปอรร์เจียน กล่าวว่า "พระวิญญาณของพระเจ้าเป็นเหมือนลม ต้องพัดผ่านทุ่งนาแห่งใจของคุณ และทำให้ความสวยงามของคุณกลายเป็นดอกไม้ที่จางหายไป พระองค์ต้อง [ถูกทำ] ให้รับรู้ในบาป ... เพื่อให้ [คุณ] เห็นธรรมชาติที่ร่วงหล่นลง [ของคุณ] คือการทุจริตและสิ่งที่อยู่ในฝ่ายเนื้อหนัง ที่ไม่อาจทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัยได้ เมื่อชีวิตของคนในวัยผู้ใหญ่ของเรา ... คนป่วยเท่านั้นถึงต้องการแพทย์ ... คนบาปที่เห็นความสว่างถึงขอให้พระเจ้าทรงเมตตาเขา แต่ก็ประหลาดใจที่พบว่าแทนที่จะมีสันติสุขในทันใดนั้น แต่จิตวิญญาณของเขากลับจมลงไปและรู้สึกถึงพระพิโรธของพระเจ้า ... เพราะคุณไม่ให้ความสำคัญกับ [พระโลหิตของพระคริสต์] ที่ชำระพวกเราจากบาปทั้งหมด ถ้าคุณไม่ได้ถูกทำให้เสียใจ เพราะความบาป" (“The Withering Work of the Spirit,” pp. 375, 376) ความเหี่ยวแห้งนั้นคือการกระทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นผลงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่ทำให้คุณเห็นความหวังพลาดปลอมของคุณ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นถึงใจที่ตายไปแล้ว ความหวังที่อยู่ในใจของคุณกลายเป็นความเหี่ยวแห้งไป และทำให้คุณเห็นความหวังที่แท้จริงที่คุณมี นั่นคือเพียงในพระคริสต์ผู้ซึ่งสิ้นพระชนม์ในที่ของคุณเพื่อช่วยคุณพ้นจากบาป เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำให้วิญญาณของคุณ "เหี่ยวแห้ง" แล้วจิตวิญญาณของคุณจะเริ่มเห็นสิ่งที่เรียกว่า "ความดี" ของคุณที่ก่อนนั่นนั้นว่าไม่ใช่ของดีอะไรเลย เป็นเพียงความสกปรก และทุกอย่างที่คุณทำมาจนถึงตอนนี้ไม่สามารถทำให้พระเจ้ายอมรับคุณได้ ทุกอย่างที่คุณทำไม่อาจช่วยให้คุณรอดพ้นจากการพิพากษาและนรก นั่นคือเหตุผลที่พระเจ้าทรงปล่อยให้คุณจมอยู่ในการกลับใจแบบจอมปลอม พระองค์อาจให้คุณมีกลับใจใหม่แบบปลอมๆนี้หลายครั้งก่อนที่จะประทานสันติสุขให้คุณ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าทรงทอดทิ้งคุณ ไม่ใช่เลย! พระเจ้ากำลังใช้การกลับใจใหม่แบบผิดเหล่านี้เพื่อคุณได้ร้องไห้ "เนื้อหนังทั้งหมดเป็นหญ้าและความดีงามทั้งหมดเป็นดอกไม้ในทุ่งนา" พระเจ้าทรงทำให้เหี่ยวแห้ง ทำให้ความหวังที่คุณมีเหี่ยวแห้งจากการที่คุณพยายามที่จะกู้ตัวเอง อย่างที่ จอห์น นิวตัน กล่าวว่า ฉันหวังว่าสักวันหนึ่งนั้นจะต้องมีวัน ถามอะยาโก! ถามเดนนี่! ถามจอห์น คาเก! ถามผม! เราทุกคนต่างก็ร้องไห้ออกมาเพื่อพระเจ้าให้เราได้หยุดพัก - แต่พระองค์ทรงทำให้เรารู้สึกเหมือน ชีล่าแหงน ที่เธอบอกว่า "ฉันรู้สึกเบื่อหน่ายตัวเอง" หญิงสาวอีกคนหนึ่งบอกว่า "ฉันไม่พอใจตัวเองมากนัก" ดร. คาแกนและผมบอกเธอว่า เธอต้องรู้สึกเลวร้ายมากกว่าแค่ความ "ไม่พอใจ" เช่นเดียวกับชีล่าเธอต้องรู้สึก "รังเกียจ" จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณเป็นคน "รังเกียจ" ตัวคุณเอง คุณจะไม่พบกับการเหี่ยวแห้ง ความสูญเสียที่อยู่ภายในซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาในบรรดาคนที่ได้กลับใจใหม่แล้วจริงๆ คำว่า "เหี่ยวแห้ง" มีความสำคัญมาก คุณต้องรู้ว่านั่นมีความหมายอย่างไรที่จะเกิดให้กับคุณ คำว่า เหี่ยวแห้ง" หมายถึง "ต้องละอายใจ ... ทำให้แห้ง (เหมือนน้ำ) ... อับอายขายหน้าและเหี่ยวไป" (Strong #300) “ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป เพราะพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์เป่ามาถูกมัน มนุษยชาติเป็นหญ้าแน่ทีเดียว” (อิสยาห์ 40:7) นี่ต้องเกิดขึ้นในใจของคุณ พระวิญญาณต้องทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองเหี่ยวแห้ง จนกระทั่งใจของคุณร่วงโรยเหมือนดอกไม้ – จนกว่าคุณรู้สึกละอายให้กับธรรมชาติของตัวเอง เหมือนกับ ชิวล์ลา พูดก่อนที่เขาจะกลับใจใหม่ “จนเหนื่อยกับตัวเอง” นี่เกิดขึ้นในขั้นตอนของการกลับใจใหม่ที่แท้จริง “ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป เพราะพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์เป่ามาถูกมัน มนุษยชาติเป็นหญ้าแน่ทีเดียว” (อิสยาห์ 40:7) ตอนที่คุณเหนื่อยเบื่อหน่ายตัวเอง จากนั้นก็วางใจพระเยซู พระองค์จะทรงชำระคุณด้วยโลหิตของพระองค์ และช่วยกู้คุณจากการพิพากษาของพระเจ้า นักประกาศอย่าง จอร์จ ไวท์ฟิลด์ กล่าวว่า “พระเจ้าเคยสำแดงให้คุณว่าคุณไม่เชื่อในพระเยซูเลยหรือไม่? คุณเคยอธิษฐาน พระเจ้าช่วยให้ข้าพระองค์อยู่ในพระคริสต์? พระเจ้าเคยทำให้คุณทราบหรือไม่ว่าคุณไม่อาจมาที่พระคริสต์ได้ และทำให้คุณร้องไห้เพราะความเชื่อในพระคริสต์? ถ้าไม่ คุณก็ไม่มีสันติสุขในอยู่ในใจเลย ขอพระเจ้าประทานสันติสุขในพระคริสต์ ก่อนที่คุณจะเสียชีวิตและไม่มีดอกาสอีกต่อไป” (“The Method of Grace”) คุณต้องประสบการณ์ที่พบกับความทุกข์ทรมาน เหมือนกับตอนที่พระคริสต์ทรงทนทุกข์ในสวนเกทเสมเน คุณต้องรู้สึกเหมือนอย่างที่พระองค์เคยกรรแสงว่า “จิตวิญญาณของเราเป็นทุกข์จนจะเสียชีวิต...โอ้ พระบิดา หากเป็นไปได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนไปจากข้าพระองค์ไป” (มัทธิว 26:38, 39) กรุณายืนขึ้นและรองเพลงนมัสการบทที่ 10, “Come, Ye Sinners” คนชั่ว คนบาป และคนที่เหน็ดเหนื่อยทั้งหลายโปรดเข้ามา ลองมาฟังคำพยานจากชายหนุ่มคนหนึ่งที่ได้กลับใจใหม่ ผมเคยมองหาทางที่จะช่วยตัวเองให้รอด ผมเป็นคนที่หยิ่ง หยิ่งถึงขั้นที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นคนเยอะหยิ่ง ผมยังจำได้ว่าเป็นคนที่เคยต่อต้านพระเจ้า ไม่วางใจพระเยซู...