Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




พระเยซู - กับการทนทุกข์ในสวน

JESUS – SUFFERING IN THE GARDEN
(Thai)

โดย ดร. ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

บทเทศนาที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนครลอสแอนเจลิส
ในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, February 28, 2016

“พระเยซูกับเหล่าสาวกมายังที่แห่งหนึ่งชื่อเกทเสมนี และพระองค์ตรัสแก่สาวกของพระองค์ว่า จงนั่งอยู่ที่นี่ขณะเมื่อเราอธิษฐาน พระองค์ก็พาเปโตร ยากอบ และยอห์นไปด้วย แล้วพระองค์ทรงเริ่มวิตกยิ่งและหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด” (มาระโก 14:32-34)


พระคริสต์ทรงรับประทานอาหารปัสการ่วมกับเหล่าสาวก ในตอนท้ายของงานเลี้ยงอาหารค่ำนี้ พระคริสต์ทรงเอาขนมปังและถ้วยหนึ่งมาให้เหล่าสาวก - อย่างที่เราเรียกว่า "อาหารมื้อเย็นของพระเจ้า" พระองค์ตรัสให้เหล่าสาวกว่าขนมปังนี้กล่าวถึงพระกายของพระองค์ ซึ่งจะถูกตรึงที่ไม้กางเขนในเช้าวันรุ่งขึ้น จากนั้นพระองค์ตรัสอีกว่าถ้วยนี้พูดถึงโลหิตของพระองค์ ซึ่งจะหลั่งมาเพื่อทำความสะอาดเราจากบาปของเรา จากนั้นพระเยซูและพวกสาวกก็ร้องเพลงนมัสการและออกจากห้องไปในเวลากลางคืน

พวกเขาเดินลงไปทางทิศตะวันออกของกรุงเยรูซาเล็มและข้ามลำธารขิดโร แล้วพวกเขาก็เดินเข้าไปในสวนเกทเสมเน พระเยซูก็ปล่อยให้สาวกแปดคนแยกอยู่ห่างๆ แล้วพระองค์ก็เดินลึกเข้าไปในสวน จากนั้นก็ละเปโตร ยากอบและยอห์น แล้วเดินไกลออกไปในความมืดไปหยุดอยู่ใต้ต้นมะกอก ที่นั่นพระองค์ “ทรงเริ่มวิตกยิ่ง [ตกตะลึงมาก] และหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย…แล้วพระองค์เสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้ให้เวลานั้นล่วงพ้นไปจากพระองค์” (มาระโก 14:33, 35)

บิชอป เจซี ไรย์รี แห่งคริสตจักรในอังกฤษกล่าวว่า "ตามประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ เกี่ยวกับการทนทุกข์ทรมานของพระเยซูของเราในสวนเกทเสมเนนั้นเป็นอะไรที่ลึกลับมาก เพราะบันทึกบางอย่างที่แม้แต่คนที่ฉลาดที่สุด [นักศาสนาศาสตร์] ก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างลึกซึ้ง แต่นั่นคือก็ความจริง ... ปกติ [ยิ่งใหญ่] สำคัญ " (J. C. Ryle, Expository Remarks on Mark, The Banner of Truth Trust, 1994, p. 316; notes on Mark 14:32-42)

เช้านี้อยากให้ใจของเราเดินทางเข้าไปในสวนเกทเสมเน มาระโกบอกเราว่าพระองค์ “ทรงเริ่มวิตกยิ่ง” (มาระโก 14:33) คำในภาษากรีกคือ “ekthambeisthai” – ซึ่งหมายถึง “ประหลาดใจอย่างมาก มีความกังวลมาก ตกตะลึงและตื่นตระหนก” “และทรงเริ่มวิตกยิ่ง [ตกตะลึงมาก] และหนักพระทัยนัก จึงตรัสกับเหล่าสาวกว่า ใจเราเป็นทุกข์แทบจะตาย…แล้วพระองค์เสด็จดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่า ถ้าเป็นได้ให้เวลานั้นล่วงพ้นไปจากพระองค์” (มาระโก 14:33, 35)

บิชอป ไรย์รี กล่าวว่า "มีเพียงหนึ่งคำอธิบายที่ดีที่สุด นั่นใช่เป็นเพียงความกลัวและทรมานทางกายเท่านั้น ... ยังรวมถึงความรู้สึกที่ต้องเริ่มแบกภาระมหาศาลที่เป็นความผิดของมนุษย์ มันเป็นความรู้สึกที่ [ไม่สามารถบรรยายได้ด้วยคำพูด] ที่บาปและการละเมิดของเราถูกวางบนพระองค์ พระองค์ถูก 'สาปแช่งเพราะเรา' พระองค์ทรงแบกความเศร้าโศกและความทุกข์ของเรา ... พระองค์กำลังถูก 'ทำให้มีบาปก็เพื่อเรา อย่างที่ทราบกันว่าพระองค์เองไม่มีบาป ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของพระองค์รับรู้ [ลึก] ภาระหนักได้ถูกวางลงบนพระองค์ เหตุผลเหล่านี้ที่บ่งบอกถึงความวิตกยิ่ง ด้วยเหตุนี้เราควรมองความทุกข์ทรมานของพระเจ้าของเราในสวนเกทเสมเนอย่างคนบาป [ความคิดของพวกอีเวนเจลิคอล์ในทุกวันนี้] อยู่ไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะมาคิดเกี่ยวกับบาปเช่นนี้" (Ryle, p. 317)

คุณอาจไม่คิดถึงความผิดบาปในคริสตจักรที่ละเลยการอ่านพระคัมภีร์ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขากลับไปดูวิดีโอเกม สื่อลามก เต้นรำและมึนเมา บาปทั้งหมดเหล่านี้ถูกวางอยู่บนพระเยซูในสวนเกทเสมเน แต่ยังมีอีก - มากมาย บาปที่ใหญ่ที่สุดที่ถูกวางบนพระเยซูในสวนเกทเสมเนคือบาปดั้งเดิมของเรา รวมถึงความชั่วช้าของเราซึ่งมาจากคนบาปที่หลอกลวง นั่นคือ “ท่านทั้งหลายจะพ้นจากความเสื่อมโทรมที่มีอยู่ในโลกนี้เพราะตัณหา” (2 เปโตร 1:4) นั่นคือ “ข้าพระองค์ทุกคนได้กลายเป็นเหมือนสิ่งที่ไม่สะอาด และการกระทำอันชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งสิ้นเหมือนเสื้อผ้าที่สกปรก” (อิสยาห์ 64:6) นั่นคือความเห็นแก่ตัว และธรรมชาติแห่งบาปของเราต่อต้านพระเจ้า นั่นคือ “เหตุว่าใจ [ซึ่ง] ปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า เพราะหาได้อยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัติของพระเจ้าไม่ และที่จริงจะอยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัตินั้นไม่ได้ (โรม 8:7) เป็นเรื่องที่น่าเกลียดน่าขยะแขยงใจที่คุณมี (โรม 8: 7) นั่นเป็นใจบาปที่คุณมี ซึ่งผ่านจากอาดัมผู้เป็นคนบาปคนแรกลงมาถึงคุณ ถ่ายทอดผ่านทางยีน โดยทางสายเลือดและจิตวิญญาณของคุณ (โรม 5:12) - "เพราะ...บาปเพราะคน ๆ เดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด คนเป็นอันมากก็จะเป็นคนชอบธรรมเพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น" (โรม 5:19)

