Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ดาดัม เจ้าอยู่ที่ไหน?

ADAM, WHERE ART THOU?
(SERMON #89 ON THE BOOK OF GENESIS)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์เทเบอร์นาเคลในนคร ลอสแอนเจลิส
เช้าวันของพระเป็นเจ้า 27 ตุลาคม ค.ศ. 2016
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, November 27, 2016

“และพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงมีพระดำรัสสั่งมนุษย์นั้นว่า “จากบรรดาต้นไม้ทุกอย่างในสวนเจ้ากินได้ทั้งหมดแต่จากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น เพราะว่าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น” (ปฐมกาล 2:16-17)


ชายคนแรกที่ชื่อดัมถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าในแบบไร้เดียงสาที่สมบูรณ์แบบ เขาอาศัยอยู่ในสวนสวย ต้นไม้ในสวนทุกต้นเหมาะที่จะใช้เป็นอาหารเป็นอย่างดี อดัมสามารถเข้าถึงและนำมาทำเป็นอาหารได้อย่างเอร็ดอร่อย ในสวนที่สวยงามนั้นเขาไม่มีความกังวลและไม่มีศัตรูเลย สัตว์ทุกชนิดและนกต่างๆต่างก็กินพืชเป็นอาหาร ไม่มีผู้ใดหรือชนิดใดที่จะทำร้ายชายผู้นั้หรือเป็นอันตรายต่อเขาในทางใดทางหนึ่งได้ ชายคนรี้เองก็เป็นมังสวิรัติ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องฆ่าสัตว์เพื่อกินเนื้อเป็นอาหาร ทุกสิ่งทุกอย่างที่อาศัยอยู่ในสวนเอเดนต่างอยู่อย่างเงียบสงบ เขาไม่จำเป็นสร้างบ้านเพราะไม่มีพายุเพราะฝนไม่เคยตก "แต่มีหมอกขึ้นมาจากพื้นดินและรดน้ำทั้งใบหน้าของพื้นดิน" (ปฐมกาล 2: 6) ชายคนนั้นก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลเกี่ยวกับธรรมชาติ เขาไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ เขามีไม่มีศัตรูที่ต้องต่อสู้และไม่กลัวสัตว์ใดๆ ช่างเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ

และอาดัมไม่บาปที่สร้างปัญหาให้เขา ธรรมขาติของเขาไม่มีบาปอยู่ภายใน ทางด้านจิตก็ไม่มีความกังวล อาดัมอยู่อย่างสงบสุข อาดัมมีสันติสุขกับพระเจ้า มันเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการหาแฟน พระเจ้าทรงสร้างสิ่งที่สวยงามและสมบูรณ์แบบ มีหญิงสาวที่สวยงามและเป็นภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเหงา ตั้งแต่ที่พวกเขายังเป็นคนที่สมบูรณ์แบบจึงไม่มีเพศสัมพันธุ์ใดๆ

พระเจ้าทรงตรัสกับเขาทุกๆวัน ไม่มีสิ่งใดๆมาล่อลวงเขา เขาจึงไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อระงับพระพิโรธของพระเจ้า และพระองค์เองก็ไม่ทรงพระพิโรธใดๆ เขาอาศัยอยู่กับสาวสวยที่รักเขา เขาอาศัยอยู่ในสวนที่เต็มไปด้วยอาหาร เขาอยู่อย่างมีสันติกับพระเจ้า ช่างเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ

และมีบัญญัติข้อเดียวที่พระเจ้าทรงประทานให้เขา และมันก็เป็นกฎที่ง่ายมากสำหรับเขาจะปฏิบัติตาม พระเจ้าตรัสกับเขาว่า "จากบรรดาต้นไม้ทุกอย่างในสวนเจ้ากินได้ทั้งหมด แต่จากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น เพราะว่าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น" ( ปฐมกาล 2: 16-17) นั่นคือทั้งหมดที่พระเจ้าให้เขาทำ ข้อห้ามนี้คือว่าไม่อนุญาติให้เขากินต้นไม้แห่งการรู้ดีและชั่ว มันเป็นกฎที่ง่ายมากให้เขา ช่างเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ

แต่มีอีกหนึ่งคนที่อยู่ในสวนนั้น นั่นคือซาตาน เขาเป็นหนึ่งในบรรดาทูตในสวรรค์ แต่เขากบฏต่อพระเจ้าและถูกโยนลงมายังแผ่นดินโลก ซาตานเป็นศัตรูของพระเจ้า แต่อดัมได้รับการคุ้มครองจากเขาโดยพระเจ้า วิธีเดียวที่ซาตานจะทำร้ายใจของพระเจ้าคือการทำให้อดัมกบฏต่อพระเจ้าด้วย

มีต้นไม้สองต้นที่มีความสำคัญมากที่สุดในสวนนี้ ต้นแรกคือต้นไม้แห่งชีวิต ถ้าอดัมกินผลไม้จากต้นนี้เขาจะมีอยู่ในสวรรค์เอเดนนี้ตลอดไป (ปฐมกาล 3:22) แต่ถ้าเขากินผลไม้จากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่วเขาจะตาย ช่างเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบ - มีเพียงบัญญัติเดียวที่เขาต้องทำตาม - กินจากต้นไม้แห่งชีวิตและมีชีวิตอยู่ตลอดไป นั่นคือด้านบวกของบัญัญติ กินผลจากต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่วและคุณจะตาย นั่นเป็นด้านลบของบัญญัติ มันเป็นบัญญัติที่ง่ายๆ - และง่ายต่อการปฏิบัติตาม กินจากต้นไม้นี้และมีชีวิตตลอดไป กินจากต้นไม้อื่นแล้วเจ้าจะตาย ช่างเป็นสวรรค์ที่สมบูรณ์แบบกับหนึ่งเดียวเท่านั้นและเพียงหนึ่งบัญญัติที่จะเชื่อฟัง – เป็นบัญญัติที่ง่ายมากต่อการปฏิบัติตาม

ตอนนี้อาดามและภรรยาของเขาได้รับการคุ้มครองโดยพระเจ้า ซาตานจึงไม่ทำอันตรายใดๆต่อพวกเขา ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือล่อใจพวกเขาล่อใจพวกเขาให้ทำลายบัญญัติที่ง่ายๆนั้น เริ่มแรกซาตานไม่ได้เป็นงูที่เรื้อยไปมา แต่นั่นเกิดขึ้นในภายหลังเมื่อพระเจ้าสาปแช่งมันและงู แต่ตอนนี้ในเวลานี้ซาตานได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ในสวนนั้น ต่อมามารและสมุนของมันได้เข้าไปสถิตอยู่ในสุกรตามคำสั่งของพระคริสต์ นี่ แต่เขาปรากฏตัวขึ้นเป็น "ทูตแห่งความสว่าง" (2 โครินธ์ 11:14)

เราไม่ทราบว่างูดั้งเดิมนั้นเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่ามันมีขา และเรารู้ว่าจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเห็นบ่อยๆอยู่ในสวนเอเดน เอวาจึงไม่ได้กลัวมัน เรายังทราบอีกว่าซาตานได้เข้าสิงสัตว์ตัวนี้และพูดผ่านปากของมันเพื่อสนทนากับภรรยาของอาดัม เธอไม่แปลกใจเมื่อมันได้พูดคุยกับเธอ เธออาจจะพูดคุยกับมันหลายครั้งจนการสนทนาต่อกันนั้นเป็นที่คุ้นเคยกัน นั่นคือวิธีที่มารทำแม้ในทุกวันนี้ มารพูดกับคนบาปผ่านทางฝ่ายจิตใจของพวกเขาจนกว่าพวกเขาคุ้นเคยมันและไม่กลัวอีกต่อไป

