เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
การให้ขนมปังให้กับคนบาปASKING BREAD FOR SINNERS โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 2 สิงหาคม ค.ศ. 2015 ณ “เพราะฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์” (ลูกา 13:13) |
คำอุปมานี้เป็นการกล่าวถึงความจริงในฝ่ายวิญญาณ และเป็นคำอุปมาที่สอนแบบง่ายๆ หนึ่งในสาวกกล่าวว่า “พระองค์ ขอทรงโปรดสอนพวกเราอธิษฐานด้วย” (ลูกา 11:1) พระเยซูสอนพวกเขาถึงการอธิษฐาน (พระบิดาของเรา) เป็นคำอธิษฐานที่ผมอธิษฐานตามนั้นวันละครั้ง จากนั้นพระองค์ก็เล่าเรื่องสั้นๆ และเป็นคำอุปมาที่ง่ายๆ พระคริสตรัสถึงชายคนหนึ่งที่มีเพื่อนบ้านของเขาคนหนึ่งมาหาเขาในเวลาเที่ยงคืน เพราะชายคนนั้นไม่มีขนมปังที่จะกิน ดังนั้นเขาจึงไปที่บ้านของเพื่อนของเขาและขอขนมปังสามก้อน เขาพูดกับเพื่อนบ้านที่เดินทางมาไกลมาขอขนมปังนั้นว่า "เราไม่มีอะไรจะให้เขา" เพื่อนบ้านคนนี้จึงบอกให้เขาไป เพราะเขาและลูกๆของเขาเข้านอนหมดแล้ว แต่ชายที่อยู่ข้างนอกบ้านก็ยังคงเคาะประตูอยู่ สุดท้ายเพื่อนบ้านคนนี้จึงเปิดประตูและให้ขนมปังเขาตามต้องการ พระเยซูทรงกล่าวถึงหัวใจสำคัญของคำอุปมานี้ว่า อะไรที่เป็น “คุณธรรม” ของเรื่อง เหตุผลที่บอกคือ “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน” (ลูกา 11:9) ภาษาพูดในภาษากรีกนั้นอยู่ในรูปแบบของการกระทำที่ต่อเนื่อง นั่นคือขอต่อเนื่อง หาต่อเนื่อง เคาะต่อเนื่อง ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์กล่าวว่าข้อนี้อาจจะแปล "ขอไม่หยุดแล้วจะให้คุณ เคาะไม่หยุดแล้วจะประทานให้คุณ" (Prayer: Asking and Receiving, Sword of the Lord Publishers, 1970 edition, p. 94) กุญแจดอกที่สองในคำอุปมานี้ ชายคนนี้ขอ "ขนมปัง" ตอนที่เขาเคาะประตู แล้ว "ขนมปัง" นี้คืออะไร? คำตอบอยู่ในข้อที่สิบสาม "พระบิดาแห่งสวรรค์จะประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้พวกเขาอย่างไรตอนที่ขอพระองค์?" – ผมรู้ว่ายังจะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อีก แต่ผมเชื่อว่าจุดสำคัญคือ เราจะต้องขอต้องหา และเคาะขอให้พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แก่คนบาป นำความสว่างให้พวกเขาและทำให้พวกเขารู้ถึงความบาป และนำพวกเขามาที่พระคริสต์ ดังนั้นผมเชื่อว่า "ขนมปัง" ในคำอุปมานี้เป็นการพูดถึงพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในข้อที่หก ชายที่ขอขนมปังนั้นกล่าวว่า "เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน” หากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์แล้ว เราไม่มีอะไรที่จะให้แก่คนบาปที่มาร่วมนมัสการกับเรา ผมจำได้ว่ามีหลายครั้งตอนที่ผมเตรียมบทเทศนาด้วยความระมัดระวัง แต่พอถึงเวลาที่ผมขึ้นไปเทศน์บนธรรมาส์นั้นเป็นเหมือนกำลังเป่าลมออกจากปาก บทเทศนานั้นมีความหมายและสามารถช่วยคนบาปได้ แต่คำพูดกลับไม่มีพลังอำนาจใดๆ ไม่มีใครได้รับพระพร มีนักเทศน์บางคนในยุคสุดท้ายไม่รู้ว่าผมกำลังพูดถึงอะไร เพราะพวกเขาไม่เคยสัมผัสกับความแตกต่างตอนพวกเขาเทศนา นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะพวกเขาไม่รู้จักพระวิญญาณบริสุทธิ์เลย