ดูซิเด็ดทารกทุกคนต่างก็เกิดมาในสภาพคนบาป เอ ดับบริว พิงก์ กล่าวว่า "การทุจริตในธรรมชาติของมนุษย์นั้นค้นพบในตัวคนในขณะที่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ... และนั่นคือมีตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว! ถ้ามีคนใคร [รับมรดก] แห่งความดีที่มีอยู่ในมนุษย์ นั่นก็จะแสดงออก [ในทารกแรกเกิด] จากนั้นค่อยเริ่มสร้างนิสัยชั่วร้าย และติดต่อเข้ากับโลก แต่เราก็ไม่พบ [ทารก] ที่ไม่ใช่คนบาปเลย? ยิ่งกว่านั้น ผลของการเจริญเติบโตในมนุษย์ก็คือแสดงถึงการเจริญของความชั่วด้วย [พวกเขาจะ] จะเป็นคนชั่วร้าย พวกเขาประจักษ์ด้วยตนเอง ตีกันและแก้แค้นกัน พวกเขาจะร้องไห้เมื่อไม่ได้อะไรดั่งใจคิด และเป็นการ [โกรธพ่อแม่ของพวกเขา] เมื่อถูกปฏิเสธก็มักจะพยายามที่จะ [กัดเขา] นั่นคือสภาพของผู้ที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในท่ามกลางของความความผิด [ขโมย] ก่อนที่พวกเขาจะกระทำการโจรกรรม สิ่งเหล่านี้ [ผิด] ... ธรรมชาติของมนุษย์เห็นจะเป็น [บาป] มาจากจุดเริ่มต้นของการดำรงอยู่ของมัน" (A. W. Pink, Gleanings from the Scriptures, Man’s Total Depravity, Moody Press, 1981, pp. 163, 164) คณะกรรมการข่าวอาชญากรรมที่รัฐมินนิโซตาได้รายงานชัดเจนว่า "เด็กทุกคนเริ่มต้นชีวิตด้วยความโหดแบบเล็กน้อย แต่พวกเขาเป็นคนที่เห็นแก่ตัวและใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง พวกเขาต้องได้สิ่งที่ต้องการมัน ... ต้องการความสนใจจากแม่ของพวกเขา ต้องได้ของเล่นที่อยากได้ ต้องการความสนใจจากลุงของเขา หากถูกปฏิเสธในสิ่งเหล่านี้ [สิ่ง] พวกเขาก็จะกรีดร้องด้วยความโกรธ ... ซึ่งหมายความว่าเด็กทุกคนไม่ใช่เป็นเพียงแค่เด็กเท่านั้น แต่เกิดมาในสภาพเกเรนั่นคือคนบาป" (quoted by Haddon W. Robinson, Biblical Preaching, Baker Book House, 1980, pp. 144, 145) ดร. ไอแซค วัต กล่าวว่า

หลังจากที่ทารกหายใจออกมาแล้ว
เมล็ดแห่งความตายก็งอกขึ้นมาด้วย
กฏแห่งความต้องการเกิดขึ้นในใจ
แต่เราก็ล้มเหลวในทุกๆส่วส
   (“Psalm 51,” by Dr. Isaac Watts, 1674-1748)

ใขขณะที่ทารกคลอดออกมานั้นก็ร้องไห้ทันที ส่วนลูกสัตว์ต่างๆไม่เคยร้องเมื่อมันคลอดออกมา เพราะหากมันร้องออกมาเหมือนอย่างมนุษย์อาจจะถูกฆ่าโดยสัตว์อื่นๆ แต่ลูกคนกลับร้องไห้เสียงดังต่อต้านพระเจ้า แสดงถึงอำนาจในเวลาที่คลอดออกมา ทำไมล่ะ? เพราะพวกเขาเกิดมาในสภาพคนบาปที่มีอาดัมเป็นบรรพบุรุษ นั่นแหละทำไมคุณถึงแสดงอำนาจต่อต้านผู้นำคริสเตียน และปฏิเสธที่จะทำตามในสิ่งที่ถูกต้อง นี่คือรากแห่งความขมขื่นและความตาย – ในสภาพคนบาป นี่แหละที่ทำให้คุณคือคนบาป แม้หลังจากกลับใจใหม่แล้วก็ตาม พ่อแม่บางคนคิดว่าลูกคือวัยรุ่นที่เป็นคริสเตียน แต่ความเป็นจริงอาจเป็นวัยรุ่นที่เกลียดไม่ยอมทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าก็เป็นได้!

