Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ทำไมซาตานไม่อยากให้คุณ
อดอาหารให้กับการกลับใจใหม่

WHY SATAN DOESN’T WANT YOU
TO FAST FOR CONVERSIONS!
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 19 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, July 19, 2015

“ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร” (มาระโก 9:29)


ใช่ ผมจะเทศน์อีกครั้งหนึ่งจากพระธรรมข้อนี้ แต่ในคืนนี้ ผมอยากจะพูดเสริมให้มากกว่านั้น ผมชอบทำแต่ในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะว่าผมเคยถูกทดลองโดยซาตานนับเป็นเวลาหลายวัน! การเตรียมบทเทศนานี้จะยากกว่าสองสามปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ผมจึงรู้สึกว่ากำลังถูกทดลองโดยซาตาน บางคน (แม้แต่นักเทศน์บางคน) อาจคิดว่าผมพูดเกินความจริง แต่ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะผมเองรู้ดีว่าตัวเองกำลังถูกซาตานโจมตีตอนอาทิตย์ที่แล้ว นั่นคือในวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ในขณะที่ผมเทศนาจากพระธรรมตอนนี้ ผมเองรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติเพราะดูเหมือนไร้สติ หลังจากนั้นไม่นานผมเองก็มารับรู้ว่าพระเจ้ามีพระประสงค์ให้ผมเทศน์พระธรรมมาระโก 9:29 อีกครั้งหนึ่ง แต่ซาตานกลับทำให้ผมไม่เข้าใจพระธรรมตอนนี้เลย

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมาผมเทศน์หัวข้อ (“อธิษฐานและอดอาหารในยุคของโอบามา”) และผมก็ให้หกเหตุผลให้กับพวกคุณถึงเรื่องทำไมไม่ควรเอาคำว่า “และอดอาหาร” ออกจากพระธรรมมาระโก 9:29 ฉบับแปลอื่นๆต่างก็ลบคำนี้ออก ฉบับภาษากรีกที่เอาคำนี้ลบออกไปคือ ฉบับดั้งเดิมไซไนท์ตคัสที่ถูกค้นพบโดยทิเชนดอรฟ์ (1815-1874) ในอารามโมนาสเทรีมรไซไน เพนีซูลาอยู่ห่างประมาณ 400 ไมล์ จากเมืองอาเล็กซานเดรีย และนี่คือเขตที่ๆพวกจีน๊อสติมีอิทธิพล และไม่ใส่ใจชีวิตในฝ่ายร่างกายแต่มุ่งไปที่วัตถุฝ่ายโลก

อารามเคทเทอรีนโมนาสเทอรี่ถูกสร้างขึ้นในปี 548 A.D. ฉบับดั้งเดิมไซไนท์ติคัสถูกคัดลอกออกมาโดยการเขียนในปี 360 A.D. ดังนั้น นี่จึงดูเหมือนว่าจะถูกส่งมาจากที่อื่น เป็นไปได้ว่ามาจากเมืองอาเล็กซานเดรียเอง ยิ่งผมศึกษามากเท่าไหร่ ผมเองยิ่งค้นพบว่าพวกจีน็อสติต้องเอาคำว่า “และอดอาหาร” ออกแน่นอน เพราะว่าไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเขาเชื่อกัน

เราควรมองปัญหานี้ในมุมมองแบบการเป็นคริสเตียนคนหนึ่ง และในมุมมองที่เชื่อว่ามีซาตานและวิญญาณชั่วอย่างแน่นอน มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่ฉบับไซไนท์ติคัสถูกคัดลอกด้วยมือ และถูกค้นพบใน "วันสุดท้าย" ของยุคนั้น? มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าฉบับนี้ถูกค้นพบในช่วงเดียวกันกับ "พวกตัดสินใจนิยม " ที่นำคำสอนนี้เข้ามาแทนที่ความเชื่อเรื่องการกลับใจใหม่ในตริสตจักรต่างๆของเรา? มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่คริสตจักรถูกวิญญาณชั่วครอบงำในยุคที่มีการคัดลอดด้วยมือนี้เพื่อให้นำมาใช้ทั่วโลก?

มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่ความเชื่อ "กาตัดสินใจนิยม" ของฟินเนย์ ความรอดจากการบัพติสมาของแคมป์เบลส์ พระเจ้าสามองค์ของมอร์มอน การโจมตีพระคัมภีร์โดยพวกเสรีนิยม ผมงานแห่งความชอบธรรมของพวกพยานพยะโฮวาห์ และวันสะบาโตของพวกเซเวนเดย์เอ็ดเวนติสต์ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นประมาณ 50 ปีที่ผ่านมาหรือในศตวรรษที่ 19? มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่หนังสือเรื่องการวิวัฒนาการของดาวิลถูกเขียนขึ้นและขายในยุคเดียวกัน? มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่การฟื้นฟูครั้งยิ่งใหญ่ของโลกตะวันตกที่เกิดขึ้นในปี 1857-59 เกิดขึ้นพร้อมกับช่วงที่ทิเชนดอรฟ์ค้นพบฉบับดั้งเดิมที่ชื่อไซไนท์ติคัส? มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่ไม่เคยมีการฟื้นฟูที่สำคัญในโลกตะวันตกนับตั้งแต่คำว่า "และการอดอาหาร" ถูกลบออกหลังจากที่มีการค้นพบต้นฉบับไซไนท์ติคัส? สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ? เปล่าเลย ตามประวัติศาสตร์ในช่วงนี้มีการโจมตี่พวกคริสเตียนอ๊อทอดอสอย่างใหญ่หลวง - และการลบคำว่า "และการอดอาหาร" ก็เป็นหนึ่งในนั้น!

พระคัมภีร์เตือนเราถึงพวกวิญญาณชั่วในยุคสุดท้าย อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า

“บัดนี้ พระวิญญาณได้ตรัสไว้อย่างชัดแจ้งว่า ในกาลภายหลังจะมีบางคนละทิ้งความเชื่อ โดยหันไปเชื่อฟังวิญญาณที่ล่อลวง และฟังคำสอนของพวกผีปีศาจ” (1 ทิโมธี 4:1)

ดร. เฮนรี่ เอ็ม มอร์ริสกล่าวว่า

พวกวิญญาณหลอกลวงเหล่านี้ รับใช้เจ้าแห่งโลกหรือซาตาน เป็นพวกวิญญาณในยุคสุดท้ายที่ไม่อาจเห็นด้วยตาและทำลายความเชื่อของเรา เป้าหมายของพวกเขาคือนำชายและหญิงไปเป็นทาสรับใช้ลูซีเฟอร์ หรือซาตาน พวกเขาจึงต้องหลอกแทนที่จะกระทำความจริง” (Henry M. Morris, Ph.D., The Defender’s Study Bible, World Publishers, 1995, p. 1345; note on I Timothy 4:1)

แม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับท่านในคำสอนเรื่องพระโลหิตก็ตาม ดร. แมคอาเธอ กล่าวว่าเป้าหมายของวิญญาณเหล่านี้คือ “เป็นเป้าหมายระยะสั้นก่อนที่พระคริสต์จะเสด็จมา” (The MacArthur Study Bible; note on I Timothy 4:1)

ผมเชื่อว่าวิญญาณชั่ว "เป็นกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังและมองไม่เห็น" มันจะยิ่งใหญ่ในยุค "ต่อมา" – พวกมันสอนผิดแบบ "การตัดสินใจนิยม" แคมป์เบลนิยม มอร์มอน พวกเซเวนเดย์ พวกเสรีนิยม พวกพยานพยะโฮวาห์ คริสเตียนวิทยาศาสตร์และอิสลาม มารรู้ว่าดีว่าการอธิษฐานและการอดอาหารเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่อยู่ในมือของคริสเตียน มารยังรู้อีกว่ามาระโก 9:29 17:21 และมัทธิว 17:21 ที่อยู่ในในพันธสัญญาใหม่เท่านั้น ที่บอกเราถึงอำนาจและความจำเป็นของการอดอาหารและการอธิษฐาน หากไม่มีสองข้อนี้แล้วคงไม่ทราบหรอกว่าคำสอนนี้มาโดยตรงจากคำตรัสของพระเยซูคริสต์ ลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้! ไม่มีคำสอนไหนที่สอนเจาะจงถึงคำว่า "และการอดอาหาร" ถูกลบออก! มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่คริสตจักรของเราอ่อนแอและไม่มีอำนาจตั้งแต่คำว่า "และการอดอาหาร" ถูกลบออกไป? ผมไม่คิดอย่างนั้น! ไม่ใช่เลย!

