เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
จะทราบน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไรHOW TO KNOW THE WILL OF GOD โดย ดร. ไฮเมอร์ส จูเนียร์ บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส “แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการล่อลวงตนเอง” (ยากอบ 1:22) |
เอ ดับบลิว พิ้ง (1886-1952) กล่าวว่า "มีหลายคนที่ได้ยินพระคำ บางคนฟังแบบผ่านๆ บางคนฟังแบบสนใจ แต่อนิจจาสิ่งที่พวกเขาได้ยิน [กลับไม่เกิดผลใดๆ] ในชีวิต มันไม่เข้ากับ [การดำรง]ของพวกเขา และพระเจ้าตรัสว่าพวกที่ไม่ได้กระทำตามพระวจนะคือพวกที่หลอกลวงตัวเอง! ... ที่ใดที่ไม่มี [การยอมจำนน] ของใจและชีวิตให้กับพระวจนะของพระเจ้าให้มากขึ้น แต่กลับแสวงหาเพิ่มความรู้ฝ่ายโลกเพียงอย่างเดียวก็จะนำมาซึ่งการลงโทษ ... พระเจ้าประทานพระวจนะของพระองค์ให้เรา ... จุดประสงค์คือนำพาเราและทราบถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทำ (Arthur W. Pink, “The Scriptures and Obedience,” in Profiting From the Word, Free Grace Broadcaster, Summer 2015, pages 1, 2) “จุดประสงค์คือนำพาเราและทราบถึงสิ่งที่พระเจ้าประสงค์ให้เราทำ” ผมเห็นด้วยกับนายพิ้ง นั่นคือสิ่งที่ผมถูกสอนมา แม้ตอนนั้นจะอยู่ในช่วงก่อนกลับใจใหม่ก็ตาม ตอนเด็กๆผมไปเข้าคริสตจักรแบ๊บติสในเมือง ฮันติงตัน พาร์ค แม้ว่าเวลานั้นจะเข้าใจบางอย่างผิดไป แต่ไม่ใช่จุดนี้แน่นอน ผมถูกสอนว่าพระเจ้าตรัสกับเราและแสดงให้เราเห็นน้ำพระทัยของพระองค์ผ่านทางพระคัมภีร์ และผมเรียนรู้ว่าอย่าแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้าผ่านทางความรู้สึกหรือความพึงพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อมาผมได้เรียนรู้จากศิษยาภิบาลของผมคือ ดร. ทิโมธี หลินและจาก ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ โดยพระคุณของพระเจ้า ผมสามารถพูดเช่นเดียวกับผู้เขีบนพระธรรมสดุดี "พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์" (สดุดี 119: 105) สุภาษิต 6:22 กล่าวว่าพระวจนะของพระเจ้า "เมื่อเจ้าเดิน มันจะนำเจ้า เมื่อเจ้านอนลง มันจะเฝ้าเจ้า และเมื่อเจ้าตื่นขึ้น มันจะพูดกับเจ้า" นั่นคือเหตุผลที่พระคำข้อของเราข้อนี้กล่าวว่า "แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการล่อลวงตนเอง” (ยากอบ 1:22) ข้อนี้บอกเราถึงการทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า I. ประการแรก พระคำข้อนี้กล่าวถึงคนที่หลอกตัวเองเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระเจ้า ผมจะแสดงความคิดเห็นในส่วนที่สองของข้อนี้ก่อน "หลอกตัวของคุณเอง" บรรดาผู้ที่ปฏิเสธที่จะ "กระทำตามพระคำ" คือผู้ที่หลอกลวง ในชีวิตของพวกเขานั้นจะไม่สามารถรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้เลย ทุกวันนี้นี่เป็นเรื่องธรรมดามากในหมู่ผู้เชื่อ พวกเขามักจะหลอกและในชีวิตของพวกเขาแบบไม่สามารถรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้เลย พวกเขาลืมไปว่าซาตานเป็นผู้ล่อลวงตัวฉกาจ พระคัมภีร์บอกเราว่าซาตานหลอกลวงมนุษยชาติทั่วโลก (วิวรณ์ 20: 3) มันถูกขนานว่า "พญามารและซาตาน ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลก" (วิวรณ์ 