เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
“วิธีการแห่งพระคุณ” โดย จอร์จ ไวท์ฟิลด์
|
บทนำ: จอร์จ ไวท์ฟิลด์เกิดในเมืองกลอสเตอร์ประเทศอังกฤษในปี ค.ศ. 1714 เขาเป็นลูกชายของเจ้าของโรงเตี๊ยม ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เขาจึงได้รับอิทธิพลจากคริสเตียนจะน้อยมาก แต่เขาก็มีความสามารถพิเศษในโรงเรียน เขาเข้าเรียนที่ Oxford University ซึ่งเขาเป็นเพื่อนกับ จอห์น และ ชาร์ลส เวสเลย์ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอธิษฐานและศึกษาพระคัมภีร์ ในขณะที่เขายังเป็นนักเรียนอยู่ที่ Oxford เขาได้รับประสบการณ์ของการกลับใจใหม่ ไม่นานหลังจากนั้นเขาก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นศาสนาจารย์ในคริสตจักรที่ประเทศอังกฤษ บทเทศนาของท่านเกี่ยวกับความจำเป็นที่แท้จริงของการบังเกิดใหม่ทำให้หลายคริสตจักรต้องปิดประตูให้กับเขา ตั้งแต่ผู้รับใช้ที่เน้นแต่ฝ่ายเนื้อหนังกลัวว่าคำเทศนาของท่านเกี่ยวกับความจำเป็นของการบังเกิดใหม่ จะทำให้สามาชิกในคริสตจักรโกรธ ด้วยเหตุนี้เขาจึงถูกขับไล่ให้ออกจากคริสตจักรเพื่อประกาศในที่ต่างๆ ต่อมาท่านก็กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง ไวท์ฟิลด์เดินทางไปอเมริกาในปี ค.ศ. 1738 และก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จากนั้นเขาก็เดินทางไปทั่วอาณานิคมของอเมริกาและบริเตนใหญ่เทศน์และระดมทุนเพื่อสนับสนุนเด็กกำพร้า เขาเทศน์ในที่สเปน ฮอลแลนด์ เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ เวลส์และสกอตแลนด์และทำการเดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกถึงสิบสามครั้งเพื่อไปเทศนาที่อเมริกา เขาเป็นเพื่อนสนิทกับ เบนจามิน แฟรงคลิน โจนาธาน เอ็ดเวิร์ด และจอห์น เวสลีย์และเป็นหนึ่งในบุคคลที่ชักชวนให้เวสลีย์ไปเทศนาประกาศเหมือนกับเขา เบนจามิน แฟรงคลิน เคยประเมินว่าไวท์ฟิลด์พูดกับผู้ชมถึงสามหมื่นคน การจัดการประกาศของเขามักมีผู้เข้าร่วมประชุมเกินกว่า 25,000 คน เขาเคยเทศน์ใกล้โกล์วสกอตแลนด์ซึ่งมีคนมากกว่า 100,000 คนเข้าร่วมางนฟื้นฟูครั้งนั้น - และเป็นวันที่ไม่มีไมโครโฟนเสียอีก! มีหนึ่งหมื่นคนกลับใจใหม่ในงานฟื้นฟูครั้งนั้น เขาได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์หลายคนให้เป็นนักประกาศที่พูดภาษาอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล แม้ว่า บิลลี่ แกรเฮ็ม เทศนาประกาศช่าวประเสริฐให้กับคนมามากกว่านี้ก็ตาม ได้พูดคุยกับแต่ก็มีไมโครโฟนอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวช่วยในการเทศนา ส่วน ไวท์ฟิลด์ มีบทบาทต่อผู้คนในท้องถิ่นมากกว่า ไวท์ฟิลด์ เป็นผู้นำในการปลุกเร้าหรืองานฟื้นฟูใหญ่ครั้งแรก