เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
การอดอาหารและการอธิษฐานในยุคสุดท้ายFASTING AND PRAYER IN THE LAST DAYS โดย ดร. ไฮเมอร์ส จูเนียร์ บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส |
กรุณาเปิดพระคัมภีร์ไปกับผมที่มัทธิว 24:12 ข้อนี้หนุนใจผมมาเป็นเวลานานกว่าห้าสิบปี กรฺณายืนขึ้นอ่านออกเสียงดังๆ “ความรักของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่ [ขยาย] ออกไป” (มัทธิว 24:12) ทำไมข้อนี้ถึงหนุนใจผมได้? เพราะกล่าวชัดเจนถึงสภาพของคริสตจักรในยุคสุดท้าย อย่างไรก็ตามคริสเตียนที่เข้มแข็งจะไม่ตกใจ เพราะนั่นคือสิ่งที่พระเยซูทรงตรัสถึงยุคสุดท้าย คำว่า “เยือกเย็น” หมายถึง “ไร้ศิลธรรม” นั่นคือคำว่า “อโนเมีย” - และหมายถึง “การทำร้ายกัน” หรือ “การละเมิด” กฎของพระคัมภีร์ใหม่ นั่นใช้ให้กับคริสตจักรในยุคสุดท้ายที่ไม่ยอมทำตามหลักคำสอนในพระคัมภีร์ ผลของการไร้ศิลธรรมนี้ “ความชั่วช้าจะแผ่ [ขยาย] ออกไป” พระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ใช้คำได้รุนแรงว่า “ความรักของคนส่วนใหญ่จะเย็นลง” (NIV) คำที่แปล “ความรัก” นั้นสำคัญมาก คำในภาษากรีกคือ “อะกาเป้” - เป็นคำที่กล่าวถึงความรักของคริสเตียน เวนเรียกว่า “บุคลิกของศาสนาคริสต์” ดร. เฮนรี่ เอ็ม มอร์รี่ กล่าวถึงคริสตจักรเลาดีเซีย ในยุคสุดท้าย “มีคนจำนวนมากมายมีอิทธิพลต่อคริสตจักรในทุกวันนี้ นั่นคือคริสตจักรอีเวนเจลิคอล์...นั่นคือการสูญเสียฝ่ายวิญญาณ” (The Defender’s Study Bible; note on Revelation 3:17) พวกคริสตจักรอีเวนเจลิคอล์และพวกฟันดาเมนทอล์ถูกกล่าวไว้ในวิวรณ์ 3:17 “เราเป็นคนมั่งมี ได้ทรัพย์สมบัติทวีมากขึ้น และเราไม่ต้องการสิ่งใดเลย” เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นคนแร้นแค้นเข็ญใจ เป็นคนน่าสังเวช เป็นคนขัดสน เป็นคนตาบอด และเปลือยกายอยู่“ หนึ่งในบททดสอบง่ายๆให้กับคริสตจักรต่างๆคือ - พวกเขามีความรักแบบ “อะกาเป้” หรือไม่? พวกเขารักคริสตจักรหรือไม่? พวกเขารักที่จะสามัคคีธรรมร่วมกับพี่น้องในพระคริสต์หรือไม่? พวกเขาส่วนใหญ่แล้วไม่มีเลย หนึ่งในโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในคริสตจักรแบ๊บติสของเราคือการที่พวกเขาปิดการนมัสการในคืนวันอาทิตย์ลง นี่จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ ดร. คาเกน ไม่สามารถพบคริสตจักรแบ๊บติสแห่งเดียวในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสที่มีการนมัสการในคืนวันอาทิตย์! อาจจะมีหนึ่งแห่งก็ได้ แต่เขาก็ไม่สามารถหาพบ! คริสตจักรแบ๊บติสใหญ่ๆของ ดร. ดับบลิว เอ คริสเวลล์ ในขณะนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว คริสตจักรใหญ่ของ ดร. จิมมี่เดรบเปอร์ที่อยู่ในย่านชานเมืองดัลลัสตอนนี้ก็ไม่มีการนมัสการในคืนวันอาทิตย์อีก คริสตจักรใหญ่อย่างแบ๊บติสต์ที่หนึ่งของ ดร. แฟรงก์ เจอร์ริสตอนนี้ก็ไม่มีการนมัสการในคืนวันอาทิตย์อีก คริสตจักรแบ๊บติสต์กาลิเลโอของ ดร. จอห์น อาร์ไรซ์ ในย่านชานเมืองของดัลลัสก็ได้ยกเลิกการนมัสการของพวกเขาในคืนวันอาทิตย์ ดร. คาเกน กล่าวว่า "มันน่าแปลกใจถึงคริสตจักรต่างๆในเมืองดัลลัส เท็กซัส - " ในเขตไบเบิล เบวท” คริสตจักรฟันดาเมนทอส่วนใหญ่ก็ไปในทิศทางเดียวกันนี้ ผมตกใจเพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ยินว่าคริสตจักรที่มีชื่อเสียงอย่างแบ๊บติสฟันดาเมนทอล์ได้ปิดการนมัสการในคืนวันอาทิตย์ลง ตอนนี้พวกเขามีแต่กินแซนวิชหลังนมัสการเช้า และตามด้วยศึกษาพระคัมภีร์ในช่วงเวลา 1:30 หนึ่งนักเทศน์กล่าวว่า "พวกเขาศึกษาพระคัมภีร์เท่านั้นพอ" - ประหนึ่งว่า "มีความรู้พระคัมภีร์แล้ว" นั่นคือเหตุผลเดียวที่ไปคริสตจักร! คริสตจักรแบ็บติสต์สมัยก่อนมีการนมัสการทุกคืนวันอาทิตย์ ผมยังจำได้ดีว่าได้มีการนำผู้ที่ไม่เชื่อมาฟังพระกิตติคุณ แต่มาในตอนนี้ทุกสิ่งที่พวกเขาต้องการคือ "เรียนรู้พระคัมภีร์" ความจริงคือพวกเขาอาจจะ "รับ" รู้พระคัมภีร์มากกว่านั้นถ้าอยู่แต่ที่บ้านและฟังดร. เจเวอร์ นอน แมคกี้ เทศนาทางรายการวิทยุ! แต่ในมัทธิว 24:12 ไม่ได้พูดว่า "ความชั่วช้ามีมากขึ้น เพราะพวกเขาศึกษาพระคัมภีร์น้อยไป" ไม่! ไม่เลย! แต่บอกว่า "“ความรัก [อะกาเป้] ของคนเป็นอันมากจะเยือกเย็นลง เพราะความชั่วช้าจะแผ่ [ขยาย] ออกไป” การสามัคคีธรรมแบบอะกาเป้นั้นไม่มีเหลืออยู่ในคริสตจักรแบ๊บติสอีก ภายในเวลาไม่กี่ปีต่อจากนี้ไปเชื่อว่าคริสตจักรแบ๊บติสจะเป็นหมันและไม่มีชีวิตเช่นเดียวกับคริสตจักรเมโทดิสและเพรสไปทีเรียน เพราะพวกเขาเหล่านั้นปิดการนมัสการในคืนวันอาทิตย์ของพวกเขาเมื่อประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา อาจดูเหมือนเป็นสิ่งดีที่ทำอย่างนั้น แต่ความจริงกลับฆ่าพวกเขา! จึงเห็นว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านพวกเขาสูญเสียสมาชิกหลายล้านคน ไม่น่าแปลกใจเลยที่แบ็บติสต์ใต้สูญเสียสมาชิกไปถึง 250,000 คนในปีที่ผ่านมา! นั่นเป็นเพราะไม่มีความรัก ไม่มีการสามัคคีธรรม และไม่มีเหตุผลสำหรับคนที่จะมาคริสตจักร และแบ็บติสต์ใหญ่ๆก็ดีไม่มากไปกว่านั้น ล้มเหลวในทางศีลธรรมทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้นให้กับคริสตจักรในอเมริกา และฝ่ายจิตวิญญาณ อำนาจของซาตานและวิญญาณชั่วครอบครองประเทศของเรา ในขณะที่แบ็บติสต์ปิดการนมัสการในคืนวันอาทิตย์ เพื่อให้ผู้คนสามารถอยู่บ้านดูทีวีไร้สาระและนอนแต่หัวค่ำ! พระเจ้าโปรดทรงช่วยเราด้วย! เจ็ดคริสตจักรในหนังสือวิวรณ์ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงโดยชาวมุสลิม ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้ามุสลิมมาที่นี่และทำลายคริสตจักรแบ๊บติสทั้งหมดของเราเช่นกัน! มีอะไรที่จะหยุดพวกเขาได้? หากผู้เชื่อยังขี้เกียจที่จะไปโบสถ์ในคืนวันอาทิตย์ แน่นอนจะไม่มีทางหยุดพวกเขาได้! พวกเขาทำได้อย่างไร? กองกำลังปีศาจซาตานได้จับคอคนอเมริกาและคนในทวีปยุโรปให้หายใจไม่ออก! พวกเขาจะสำลักคริสตจักรของเราไปสู่ความตาย! นี่คือคำอธิบายถึงผู้คนในวันสุดท้ายตามที่ปรากฏใน 2 ทิโมธี 3: 1-5 “แต่จงเข้าใจข้อนี้ด้วย คือว่าในวันสุดท้ายนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุคเหตุว่าคนจะเป็นคนรักตัวเอง เป็นคนเห็นแก่เงิน เป็นคนอวดตัว เป็นคนจองหอง เป็นคนพูดหมิ่นประมาท เป็นคนไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา เป็นคนอกตัญญู เป็นคนไร้ศีลธรรม เป็นคนไม่รักซึ่งกันและกัน เป็นคนไม่ทำตามสัญญา เป็นคนหาความใส่เขา เป็นคนไม่มีสติรั้งใจ เป็นคนดุร้าย เป็นคนชังคนดี เป็นคนทรยศ เป็นคนมุทะลุ เป็นคนหัวสูง เป็นคนรักความสนุกสนานยิ่งกว่ารักพระเจ้าเขามีสภาพทางของพระเจ้าภายนอก แต่ฤทธิ์ของทางนั้นเขาปฏิเสธเสีย คนอย่างนี้ท่านจงผินหน้าหนีจากเขาเสียด้วย” (2 ทิโมธี 3:1-5) นี่คือการละทิ้งศาสนาอย่างที่เรียกว่า "คริสเตียนทั้งหลาย" ไม่รู้เลยว่าถูกทำลายทั่วทั้งในอเมริกาและประเทศตะวันตก พวกเขารักเพียงแต่ตัวเอง พวกเขารักเงินเท่านั้น พวกเขาเป็นพวกกบฏเนรคุณและไม่บริสุทธิ์ พวกเขามีรูปแบบภายนอกว่าความเคร่งศาสนา แต่ไม่มีอำนาจจากพระเจ้า ตอนนี้ฟัง 2 ทิโมธี 3:12, 13 “แท้จริงทุกคนที่ปรารถนาจะดำเนินชีวิตตามทางของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์จะถูกกดขี่ข่มเหง แต่คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์จะชั่วร้ายมากยิ่งขึ้น ทั้งล่อลวงคนอื่น และก็ถูกคนอื่นล่อลวงด้วย” (2 ทิโมธี 3:12, 13) เหล่านี้คือคนที่เรากำลังพยายามที่จะนำดวงวิญญาณของพวกเขามาที่พระคริสต์ในคริสตจักรของเรา! เราทำได้อย่างไร! มันเป็นไปไม่ได้ด้วยมนุษย์ปุถุชนอย่างเรา! เราทำงานอย่างหนักเพื่อนำพวกเขามาที่คริสตจักร – แต่ใจของพวกเขากลับจดจ่ออยู่กับวิดีโอเกมและภาพยนตร์ จนพวกเขาไม่สามารถแม้แต่ที่จะมองผมเทศน์ในครั้งแรกที่พวกเขาที่นมัสการ พวกเขามองมือของพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา เพราะมือของพวกเขาไม่มีโทรศัพท์มือถือที่จะเล่นกับมัน! ใจของพวกเขามีแต่ความว่างเปล่า เหมือนอย่าง มอร์ล็อกส์ ในเอช จี เวลส์ ว่า "ยุคแห่งเครื่องจักร" พวกเขาตายเหมือนผีดิบที่พวกเขาดูในทีวีช่วงดึกๆ ตอนนี้ไปที่ลูกาบทที่ 4: 18-19 นี่คือพระเยซูคริสต์เสด็จลงมาเพื่อคนบาปอย่างหนุ่มสาวในทุกวันนี้ ผมจะอ่าน พระเยซูตรัสว่า ‘พระวิญญาณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่บนข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้รักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ ให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ฟกช้ำเป็นอิสระและให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (ลูกา 4:18-19) พระเยซูเสด็จมาเพื่อทำสิ่งเหล่านั้นให้กับคนหนุ่มสาวในทุกวันนี้ แต่อำนาจของซาตานก็แข็งแกร่งพอที่พระคุณของพระคริสต์ไม่อาจผ่านไปถึงพวกเขาทุกคนได้ จำเป็นมากที่เราต้องมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า ไม่งั้งเราก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้! เราสามารถนำพวกเขามาคริสตจักรเต็มคันรถก็ตาม – แต่น้อยคนที่สามารถสัมผัสกับความรอดของพระเยซู! น้อยมากที่ถูกช่วยกู้ - นอกเสียจากพระเจ้าประทานฤทธ์อำนาจลงมาเหนืออำนาจของซาตานในคริสตจักรของเรา! และที่ต้องมีการอดอาหารและการอธิษฐาน! พวกสาวกไม่สามารถช่วยเหลือชายหนุ่มตามในพระธรรมมาระโกบทที่เก้า เขาถูกวิญญาณชั่วเข้าสิง - เช่นเดียวกับวัยรุ่นหลายคนที่เรานำมาฟังพระกิตติคุณในคริสตจักรของเรา เด็กเหล่านั้นที่ถูกควบคุมโดยมาร พระคัมภีร์กล่าวว่าคนหนุ่มสาวที่เรานำมาคริสตจักรคือพวกที่หลงหาย – พวกเขาทุกคน - ตาบอดและถูกควบคุมอยู่ภายใต้ขอบเขตของซาตาน - "เจ้าแห่งอำนาจในย่านอากาศ คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง" ( เอเฟซัส 2: 2) ชายหนุ่มในมาระโก 9 ก็ถูกมารควบคุมเช่นกัน และเหล่าสาวกก็ไม่มีอำนาจพอที่จะช่วยเขาได้ เปิดไปดูมาระโก 9:28, 29 ยืนขึ้นและอ่านออกเสียงดังๆในสองข้อนี้ “เมื่อพระองค์เสด็จเข้าในเรือนแล้ว เหล่าสาวกของพระองค์มาทูลถามพระองค์เป็นส่วนตัวว่า “เหตุไฉนพวกข้าพระองค์ขับผีนั้นออกไม่ได้ พระองค์ตรัสตอบเขาว่า ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร” (มาระโก 9:28, 29) พวกคุณนั่งลงได้ “ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร” ผมเชื่อว่าเราจะไม่สามารถช่วยกู้คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่โดยการอธิษฐานเท่านั้น "ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร” คุณสามารถแน่ใจเลยคำว่า "และการอดอาหาร" คำนี้อยู่ในภาษากรีกต้นฉบับเดิม ถูกพวกบาทหลวงสมัยก่อนตัดออกจากพระคัมภีร์ เพราะพวกเขาถูกครอบงำโดยมาร คริสตจักรในสมัยนี้เรียกว่าพระคัมภีร์ฉบับปัจจุบัน ลบสองคำนี้ออกไป ทำไม? เพราะมารต้องการที่จะปล้นคริสตจักรในวันสุดท้ายเพื่อให้หนุ่มสาวสับสนฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า - นี่แหละที่ว่าทำไม! “ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร” (มาระโก 9:29) พวกคุณนั่งลงได้ “ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร”!! ฮาเลลูยา! พระเจ้าประทานดาบที่สามารถเอาชนะศัตรู และดาบนั้นคือ “การอธิษฐานและอดอาหาร” ตอนนี้ให้เปิดไปที่อิสยาห์ 58:6 “การอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือที่เราต้องการ คือการแก้พันธนะของความชั่ว การปลดเปลื้องภาระหนัก และการปล่อยให้ผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และการหักแอกเสียทุกอัน?” (อิสยาห์ 58:6) พวกคุณนั่งลงได้ ข้อนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเลือกการอดอาหารนำฤทธิ์อำนาจของพระคริสต์มานำคนบาป การอดอาหาและการอธิษฐานปลดโซ่ของความชั่วร้ายและปลดภาระหนักออกไป - และช่วยให้ผู้ถูกบีบบังคับได้รับอิสระ - และปลดจากแอกของมาร! การอดอาหารและการอธิษฐานนี่แหละที่พระคริสต์ทรงเปิดตาของคนที่ถูกซาตานทำให้ตาบอดและคนที่ถูกกดขี่! พระเยซูทรงตรัสว่า ‘พระวิญญาณแห่งองค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่บนข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ได้ทรงเจิมตั้งข้าพเจ้าไว้ ให้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนยากจน พระองค์ได้ทรงใช้ข้าพเจ้าให้รักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ ให้ร้องประกาศอิสรภาพแก่บรรดาเชลย ให้ประกาศแก่คนตาบอดว่าจะได้เห็นอีก ให้ปล่อยผู้ฟกช้ำเป็นอิสระและให้ประกาศปีแห่งความโปรดปรานขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (ลูกา 4:18-19) และนั่นคือคุณค่าของการอดอาหารและการอธิษฐานเพื่อคนบาปที่ถูกซาตานควบคุม! อาร์เธอร์ วาลลิส กล่าวว่า "พระเจ้าทรงเปิดเผยโดยทางอิสยาห์ว่าธรรมชาติของการอดอาหารคือทางที่พระองค์ทรงพอพระทัยและเลือกใช้ [ว่า] ปลดปล่อย ... นั่นประยุกต์ใช้ให้กับชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณ มนุษย์ผูกกับโซ่ตรวนหรือเหล็ก แต่มองไม่เห็นความชั่วร้ายนั้น [ผู้ที่อดอาหาร] ต่อสู้กับการกดขี่ซึ่งไม่ใช่ฝ่ายเนื้อหนัง แต่เป็นฝ่ายจิตวิญญาณแม้แต่ซาตาน ... การมองที่ฉลาดนั้นสามารถรับรู้ว่าหลายคนที่เราพบในเส้นทางของชีวิตนั้นถูกบีบบังคับโดยมาร และถูกผูกไว้โดยกองกำลังวิญญาณชั่ว แต่กลับไม่อาจเข้าใจและพวกเขาไม่สามารถหลุดพ้น" (God’s Chosen Fast, pp. 63, 64) การอดและการอธิษฐานสามารถช่วยทำลายโซ่ที่ผูกมัดทั้งชายและหญิงจากการเป็นทาสของมาร การอดอาหารเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพได้รับการแต่งตั้งโดยพระเจ้าเพื่อทำลายซาตาน ตอนเราอดอาหารควรจะอธิษฐานขอพระเจ้าทรงทำให้คนรับรู้เรื่องบาป โดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่เชื่อในความบาป โดยธรรมชาติของทุกคนต่างคิดว่าตัวเองเป็นคนดี ด้วยเหตุนี้จึงต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ทำให้คนเหล่านั้นเกลียดบาปและละทิ้งการทำบาป