ยิ่งกว่านั้นพวกเขาไม่สามารถบอกได้ว่าพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตตอนพวกเขากำลังเทศนากันอยู่หรือไม่ ครั้งหนึ่งผมพาพ่อที่ไม่เชื่อพระเจ้าไปฟังนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงที่มาจาก Bourbon Street ในนิวออร์แลนด์ มีคนบอกผมว่านักเทศน์คนนี้น่าจะสามารถพาพ่อมาเชื่อพระเจ้าได้ เพราะเขาสามารถเล่าเรื่องตลก และคนที่อยู่ในวัยกลางคนชอบฟังมากๆ – และต่อท้ายด้วยพระกิตติคุณ นี่เป็นครั้งเดียวที่ผมพาพ่อไปโบสถ์ เวลาที่นักเทศน์จาก Bourbon Street ลุกขึ้นยืนและเริ่มเล่าเรื่องตลก ท่านเป็นคนที่ดีมากๆ! ในตอนท้ายนั้นท่านก็กล่าวถึงการรับเอาความรอด จากนั้นเขาก็เชื้อเชิญ – ให้ออกมาข้างหน้าและรับความรอด แต่พ่อของผมกลับไม่ยอมออกไป ไม่กี่นาทีต่อมาตอนที่เราเข้ามานั่งในรถ ผมเลยถามพ่อว่าพ่อคิดยังไง พ่อตอบว่า "เขาตลกไม่เท่า บ๊อบ โฮป" (ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า – บ๊อบ โฮปเป็นนักแสดงตลกที่มีชื่อเสียงในการเล่าเรื่องตลก) พ่อเพียงแค่กล่าวว่า "เขาไม่ดีเท่า บ๊อบ โฮป" ในขณะที่คนอื่นหัวเราะอย่างสนุกสนุกสนานเวลานักเทศน์จาก Bourbon Street เล่า ผมมั่นใจว่า เขาต้องคิดว่าการเทศนาของเขาครั้งนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้อยู่ที่นั่น! ไม่มีเลย! ตอนนั้นผมรู้และตอนนี้ผมก็รู้ พ่อของผมมาเพราะผมขอร้องท่าน ใช่พ่อมา - แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้มา! พ่อของผมที่ไม่เชื่อพระเจ้า - แต่คริสตจักรกลับไม่มี "ขนมปัง" ให้พ่อซึ่งอยู่ใกล้ดาวนีย์ “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน” (ลูกา 11:6) ถ้าผมลุกขึ้นเทศนาที่นี่ และหากไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงสถิตอยู่ คงไม่มีใครได้รับความช่วยเหลือ ไม่มีใครได้รับความรอด ไม่มีใครที่จะมาเป็นสามากของพระเยซู นั่นคือเหตุผลที่ผมอธิษฐานให้กับแต่ประโยคและแต่ละวรรคที่ผมเขียนในบทเทศน์นี้ นั่นคือเหตุผลที่ผมขอให้คุณอธิษฐานเผื่อบทเทศนาของผมในแต่ละสามประชุม นั่นคือเหตุผลที่เรามีนักอธิษฐานสองคนคอยอธิษฐานเผื่อในเวลาที่ผมกำลังเทศนา มิฉะนั้นเราจะไม่มีอะไรให้ - "เรานั่นคือสถานการณ์ที่น่าเศร้าในโบสถ์จำนวนมากในยุคสุดท้ายนี้! อธิษฐานอย่าให้เราเป็นอย่างนั้น! “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้ [พวกเขา] รับประทาน! นี่คือเรื่องน่าเศร้าของคริสตจักรในยุคสุดท้าย! อธิษฐานขออย่าให้เกิดอย่างนั้นให้กับเรา! เราจะขอพระเจ้าอย่างไรให้ทรงส่ง “ขนมปัง” ไปให้คนบาป? เราจะอธิษฐานขอพระวิญญาณอย่างไร? ดูข้อ 9 “เราบอกท่านทั้งหลายว่า จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน” (ลูกา11:9) ขอต่อไป! หาต่อไป! เคาะต่อไป! อย่ายอมแพ้ อย่ายกเลิก อธิษฐานอย่างขยันขันแข็งเพื่อพระเจ้าจะส่งแสงสว่างสู่จิตวิญญาณของคุณเหมืออย่างไฟ - เพื่อให้คุณสามารถอธิษฐานขอพระวิญญาณบริสุทธิ์ – สำหรับขนมปังให้แก่คนบาปที่หิวโหย! จากนั้น ให้เราขอพระเจ้าทรงนำให้การสามัคคีธรรมของเรามีขนมปังให้กับคนบาป เราจะมีอาหารที่ดียอดเยี่ยมที่ตระเตรียมโดย นางคุก