และเป็นการฟื้นฟูที่สำคัญในประเทศอเมริกาในช่วงกลางศตวรรษที่ 18 เขาเทศนาเตือนประเทศประเทศอาณานิคมอย่างเราให้ได้รับการฟื้นฟูให้ตื่นขึ้นมา งานฟื้นฟูครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงหกสัปดาห์หลังจากการประกาศที่นิวอิงแลนด์ ในเวลาเพียงสี่สิบห้าวันเขาได้เทศนามากถึงให้กับหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้ากันฐ์ ให้กับผู้ฟังถึงหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นห้าพันคน และเป็นหนึ่งในงานฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ในประเทศน์อเมริกา ตอนที่เขาเสียชีวิต เขาได้รัรางวัลชนะในฐานะที่เป็รนักเทศน์ที่ใช้ภาษาอังกฤษ เขาเป็นคนสำคัญในการก่อตั้งสถาบัน มหาวิทยาลัย พริท์สตัน วิทยาลัยดาร์ทมูท และ มหาวิทยาลัยแห่งเพนสิเวเนีย เขาเสียชีวิตในไม่ช้าหลังจากเทศนาที่ นิวบิวรีพอร์ด รัฐแมสซาชูเซตส์ ในปี 1770หกปีก่อนการปฏิวัติในอเมริกา ดังนั้น จอร์จ วอชิงตันเป็นบิดาในประเทศของเรา ส่วนจอร์จ ไวท์ฟิลด์ เป็นคุณตาของเขา บทเทศน์ต่อไปนี้เป็นของ ไวท์ฟิลด์ ที่ถูกเปลี่ยนใช้เป็นภาษาอังกฤษสมัยใหม่ เป็นคำเทศนาที่เป็นต้นฉบับแท้จริงของเขา แต่ผมเปลี่ยนบางคำเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ “เขาทั้งหลายได้รักษาแผลบุตรสาวแห่งประชาชนของเราแต่เล็กน้อยกล่าวว่า ‘สันติภาพ สันติภาพ’ เมื่อไม่มีสันติภาพเลย” (เยเรมีย์ 6:14) บทเทศนา: พระพรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระเจ้าสามารถส่งให้ชาติคือนักเทศน์ที่ดีและสัตย์ซื่อ แต่การสาปแช่งที่เลวร้ายที่สุด ก็คือที่พระเจ้าทรงให้กับประเทศใดก็ได้ที่คริสตจักรอนุญาตให้นักเทศน์ที่ยังเป็นคนที่หลงหาย และเป็นพวกที่เห็นแก่เงินเท่านั้น อย่างไรก็ตามในทุกยุคทุกสมัยต่างก็มีนักเทศน์เท็จที่เทศนาแบบนุ่มนวลเอาใจคน มีผู้รับใช้หลายคนที่เป็นเช่นนี้ นั่นคือทุจริตและบิดเบือนพระคัมภีร์เพื่อหลอกลวงประชาชน นั่นคือวิธีการที่เกิดขึ้นในวันของเยเรมีย์ เยเรมีย์พูดกับพวกเขาให้สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า เขาเปิดปากและเทศนาต่อนักเทศน์ผู้ที่ทำผิด ถ้าคุณอ่านหนังสือของเขา คุณจะเห็นว่าไม่มีใครที่เคยพูดหนักๆแบบมากเยเรมีย์ เขาพูดอย่างรุนแรงให้กับพวกเขา ตามที่ปรากฏในพระคำของเรา “เขาทั้งหลายได้รักษาแผลบุตรสาวแห่งประชาชนของเราแต่เล็กน้อยกล่าวว่า ‘สันติภาพ สันติภาพ’ เมื่อไม่มีสันติภาพเลย” (เยเรมีย์ 6:14) เยเรมีย์กล่าวว่าพวกเขาสั่งสอนเพราะเห็นแก่เงินเท่านั้น เยเรมีย์กล่าวในข้อที่สิบสามว่า “เพราะว่า ตั้งแต่คนที่ต่ำต้อยที่สุดจนถึงคนใหญ่โตที่สุด ทุกคนโลภอยากได้กำไร และทุกคนก็กระทำการด้วยความเท็จ ตั้งแต่ผู้พยากรณ์ตลอดถึงปุโรหิต” (เยเรมีย์ 6:13) พวกเขาเป็นคนโลภและเทศนาอย่างไม่ถูกต้อง