รวมบาปดั้งเดิมเข้ากับบาปที่เราตั้งใจทำไม่ว่าทั้งความคิด การพูดและการกระทำ นั่นแหละที่ทำให้พระคริสต์ทรงเป็นทุกข์นัก! พระองค์ทรงฟกช้ำเมื่อพระเจ้านำบาปของเราวางลงที่พระเยซู

กรุณาเปิดพระคัมภีร์ของคุณไปที่ลูกา ซึ่งอยู่ในหน้าที่ 1108 ของฉบับ the Scofield Study Bible ลูกา 22:44 ยืนขึ้นอ่านออกเสียงดังๆ

“เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนักพระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐาน พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44)

นั่งลงได้

บิชอป ไรย์รี กล่าวว่า "เราจะสามารถ [อธิบาย] ได้อย่างไรถึงกาทุกข์ทรมานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราในสวนนั้น? อะไรที่ [เป็น] เหตุผลของการทนทุกข์ทรมานที่รุนแรงไม่ว่าทั้งจิตใจและร่างกายของพระองค์? มีเพียงแค่คำตอบเดียวที่น่าพอใจคือ นั่นเป็นบาป [ที่] ของโลกที่วางกดทับพระองค์ ... มัน [บาป] มีน้ำหนักมหาศาล ซึ่งทำให้พระองค์ทรงรับประสบกับความทุกข์ทรมานนี้I เป็นความรู้สึกของ [ที่] ความผิดของโลกกดลงที่พระองค์ ทำให้พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (J. C. Ryle, Luke, Volume 2, The Banner of Truth Trust, 2015 edition, pp. 314, 315; note on Luke 22:44)

“[พระเจ้า] เพราได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาป” (2 โครินธ์ 5:21) “พระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน” (อิสยาห์ 53:6)

“พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์” (1 เปโตร 2:24)

บิชอป ไรย์รี กล่าวว่า “เราต้องเข้าใจหลักคำสอนสมัยก่อนว่าพระคริสต์ทรงแบกบาปของเราทั้งในสวน [เกทเสมเน] และที่ไม้กางเขน ไม่มีคำสอนไหนที่จะสามารถอธิบายที่เหงื่อของพระคริสต์เป็นโลหิต หรือเป็นความพอใจของคนบาป” (ibid.) โจเซฟ ฮาร์ต กล่าวว่า

จงมองการทนทุกข์ของพระบุตรของพระเจ้า
ทรงเจ็บปวดร้องไห้คร่ำงครวญเหงื่อออกเป็นเลือด
นั่นแสดงถึงการทนทุกข์อย่างมากของพระองค์
พวกทูตสวรรค์ก็ไม่อาจเข้าใจได้
ยกเว้นพระเจ้าเท่านั้น
ที่ทรงทราบถึงความหนักของบาปนี้
   (“Thine Unknown Sufferings” by Joseph Hart, 1712-1768;
      to the tune of “‘Tis Midnight, and on Olive’s Brow”).

โจเซฟ ฮาร์ต กล่าวอีกว่า

พระบุตรของพระเจ้าแบกบาปทั้งหมดของข้าฯ
ผ่านทางพระคุณนี้ถึงมาเชื่อได้
แต่พระองค์กลับทนทุกข์อย่างหนัก
ยากเกินกว่าที่จะเชื่อได้
ไม่มีใครที่จะสามารถทำได้อย่สงพระองค์อีก
ในท่ามกลางแห่งความมืดในสวนนั้น
   (“Many Woes He Had Endured” by Joseph Hart, 1712-1768;
      to the tune of “Come, Ye Sinners”)

และวิลเลียม วิลเลียมส์ กล่าวว่า

ความบาปที่หนักที่สุดของมนุษย์ตกที่พระองค์
เหมือนผ้าที่ฉีกขาด พระองค์เหมือนผ้าให้คนบาปได้ห่ม
สำหรับคนบาปได้ห่ม
   (“Love in Agony” by William Williams, 1759;
      to the tune of “Majestic Sweetness Sits Enthroned”)

“เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนักพระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐาน พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44)

“พระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน” (อิสยาห์ 53:6)

นี่คือการเริ่มต้นชดใช้บาปของพระคริสต์ คำว่า “ชดใช้” หมายถึงมีคนๆหนึ่งเข้ามาแทนที่คนอื่นๆ พระคริสต์ทรงทนทุกข์แทนคุณ เพื่อบาปของคุณ เพราะพระองค์ไม่ใช่คนบาป แต่พระคริสต์กลายมาเป็นผู้แบกบาปของเราในสวนเกทเสมเน ท่ามกลางความมืดใต้มะกอก ในวันถาดไปนั้นพระองค์จะถูกตอกด้วยตะปูที่กางเขน เพื่อชดใช้บาปทั้งหมดของเรา แล้วเราปฏิเสธความรักนี้ได้อย่างไรกัน – ความรักที่พระคริสต์มีให้เรา? ทำไมเจ้าทำให้ใจของเจ้าแข็งกระด้านปฏิเสธความรักนี้? นี่คือพระบุตรของพระเจ้า ทนทุกข์แทนคุณ เพื่อบาปของคุณ ทำไมใจของคุณถึงเย็นชาทำเหมือนความรักนี้ไร้ค่า?