เพื่อให้ใจของพวกเขาเชื่อในบาปของตัวเอง เมื่อเราอดอาหาร เราควรจะอธิษฐานขอพระเจ้าทรงทำให้สำนึกในบาป คนที่พยายามจะ "เรียนรู้วิธีการที่จะได้รับความรอด" ต้องมาอยู่ภายใต้ความเชื่อที่ว่ามีบาปและดื้อรั้นของพวกเขา พระเจ้าทรงใช้การอดอาหารและการอธิษฐานทำให้เกิดความเชื่อดังกล่าว หากปราศจากความเชื่อในบาปพระกิตติคุณก็ไร้ค่า นั่นคือสิ่งที่ผิดปกติให้กับ "คริสตจักรที่ไม่ยอมเติบโต" ในคืนที่ผ่านมาผมได้นับพวกเขา พบว่ามีเพียงส่วนน้อยที่ติดตามพระเยซูคริสต์ ส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ภายใต้ความเชื่อในบาปและเนื้อหนัง เราต้องอดอาหารและอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงทำให้พวกเขารับรู้บาป และทำลายใจของพวกเขา และเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นสาวกของพระเยซู! เฉพาะพระวิญญาณของพระเจ้าเท่านั้นที่ทรงสามารถทำให้คนกลับใจใหม่ การอดอาหารและการอธิษฐานมักจะนำคนโง่ ให้เห็นความจำเป็นถึงพระโลหิตของพระคริสต์ที่ชำระพวกเขาให้สะอาดในสายพระเนตรของพระเจ้า การอดอาหารและการอธิษฐานหมายถึงพระเจ้าทรงเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาในหัวใจของคนบาป! ดร. จอห์น อาร์ไรซ์ กล่าวว่า "มีบางเวลาที่เราหันหลังให้กับทุกสิ่งทุกอย่างในโลกและแสวงหาพระพักต์ของพระเจ้า เวลาดังกล่าวคือช่วงเวลาของการอดอาหารและอธิษฐาน (Prayer: Asking and Receiving, p. 216) ผมคิดว่าบรรดาคนที่ได้รับความรอดแล้ว รู้ดีว่าเราต้องการพระวิญญาณบริสุทธิ์ในคริสตจักรของเรา เราจำเป็นต้องการพระองค์เมื่อเราอธิษฐาน เราจำเป็นให้พระองค์แสดงให้เราเห็นสิ่งที่พระองค์ต้องการ ให้เราทำอย่างไรกับชีวิตของเรา เราขอพระองค์แสดงให้ศิษยาภิบาลว่าจะเทศนาอย่างไร เราอยากให้พระองค์ทำให้เรากลายเป็นนักอธิษฐาน เราจำเป็นได้พระองค์นำผู้ที่ไม่เชื่อมาและอยู่ที่นี่หลังจากกลับใจใหม่แล้ว เราอยากให้พระองค์ทรงส่งการฟื้นฟูลงในหมู่พวกเรา เราต้องมีพระองค์ดัดเรา ทำลายเรา และทำให้เรารับรู้ความจริง เรามักร้องเพลง เราอธิษฐานขอพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เสด็จลงมา เพลงนี้จะกลายเป็นความจริงตอนเราอดอาหารและอธิษฐาน พวกท่านที่เป็นคริสเตียนเติบโตในฝ่ายจิตวิญญาณรู้ว่าเราต้องการพระวิญญาณของพระเจ้าลงมาในหมู่พวกเรา - เพื่อเปลี่ยนใจของคนหนุ่มสาวทั้งผู้ที่เชื่อและไม่เชื่อ ดังนั้น ผมขอให้คุณเตรียมตัวเตรียมเวลาในเสาร์หน้านี้ เราจะอดอาหารและอธิษฐาน - จนกว่าเราจะมารวมตัวกันที่นี่ที่คริสตจักรตอน 5:30 โยง เพื่ออธิษฐานร่วทกัน หลังจากนั้นเราจะรับประทานอาหารเบาๆด้วยกัน วันเสาร์หน้านี้เราจะไม่ออกไปประกาศ เราจะใช้เป็นคืนอธิษฐานหลังจากที่เราๆด้อดอาหาร