ในพระคำของเรา เยเรเมียห์แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่พวกเขาสั่งสอนไม่ถูกต้อง ผู้เผยพระวจนะแสดงให้เห็นถึงวิธีการหลอกลวงที่พวกเขาจัดการกับวิญญาณที่หลงหายไป: “เขาทั้งหลายได้รักษาแผลบุตรสาวแห่งประชาชนของเราแต่เล็กน้อยกล่าวว่า ‘สันติภาพ สันติภาพ’ เมื่อไม่มีสันติภาพเลย” (เยเรมีย์ 6:14) พระเจ้าทรงตรัสให้เยเรเมียห์เพื่อให้ไปตักเตือนคนถึงสงครามที่กำลังจะมาถึง พระเจ้าต้องการให้เขาบอกพวกเขาว่าบ้านเรือนของพวกเขาจะถูกทำลาย - สงครามกำลังมา (ดูเยเรมีย์ 6: 11-12) เยเรมีย์ได้ส่งข้อความที่รุนแรง น่ากลัว ให้กับคนเหล่นั้น เพื่อให้จนหลาย ๆ คนและนำพวกเขาไปสู่จุดแห่งการกลับใจ แต่บรรดาผู้เผยพระวจนะเนื้อหนังและปุโรหิตได้เดินไปรอบ ๆ เพื่อให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดใจ พวกเขากล่าวว่าเยเรมีย์เป็นเพียงคนคลั่งป่า พวกเขากล่าวว่าจะไม่มีสงคราม พวกเขากล่าวกับประชาชนว่าจะมีสันติภาพเมื่อเยเรมีย์ได้กล่าวว่าจะไม่มีสันติภาพ “เขาทั้งหลายได้รักษาแผลบุตรสาวแห่งประชาชนของเราแต่เล็กน้อยกล่าวว่า ‘สันติภาพ สันติภาพ’ เมื่อไม่มีสันติภาพเลย” (เยเรมีย์ 6:14) พระคำข้อนี้พูดถึงสันติสุขที่เป็นเพียงภายนอก แต่มากกว่านั้นยังมีการกล่าวถึงจิตวิญญาณ ผมยังเชื่อว่าพวกเขาอ้างถึงนักเทศน์จอมปลอมที่บอกว่าพวกเขาเป็นคนดีพอแล้ว ไม่ต้องบังเกิดใหม่อีก คนที่ไม่ชอบธรรมจะชอบการเทศนาแบบนี้ หัวใจมนุษย์ชั่วร้ายและหลอกลวง พระเจ้าทรงรู้ว่าใจของคนทรยศ หลายคนบอกว่าคุณมีสันติสุขกับพระเจ้า ในขณะที่สันติภาพที่แท้จริงนั้นไม่มี! พวกคุณหลายคนคิดว่า คุณเป็นคริสเตียน แต่ไม่ใช่ มารคือผู้ที่ทำให้คุณมีสันติสุขที่ไม่จริง พระเจ้าไม่ได้ให้ "สันติสุข" แก่คุณนี่ไม่ใช่สันติสุขที่ทำให้มนุษย์เข้าใจได้ เป็นสันติสุขเท็จที่คุณมี เป็นเรื่องสำคัญมากที่คุณจะต้องรู้ว่าคุณมีสันติสุขกับพระเจ้าอย่างแท้จริงหรือไม่ ทุกคนต้องการสันติสุข สันติสุขเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่ เหตุฉะนั้นผมต้องบอกถึงวิธีแสวงหาสันติสุขแท้จริงกับพระเจ้า ผมต้องเป็นอิสระจากเลือดของคุณ ผมต้องบอกคุณถึงคำแนะนำทั้งหมดของพระเจ้า ผมพยายามที่จะพูดของเพื่อแสดงให้คุณเห็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นให้กับคุณ และสิ่งที่ต้องเปลี่ยนแปลงภายในตัวคุณเพื่อให้คุณมีสันติสุขที่แท้จริงกับพระเจ้า I. หนึ่ง ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ ก่อนอื่นคุณต้องถูกทำให้เห็น รู้สึก ร้องไห้ และเสียใจเหนือบาปจริงๆที่ต่อต้านพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า "วิญญาณที่ทำบาปจะตาย" (เอเสเคียล 18: 4) ทุกคนที่ไม่ได้ทำตามพระบัญญัติของพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอในจะถูกสาปแช่ง