ครั้งหนึ่งผมเคยเจอกับสัปเหร่อท่านหนึ่ง เขาบอกว่าอยากจ้างผมไปทำพิธีศพให้กับคนตายที่ไร้ญาติพี่น้อง เขาพาผมไปรับประทานอาหารเที่ยง นั่นเป็นอาหารที่แปลกมากไม่เคยเจอมาก่อน เขาบอกผมว่าเขามักจะกินขนมปังไปด้วยในขณะที่กำลังแต่งหน้าศพ ผมไม่รับงานนี้! ผมวิ่งออกจากร้านอาหารนั้นทันทีด้วยความสยดสยอง ผู้ชายคนนี้กินข้าวได้อย่างไรกันในขณะที่กำลังแต่งหน้าศพ? ขยะแขยงมาก! หลังจากนั้น ผมมารู้ว่าใจของขายคนนี้เยือกเย็นตายด้านเกินกว่าที่เขาจะมีอะไรมาทำอะไรเขาได้อีก ขอผมถามพวกคุณ ใจของคุณเย็นชาเกินกว่าที่จะมารับรู้ถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์ด้วยเปล่า? คุณตายด้านเกินกว่าที่จะมาพูดถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์ และดูเหมือนไม่มีค่าใดๆให้กับคุณเลยหรือ? คุณเป็นทหารที่ตอกตะปูพระองค์ที่กางเขน – และนำฉลองของพระองค์มาเล่นพนันในขณะที่พระองค์กำลังจะสิ้นพระชนม์อย่างนั้นหรือ? โอ้ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย! เช้านี้ผมอยากขอร้องว่าจงวางใจในพระผู้ช่วยให้รอด และรับการชำระบาปในพระโลหิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์!

คุณพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าสูญเสียมากเกินไป” โอ้ โปรดอย่าไปฟังมารซาตานเลย! เพราะโลกนี้ไม่มีอะไรที่สำคัญมากไปกว่านี้อีก!

พระผู้ช่วยให้รอดทรงหลั่งโลหิต? แล้วจะสิ้นพระชนม์หรือไม่?
เขาจะอุทิศว่าหัวศักดิ์สิทธิ์สำหรับเช่นหนอนเป็นฉันได้หรือไม่

แต่ [น้ำตา] ของความเศร้าโศก [ไม่สามารถ] ชดใช้หนี้รักฉันเป็นหนี้
พระเจ้าข้าฯละทิ้งตัวเองออกไปอย่างที่สามารถทำได้
   (“Alas! And Did My Saviour Bleed?” by Dr. Isaac Watts, 1674-1748).

คุณพร้อมที่จะวางใจพระเยซูแล้วหรือยัง? คุณพร้อมที่จะละทิ้งตัวเองออกไปเพื่อพระองค์หรือไม่? ใจของคุณพร้อมที่จะรักพระองค์แล้วหรือยัง? ถ้ายังก็โปรดอย่าเพิ่มไป แต่ถ้าคุณพร้อม ตอนนี้ก็ขอให้เดินออกไปทางด้านหลังของห้องประชุมนี้ และดร. คาเกน จะนำคุณไปยังห้องอธิษฐานเพื่อพูดคุยเพิ่มเติม อาเมน

หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร.ไฮเมอร์ส ในแต่ละสัปดาห์ทางอินเทอร์เน็ทได้ที่
at www.sermonsfortheworld.com.
คลิกที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล บรูดโฮมมี: มาระโก 14:32-34.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดยท่าน เบนจามิน คินเคด กรีฟีท:
“Many Woes He Had Endured” (by Joseph Hart, 1712-1768).