ผมเริ่มอ่านพระคัมภีร์ เริ่ม “ฝึก” อธิษฐานทุกวัน และเริ่มเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆของคริสตจักร แต่ก็ไม่พบกับสันติสุขที่อยู่ภายในเลย ลึกๆที่อยู่ข้างใน ผมรู้ว่ายังเป็นคนที่หลงหาย แต่ก็ไม่ยอมรับ แม้แต่ที่จะเผชิญกับมัน ผมซ่อนความคิดที่ว่าตัวเองเป็นคนบาปไว้ ผมได้พยายามที่จะแก้ตัวในเรื่องความเชื่อ และทำตัวเองให้ดูดีกว่าคนอื่น และแล้วพระเจ้าก็เปิดประตูสวรรค์ และส่งการฟื้นฟูลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าต้องการพระเยซูช่วบผม...ผมเริ่มเห็นในสิ่งที่ตัวเองทำว่าไม่อาจที่จะช่วยตัวเองให้รอดได้ ผมไม่มีกำลัง ผมพยายามดิ้นรนต่อสู้กับตัวเองพยายามวางใจพระเยซู แต่ความภาคภูมิใจของผมก็ไม่ยอมปล่อยผม ... ผมยอมแพ้ด้วยความหวังทั้งหมด ผมยอมแพ้ที่จะละทิ้งตัวเก่าออกไป ผมรู้สึกว่าทั้งหมดได้ลงมาทับความคิดทั้งหมดของผม ฉันรู้สึกเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่ ในเวลานั้นด้วยความมหัศจรรย์พระเยซูจึงเสด็จมาหาผม และเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมที่วางใจในพระองค์ ผมพยายามจะมาหาพระเยซู แต่ผมไม่สามารถทำได้ และพระเยซูทรงมาหาผม ในยามที่ผมคิดไม่มีวันที่ตัวเองจะสามารถรอดได้ แต่เมื่อพระเยซูเสด็จมาหาผม ผมก็เชื่อพระองค์โดยไม่ยากเลย...พระเยซูทรงยอมรับผม และทรงล้างผมด้วยพระโลหิตของพระองค์ ... ความดีทุกอย่างในตัวข้าพระองค์เป็นเพราะว่าพระเยซูทรงช่วยข้าพระองค์ไว้ ผมไม่สามารถหยุดกลั้นน้ำตาของผมได้ เมื่อนึกถึงพระเยซูน้ำตาแห่งความปิติยินดี น้ำตาแห่งความแห่งความดีใจหลั่งออกมา เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำให้ผม ด้วยความรักทั้งหมดของพระเยซูที่มีต่อผม ผมไม่สามารถที่จะบรรยายได้ ได้แต่ขอบคุณพระเจ้า และทั้งหมดที่ผมสามารถทำได้คือการให้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของผมเพื่อพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของผม ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่: |
โครงร่างของ ความเหี่ยวแห้งจากผลงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ THE WITHERING WORK OF GOD’S SPIRIT โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “เสียงหนึ่งร้องว่า ร้องซิ และเขาว่า ข้าจะร้องว่ากระไร บรรดาเนื้อหนังก็เป็นเสมือนต้นหญ้า และความงาม [ความรัก NASV สง่าราศีของพวกเขา NIV] ทั้งสิ้นของมันก็เป็นเสมือนดอกไม้แห่งทุ่งนา ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป เพราะพระวิญญาณของพระเยโฮวาห์เป่ามาถูกมัน มนุษยชาติเป็นหญ้าแน่ทีเดี ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งไป ดอกไม้นั้นก็ร่วงโรยไป แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” (อิสยาห์ 40:6-8) (อิสยาห์ 40:5; 58:1; 40:3; จอห์น 1:23; จอห์น 7:28, 37; I. ประการแรก ข้าจะร้องถึงชีวิตที่แสนสั้น,
II. ประการที่สอง ความเหี่ยวแห้งนี้คือการกระทำโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ อิสยาห์ 40:7;มัทธิว 26:38, 39. |