วันหนึ่งในขณะที่เอวาอยู่ในสวนคนเดียว อาดัมอยู่อีกส่วนหนึ่งของสวน "การแต่งตัวมันและเพื่อให้มัน" (ปฐมกาล 2:15) เอวาอยู่ที่ใจกลางสวนจ้องมองไปที่ต้นไม้แห่งความรู้ดีและรู้ชั่ว นั่นคือจุดที่ซาตานพบเธอ นั่นคือตอนงูพญานาคกระซิบกับเธอว่า "พระเจ้าตรัสว่าเจ้าจะไม่ได้กินผลจากต้นไม้ของสวนทุกครั้งหรือไม่" (ปฐมกาล 3: 1) จากนั้นงูจึงตั้งคำถามถึงพระวจนะของพระเจ้า นั่นคือสิ่งที่ซาตานยังทำแม้กระทั่งในทุกวันนี้ มารล่อลวงเราเพื่อไม่ให้เชื่อพระคำของพระเจ้าตามที่ได้ยินจากเศิษยาภิบาล มารล่อลวงเราไม่ให้เชื่อในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสกับเรา มารล่อลวงเราไม่ให้เชื่อในสิ่งที่ศิษยาภิบาลสอนพระวจนะให้เรา แต่ยิ่งไปกว่านั้นซาตานพยายามบิดเบือนพระวจนะของพระเจ้า โดยอ้างว่าเอวาสามารถกินผมของต้นไม้โดยที่ไม่ตาย ตั้งแต่พระเจ้าได้ตร้สว่า "บรรดาต้นไม้ของสวนเจ้าจะกินได้หมด"

เช็คสเปียร์กล่าวว่า "มารสามารถอ้างคัมภีร์เพื่อจุดประสงค์ของมัน" นี่คือช่วงที่มารตัดคำพูดของพระเจ้าออกบางส่วน "แต่จากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น เพราะว่าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น” (ปฐมกาล 2:17) งูตัดคำพูดของพระเจ้าออก การดัดแปลงพระคำของพระเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ห้าม ในเฉลยธรรมบัญญัติ 12:32 และวิวรณ์ 22:19 บอกว่า "และถ้าผู้ใดจะตัดคำใด ๆ ออกจากหนังสือพยากรณ์นี้ พระเจ้าก็จะทรงเอาส่วนแบ่งของผู้นั้นที่มีอยู่ในหนังสือแห่งชีวิต และที่มีอยู่ในเมืองบริสุทธิ์นั้น และจากสิ่งที่มีเขียนไว้ในหนังสือนี้ไปเสีย ... " คำสอนชั่วๆเช่นนี้ถูกสอนในทุกพระคริสตธรรมสายเสรีนิยม จะสอนนักศึกษาว่าบางส่วนของพระคัมภีร์ไม่เป็นความจริง ผมเองเคยถูกสอนเช่นนี้ตามสถานศึกษาที่ผมเคยไปเรีอยน หากนำไปปฏิบัติตามก็จะอันตรายมากๆ อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า "พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดาลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์ ... " (II ทิโมธี 3:16) พระวจนะของพระคัมภีร์ที่ได้รับการดลจากพระเจ้านั่นคือต้นฉบับท่เป็นภาษาฮีบรูและกรีก นั่นคือเหตุผลที่ผมจึงชอลใช้แต่ฉบับบคิงเจมส์ เพราะว่าพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ตัดออกคำว่า "และการอดอาหาร" ใรมาระโก 9:29 ไปหรือเปลี่ยนจาก "พรหมจรี" ไปเป็น "หญิงสาว" อิสยาห์ 7:14 การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ขึ้นอยู่กับสองฉบับคัดลอกที่ได้รับอิทธิพลของพวกจีน็อสตินิยม

ที่วิทยาลัยพระคริสตธรรมเสรีนิยมที่ผมเคยไปศึกษา พวกเขาบอกเราให้นำฉบับปรับปรุงมาตรฐาน หรือ a Revised Standard Bible แต่ผมไม่ทำอย่างนั้นโดยเลือกที่จะเอาฉบับคิงเจมส์ เพราะผมเองไม่วางใจฉบับแปล "ใหม่" เลย คุณเองก็ควรเป็นอย่างนั้น บางครั้งที่ผมอ้างจากเล่มเหล่านั้นแต่เฉาะส่วนที่สอดคล้องกับคิงเจมส์เท่านั้น แต่ผมจะไม่ใช้ช่วงเฝ้าเดี่ยวหรือใช้เตรียมบทเทศนา

งูนั้นได้ตั้งคำถามให้กับพระวจนะของพระเจ้าเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือเพื่อนำมาใช้ทดสอบหรือล่อลวงเอวาในสวนในของวันนั้น แม้ว่าพระเจ้าได้ทรงตรัสอย่างชัดเจนว่าไม่อนุญาติให้ทั้งสองกินผลไม้ต้องห้าม เพียงแต่ห้ามกิน พระเจ้าไม่ได้ตรัสว่าอย่า "สัมผัสแตะต้อง" ตอนเอวากล่าวว่า "ห้ามเจ้ากินมันหรือแตะต้อง ไม่งั้งต้องตาย" เธอได้เพิ่มเติมบางคำลงในพระวจนะของพระเจ้า นี่คือการละเมิดตามเฉลยธรรมบัญญัติ 12:32 พระเจ้าตรัสว่า "สิ่งใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าบัญชาท่านทั้งหลายไว้นั้น จงระวังที่จะกระทำตาม ท่านจงอย่าเพิ่มเติมอะไรเข้าหรือตัดอะไรออกจากสิ่งเหล่านั้น... " (เฉลยธรรมบัญญัติ 12:32) คำสั่งนี้กล่าวอีกครั้งในวิวรณ์ 22:18

“ด้วยว่าข้าพเจ้าเป็นพยานแก่ทุกคนที่ได้ยินคำพยากรณ์ในหนังสือนี้ว่า ถ้าผู้ใดจะเพิ่มเติมคำเข้าไปในหนังสือนี้ พระเจ้าก็จะทรงเพิ่มภัยพิบัติที่เขียนไว้ในหนังสือนี้แก่ผู้นั้น” (วิวรณ์ 22:18)

สายเสรีนิยมได้บิดเบือนและตัดบางส่วนของพระวจนะของพระเจ้าออกไป อย่างลัทธิมอร์มอนไดด้เพิ่มพระวจนะของพระเจ้าลงในหนังสือของมอร์มอน ดังนั้นสิ่งล่อใจในที่นี้คือการตัดพระวจนะออกจากหรือเพิ่มเข้าไป อัลกุรอานไม่กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ถูกตรึงที่กางเขน ลัทธิอื่นกลับเพิ่มเข้าไปเช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์คริสเตียนเพิ่มไปที่งานเขียนของแมรี่ เบเกอร์ เอดดี้ การบิดเบือนพระวจนะของพระเจ้าคือรากของคำสอนเท็จทั้งหมด ดังนั้นการเพิ่มหรือตัดออกคำสอนในพระคัมภีร์จึงเป็นล่อให้กับเอวามาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นสำคัญของพวกนอกรีตทั้งหมด

งูนั้นได้นำเอวาถลำลึกลงไปมากจนง่ายต่อการที่เธอจะยอมฟังและทำตามซาตานเพื่อต่อต้านพระวจนะของพระเจ้า มันบอกกับเธอว่า "เจ้าจะไม่ตายแน่" ถ้าเจ้ากินผลไม้ต้องห้ามนั้น

“และเมื่อหญิงนั้นเห็นว่า ต้นไม้นั้นเหมาะสำหรับเป็นอาหารและมันงามน่าดู และต้นไม้ต้นนั้นเป็นที่น่าปรารถนาเพื่อให้เกิดปัญญา หญิงจึงเก็บผลไม้นั้น และได้กิน และส่งให้สามีของนางด้วย และเขาได้กิน และตาของเขาทั้งสองก็สว่างขึ้น และเขาทั้งสองรู้ว่าเขาเปลือยกายอยู่ และเขาทั้งสองก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บรวมกัน และทำเครื่องปกปิดสำหรับตัวเอง” (ปฐมกาล 3:6, 7)

พวกเขาไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า ตอนนี้พวกเขารู้ว่าพวกเขาเป็นคนบาปเปลือยกาย แทนที่การกลับใจและขอให้พระเจ้าทรงเมตตา "และเขาทั้งสองรู้ว่าเขาเปลือยกายอยู่ และเขาทั้งสองก็เอาใบมะเดื่อมาเย็บรวมกัน" (ปฐมกาล 3: 7) นั่นคือสิ่งที่คนบาปทำในวันนี้ พวกเขาพยายามที่จะปกปิดความผิดของพวกเขาในรูปแบบต่างๆ โดยการทำ "ความดี" หรือโดยพยายามที่จะช่วยตัวเองให้รอด "เขามีสภาพทางของพระเจ้าภายนอก แต่ฤทธิ์ของทางนั้นเขาปฏิเสธเสีย คนอย่างนี้ท่านจงผินหน้าหนีจากเขาเสียด้วย" (II ทิโมธี 3: 5)

ตอนนี้เมื่อพวกเขาได้ยินพระสุรเสียงของพระเจ้าเรียกหาพวกเขา "ทั้งอาดัมและภรรยาของเขาซ่อนตัวจากพระพักตร์ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าท่ามกลางต้นไม้ต่าง ๆ ในสวนนั้น ... และองค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงเรียกอาดัมและตรัสกับเขาว่าเจ้าอยู่ที่ไหน”า?" (ปฐมกาล 3: 8 9) ดร. ดับบลิวเอ คริสเวลล์กล่าวว่า

ประโยคที่เศร้าที่สุดที่พระเจ้าทรงตรัสคือว่า "อาดัมที่เจ้าอยู่ที่ไหน?" [ก่อนหน้านี้] ชายและหญิงคนนี้ได้พบกับพระเจ้าด้วยความชื่นชมยินดีในสวรรค์ ... มันเป็นช่วงเวลาแห่งความดีใจ เป็นชั่วโมงที่แสนประเสริฐเมื่อ [พระเจ้า] มาพูดคุยกับพวกเขา พวกเขาไม่กลัว แต่ตอนนี้ [พวกเขาได้ทำบาป] ชายคนนั้นก็เลยกลัว ทั้งสองต่างก็ละอายใจ และพระเจ้าทรงเรียกหาพวกเขา "โอ้ อาดัมเจ้าอยู่ที่ไหน เจ้าทำอะไรผิดเหรอ? คำตอบสำหรับคำถามที่ทำลายหัวใจนี้คือเรื่องราวทั้งหมดของความบาปและพระคุณและการชดใช้ (W. A. Criswell, Ph.D., Basic Bible Sermons on the Cross, Broadman Press, 1990, p. 55)

คืนนี้พระเจ้าทรงเรียกพวกเจ้า “โอ้ คนบาปเจ้าอยู่ที่ไหน?”

“และพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงเรียกอาดัมและตรัสแก่เขาว่า “เจ้าอยู่ที่ไหน”?” (ปฐมกาล 3:9)

การนำไปใช้

ตอนนี้ผมอยากจะแบ่งออกเป็นประการต่างๆเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ คืนนี้คุณอยู่ตรงไหนในข้อเหล่านี้?

1. คุณกำลังซ่อนตัวจากพระเจ้าใช่หรือไม่? ทุกคนที่ปฏิเสธที่จะกลับใจและมาที่พระเยซูคริสต์จะซ่อนตัวจากพระเจ้า นี่คือคุณใช่หรือไม่? คุณจะซ่อนตัวจากพระเจ้าเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เรียกคุณเพื่อมาที่พระคริสต์อย่างนั้นหรือ นี่คือบาปของคุณในคืนใช่หรือไม่?