ในอดิตนักเทศน์มักเข้าใจว่าวิญญาณอยู่เบื้องหลังศาสนาเทียมเท็จ และบางครั้งนักเทศน์ต่างก็เข้าใจว่าการเอาชนะวิญญาณชั่วนั้นต้องอธิษฐานเท่านั้น พวกเขาควรไปอ่านคำตรัสของพระคริสต์ “ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร” (มาระโก 9:29)

นักประกาศทั้งหมดและนักเทศน์ที่สำคัญก่อนช่วงปลายศตวรรษที่ 19 รู้ว่าจอห์น เวสลีย์ (1703-1791) พูดถูกต้องที่ว่า "ผี [วิญญาณ] บางชนิดที่พวกอัครสาวกขับออกมาก่อนหน้านี้โดยไม่ต้องอดอาหาร" - แต่ "ผีชนิดนี้ [วิญญาณ] ไม่สามารถขับออกได้ เว้นเสียแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร – ช่างเป็นคำพยานที่หนักแน่นถึงผลของการอดอาหารบวกเข้าไปกับการอธิษฐานด้วยความจริงใจ"(Wesley’s Notes on the New Testament, vol. 1, Baker Book House, 1983 reprint; note on Matthew 17:21)

นักปฏิรูปทั้งหมดต่างก็อดอาหารและอธิษฐาน – ลูเทอร์ เมลา คาลวิน น็อกซ์ - พวกเขาทั้งหมดต่างอดอาหารและอธิษฐาน! การอดและการอธิษฐานถูกนำมาใช้โดยนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่อย่าง บันยัน ไวท์ฟิวส์ เอ็ดเวิร์ดส์ โฮเวล แฮร์ริส จอห์น เซนนิสต์ แดเนียล โรว์แลนด์ แมคเชย์นี เนทรีตัน และคนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ตอนนี้ลองมาฟังคำพูดของ ดร. ลอยด์โจนส์ที่ว่า "คริสตจักรล้วนเมาเหล้าและลม ๆ แล้ง ๆ หลับไหล และไม่ได้ตระหนักถึงความขัดแย้งของทุกคน [กับซาตาน] " (Martyn Lloyd-Jones, M.D., The Christian Warfare, The Banner of Truth Trust, 1976, p. 106)

พระคริสต์ทรงสอนให้ "อธิษฐานและอดอาหาร" ไม่ควรใช้เฉพาะการขับไล่ผีเท่านั้น แต่รวมในกรณีของการกลับใจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่ยากๆ - และในทุกวันนี้ทุกกรณีดูเหมือนจะหนักและยากมาก! ดร. ลอยด์โจนส์กล่าวว่า "แม้ในระยะสั้นๆของการครอบครองโดยตรงที่เราต้องยอมรับความจริงที่ว่าศัตรูของเรามาร [แข็งแรกร่ง] มันปกครองแบบเผด็จการและมีอำนาจมาก เราต้องเข้าใจว่าเรากำลังต่อสู้กับพลังมหาศาล เราต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่มีประสิทธิภาพมาก" (Studies in the Sermon on the Mount, part 2, Eerdmans, 1987, p. 148)

เราทำสงครามฝ่ายวิญาณ ซาตานนั้นมีอำนาจมาก เราอธิษฐานขอให้มีคนกลับใจ แต่ก็ไม่ได้ผล พวกเขาไม่ยอมละทิ้งบาป พวกเขาคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีพระคริสต์ พวกเขาปฏิเสธที่จะมาหาพระองค์ จิตใจของพวกเขามืดมนต์ พวกเขาไม่เข้าใจชีวิตในฝ่ายวิญญาณเลย แม้ว่าเราจะอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีคนน้อยมากที่เข้ามาในคริสตจักร เรารู้สึกว่าต้องยอมแพ้ แต่รอก่อน! ยังมีอีก! ดร. ลอยด์โจนส์กล่าวว่า