นางลี โรเบิร์ต ลูอิส นายดิกสันและคนอื่น ๆ แต่ถ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สถติอยู่ อาหารของเราที่เตรียมไว้ทานหลังจากนมัสการในช่วงเช้าและช่วงเย็นก็ไม่อาจช่วยผู้คนได้ ผมรู้ว่ามีคริสตจักรหนึ่งมีการเลี้ยงอาหารหลังนมัสการ ภรรยาของศิษยาภิบาลบอกผมเกี่ยวกับงานทีตื่นเต้นนี้ เธอบอกว่าคนจำนวนมากเข้ามาในคริสตจักรเพราะอาหารเหล่านั้น แล้วผมก็ถามว่า "คุณยังมีการทานอาหารหลังนมัสการอีกหรือไม่" เธอกล่าวว่า "ไม่ พวกเขาเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์หรือช่วยผู้คนเลย" ผมไม่ได้พูดอะไร แต่ผมรู้ว่าเหตุผลที่ว่าอาหารเหล่านั้นไม่ได้ช่วยผู้คน เหตุผลที่แท้จริงเป็นเพราะพวกเขาหยุดอธิษฐานสำหรับอาหารเหล่านั้น! ตอนพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สถิตอยู่ แล้วคนที่ยังไม่เชื่อจะเข้ามาในคริสตจักรได้อย่างไร? หากพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่สถิตอยู่! จะยุ่งอีกทำไม? ทำไมถึงไม่กินบิ๊กแม็ค? ทำไมไม่กินข้าวที่บ้าน? “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน” (ลูกา 11:6) มีนักเทศน์ท่านหนึ่งคิดว่าอาหารของเรายอดมาก! แต่เขาคิดว่าเพียงแค่เขาเปลี่ยนเล็กน้อย –เพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะทำอาหารมื้อใหญ่เหมือนที่เราทำ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาเป็น "มีเพียงเล็กน้อย" นั่นคือเปลี่ยนมาเป็นอาหารว่างแทน ส่วนอาหารที่เขาทานที่พวกผู้หญิงในคริสตจักรทำกัน ตอนที่อัลเฟรด ฮิตช์ค็อกจะปล่อยหนังสยองขวัญของเขาที่ชื่อ "โรคจิต" เขาได้เชิญบรรดาเจ้าพ่อหนังทั้งหมดมาที่สตูดิโอ เขาได้เสริฟอาหารเมนูชื่อว่า "อาหารนิ้ว" - "ทำมาจากนิ้วมือของจริง" - เขาบอกว่าคนเหล่านั้นว่า! ผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องและลงไปนอนอยู่บนพื้น! อาหารว่างก็ใช้ได้ในบางแห่งบางโอกาส แต่ไม่ได้ช่วยอะไรให้กับกลุ่มคนหนุ่มสาวหิวเพราะนั่งนมัสการพระเจ้าเป็นเวลานาน ผมเชื่อว่าศิษยาภิบาลอาจจะเห็นข้อผิดพลาดนี้ หากเขาและคนของเขาได้อธิษฐานอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องนี้ คุณเห็นมั้ยแม้กระทั่งอาหารที่ให้บริการนั้นยังไม่เป็นพรกับคน เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้ทรงสถิตกับเรา ถ้าพระวิญญาณของพระเจ้าไม่ได้สถิตที่นี่ - เราก็ไม่มีอะไรจะให้พวกเขา! “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน’” (ลูกา 11:6) นักเทศน์ที่อยู่ทางตะวันออกบอกผมว่า คริสตจักรของเขาเตรียมอาหารให้ทุกคนทานหลังนมัสการในช่วงเช้า หลังจากนั้นผู้คนกลับไปที่ห้องประชุมอีกครั้งเพื่อศึกษาพระคัมภีร์ในระยะสั้นๆ ดังนั้นเขากล่าวว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องนมัสการในชาวงเย็นวันอาทิตย์อีก เขาบอกว่าที่มีอาหารเที่ยง หลังจากศึกษาพระคัมภีร์และดีเท่ากับการนมัสการในช่วงเย็น เขาบ่นว่า "พวกเขาศึกษาพระคัมภีร์มากๆก็พอ!" ผมคิดว่า "ชายผู้น่าสงสาร! ไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่เคยประสบความสำเร็จเลย!" วัตถุประสงค์ของการนมัสการในตอนเย็นไม่ใช่จะเรียนข้อพระคัมภีร์ให้มากยิ่งขึ้น