2. คุณกำลังซ่อนตัวจากพระเจ้าเพราะคุณปฏิเสธที่จะเชื่อพระคัมภีร์ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ที่ซาตานทำให้พวกคุณคิดว่าพระวจนะของพระเจ้าเป็นเพียงหนังสือเก่า? คุณจึงไม่จำเป็นต้องเชื่อ มารได้บอกคุณว่าไม่มีสวรรค์ที่จะไปและไม่มีนรกที่จะต้องกลัวใช่หรือไม่? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

3. คุณกำลังคิดว่าคุณกำลังมีชีวิตอยู่ด้วยการเป็นคนดีและมีศีลธรรมใช่หรือไม่? คุณกำลังคิดว่าคุณดีพอที่ไม่จำเป็นต้องสารภาพบาปของคุณ และได้รับการช่วยกู้โดยการชดใช้ของพระคริสต์? ชีวิตที่ดีและการมีศีลธรรมของคุณดีพอที่จะช่วยให้คุณรอดได้หรือ? การโกหกนี้ซาตานบอกคุณใช่มั้ย? นั่นคือสิ่งที่คุณเชื่อหรือเปล่า? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

4. ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาในงานฟื้นฟู คุณรู้สึกสำนึกความผิดบาปของคุณ บาปด้านความคิดและจิตใจชั่วร้ายของคุณหรือไม่ คุณได้มองไปที่ผู้ที่ร้องไห้เพราะพวกเขารับรู้บาปของพวกเขาและคุณก็คิดว่าพวกเขาอ่อนแอหรือโง่ใช่หรือไม่? ตอนนี้คุณคิดอย่างนี้ใช่หรือไม่ ซาตานทำให้คุณคิดว่าผู้ที่ร้องไห้และกลับใจใหม่เป็นคนโง่ใช่หรือไม่? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

5. ตอนที่คุณได้ยินการพยานต่อสู้ฝ่ายวิญญาณของ จอห์น คาเกน ถึงบาปทร่อยู่ภายในจนไม่สามารถที่จะหลับ คุณกลับคิดว่านั่นเป็นเรื่องไร้สาระไม่สำคัญอย่างนั้นใช่หรือไม่? คุณคิดว่านี่คือสิ่งไม่จำเป็นมันเป็นเพียงแค่เด็กโง่ที่ไปกังวลเกี่ยวกับาปอย่างนั้นหรือ? ใช่หรือไม่ที่ตานทำให้คุณคิดว่านั่นเป็นเพียงอารมณ์ความรู้สึกของ จอห์น คาเกน ใช่หรือไม่? คุณไม่มีอย่างนี้เลยหรือในฝ่ายวิญญาณ? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

6. ตอนผมบอกคุณว่าในการกลับใจที่แท้จริงนั้น คุณจะต้องต่อสู้กับบาปและความรู้สึกโศกเศร้าที่อยู่ลึกสำหรับบาปของคุณ คุณไปฟังซาตานใช่หรือเปล่า? คุณไม่ปฏิเสธในสิ่งที่ผมพูดและคิดว่าคุณไม่เป็นไรอย่างนั้นหรือ นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

7. ตอนคุณได้ยินผมบอกอย่างนั้น คุณคิดว่าบาปที่คุณกระทำนัท้นมันเล็กมากและจะไม่ทำให้คุณตกนรก? ใช่หรือไม่ที่คุณเชื่อซาตานตอนมันใส่ความคิดเช่นนี้ลงในใจของคุณ? คุณคิดว่าบาปของคุณมันเล็กน้อยและพระเจ้าจะไม่พิพากษาบาปนั้นใช่หรือไม่? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

8. คุณยังเป็นเพื่อนกับผู้ที่ไม่เชื่อพระเจ้าอยู่หรือ? คุณคิดว่าพระเจ้าจะอวยพรคุณและช่วยให้คุณรอดถึงแม้คุณมีเพื่อนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนอย่างนั้นหรือ? เมื่อคุณได้ยินพระคัมภีร์กล่าวว่า "ผู้ใด ... เป็นมิตรกับโลกก็เป็นศัตรูของพระเจ้า" (ยากอบ 4: 4) คุณยอมละทิ้งเพื่อนทางโลกแล้วหรือ? หรือคุณคิดว่าไม่เป็นไรหรอกมีเพื่อนที่ไม่เชื่อพระเจ้า? ซาตานใส่ความคิดนี้ลงไปในใจของคุณใช่หรือไม่? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

9. คุณยังคงคิดเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์กับบางคนที่คุณรู้จัก - แม้ใครบางคนนั้นอยู่ในคริสตจักรนี้ - ใช่หรือไม่ที่ซาตานบอกคุณว่านั่นไม่เป็นไรหรอก? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

10. คุณคิดว่ามันก็โอเคที่จะใช้เวลาในการเล่นวิดีโอเกม? หรือนี่เป็นเพราะซาตานบอกคุณว่ามันก็เป็นเพียงความสนุกสนานที่ไม่เป็นอันตราย? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

11. คุณกลัวผมที่เป็นศิษยาภิบาลหรือไม่ ทำไมคุณกลัวผม? มันเป็นเพราะผมที่เข้มงวดเกินไปหรือเปล่า? หรือเป็นเพราะคุณพบความผิดบางอย่างในสิ่งที่ผมพูดหรือไม่? หรือว่าซาตานทำให้คุณกลัวผม เพราะคุณได้ซ่อนตัวจากพระเจ้า และดังนั้นจึงตำหนิผมว่าไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบ? คุณสามารถพูดเหมือนกับ จอห์น คาเกน ที่เขาพูดเกี่ยวกับผมตอนเทศนาในเช้าวันนี้ที่ว่า "ขอบคุณพระเจ้าสำหรับศิษยาภิบาลของเรา!"? คุณอยากให้ผม "เฝ้าดูจิตวิญญาณของคุณ" – หรือว่าจะคุณกลัวผมและซ่อนชีวิตลับของคุณจากผม เหมือนอย่างที่พระเจ้าตรัสเนียกอาดัมที่ซ่อนตัวจากพระเจ้า เพราะเกรงว่าพระองค์จพทรงตำหนิความลับของเขา? ซาตานหรือเปล่าที่ทำให้คุณกลัวผม? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่? (ฮีบรู 13:17)

12. ใช่หรือไม่ที่คุณต้องการมีแฟนหลายคนโดยที่ไม่บอกศิษยาภิบาลก่อน? คุณไม่ไว้วางใจศิษยาภิบาลซึ่งเป็นผู้คริสตจักรอย่างนั้นหรือ หรือว่าคุณซ่อนตัวจากท่านเหมือนในขณะที่อาดัมทำอยู่ในสวนนั้น? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

13. มีบางสิ่งที่เป็นด้านมืดอยู่ในใจของคุณ และมันปิดปากของคุณไม่ให้พูด ตอนที่เราขอให้คุณ "ไว้วางใจพระคริสต์" นั่นคือสิ่งที่ซาตานบอกคุณหรือ? มันบอกว่าถ้าเจ้าไม่พูดอะไรสักคำ นั่นแสดงว่าคุณปฏิเสธพระเยซูใช่หรือไม่? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

14. คุณอิจฉาคนที่อยู่ในคริสตจักร? คุณอิจฉาพวกเขาเพราะว่าพวกเขาได้รับการยก ย่อง แต่คุณไม่ได้? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?

15. คุณปฏิเสธที่จะตอบรับการเชื้อเชิญหรือไม่? คุณปฏิเสธตามที่พระคัมภีร์กล่าวว่า "วิธีการของคนงก็ถูกต้องในสายตาของตนเอง แต่ผู้ที่สดับฟังคำปรึกษาคือผู้ฉลาด"? คุณเป็นเช่นคนโง่ที่ปฏิเสธการให้คำปรึกษาในตอนท้ายของการเทศนานี้ใช่หรือไม่? นี่คือบาปของคุณในคืนนี้ใช่หรือไม่?