“ผมสงสัยว่าหากเคยเกิดขึ้นกับเรา เราควรจะลองมาคิดถึงคำว่าอดอาหารสักนิดหนึ่ง? ความจริงคือว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะคำนั้นได้ถูกลบออกจากชีวิตของเรา และออกจากความคิดของคริสเตียนทั้งหมด” (Studies in the Sermon on the Mount, part 2, p. 34)

เมื่อพี่น้องของเวสลีย์อดอาหารอธิษฐานก็มีสิ่งเกิดขึ้น ชาร์ลส์มักจะติดตามพี่ชายของเขาที่ชื่อจอห์น แต่มีรายงานว่าเมื่อชาร์ลส์ เวสลีย์เทศนากลับพบว่าตัวเลขของผู้เชื่อใหม่มีมากกว่า คุณรู้สึกถึงพลังของพระเจ้าลงมาเมื่อชาร์ลส์ เวสลีย์ร้องเพลงนี้หรือไม่!

ทำลายโซ่ตรวนแห่งความบาปนั้นออก
   พระองค์ทรงทำให้นักโทษมีอิสระ
พระโลหิตของพระองค์ทรงชำระให้ขาวสะอาด
   พระโลหิตของพระองค์มีค่าต่อข้าฯมาก!

พระเยซู! เรายำเกรงพระนามของพระองค์
   ทรงนำเราออกจากความทุกข์ยาก
เป็นบทเพลงที่ไพเราะเสนาะหูของคนบาป
   ต่อชีวิต ต่อสุขถาพและมีสันติสุข!
(“O For a Thousand Tongues to Sing” by Charles Wesley, 1707-1788;
      to the tune of “O Set Ye Open Unto Me”).

พระเยซูผู้เป็นที่รักแห่งจิตวิญญาณของข้าฯ ขอให้ข้าฯมาหาพระองค์
   ในขณะที่อยู่ที่ริมแม่น้ำ ในขณะที่อยู่ในที่สูงที่สุด
พระผู้ช่วยให้รอดซ่อนข้าฯ ไว้จากพายุแห่งชีวิตในอดิต!
   กู้ข้าฯไว้ในสวรรค์ในวันสุดท้ายโปรดนำจิตวิญญาณของข้าฯ
(“Jesus, Lover of My Soul” by Charles Wesley, 1707-1788)

บทเพลงนมัสการที่สวยงามเหล่านี้แต่งโดย ชาร์ลส์ เวสลีย์!

เปิดพระคัมภีร์ของคุณไปที่อิสยาห์บทที่ 58 อยู่ในหน้า 763 ของพระคัมภีร์ฉบับ the Scofield Study Bible ยืนขึ้นและอ่านพร้อมกัน

“การอดอาหารอย่างนี้ไม่ใช่หรือที่เราต้องการ? คือการแก้พันธนะของความชั่ว การปลดเปลื้องภาระหนัก และการปล่อยให้ผู้ถูกบีบบังคับเป็นอิสระ และการหักแอกเสียทุกอัน?” (อิสยาห์ 58:6)

พวกคุณนั่งลงได้ กรุณาขีดเส้นใต้ในข้อนี้ในพระคัมภีร์ของคุณ ข้อนี้อธิบายถึงวิธีที่ถูกต้องของการอดอาหาร นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงวิธีการที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้คริสเตียนทำ ผมอยากให้คุณท่องเอาไว้ อิสยาห์ 58: 6 เป็นบทท่องจำใหม่ของเรา และการอดอาหารของผู้ที่ติดตามพระองค์นั้นสามารถ

(1) ปลดปล่อย [โซ่] แห่งบาปออก
(2) ปลดปล่อยภาระหนักออก
(3) ปล่อยทาสให้กลายเป็นอิสระ
(4) สามารถทำลายทุกแอก

