เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ไม่มีวันสลายและการทรงไถ่พระโลหิตของพระคริสต์ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ บทเทศนาเทศน์ที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ในนคร ลอสแอนเจลิส "ท่านรู้ว่า พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับเป็นประเพณีต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิได้ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง...แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตอันมีราคามากของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่างพร้อย" (1 เปโตร 1:18-19) |
วิลเลียม เคาเปอร์ (1731-1800) ได้เขียนบทเพลงหนึ่งในนั้นมีเนื้อหาดีมากๆ โดยวามเชื่อนั้นฉันเห็นสายธารไหล นี่เป็นบทเพลงที่มีชื่อเสียงที่เขียนโดย ซี เอช สเปอร์เจียน (1834-1892) นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้กล่าวในบทเพลงนี้ว่า สำหรับฉันแล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการเทศนาถึงพระกิตติคุณ แห่งพระโลหิตของพระคริสต์ (C. H. Spurgeon, "The Blood of Sprinkling," February 28, 1886, Metropolitan Tabernacle Pulpit, vol. 32, p. 121, reprinted by Dr. Bob Ross of Pilgrim Publications, P.O. Box 66, Pasadena, Texas 77501) ทำไมนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่อย่างสเปอร์เจียนถึงกล่าวไว้อย่างนั้น? ทำไมท่านถึงกล่าวว่า “สำหรับฉันแล้วไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการเทศนาถึงพระกิตติคุณ” แห่งพระโลหิตของพระคริสต์? ท่านสามารถเห็นได้จากการอ่านบทเทศนาเป็นร้อยๆของท่าน ที่ถูกตีพิมพ์ในที่ Metropolitan Tabernacle Pulpit นั่นคือความจริง แต่ทำไม? ทำไมนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เทศนาเป็นภาษาอังกฤษถึงบอกว่าพระโลหิตของพระคริสต์นั้นสำคัญที่สุดในการการเทศนาของท่าน? คำตอบนั้นง่ายมาก เพราะในพระคัมภีร์นั้นไม่มีอะไรที่สำคัญไปกว่านี้อีกแล้ว พระคัมภีร์บอกเราว่าความรอดไม่อาจมาถึงมนุษย์หากปราศจากพระโลหิตของพระคริสต์ มีอยู่สองประการที่ผมอยากให้เราคิดและใคร่ครวญถึงพระโลหิตของพระคริสต์ในเย็นวันนี้ ทั้งสองประการนี้อยู่ในพระธรรม 1 เปโตร 1:18-19 1. พระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสิ้นสลาย 2. พระโลหิตของพระคริสต์จำเป็นต่อการทรงไถ่ I. พระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสิ้นสลาย ในพระธรรมสดุดีนั้นพระคำของพระเจ้าเต็มหมดไปด้วยการทำนายถึงพระเยซูคริสต์ "เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในนรก ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป" (สดุดี 16:10) ในภาษาฮีบรูคำว่า “คอรัปชั่น” หมายถึง “การทำลาย” หรือ “เสื่อมเสีย” (Strong's Concordance). พระคัมภีร์ใหม่ได้อ้างข้อนี้มาจากพระธรรมสดุดีไว้ดังนี้: "เพราะพระองค์จะไม่ทรงทิ้งจิตวิญญาณของข้าพระองค์ไว้ในนรก ทั้งจะไม่ทรงให้องค์บริสุทธิ์ของพระองค์เปื่อยเน่าไป…เขา (ดาวิด) ก็ทรงล่วงรู้เหตุการณ์นี้ก่อน จึงทรงกล่าวถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ว่า จิตวิญญาณของพระองค์ไม่ต้องละไว้ในนรก ทั้งพระมังสะของพระองค์ก็ไม่เปื่อยเน่าไป" (กิจการ 2:27, 31). บางคนในสมัยนี้บอกว่าเนื้อหนังของพระคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตาย แต่พระโลหิตของพระคริสต์นั้นหลั่งลงบนไม้กางเขนและสูญหายที่นี่ แต่พระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งบอกว่าพระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสิ้นสลาย "ท่านรู้ว่า พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับเป็นประเพณีต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิได้ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง...แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตอันมีราคามากของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่างพร้อย" (1 เปโตร 1:18-19) คำว่า “สูญเสีย” ในที่นี้มาจากคำว่า “หายนะ” หรือ “ทำลาย” พระคำข้อนี้จึงหมายความว่าพระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสูญหาย คำว่า “ล่มสลาย” ในข้อนี้มาจากคำว่า “หายนะ” หรือ “ถูกทำลาย” คำนี้แสดงว่าพระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสลายหรือถูกทำลาย โลกนี้เงินและทองถือว่าคงทนที่สุด แต่ก็จะถูกทำลายโดยไฟเมื่อพระเจ้าทรงพิพากษาโลก พระคัมภีร์บอกเราว่า “แต่ว่าวันขององค์พระผู้เป็นเจ้านั้นจะมาถึงเหมือนอย่างขโมยแอบย่องมาในเวลากลางคืน ในวันนั้นท้องฟ้าจะล่วงเสียไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง และโลกธาตุจะสลายไปด้วยความร้อนอันแรงกล้า แผ่นดินโลกกับการงานทั้งปวงที่มีอยู่ในนั้นจะต้องไหม้เสียสิ้นด้วย...สิ่งทั้งปวงจะต้องสลายไปหมดสิ้นเช่นนี้” (2 เปโตร 3:10-11) โลกธาตุต่างๆ (ในภาษากรีกหมายถึงอะตอม) จะถูกเผาไหม้ ทุกอย่างที่อยู่ในโลกก็จะ “สลายไปหมดสิ้น” (ตามรากศัพท์คือ “ถูกทำลาย”) โดยไฟของพระเจ้า นั่นรวมถึงเงินและทอง “สิ่งทั้งปวงจะต้องสลายไปหมดสิ้นเช่นนี้” แต่ 1 เปโตร 1:18-19 เราไม่อาจได้รับการช่วยกู้จากสิ่งต่างๆที่ต้องเสื่อมสลาย “แต่โดยพระโลหิตอันมีค่าของพระคริสต์” ข้อนี้แสดงให้เราเห็นถึงสิ่งที่ไม่สูญสลาย ไม่หายนะ ไม่เน่าเปื่อยคือ(Strong) พระโลหิตของพระคริสต์! บทความในนิตยสารเล่มหนึ่งชื่อว่า Frontline กล่าวเอาไว้ว่า ตอนที่พระโลหิตของพระคริสต์ทรงหลั่งออก มันไม่ได้สูญสลายหรือไหลสู่พื้น ไม่เลย เพราะว่าพระคำของพระเจ้าตรัสว่าพระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสลาย ทรายบนภูเขาโกระโกธานั้นไม่อาจที่จะกลบพระโลหิตของลูกแกะของพระเจ้าได้ ในเมื่อการไม่มีวันสลายนั้นใช้ให้กับพระวรกายของพระคริสต์ที่เป็นขึ้นมาจากความตาย