คุณอย่าเพียงแค่ทำบางอย่างเท่านั้น แต่คุณต้องทำทุกสิ่งหรือไม่งั้งจะถูกสาปแช่ง: “เพราะว่าคนทั้งหลายซึ่งพึ่งการกระทำตามพระราชบัญญัติก็ถูกสาปแช่ง เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ทุกคนที่มิได้ประพฤติตามทุกข้อความที่เขียนไว้ในหนังสือพระราชบัญญัติก็ต้องถูกสาปแช่ง’” (กาลาเทีย 3:10) การไม่ทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า ไม่ว่าจะในทางความคิดหรือคำพูดหรือการกระทำก็ตาม ทำให้คุณสมควรได้รับการลงโทษนิรันดร์ตามพระบัญญัติพระเจ้า ถ้าความคิดชั่วหนึ่ง คำพูดชั่วหนึ่ง หรือการกระทำชั่วหนึ่งก็สมควรถุกพิพากษาไปชั่วนิรันดร์ แล้วคุณจะรอดพ้นจากนรกได้อย่างไร? ก่อนที่คุณจะมีสันติสุขที่แท้จริงในใจของคุณ คุณต้องถูกทำให้เห็นว่าการกระทำบาปต่อต้านพระบัญญัติของพระเจ้า จงสำรวจใจของคุณ ผมขอถามคุณ - จำได้หรือไม่ที่บาปของคุณนั้น ทำให้คุณรู้สึกปวดเร้า? เคยมีมั้ยที่คุณรู้สึกว่าบาปนั้นหนักต่อคุณเหลือเกิน? คุณเคยเห็นหรือไม่ว่าพระพิโรธของพระเจ้าอาจตกอยู่กับคุณ เนื่องจากการละเมิดพระบัญญัติของพระองค์จริงหรือ? คุณเคยเสียใจในความผิดบาปของคุณหรือไม่? คุณเคยพูดว่า "บาปของฉันหนักเกินไปสำหรับฉันที่จะทน?" คุณเคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้ไหม? ถ้าไม่ใช่อย่าเรียกตัวเองว่าคริสเตียน! คุณอาจจะบอกว่าคุณมีสันติภาพ แต่ไม่มีสันติภาพที่แท้จริงสำหรับคุณ ขอพระเจ้าทรงปลุกคุณ! ขอพระเจ้าทรงเปลี่ยนคุณ! II. สอง ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ การสารภาพต้องลึกกว่านั้น คุณต้องถูกกระทำให้รับรู้บาปธรรมชาติของคุณ การหลอกลวงที่อยู่ภายในของคุณ คุณต้องเชื่อเรื่องบาปที่แท้จริงของคุณ คุณต้องถูกทำให้สำนึกในบาป การสำนึกบาปนั้นควรไปลึกกว่านั้น คุณต้องถูกทำให้ทรบว่าได้ละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้นคุณต้องรู้ถึงความบาปดั้งเดิมของคุณ ที่อยู่ในใจของคุณที่กำลังจะถูกส่งคุณไปยังนรก หลายคนที่คิดว่าพวกเขาฉลาด พวกเขาจึงกล่าวว่าไม่มีบาปดั้งเดิม พวกเขาคิดว่าพระเจ้าไม่ยุติธรรมที่ส่งพวกเขาไปสู่นรกเพราะการที่พวกเขาได้รับบาปมาจากอดัม พวกเขากล่าวว่าเราไม่ได้เกิดมาเป็นคนบาป พวกเขากล่าวว่าคุณไม่จำเป็นต้องเกิดอีกครั้ง หากมองไปยังรอบ ๆ ตัวคุณ เป็นสวรรค์ที่พระเจ้าสัญญาไว้กับมนุษยชาติหรือไม่? ไม่! ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกไม่มีระเบียบ! เป็นเพราะมีบางอย่างผิดปกติกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นบาปดั้งเดิมที่ทำลายโลก ไม่ว่าคุณจะปฏิเสธมากอย่างไรก็ตาม ตอนที่คุณอยู่ในความสว่าง คุณจะเห็นว่าความบาปที่อยู่ในชีวิตของคุณ – หัวใจที่มีพิษมาจากความบาปดั้งเดิม ตอนที่คนที่ไม่ได้กลับใจใหมั่บรู้ในเป็นครั้งแรก เขาก็เริ่มสงสัยว่า "ฉันกลายเป็นคนชั่วได้อย่างไร?" พระวิญญาณของพระเจ้าแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีสิ่งดีอยู่ในตัวเขาเลย จากนั้นเขาก็เห็นว่าเขาเป็นคนบาปอย่างแท้จริง จากนั้นคนๆนั้นก็จะรู้ทันทีว่าสมควรแล้วที่พระเจ้าจะพิพากษาเขา เขาจะเห็นว่าตัวเขาเองถูกวางยาพิษและต่อต้านพระเจ้า และพระองค์ต้องพิพากษาเขา แม้ว่าตลอดชีวิตเขาไม่เคยทำบาปเลยก็ตาม คุณเคยประสบปัญหานี้หรือไม่? คุณเคยรู้สึกอย่างนี้หรือไม่ – ว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องและว่สมควรแล้วที่พระเจ้าจะต้องลงโทษเขาหรือไม่? คุณเคยเห็นด้วยหรือเปล่าว่าคุณเป็นเด็กที่มีความโกรธมาก (เอเฟซัส 2: 3) ถ้าคุณบังเกิดใหม่อย่างแท้จริง คุณจะรู้สึกได้ถึงเรื่องนี้ และถ้าคุณไม่เคยรู้สึกถึงน้ำหนักของบาปดั้งเดิม ก็อย่าเรียกตัวเองว่าคริสเตียน! บาปดั้งเดิมเป็นภาระที่หนัก ใหญ่ที่สุดของผู้เปลี่ยนใจอย่างแท้จริง คนที่บังเกิดใหม่อย่างแท้จริง เป็นผู้ที่รู้สึกเสียใจเพราะความบาปดั้งเดิมของตัวเอง และธรรมชาติของเขานั้นเหมือนถูกวางยาพิษ คนที่ได้รับการดลใจอย่างแท้จริงมักจะร้องว่า "โอ ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้ได้" (อ้างอิงจากโรม 7:24) นี่คือสิ่งที่รบกวนคนที่กลับใจใหม่ ถ้าคุณไม่เคยตระหนักถึงความบาปที่มีอยู่ภายในคุณ ไม่มีทางที่คุณจะได้พบกับสันตอสุขที่แท้จริงในใจของคุณ III. สาม ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ ไม่เพียงแต่สำนึกในบาปที่อยู่ในตัวคุณเท่านั้น และบาปธรรมชาติของคุณ แต่ยังรวมถึงบาปเกี่ยวกับการตัดสินใจ การยอมจำนน และที่เรียกว่า “ชีวิตผู้เชื่อ” เพื่อนๆของผม ศาสนาของคุณมีอะไรที่เป็นข้อพิสูจน์ถึงพระเจ้า? คุณเป็นคนไม่ยุติธรรมและไม่กลับใจใหม่โดยธรรมชาติของคุณ คุณสมควรที่จะถูกสาปแช่งให้ลงไปในนรก เพราะบาปภายนอกของคุณ ความเชื่อทางศาสนาของคุณอะไรที่ทำให้คุณเป็นคนดี? คุณสามารถทำสิ่งที่ดีได้โดยไม่ต้องกลับใจใหม่ก็ได้ “เพราะฉะนั้นคนทั้งหลายที่อยู่ฝ่ายเนื้อหนังจะเป็นที่ชอบพระทัยพระเจ้าก็หามิได้” (โรม 8:8) ไม่มีทางที่คนยังไม่ได้กลับใจใหม่จะทำสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าได้ แม้หลังจากที่เรากลับใจใหม่แล้ว แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ความบาปต่อเนื่องอยู่ในตัวเรา ยังคงมีส่วนผสมของการทุจริตในทุกหน้าที่ของเรา ดังนั้น หลังจากที่เรากลับใจใหม่แล้ว ถ้าพระเยซูคริสต์ยอมรับเราตามผลงาน "ดี" ของเรา ผลงานของเราจะเป็นอุปสรรคต่อเรา เราไม่สามารถอธิษฐานได้โดยที่ไม่มีความผิดบาปบางอย่างในเรื่องนี้ ความเห็นแก่ตัว ความเกียจคร้าน ความไม่สมบูรณ์ทางศีลธรรมบางอย่าง ผมไม่ทราบสิ่งที่คุณคิด