อาร์เธอร์ วาลลิส กล่าวว่า "การอดอาหารจะสร้างความแกร่งให้กับ [นักอธิษฐาน] เพื่อรักษาความมั่นคงจนกว่าศัตรู [ซาตาน] จะถูกบังคับให้ปลดปล่อยคนบาป นี่คือ [วิธีการที่พระเจ้าทรงประทาน] ในการปลดปล่อยเราออกจากอำนาจของซาตาน " (Arthur Wallis, God’s Chosen Fast, 2011 edition, p. 67) ผมอยากให้คนที่ได้ท่องข้อพระธรรมในมาลาคีแล้วมาท่องอิสยาห์ 58:6 ด้วย

เราจะอดอาหารอีกวันหนึ่ง นั่นคือวันเสาร์ที่กำลังจะมาถึงนี้ ผมอยากให้คุณจดจำข้อเหล่านี้เอาไว้และทำตาม


1. อดอาหารลับๆ (มากเท่าที่มากได้) อย่าเที่ยวไปบอกคนโน้นคนนี้ (แม้แต่ญาติพี่น้อง) ว่าคุณกำลังอดอาหาร

2. ใช้เวลามาอ่านพระคัมภีร์ เริ่มจากพระธรรมกิจการ (เริ่มตั้งแต่บทแรก)

3. ท่องจำอิสยาห์ 58:6 ในวันเสาร์ที่อดอาหารนี้

4. อธิษฐานขอพระเจ้าให้ทรงตอบคำอธิษฐานของเรา

5. อธิษฐานเผื่อพวกอนุชนที่ยังไม่ได้กลับใจ (โดยการเอ๋ยชื่อ) อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงกระทำต่อพวกเขาอย่างที่พระองค์ทรงตรัสใน อิสยาห์ 58:6

6. อธิษฐานของมห้ผู้ที่มาวันนี้ (วันอาทิตย์) เป็นครั้งแรกจะกลับมาอีกครั้งในวันอาทิตย์หน้า เอ๋ยชื่อของวกเขาทีละคน

7. อธิษฐานของพระเจ้าทรงสำแดงให้ผมรู้ว่าจะเทศน์อะไรในวันอาทิตย์ทั้งช่วงเช้าและเย็น

8. อธิษฐานเผื่อกลุ่มอธิษฐานที่เป็นอนุชนและเราเชิญเข้ามาร่วม (พวกเขามีสามคน) ไปพบ จอห์น ซามูเอล คาเกน หากคุณสนใจ

9. ดื่มน้ำให้ มากๆ ประมาณหนึ่งแก้วในทุกชั่วโมง คุณสามารถดื่มกาแฟได้ในตอนเช้า หากคุณดื่มมันทุกวัน แต่ห้ามดื่มเครื่องดื่มประเภทชูกำลังและอื่นๆ

10. ไปปรึกษาแพทย์ก่อนที่คุณจะอดอาหารหากคุณมีปัญหาด้านสุขภาพ (คุณสามารถไปพบ ดร. กรีนตัน ดร. ชาน หรือ ดร. จูดิธ คาเกนผู้อยู่ในคริสตจักรของเราก็ได้) ห้ามอดอาหารหากคุณมีโรคร้ายแรงเช่นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูง เพียงแค่ใช้เวลาวันเสาร์นนี้อธิษฐานเผื่อหัวข้อเหล่านี้ก็พอ

11. เริ่มอดอาหารหลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นของวันศุกร์ อย่าทานอะไรจนกว่าเราจะมาร่วมรับประทานอาหารเย็นในวันเสาร์ตอนเวลา 5:30

12. จำไว้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะต้องอธิษฐานคือขอให้พวกอนุชนในคริสตจักรของเราที่หลงหายได้กลับใจใหม่ - และอนุชนคนใหม่ๆเข้ามาร่วมนมสัการในช่วงเย็นและเข้าตลอดไป