เหมือนเป็น “คริสตจักรเด็ก” เขาจะเห็นอย่างนั้นหรือไม่? โดยการละทิ้งการนมัสการในช่วงเย็น เขาสูญเสียโอกาสให้คนของเขานำคนที่ไม่เชื่อมาร่วมนมัสการ! พระเจ้าโปรดช่วยเราด้วย! ถ้าศิษยาภิบาลและคนของเขาอธิษฐานอย่างจริงจังถึงเรื่องนี้ผมมั่นใจว่าพระเจ้าจะสำแดงให้พวกเขาเห็นความโง่เขลาตามที่พวกเขากำลังทำ คนมากมายที่หลงหายไม่ได้มารับความรอด เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ไม่ได้อยู่ที่นั่นนำนักเทศน์และผู้คนนั้น! พระเจ้าโปรดทรงช่วยเราในเวลาแห่งความชั่วนี้ด้วย! “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน’” (ลูกา 11:6) ที่ผ่านมามีนักเทศน์หลายคนและสมาชิกในคริสตจักรดูเหมือนจะสะดุดอยู่ในความมืด! ทุกอย่างที่เราทำในคริสตจักรจะต้องเต็มด้วยการอธิษฐาน มิฉะนั้นจะพูดให้เราว่า “เจ้าได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ แต่ว่าเจ้าได้ตายเสียแล้ว" (วิวรณ์ 3: 1) "คุณได้ชื่อว่ามีชีวิตอยู่ - แต่จริงๆคุณตายแล้ว" นี่สามารถเกิดขึ้นให้กับทุกคริสตจักร - โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ชั่วร้ายนี้ - ในวันสุดท้าย! ทุกวันนีหากเราไม่มีพระวิญญาณบริสุทธิ์ในทุกสิ่งที่เราทำแล้ว ไม่นานเราก็จะตายเหมือกับคริสตจักรซาร์ดิส! “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน’” (ลูกา 11:6) ผมกลัวว่านั่นอาจเป็นความจริงให้กับคริสตจักรของเราวันนี้ ในเวลาที่คนของเราไปพักผ่อนในวันหยุด เวลาพวกเขากลับมาและบอกผมว่าพวกเขาผิดหวังคริสตจักรต่างๆที่พวกเขาได้ไปเข้าร่วม "ร้องเพลงเหมือนตายแล้ว" "ศิษยาภิบาลเทศน์ก็น่าเบื่อ" "ผู้คนก็ไม่เป็นมิตร" "พวกเขาไม่มีการนมัสการในช่วงเย็นของวันอาทิตย์" "เราไปร่วมกลุ่มอธิษฐาน แต่ไม่มีการอธิษฐานที่แท้จริง – นั่นเป็นเพียงอีกส่วนหนึ่งของการศึกษาพระคัมภีร์" หากคนของเราคิดเช่นนั้น แล้วผู้ที่ไม่เชื่อล่ะ! ไม่น่าแปลกใจที่คริสตจักรในทุกวันนี้อ่อนแอมาก! “เพราะเพื่อนของข้าคนหนึ่งเพิ่งเดินทางมาหาข้า และข้าไม่มีอะไรจะให้เขารับประทาน’” (ลูกา 11:6) ตอนนี้ ขอเราอย่าพึ่งภูมิใจ โปรดจำไว้ว่าเราไม่ได้ดีมาก! เราต้องยอมรับความอ่อนแอของเราเองหรือเราไม่มีความแข็งเกร่งของพระเจ้า เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอดอาหารและอธิษฐาน – เพราะการอดอาหารเป็นหนึ่งในความต้องการสำหรับฤทธิ์อำนาจพลัง ที่จะสามารถต่อสู้กับซาตานและวิญญาณชั่ว! (มาระโก 9:29) เราได้อดอาหารและอธิษฐานและได้รับพระพรบางอย่าง แต่เราจะต้องอดอาหารอย่างต่อเนื่อง นั่นคือในวันเสาร์ถัดไป จนกว่าเราจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นตอนเวลา 5:30 น. ที่คริสตจักรนี่ คืนนี้ผมอยากให้คุณอธิษฐานขอให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงทำงานในพันธกิจของเรา หากปราศจากพระวิญญาณของพระเจ้าแล้ว "ไม่มีอะไรจะให้" แก่คนบาปที่หลงหาย! ดังนั้นเราจึงต้องอธิษฐานอย่างละเอียด เพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาในทุกพันธกิจของเรา พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็น "ขนมปัง" ที่เราจะต้องมี