แต่ผมไม่สามารถอธิษฐานในขณะที่ทำบาป ผมไม่สามารถเทศนาให้คุณได้โดยทำบาป ผมไม่สามารถทำอะไรได้โดยมีบาป การกลับใจของเราต้องสำนึกผิดและน้ำตาของผมจะได้รับการล้างในพระโลหิตอันบริสุทธิ์ของพระผู้ไถ่ของผม พระเยซูคริสต์! หน้าที่ๆดีที่สุดของเรา การตัดสินใจที่ดีที่สุดของเรา เป็นเพียงความบาปมากมาย เท่านั้น หน้าที่ทางศาสนาของเราเต็มไปด้วยความบาป ก่อนที่คุณจะมีสันติสุขอยู่ในใจ คุณต้องไม่เพียงแต่รู้สึกผิดถึงบาปดั้งเดิมและบาปภายนอกเท่านั้น แต่คุณต้องรู้สึกผิดเกี่ยวกับความชอบธรรมตามหน้าที่และความชอบทางศาสนาของคุณเองด้วย ต้องมีความเชื่ออย่างลึกซึ้งก่อนที่คุณจะถูกนำออกมาจากความชอบธรรมของคุณเอง ถ้าคุณไม่เคยรู้สึกว่าคุณไม่มีความชอบธรรม คุณจะไม่สามารถรับช่วยกู้ดดยพระเยซูคริสต์ได้ คุณยังไม่ได้กลับใจใหม่ มีคนพูดว่า "ฉันเชื่อทั้งหมดนี้" แต่มีความแตกต่างระหว่าง "ความเชื่อ" และ "ความรู้สึก" เป็นอย่างมาก คุณเคยรู้สึกว่าขาดพระเยซูหรือไม่? คุณเคยรู้สึกว่าคุณต้องการพระคริสต์ เพราะในตัวคุณนั้นไม่มีความดีงามเลย และตอนนี้คุณสามารถพูดได้ว่า "พระเจ้าโปรดลงโทษข้าพระองค์ที่เชื่องศาสนาที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้" ถ้าคุณยังไม่ได้รับการปล่อยออกมาจากตัวคุณเช่นนี้ จะไม่มีสันติสุขที่แท้จริงกับพระเจ้า IV. สี่ ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ มีอยู่บาปหนึ่งที่คุณต้องรู้ ผมกลัวว่าจะมีน้อคนที่คิดถึงเรื่องนี้ เป็นบาปที่เลวที่สุดในโลก แต่โลกไม่ได้คิดว่านั่นคือบาป คุณถามว่า “บาปนั้นคืออะไร” เป็นบาปที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยนึกถึงว่านั่นคือความผิด - นั่นคือความบาปของการไม่เชื่อ ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขได้ ใจของคุณต้องทุกข์ และเสียใจเพราะการที่คุณไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์ ขอให้ใจของคุณ ผมกลัวว่าคุณจะไม่มีความเชื่อนพระเยซูคริสต์มากกว่าเชื่อซาตาน ผมคิดว่ามารเชื่อพระคัมภีร์มากกว่าคุณ มารเชื่อในความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ มันเชื่อและกลัวจนตัวสั่น มารสั่นมากกว่าพันคนที่เรียกตัวเองว่าคริสเตียน คุณคิดว่าคุณเชื่อ เพราะคุณเชื่อพระคัมภีร์ หรือเพราะคุณไปคริสตจักร คุณสามารถทำทุกอย่างได้โดยปราศจากความเชื่อที่แท้จริงในพระคริสต์ เชื่อในตัวของพระเยซูคริสต์เพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้คุณเป็นคนดีได้ จะมีอะไรดีมากไปกว่าการเชื่อในตัวบุคคลอย่าง ซีซาร์หรือ อเล็กซานเดอร์ มหาราช พระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า เราขอขอบคุณ แต่คุณอาจเชื่อพระคัมภีร์ แต่ยังไม่เชื่อพระเยซูคริสต์ ถ้าผมถามคุณคุณเชื่อในพระเยซูคริสต์มานานเท่าไรแล้ว