12: 9) "ซาตาน" หมายถึง "ปรปักษ์" หรือ "ศัตรู" เขาต่อต้านพระเจ้า เคล็ดลับที่เก่าแก่ที่สุดของเขาคือการหลอกลวงผู้คน เขา "ล่อลวงโลกทั้งโลก" ภาษากรีกคำว่า "หลอกลวง" เป็น "planaō" หมายความว่า "เพื่อนำไปสู่การหลงผิด" "เกลี้ยกล่อม" "ทำให้เข้าใจผิด" "เพื่อดึงดูดความสนใจและนำไปสู่การหลงผิด" นี่คือสิ่งที่ซาตานทำ มันหลอกบิดารมารดาคนแรกของเรา ทำให้พวกเขาหลงโดยกินผลไม้ต้องห้ามในสวนนั้นคริสเตียนหลายคนในทุกวันนี้ คิดว่าพวกเขารู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตของพวกเขา แต่พวกเขาเข้าใจผิดเพราะนั่นคือซาตาน หลายคนคิดว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำพวกเขา แต่จริงๆแล้วมันคือมาร คุณต้องไม่ลืมเรื่องนี้ อัครสาวกเปโตรเตือนพวกเขาว่า "จงมีสติ [เฝ้าดู] ระมัดระวัง [ตื่นตัว] เพราะศัตรูของท่าน [ศัตรูของคุณ] มาร ... เสาะหาคนที่มันจะกัดกิน "(1 เปโตร 5: 8) ดร. แมคกี้ กล่าวว่า "ผมไม่เชื่อว่าคุณสามารถต่อต้านมารได้ด้วยตัวเอง ... คุณต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้เชื่อคนอื่น ๆด้วย" (Thru the Bible; note on I Peter 5:9) ผมคิดว่าท่านกล่าวถูกต้อง มารจะเกลี้ยกล่อมคุณและทำให้เข้าใจผิดถ้าคุณอยู่คนเดียว หรือหากคุณคบหาใกล้ชิดกับคนที่ไม่รอด แม้แต่พี่น้องในครอบครัวที่ไม่เชื่อ พระคัมภีร์กล่าวว่า “บุคคลที่เดินกับปราชญ์จะกลายเป็นคนฉลาด แต่เพื่อนฝูงของคนโง่จะถูกทำลาย” (สุภาษิต 13:20) พระคัมภีร์ The Scofield กล่าวใช้คำว่า “โง่” (หน้า 678) คำว่า 'คนโง่' ในพระคัมภีร์ไม่ใช่คนที่จิตใจไม่สมประกอบ แต่หมายถึงคนหยิ่งและคนที่เชื่อว่าชีวิตไม่ต้องการพะเจ้า" แม้จะอยู่ในคริสตจักรก็ตาม ให้แน่ใจว่าคุณคบหากับคนฉลาดไม่ใช่คนโง่! คนโง่จะถูกใช้โดยมารให้หนีห่างไกลจากน้ำพระทัยของพระเจ้า เช่นกันคุณสามารถถูกหลอกโดยคริสเตียนเท็จ นี่คือความจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันสุดท้าย พระคัมภีร์กล่าวว่า “แต่คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น ทั้งล่อลวงคนอื่น และก็ถูกคนอื่นล่อลวงด้วย” (2 ทิโมธี 3:13) คริสเตียนเท็จแน่นอนจะหลอกและทำให้คุณหลงผิดไป แต่คำตอบให้กับ 2 ทิโมธี 3:13 คือในข้อ 14 และ 15 พระวจนะของพระเจ้าเป็นคู่มือนำเราในวันแห่งความชั่วร้ายเหล่านี้ ใกล้ชิดกับผู้ที่เชื่อและทำตามพระคัมภีร์ แต่ไม่ใช่ "การหลอกลวงและถูกหลอก" นอกจากนี้คุณสามารถถูกหลอกโดยที่เรียกว่า "การทรงนำ" ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นี่คือกับดักใหม่ที่สำคัญของพวกอีแวนเจลิคัมในทุกวันนี้ พวกเขาถูกสอนว่าทุกความคิดที่ผ่านใจของพวกเขาเป็น "การทรงนำ" ของพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเขาหลายคนต่างชอบพูดอย่างนั้นมากๆ พวกเขาบอกว่า "พระเจ้าทรงนำฉันไปทำเช่นนี้" หรือ "พระเจ้าทรงนำฉันไปทำเช่นนั้น" คุณได้ยินอย่างนั้นตลอดเวลา มันฟังดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณ คุณอาจคิดว่าคนนั้นเป็นคริสเตียนที่เข้มแข็ง แต่พระคัมภีร์เรียกพวกเขาว่า "คนโง่" พระคัมภีร์กล่าวว่า “บุคคลที่วางใจในจิตใจของตัวเป็นคนโง่” (สุภาษิต 28:26) แม้ว่าออกไปตามถนนคุณยังจะได้ยินพวกเขาพูดว่า "พระเจ้าทรงนำข้าพเจ้าไปทำเช่นนี้" "พระองค์ทรงนำข้าพเจ้ามาที่นี่" "พระองค์ทรงนำข้าพเจ้าไป" คุณได้ยิน "คนโง่" พูดอย่างนั้นเกือบทุกครั้ง “บุคคลที่วางใจในจิตใจของตัวเป็นคนโง่” (สุภาษิต 28:26) พระคัมภีร์กล่าวชัดเจนว่า "จงวางใจในพระเยโฮวาห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความเข้าใจของตนเอง" (สุภาษิต 3: 5) เมื่อคนปฏิเสธที่จะทำตามพระเจ้า พวกเขานำตัวเองสู่ตัวการหลอกลวง และนี่นำเรามาที่พระธรรมของเรา “ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการล่อลวงตนเอง” (ยากอบ 1:22) II. ประการที่สอง พระคำข้อนี้กล่าวถึงคนที่พบกับน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง “แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น...” (ยากอบ 1:22) ฟังพระวจนะของพระเจ้าและพบกับการทรงนำในนั้น คุณต้องยินดีและพร้อมใจที่จะปฏิบัติตามสิ่งที่คุณได้ยิน เงื่อนไขสำหรับการได้ยินอยู่ในข้อก่อนหน้านี้ ยากอบ1:21 “เหตุฉะนั้น จงถอดทิ้งการโสโครกทุกอย่าง และการชั่วร้ายอันดาษดื่น และจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตใจของท่านทั้งหลายให้รอดได้” (ยากอบ 1:21) ผมจะอ่านฉบับแปลปัจจุบันเพราะค่อนข้างชัดเจน “เหตุฉะนั้นจงขจัดสารพัดความโสมม และการชั่วร้ายอันดาษดื่น และถ่อมใจรับพระวจนะที่ได้ปลุกฝังไว้ในท่านซึ่งสามารถช่วยท่สนให้รอดได้” (NIV) คนต้องกำจัดสิ่งปฏิกูลไร้คุณธรรมและความชั่วร้ายออก ซึ่งรวมถึงภาพลามกอนาจารและความขมขื่น บางคนคาดหวังที่จะรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าในขณะที่พวกเขายังเป็นทาสของความคิดที่สกปรก บางคนคาดหวังที่จะรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าในขณะที่พวกเขาเกลียดชังพ่อแม่ ศิษยาภิบาล และผู้นำในคริสตจักร พวกเขามีใจขมขื่น บางคนยังคบหาเพื่อนที่ต่อต้านพระเจ้า พวกเขาชอบคนเหล่านั้นมากจนลืมว่า "ผู้ใดเป็นมิตรกับโลกเป็นศัตรูของพระเจ้า" (ยากอบ 4: 4) บางคนเต็มไปด้วยความอิจฉาและความภาคภูมิใจในตัวเอง คุณต้องสารภาพสิ่งเหล่านี้ให้กับพระเจ้าและขอให้พระองค์ชำระสิ่งเหล่านี้ออกจากใจของคุณ ทางนี้เท่านั้น คุณถึงจะกลายเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนได้ และพอที่จะยอมรับพระวจนะของพระเจ้าใช้เป็นคู่มือในชีวิตของคุณ ทางนี้เท่านั้นคุณถึงจะเป็น "คนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น" สเปอร์เจียนกล่าวว่า "ต้องเป็นไปตามนี้เท่านั้น [เพื่อให้ผู้เชื่อสามารถเติบโตเป็นคริสเตียน] และเริ่มต้นด้วยเลือกทางนี้หรือนั่น นี่เป็นความลับที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะใจตัวเองได้ มารล่อลวงให้พวกเขาเข้าใจผิดถึงการทำพันธกิจเพราะพระกิตติคุณทำให้พวกเขาต่อต้านความคิดชั่วนี้ หากคุณอยากจะได้ยินพระวจนะของพระเจ้าด้วยความสุขและเป็นพระพรให้ตัวเอง คุณต้อง 'หนีสิ่งชั่วร้ายและโสโครกและความดื้อรั้น เพราะสิ่งเหล่านี้ต่อต้านพระวจนะของพระเจ้า” (C. H. Spurgeon, “Before Sermon, At Sermon, and After Sermon,” MTP, No. 1,847) คุณต้อง 'หนีสิ่งชั่วร้ายและโสโครกและความดื้อรั้น เพราะสิ่งเหล่านี้ต่อต้านพระวจนะของพระเจ้า” คุณถึงจะสามารถ "ประพฤติตามพระวจนะนั้น" เฉพาะตอนคุณเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าเท่านั้น คุณถึงจะสามารถทราบถึงน้ำพระทัยของพระองค์สำหรับชีวิตของคุณ ตอนนี้ผมจะนำหกวิธีการในพระคัมภีร์ที่สามารถช่วยให้ทราบถึงน้ำพระทัยของพระเจ้า 1. อีกครั้งหนึ่ง และนี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะรู้น้ำพระทัยของพระเจ้า คุณต้องไม่วางใจในตัวของคุณเอง ผมบอกคุณเพราะพระคัมภีร์กล่าวชัดเจนว่า “บุคคลที่วางใจในจิตใจของตัวเป็นคนโง่l” (สุภาษิต 28:26) ทำไมถึงสำคัญมาก? เพราะว่า “จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า?” (เยเรมีย์ 17:9) บุคคลที่เชื่อมั่นใจตัวเองคือคน “โง่” 2. หากต้องการทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า คุณต้องยินดีที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าไม่ใช่ของคุณเอง “ถ้าผู้ใดตั้งใจประพฤติตามพระประสงค์ของพระองค์ ผู้นั้นก็จะรู้ว่าคำสอนนั้นมาจากพระเจ้า หรือว่าเราพูดตามใจชอบของเราเอง” (ยอห์น 7:17) ดร. จอห์น อาร์ไรซ์ กล่าวว่า "นี่หมายความว่าถ้าคนเลือกที่จะทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าพระเจ้า พระองค์ก็จะทรงเปิดเผยให้ผู้นั้น" (The Son of God, commentary on the Gospel of John, Sword of the Lord Publishers, 1976, p. 162) ดร. เฮนรี่ เอ็ม มอร์ริส กล่าวว่า "น่าจะอ่านอย่างนี้: 'ถ้าผู้ใดต้องการที่จะกระทำตามน้ำพระทัยอย่างแท้จริง ผู้นั้นก็จะทราบ ... ดังนั้น เริ่มแรกให้พระเจ้าทรงนำก่อน ... แล้วให้ตั้งใจปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างจริงจัง แม้ว่าคำตอบนั้นอาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการก็ตาม" (The Defender’s Study Bible; note on John 7:17) 3. หากต้องการทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า คุณต้องสารภาพและละทิ้งบาปของคุณ “บุคคลที่ซ่อนความบาปของตนจะไม่จำเริญ แต่บุคคลที่สารภาพและทิ้งความชั่วเสียจะได้ความกรุณา คนที่เกรงกลัวอยู่เสมอก็เป็นสุข แต่บุคคลที่ทำใจตนให้กระด้างจะตกในความลำบากยากเย็น” (สุภาษิต28:13, 14). 4. หากต้องการทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า คุณต้องไม่ดูหมิ่นคำสั่งสอนของบิดาที่เป็นคริสเตียนของคุณ “คนโง่ดูหมิ่นคำสั่งสอนของบิดาตน แต่ผู้ที่สนใจคำตักเตือนเป็นผู้หยั่งรู้” (สุภาษิต 15:5) “บุตรชายที่ฉลาดฟังคำสั่งสอนของบิดาตน แต่คนมักเยาะเย้ยไม่ฟังคำขนาบ” (สุภาษิต 13:1) 5. หากต้องการทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า คุณต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้นำฝ่ายจิตวิญญาณในคริสตจักรของคุณ “ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตวิญญาณของท่าน เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ...” (ฮีบรู 13:17) ลองพิจารณาพระธรรมฮีบรู 13:17 พระคัมภีร์ฉบับ the Reformation Study Bible กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงเชื่อฟังและยอมอยู่ในโอวาทของคนเหล่านั้นที่ปกครองท่าน ด้วยว่าท่านเหล่านั้นคอยระวังดูจิตวิญญาณของท่าน เหมือนกับผู้ที่จะต้องรายงาน เพื่อเขาจะได้ทำการนี้ด้วยความชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ เพราะที่ทำดังนั้นก็จะไม่เป็นประโยชน์อะไรแก่ท่านทั้งหลาย” 6. หากต้องการทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า ต้องถวายชีวิตของคุณให้กับพระเจ้าและอย่าดำเนินตามโลกนี้ “พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของพวกท่าน เป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิต อันบริสุทธิ์ เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการรับใช้ที่เหมาะสมของท่านทั้งหลาย และอย่าทำตามอย่างชาวโลกนี้ แต่ท่านจงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจเสียใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้าว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:1, 2) “ใจที่ได้รับการสร้างใหม่แล้ว ก็จะได้รับการควบคุมโดยพระวจนะของพระเจ้า” (MacArthur Study Bible; note on Romans 12:2) กรุณายืนขึ้นร้องเพลงนมัสการบทที่ 4 ในหนังสือเพลงของคุณ ถ้าเราเดินตามพระเจ้า พระเยซูทรงนำเรา เรายังยืนอยู่ อาจารย์เปาโลกล่าวในพระธรรมโรม 10:16 “แต่มิใช่ทุกคนได้เชื่อฟังข่าวประเสริฐนั้น” ดร. ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า "ขอให้สังเกตดีๆว่าทำไมเปาโลถึงกล่าวเช่นนั้น เขาไม่ได้บอกว่า มิใช่ทุกคนเชื่อในข่าวประเสริฐนั้น แต่มิใช่ทุกคนเชื่อฟังในข่าวประเสริฐ ... พระกิตติคุณเรียกร้องให้มีการตอบสนอง เรียกร้องให้มีการดำเนินตาม ... เรียกร้องให้เชื่อฟังคำสั่ง พระกิตติคุณหมายถึงส่งผลต่อชีวิตของคนๆหนึ่ง หมายถึงการถูกควบคุมเป็นสิ่ง จุดศูนย์กลางของชีวิตซึ่งควบคุมทุกส่วนของร่างกาย ... นี่แหละที่ท่านกล่าวว่าเชื่อฟัง ... การเชื่อฟังสำคัญมาก เพราะความบาปคือการไม่เชื่อฟังพระเจ้า" (“พระกิตติคุณของพระเจ้าและการเชื่อฟัง”) พระคริสต์ทรงเรียกคุณให้กลับใจจากบาปของคุณและมาหาพระองค์ พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้ความบาปของคุณ พระองค์ทรงเรียกคุณให้เชื่อฟังพระกิตติคุณ - พระองค์ทรงเรียกคุณให้มาที่พระองค์และเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ ถ้าคุณปฏิเสธที่จะมาหาพระองค์หมายความว่าคุณไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์ ดังนั้น คุณต้องมอบทุกสิ่งให้พระเยซูคริสต์ "นั่นคือการเชื่อฟังพระกิตติคุณ นั่นคือสิ่งที่ทำให้คุณเป็นคริสเตียน "(ลอยด์โจนส์ อ้างอิง) ถ้าคุณต้องการที่จะพูดคุยกับเราเกี่ยวกับความผิดบาปของคุณและเกี่ยวกับการชำระบาปให้สะอาดโดยพระโลหิตของพระเยซูโปรดเดินตาม ดร. คาเกน จอห์น คาเกน และโนอาห์ ไปที่ห้องอธิษฐานในขณะนี้ พวกเขาจะนำพวกคุณไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่ออธิษฐานเผื่อและพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับความผิดบาปของคุณและการชำระบาปของคุณโดยโลหิตของพระเยซู อาเมน หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: ยากอบ 1:21-25 |
โครงร่างของ จะทราบน้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร HOW TO KNOW THE WILL OF GOD โดย ดร. ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “แต่ท่านทั้งหลายจงเป็นคนที่ประพฤติตามพระวจนะนั้น ไม่ใช่เป็นแต่เพียงผู้ฟังเท่านั้น ซึ่งเป็นการล่อลวงตนเอง” (ยากอบ 1:22) (สดุดี 119:105; สุภาษิต 6:22) I. ประการแรก พระคำข้อนี้กล่าวถึงคนที่หลอกตัวเองเกี่ยวกับน้ำพระทัยของพระเจ้าวิรณ์ 20:3; 12:9;
II. ประการที่สอง พระคำข้อนี้กล่าวถึงคนที่พบกับน้ำพระทัยของพระเจ้าอย่างแท้จริง |