พระโลหิตที่ไม่มีวันสลายจึงหมายถึงพระโลหิตของพระคริสต์ที่เป็นขึ้นมาจากความตายโดยพระเจ้า (Frontline magazine, March/April 2001, p. 5) ตอนที่พระคริสต์เป็นขึ้นมาจากความตายนั้น พระองค์ตรัสว่า "จงดูมือของเราและเท้าของเราว่า เป็นเราเอง จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น”" (ลูกา 24:39) พวกสาวกประหลาดใจตอนที่เห็นพระคริสต์ผู้ทรงพระชนม์ พวกเขา “ฝ่ายเขาทั้งหลายสะดุ้งตกใจกลัวคิดว่าเห็นผี” (ลูกา 24:37) หลายคนในทุกวันนี้คิดว่าพระเยซูเป็นขึ้นจากความตายในรูปแบบของวิญญาณตนหนึ่ง พระคำข้อเหล่านี้จึง “แก้ไขข้อข้องใจ” ของเราจากการเข้าใจพระคริสต์แบบพระวิญญาณให้ถูกต้อง พระองค์ไม่ได้เป็นขึ้นมาในรูปแบบของวิญญาณ แต่พระวรกายทรงเป็นขึ้นมา เพราะพระองค์ทรงให้เหล่าสาวกพิสูจน์บาดแผลที่สีข้าง ฝ่ามือและเท้า "แล้วพระองค์ตรัสกับโธมัสว่า “จงยื่นนิ้วมาที่นี่และดูมือของเรา จงยื่นมือออกคลำที่สีข้างของเรา อย่าขาดความเชื่อเลย แต่จงเชื่อเถิด”" (ยอห์น 20:27) พระคริสต์ทรงตรัสให้โธมัสให้เอาเนื้อมือแหย่ลงที่รูที่สีข้างของพระองค์ที่ถูกแทงโดยพวกทหารตอนที่แขวนอยู่บนไม้กางเขน จุดของผมคือ พระเยซูทรงตรัสให้เหล่าสาวกมองดูรูที่สีข้างมือและเท้าของพระองค์ พระโลหิตหลั่งออกจากแผลเหล่านั้น พระโลหิตที่เหลือนั้นคือการที่ “พระวรกายพระองค์” ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย แต่ตอนสิ้นพระชนม์นั้นไม่มีโลหิตเหลืออยู่ แต่พระเจ้าทรงเติมพระโลหิตนั้นตอนเป็นขึ้นมาจากความตาย ตอนที่ มารีย์ มักดาลา พบกับพระเยซูหลังจากที่พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายแล้ว พระองค์ทรงตรัสให้เธอว่า "อย่าแตะต้องเรา เพราะเรายังมิได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพวกพี่น้องของเรา และบอกเขาว่า เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย และไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย" (ยอห์น 20:17) หลังจากนั้นไม่นานเหล่าสาวกก็ “มาก้มกราบที่พระบาทของพระองค์” (มัทธิว 28:9) พระองค์ไม่ได้บอกให้หลายคนมาสัมผัสกับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ยังไม่ได้ขึ้นสวรรค์ไปหาพระเจ้า หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ก็อนุญาติให้เหล่าสาวกมาจับเท้าของพระองค์ พระคัมภีร์ฉบับ Scofield อธิบายให้เราว่า พระเยซูทรงตรัสให้มารีย์เหมือนอย่างที่ การทรงไถ่ที่สมบูรณ์ในพระคัมภีร์เดิม (เลวีนิติ 16) ทรงสละชีวิตของพระองค์อย่างสมบูรณ์ พระองค์อยู่ในระหว่างเสด็จสู่สวรรค์ และในระหว่างการพบปะระหว่างมารีย์ในสวนตามที่ปรากฏในมัทธิว 28:9 แล้วพระองค์จึงเสด็จสู่สวรรค์และจะเสด็จลงมา (Scofield note on John 20:17) นี่เป็นชนิดเดียวกันกับที่ ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ เชื่อ พวกปุโรหิ ตหลวงในสมัยก่อนนำเลือดไปวางบนที่นั่งแห่งความเมตตาในสถานที่ๆบริสุทธิ์ และพระคริสต์ทรงนำพระโลหิตของพระองค์ไปสวรรค์ในช่วงระหว่างที่พระองค์ทรงพบมารีย์และช่วงระหว่างทรงพบกับเหล่าสาวก "แต่เมื่อพระคริสต์ได้เสด็จมาเป็นมหาปุโรหิตแห่งสิ่งประเสริฐซึ่งจะมาถึงโดยทางพลับพลาอันใหญ่ยิ่งกว่าและสมบูรณ์ยิ่งกว่าแต่ก่อน ที่ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยมือ และพูดได้ว่ามิได้เป็นอย่างของโลกนี้ พระองค์เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เองเข้าไป และทรงสำเร็จการไถ่บาปชั่วนิรันดร์แก่เรา" (ฮีบรู 9:11-12) โปรดเข้าใจตามนี้ว่า พระเยซูทรงเข้า “ในสถานที่ๆบริสุทธิ์” นั่นอาจจะเป็นบางช่วงเวลาที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า "ครั้นองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเขาแล้ว พระองค์ทรงถูกรับขึ้นไปในสวรรค์ ประทับเบื้องขวาพระหัตถ์ของพระเจ้า" (มาระโก 16:19) พระคัมภีร์ใหม่บอกเราครั้งแล้วครั้งเล่าว่าพระองค์ทรงประทับ ณ พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า และข้อนี้ยังบอกเราว่าพระองค์ทรงเสด็จไปประทับที่นั่นทันทีที่พระองค์ทรงตรัสให้กับเหล่าสาวกแล้วก็เสด็จสู่สวรรค์ และนี่เป็นไปได้ว่าพระองค์ทรงเสด็จไปประทับยัง “สถานที่บริสุทธิ์” ก่อนหน้านั้นแล้ว (ฮีบรู 9:12) “ซึ่งท่านได้รับเป็นประเพณีต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิได้ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง...แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตอันมีราคามากของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่างพร้อย" (1 เปโตร 1:18-19) ตอนนี้พระโลหิตของพระคริสต์สถิตอยู่ในสวรรค์เป็นนิตย์ตลอดไป ไม่มีวันสูญสลาย ทุกอย่างอยู่เหนือธรรมชาติ และเป็นอย่างนั้นแน่นอน! หากไม่มีพระเจ้าแล้วก็จะไม่มีคริสเตียน – แต่เป็นเพียงแค่หลักคุณธรรมทั่วไป แต่ไม่ใช่มายากล คุณไม่สามารถที่จะทำอะไรกับพระโลหิตของพระคริสต์ ไม่ใช่มายากล! พระโลหิตของพระคริสต์นั้นเหนือธรรมชาติ แต่ไม่ใช่มายากล พวก “ตัดสินใจนิยม” คือมายากล! นั่นแหละที่เราปฏิเสธพวกมัน พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงกระทำในพระโลหิตนั้น ผมรู้ว่า ดร. จอห์น แมคอาเธอต้องไม่เชื่อจุดนี้ ผมยังรู้ว่าท่านเข้าใจพระโลหิตผิดมาจากชายแปลกหน้าที่ชื่อ โคโลเนล อาร์ บี ไทม์ จูเนียร์ เพราะในฤดูใบไม้ร่วงปี 1961 ผมอยู่ที่นั่นตอน จอห์น แมคอาเธอ ยังเรียนอยู่ที่พระคริสต์ธรรม อาจารย์ (Thieme) ที่สอนตอนนั้นและแมคอาเธอได้รับคำสอนนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น ผมจึงเชื่อว่า ดร. แมคอาเธอได้รับความคิดนี้มาจาก อาร์ บี ไทย์ เพราะว่าผมเห็นเขานั่งฟังจดแบบคำต่อคำ ไทม์สอนว่า “โลหิต” หมายถึง “ความตาย” – ไม่ใช่เลือดที่พรมอยู่บนอากาส” นี่ปรากฏอยู่ในคำเทศนาของ ดร. แมคอาเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าท่านได้รับความคิดนี้โดยตรงจาก โคโลเนล อาร์ บี ไทย์ นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะว่า ดร. แมคอาเธอเป็นนักเทศน์ที่ดี ด้วยเหตุนี้คริสตจักรของเราจึงอธิษฐานเผื่อ ดร. แมคอาเธอให้อยู่ห่างไกลจากคำสอนเกี่ยวกับพระโลหิตของพระคริสต์จาก อาร์ บี ไทม์ II. ประการที่สอง พระโลหิตของพระคริสต์มีความจำเป็นต่อความรอด พระคำตอนนี้บอกเราว่าคุณไม่ได้รับการทรงไถ่โดยสิ่งที่ไม่ยั่งยืน แต่โดยพระโลหิตอันมีค่าของพระคริสต์ คำว่า “ทรงไถ่” ในพระธรรม 1 เปโตร 1:18 แปลมาจากภาษากรีกคือคำว่า “หลุดออก” หรือ “ปลอดปล่อย” (Strong's, Vine's), "signifying a release" (Vine's) จนกว่าคุณจะ “หลุดออก” หรือถูก “ปลดปล่อย” โดยพระโลหิตของพระคริสต์ตลอดไป 1. ภายใต้ “คำสาปของธรรมบัญญัติ” (กาลาเทีย 3:13) คุณถูกสาปโดยธรรมบัญญัติเพราะคุณไม่สามารถรักษามัน คุณไม่สามารถรักษาบทบัญญัตินั้นอย่างสมบูรณ์ นั่นแหละที่ทำให้ธรรมบัญญัติสาปแช่งคุณ มันบอกว่าคุณผิดและไม่สามารถหลีกหนีออกจากการพิพากษา ไม่มีอะไรแต่เป็นพระโลหิตของพระคริสต์ที่ชำระคุณจากบาป ดังนั้นคุณจึง “หลุดออก” และถูก “ปลดปล่อย” จากการถูกแช่งโดยธรรมบัญญัติ 2. จนกว่าคุณ “หลุดออก” และ “ถูกปลดปล่อย” โดยพระโลหิตให้หลุดพ้นจากซาตาน “และเขาอาจหลุดพ้นบ่วงของพญามาร ผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน” (2 ทิโมธี 2:26) ไม่มีอะไร “ปล่อย” หรือ “กู้” คุณนอกจากพระโลหิตของพระคริสต์! 3. จนกว่าคุณ “หลุดออก” และ “ถูกปลดปล่อย” โดยพระโลหิตให้หลุดพ้นจากพระพิโรธและการพิพากษาจากพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ ไม่มีอะไร “ปล่อย” หรือ “กู้” คุณจากการพิพากษานอกจากพระโลหิตของพระคริสต์! โอ้ เพื่อนๆ คุณต้องได้พระโลหิตของพระคริสต์! คุณต้องมีพระโลหิตของพระคริสต์เพื่อปลอดปล่อยคุณออกจากการถูสาปแช่งโดยธรรมบัญญัติ และหลุดออกจากการเป็นทาสของซาตาน และหลุดพ้นจากพระพิโรคของพระเจ้า! โอ้ คุณต้อง – คุณต้อง – มีพระโลหิตของพระคริสต์เพื่อช่วยไถ่คุณให้รอดพ้นจากการถูกสาปแช่ง ความหายนะ และพระพิโรธ ผมข้อย้ำว่าคุณต้องมีพระโลหิตของพระคริสต์! ผมอธิษฐานเพื่อให้คุณวางใจพระองค์เร็วนี้! หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อธิษฐานก่อนเทศนาโดยท่าน Abel Prudhomme. |
โครงร่างของ ไม่มีวันสลายและการทรงไถ่ พระโลหิตของพระคริสต์ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ "ท่านรู้ว่า พระองค์ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายออกจากการประพฤติอันหาสาระมิได้ ซึ่งท่านได้รับเป็นประเพณีต่อจากบรรพบุรุษของท่าน มิได้ไถ่ไว้ด้วยสิ่งที่เสื่อมสลายได้ เช่นเงินและทอง...แต่ทรงไถ่ด้วยพระโลหิตอันมีราคามากของพระคริสต์ ดังเลือดลูกแกะที่ปราศจากตำหนิหรือจุดด่างพร้อย" (1 เปโตร 1:18-19) I. พระโลหิตของพระคริสต์ไม่มีวันสิ้นสลาย สดุดี 16:10; II. ประการที่สอง พระโลหิตของพระคริสต์มีความจำเป็นต่อความรอด กาลาเทีย 3:13; 2 ทิโมธี 2:26; สดุดี 7:11. |