หากมิฉะนั้นแล้วคนบาปที่ยังไม่เชื่อทั้งหลายในคริสตจักรของเรายังต้องหิว – และจะไม่ได้รับความรอด ใช่ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยคนบาปทั้งหลาย ให้รอดพ้นจากพระอาชญาของพระเจ้า ใช่ พระเยซูทรงฟื้นคืนจากความตาย เพื่อให้คนบาปสามารถบังเกิดใหม่ และประทานชีวิตนิรันดร์ให้อยู่ในพวกเขา! แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่กลายเป็นจริงให้กับพวกเขาโดยที่ไม่มีพระวิญญาณของพระเจ้า ดังนั้นตลอดทั้งสัปดาห์ ในเวลาที่คุณอธิษฐาน จงขอขนมปังให้กับคนบาป อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงสู่การนมัสการของเรา และนำความสว่างสู่จิตใจที่มืดมนต์ และทำให้พวกเขารับรู้ถึงความบาปของพวกเขา และต้องการพระเยซูคริสต์! ตอนนี้ให้ดูที่ลูกา 11:13 ซึ่งอยู่ในหน้า 1090 ในพระคัมภีร์ Scofield Study Bible กรุณายืนขึ้นและอ่านออกเสียง “เพราะฉะนั้น ถ้าท่านทั้งหลายเองผู้เป็นคนชั่ว ยังรู้จักให้ของดีแก่บุตรของตน ยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ จะทรงประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่ผู้ที่ขอต่อพระองค์?” (ลูกา 11:13) ตอนนี้มาดูประการต่างที่เราจะอธิษฐานเผื่อในวันเสาร์หน้า 1. อดอาหารลับๆ (มากเท่าที่มากได้) อย่าเที่ยวไปบอกคนโน้นคนนี้ (แม้แต่ญาติพี่น้อง) ว่าคุณกำลังอดอาหาร 2. ใช้เวลามาอ่านพระคัมภีร์ เริ่มจากพระธรรมกิจการ (เริ่มตั้งแต่บทแรก) 3. ท่องจำอิสยาห์ 58:6 ในวันเสาร์ที่อดอาหารนี้ 4. อธิษฐานขอพระเจ้าให้ทรงตอบคำอธิษฐานของเราเพื่อให้มี 10 หรือมากกว่าอยู่กับเรา 5. อธิษฐานเผื่อพวกอนุชนที่ยังไม่ได้กลับใจ อธิษฐานขอพระเจ้าทรงทำงานในพวกเขาอย่างที่ทรงตรัสในอิสยาห์ 58:6 6. อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงนำผู้ที่มาร่วมนมัสการเป็นครั้งแรกในวันนี้ (วันอาทิตย์) และทรงนำกลับมาในวันอาทิตย์หน้า เอ๋ยนามของพวกเขาด้วย 7. อธิษฐานของพระเจ้าทรงสำแดงให้ผมรู้ว่าจะเทศน์อะไรในวันอาทิตย์ทั้งช่วงเช้าและเย็น 8. ดื่มน้ำให้ มากๆ ประมาณหนึ่งแก้วในทุกชั่วโมง คุณสามารถดื่มกาแฟได้ในตอนเช้า หากคุณดื่มมันทุกวัน แต่ห้ามดื่มเครื่องดื่มประเภทชูกำลังและอื่นๆ 9. ไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่คุณจะอดอาหารหากคุณมีปัญหาด้านสุขภาพ (คุณสามารถไปพบ ดร. กรีนตัน ดร. ชาน หรือ ดร. จูดิธ คาเกนผู้อยู่ในคริสตจักรของเราก็ได้) ห้ามอดอาหารหากคุณมีโรคร้ายแรงเช่นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง เพียงแค่ใช้เวลาวันเสาร์นนี้อธิษฐานเผื่อหัวข้อเหล่านี้ก็พอ 10. เริ่มอดอาหารหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นของวันศุกร์ อย่าทานอะไรจนกว่าเราจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นในวันเสาร์ตอนเวลา 5:30 11. จำไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องอธิษฐานคือขอให้พวกอนุชนในคริสตจักรของเราที่หลงหายได้กลับใจใหม่ - และอนุชนคนใหม่ๆเข้ามาร่วมนมสัการในช่วงเย็นและเข้าตลอดไป หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร. ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ท่าน อาเบล พรูดโฮมมี: ลูกา 11:5-13. |