หลายคนคงจะบอกผมว่า คุณเชื่อในพระองค์เสมอ คุณไม่สามารถพิสูจน์ได้มากขึ้นว่าคุณยังไม่เคยเชื่อในพระเยซูคริสต์ บรรดาผู้ที่วางใจในพระคริสต์อย่างแท้จริงรู้ว่ามีเวลาไหนที่พวกเขาไม่ไว้ใจพระองค์ ผมต้องพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้มากกว่านี้ เพราะมันเป็นความหลอกลวงที่เลวร้าย หลายคนต่างชินอยู่อย่างนั้น - คิดว่าพวกเขาเชื่ออยู่แล้ว มีชายคนหนึ่งบอกว่า เขาได้เขียนความบาปต่างๆ ตามบัญญัตสิบประการ แล้วจึงไปหาศิษยาภิบาลและถามท่านว่าทำไมเขาถึงไม่มีสันติสุขเลย ศายาภิบาลาไปที่รายการที่เขาเขียนและพูดว่า "เอ้า! ผมไม่พบข้อเขียนใด ๆ เลยในที่นี้ที่กล่าวถึงความบาปของคุณ" นี่เป็นผลงานของพระวิญญาณของพระเจ้าที่น้มน้าวให้คุณเห็นถึงความไม่เชื่อของคุณ - ว่าคุณไม่มีความเชื่อ พระเยซูคริสต์ตรัสเกี่ยวกับพระวิญญาณบริสุทธิ์: “พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้สึกถึงความผิดบาป…ถึงความผิดบาปนั้น คือเพราะเขาไม่เชื่อในเรา” (ยอห์น 16:8-9) เพื่อนที่รักของผม ตอนนี้พระเจ้าทรงแสดงให้คุณเห็นหรือไม่ว่าคุณไม่เชื่อในพระเยซูจริงๆ? คุณเคยเสียใจ เศร้าโศกเป็นอย่างมากในขณะที่คุณยังไม่เชื่อหรือไม่? คุณเคยอธิษฐานว่า "พระเจ้าช่วยให้ข้าฯวางใจในพระคริสต์หรือไม่" พระเจ้าทรงทำให้คุณทราบถึงความอ่อนแอของคุณ ไม่ว่าคุณจะไม่สามารถมาหาพระเยซูคริสต์และทำให้คุณร้องไห้ด้วยการอธิษฐานเพื่อความเชื่อในพระคริสต์หรือไม่? ถ้าใจของคุณไม่พบกับสันติสุข ขอพระเจ้าทรงปลุกคุณให้ตื่นขันและให้ประทานสันติสุขที่แท้จริงให้คุณโดยความเชื่อในพระเยซู ก่อนที่คุณจะตายและไม่มีโอกาสอีกต่อไป V. ห้า ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ คุณต้องเชื่อในความชอบธรรมของพระคริสต์ก่อน คุณต้องไม่เพียงแต่เชื่อในบาปที่แท้จริงและเป็นบาปดั้งเดิมของคุณเท่านั้น บาปแห่งความชอบธรรมที่เป็นของคุณเอง และความบาปที่ไม่เชื่อเท่านั้น แต่คุณต้องเชื่อใจในความชอบธรรมอันสมบูรณ์แบบของพระเยซูคริสต์ คุณต้องรับความชอบธรรมของพระคริสต์ แล้วคุณจะมีสันติสุข พระเยซูตรัสว่า “บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นt” (มัทธิว 11:28) พระธรรมข้อนี้ให้กำลังใจแก่ทุกคนที่เหนื่อล้าและแบกภาระหนัก และไม่มีคนที่ช่วยได้ ยังพระสัญญาที่จะให้พักนั้น มีเฉพาะกับผู้ที่มาและวางใจในพระเยซูคริสต์เท่านั้น ก่อนที่คุณจะมีสันติสุขกับพระเจ้าคุณจะต้องได้รับชอบธรรมโดยเชื่อในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา คุณต้องมีตัวของพระคริสต์เอง เพื่อความชอบธรรมของพระองค์ทำให้คุณเป็นคนชอบธรรมได้ เพื่อนรักของผม คุณเคยแต่งงานกับพระคริสต์หรือไม่? พระเยซูคริสต์เคยประทานตัพระองค์เองแก่พวกท่านหรือไม่? คุณเคยมาหาพระคริสต์โดยความเชื่อที่มีชีวิตหรือไม่? ผมอธิษฐานขอพระเจ้าว่าพระเยซูคริสต์จะเสด็จมาและตรัสสันติสุขให้กับท่าน