เราเองก็ประกาศมาแล้ว – แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้เกิดผลมากเท่าที่ควร พอล จี คุก กล่าวไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อไฟจากสวรรค์ดังนี้ว่า "การประกาศเพียงอย่างเดียวไม่สามารถผลิตผลที่ยั่งยืนนอกจากได้รับการ่วมมือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์" (หน้า 108) เขากล่าวว่าเมทอดิสต์ในสมัยก่อน “รู้ถึงสภาพการเป็นของคริสตจักรและพระพรที่ขึ้นอยู่กับพระเจ้าที่ลงมายังพวกเขา” ท่านกล่าวว่า “นี่ง่ายมาก ผู้เชื่อต่างขึ้นอยู่กับพระเจ้า พวกเขาเชื่อว่าทุกอย่างประสบความสำเร็จในพระนามของพระองค์ นี่อธิบายถึงหารที่พวกเขาอธิษฐานอย่างมาก” (หน้า 105) “พวกเขาเชื่อว่าการขยายพระกิตติคุณและสภาพของคริสตจักรขึ้นอยู่กับฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า นั่นแหละที่พวกเขาอธิษฐานอย่างมาก (หน้า 28) ขอให้เราอดอาหารและอธิษฐานขอพระเจ้า เสด็จลงมาในคริสตจักรของเราด้วยฤทธืมีอำนาจที่จะเปลี่ยนใจของคนหนุ่มสาวทั้งในคริสตจักรและเด็กใหม่ หากคุณเต็มใจโปรดงดอาหารทั้งหมดจนถึงหลังจากเรามาอธิษฐานที่คริสตจักรนี่ตอน 5:30 โมงเย็นในวันเสาร์หน้า หากคุณยังไม่พร้อมที่จะอดอาหาร ก็ขอให้อธิษฐานตลอดทั้งวันขอพระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาในคริสตจักรของเรา หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับสุขภาพที่ส่งผลต่อการอดอาหาร กรุณาสอบถาม ดร. ชานหรือ ดร. จูดิ คาเกน พวกเขาสามารถบอกคุณว่าสุขภาพของคุณดีพร้อมหรือไม่ หากคุณดื่มกาแฟหรือชาเป็นประจำ คุณสามารถดื่มหนึ่งหรือสองถ้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ปวดหัว ส่วนที่เหลือดื่มแต่น้ำเท่านั้น ให้แน่ใจว่าดื่มน้ำให้มากตลอดทั้งวันโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณทำงาน ให้ดื่มน้ำหนึ่งแก้วทุกชั่วโมงหรือมากกว่านั้น ขอให้เรายืนอยู่ขั้นและร้องเพลงนมัสการบทที่ 6 ถ้าเราเดินตามพระเจ้า พระเยซูทรงนำเรา นำบทเทศนานี้กลับไปอ่านที่บ้านของคุณ ในแต่ละคืนที่จะมาถึงนี้ให้อ่านบทเศนาหลายๆครั้งก่อนไปนอน และร้องเพลงนี้ในท่อนรับก่อนที่คุณอธิษฐานก่อนนอน อ่านอีกครั้งในวันเสาร์และร้องเพลงนมัสการในท่อนรับและอธิษฐานในช่วงกลางวัน ร้องอีกครั้ง เราอธิษฐานขอพระวิญญาณของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์เสด็จลงมา หากคุณยังไม่รอด เราอธิษฐานเผื่อคุณจะกลับใจใหม่และวางใจพระเยซู พระโลหิตของพระองค์จะชำระคุณจากบาปทั้งหมด การฟื้นคืนพระชนม์จากความตายทำให้คุณมีชีวิตนิรันดร์ ไว้ใจพระองค์และพระองค์จะทรงช่วยให้คุณรอดจากบาปและการพิพากษาที่จะมาถึง อาเมน หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: มัทธิว 17:14-21. |