ความผิดบาปต่างๆ ที่ผมพูดมานี้มีบาปใดบาปหนึ่งที่ผูกมัดไม่ให้คุณไว้วางใจพระเยซูคริสต์ในช่วงเวลาของการฟื้นฟูในคริสตจักรของเราในปีนี้หรือไม่? "โอ้ อาดัมเจ้าอยู่ที่ไหน?" คุณได้ยินเสียงของพระเจ้าที่ทรงเรียกคุณเกี่ยวกับความผิดบาปของคุณหรือไม่ แต่คุณไม่พูดเหมือนกับอดัม "ข้าฯได้ยินเสียงของพระองค์ ... และข้าฯก็กลัว ... และข้าฯซ่อนตัวเอง"? สุดท้ายผมจะฝากพระคัมภีร์สองข้อนี้

“บุคคลที่ซ่อนความบาปของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา” (สุภาษิต 28:13)

“แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น” (1 ยอห์น 1:7)

โปรดยืนขึ้นด้วยกัน ดร. คาเกน จอห์น คาเกน และผมจะอยู่ที่นี่ที่ธรรมาส์นี้ เพื่อให้คำปรึกษาให้กับทุกคน ที่พร้อมที่จะสารภาพบาปและวางใจพระเยซูคริสต์ - และจงชำระบาปทั้งหมดโดยพระโลหิตอันประเสริฐของพระองค์ ในขณะที่เราร้องเพลงนมัสการบทที่ 7 เชิญออกจากที่นั่งของคุณและมาที่นี่ เพลงนมัสการบทที่ 7

พระผู้ช่วยให้รอดข้าฯอธิษฐานขอเติมนิมิตของข้าพระองค์
ในวันนี้ขอให้ข้าพระองค์เห็นพระเยซู
แม้ว่าจะผ่านหุบเขาพระองค์ก็ยังทรงนำ
สง่าราศีของพระองค์อยู่ล้อมรอบข้าพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอดขอพระองค์ทรงเต็มนิมิตของข้าฯให้เต็ม
จนสง่าราศีของพระองค์ส่องแสงอยู่ในจิตวิญญาณของข้าฯ
เติมนิมิตของข้าพระองค์ให้เห็นทุกอย่าง
ความบริสุทธิ์ของพระองค์อยู่ภายในข้าฯ

เติมนิมิตของข้าพระองค์ในทุกๆทาง
สง่าราศีของพระองค์ดลจิตวิญญาณของข้าฯ
ความสมบูรณ์และความรักอันบริสุทธิ์ของพระองค์
เหมือนน้ำจากเบื้องบนท่วมทางเดินของข้าฯ
พระผู้ช่วยให้รอดขอพระเจ้าทรงเต็มนิมิตของข้าฯทั้งหมด
จนมีสง่าราศีของพระองค์ส่องแสงอยู่ในจิตวิญญาณของข้าฯ
เติมนิมิตของข้าพระองค์ให้เห็นทุกอย่าง
ความบริสุทธิ์ของพระองค์มีอยู่ภายในข้าฯ

เติมนิมิตของข้าฯจากความล้มเหลวเพราะความบาป
เงาแห่งสว่างส่องแสงภายใน
ขอให้ข้าฯเห็นเพียงใบหน้าที่มีความสุขของพระองค์
ทรงเลี้ยงจิตวิญญาณของข้าฯโดยพระคุณของพระองค์
พระผู้ช่วยให้รอดขอพระเจ้าทรงเต็มนิมิตของข้าฯทั้งหมด
จนมีสง่าราศีของพระองค์ส่องแสงอยู่ในจิตวิญญาณของข้าฯ
เติมนิมิตของข้าพระองค์ให้เห็นทุกอย่าง
ความบริสุทธิ์ของพระองค์มีอยู่ภายในข้าฯ
(“Fill All My Vision,” Avis Burgeson Christiansen, 1895-1985)

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน โนอาห์ ซอง: ปฐมกาล 3:8-10.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคท กรี่ฟฟี่:
“Search Me, O God” (Psalm 139:23-24)/
“I Am Coming, Lord” (Lewis Hartsough, 1828-1919; chorus only).