คุณต้องประสบกับสิ่งเหล่านี้ที่จะเกิดใหม่อีกครั้ง ตอนนี้ ผมกำลังพูดถึงความเป็นจริงที่มองไม่เห็นของอีกโลกหนึ่ง ภายใต้ของศาสนาคริสต์และอยู่ภายใต้ผลงานของพระเจ้าในใจของคนบาป ตอนนี้ผมกำลังพูดถึงสิ่งต่างๆที่มีความสำคัญกับคุณ คุณต้องกังวลมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ จิตวิญญาณของคุณเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้ ความรอดนิรันดร์ของคุณขึ้นอยู่กับเรื่องนี้ คุณอาจรู้สึกถึงสันติสุขที่ไม่มีพระคริสต์ มารทำให้คุณหลับและเอาความปลอดภัยจอมปลอมให้แก่คุณ เขาจะพยายามทำให้คุณหลับจนกว่ามันจะส่งคุณไปยังนรก ที่นั่นคุณจะตื่นขึ้นมา แต่มันจะตื่นขึ้นมาอย่างน่ากลัว เพราะพบว่าตัวคุณเองกำลังอยู่ในเปลวเพลิงซึ่งนั่นมันสายเกินไปที่จะได้รับการช่วยชีวิตอีก ในนรกคุณจะเรียกหาน้ำนิรันดรเพื่อให้บาปของคุณชื้นแต่ไม่มีน้ำให้แก่คุณอีกต่อไป ขอให้คุณอย่าได้พบการพักผ่อนในตัวคุณ จนกว่าจะได้มาเข้าพักในพระเยซูคริสต์! จุดมุ่งหมายของผมคือการนำคนบาปที่หลงหายไปสู่พระผู้ช่วยให้รอด โอ้ ขอพระเจ้าทรงนำพวกท่านไปหาพระเยซู ขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงชักจูงคุณให้เป็นคนสำนึกบาป และนำคุณออกจากความชั่วมาหาพระเยซูคริสต์ อาเมน ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อธิษฐานก่อเทศนาโดย ท่าน โนอาห์ ซอง |
โครงร่างของ “วิธีการแห่งพระคุณ” โดย จอร์จ ไวท์ฟิลด์ “THE METHOD OF GRACE” BY GEORGE WHITEFIELD, เขียนบทเทศนาโดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “เขาทั้งหลายได้รักษาแผลบุตรสาวแห่งประชาชนของเราแต่เล็กน้อยกล่าวว่า ‘สันติภาพ สันติภาพ’ เมื่อไม่มีสันติภาพเลย” (เยเรมีย์ 6:14) I. หนึ่ง ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ ก่อนอื่นคุณต้องถูกทำให้เห็น รู้สึก ร้องไห้ และเสียใจเหนือบาปจริงๆที่ต่อต้านพระเจ้า, เอเสเคียล 18:4; II. สอง ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ การสารภาพต้องลึกกว่านั้น คุณต้องถูกกระทำให้รับรู้บาปธรรมชาติของคุณ การหลอกลวงที่อยู่ภายในของคุณ, เอเฟซัส 2:3; โรม 7:24 III. สาม ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ ไม่เพียงแต่สำนึกในบาปที่อยู่ในตัวคุณเท่านั้น และบาปธรรมชาติของคุณ แต่ยังรวมถึงบาปเกี่ยวกับการตัดสินใจ การยอมจำนน และที่เรียกว่า “ชีวิตผู้เชื่อ” โรม 8:8 IV. สี่ ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ คุณจะต้องรับรู้ถึงความบาปที่ไม่เชื่อใน พระคริสต์ ยอห์น 16:8,9 V. ห้า ก่อนที่คุณจะพบกับสันติสุขในพระคริสต์ คุณต้องเชื่อในความชอบธรรมของพระคริสต์ ก่อน, |