แท้จริงแล้วองค์พระเยซูคริสต์เป็นผู้ที่จะปลดโซ่แห่งบาป ปลดภาระหนักแห่งบาป และช่วยผู้ที่กำลังถูกกดขี่โดยซาตานให้มีอิสระ และทำลายแอกหนักนั้น พระเยซูคริสต์เป็นผู้ทรงกระทำในสิ่งเหล่านั้น แต่เราจะต้องอธิษฐานและอดอาหารขอพระเจ้าทรงให้พระเยซูทรงประทานฤทธิ์อำนาจของพระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามาในคริสตจักรของเรา และประทานความรอดให้เราและการปลดปล่อยคนบาป! เราจะพิมพ์สำเนาของพระธรรมเทศนานี้ เพื่อนำกลับไปอ่านที่บ้าน ในวันเสาร์นี้อ่าน 12 ข้อข้างบนนี้ในแต่ละครั้งที่คุณอธิษฐาน

สุดท้ายผมจะกล่าวสักสองสามคำให้กับคนที่ยังไม่ได้กลับใจใหม่ พระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนชดใช้ความบาปของคุณ เพื่อให้คุณจะได้ไม่ถูกพิพากษาเพราะบาปของคุณ พระวรกายของพระเยซูทรงฟื้นคืนมาจากความตาย พระองค์ทรงทำอย่างนั้นเพื่อจะสามารถประทานชีวิตนิรันดร์ให้คุณ พระเยซูเสด็จกลับสู่สวรรค์ประทับ ณ พระหัตถ์ขวาของพระเจ้าในสวรรค์ชั้นที่สาม คุณสามารถมาเข้ามาหาพระองค์ได้โดยความเชื่อและพระองค์จะช่วยคุณให้รอดพ้นจากบาป! ขอพระเจ้าอวยพร อาเมน ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน

ข้างล่างคือเนื้อหั้กล่าวถึงต้นฉบับที่ชื่อ “ไซไนท์ติคัสที่ถูกนำมากล่าวไว้ในหัวข้อ “One Little Nail” on the “Puritan Board” blog, December 24, 2013.
http://www.puritanboard.com/showthread.php/81537-Sinaiticus-is-corrupt
ข้างล่างนี้คือประวัติศาสตร์ที่ทิเชนดอรฟ์ค้นพบต้นฉบับ Codex Sinaiticus:

"ในปี 1844 ในขณะที่กำลังเดินทางภายใต้การอุปถัมภ์ของเฟรเดอริออกัสตักษัตริย์แห่งแซกโซนีในการแสวงหาต้นฉบับพระคัมภีร์ ทิเชนดอรฟ์ได้เดินทางถึงคอนแวนต์เซนต์แคทเธอรีที่ตั้งอยู่บนภูเขาซีนาย ตอนนั้นท่านสังเกตเห็นเอกสารเก่าๆบางส่วนในตะกร้าเอกสาร เตรียมพร้อมสำหรับที่จะนำไปเผา ท่านจึงหยิบหนังสือเหล่านั้นขึ้นมาและพบว่าในนั้นมีหนังสือทั้งหมดสามสี่สิบเล่มที่ใช้ใบตามเขียนในฉบับของเซปตัวจินท์ ศัตรูบางคนที่ปกป้องพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์บอกว่า ต้นฉบับเหล่านี้ไม่ได้ถูกพบใน "ตะกร้า" แต่ก็เป็นอย่างนั้น เพราะนั่นถูกต้องตามบอกเล่าของทิเชนดอรฟ์ที่ว่า "ผมรับตะกร้าขนาดใหญ่และกว้างเต็มไปข้อเขียนบนแผ่นหนังเก่าๆ และบรรณารักษ์บอกว่ามีอีกสองกองเช่นนี้ แต่ได้ทิ้งลงในกองไฟไหม้หมดแล้ว ผมแปลกใจที่ได้ค้นพบหนังสือทเอกสารนี้ ... " (Narrative of the Discovery of the Sinaitic Manuscript, p. 23) จอห์น บาร์กอน เป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในช่วงที่ทิเชนดอรฟ์ค้นพบฉับบ Codex Sinaiticus และตังเขาเองยังเคยไปไปเยือนเองเซนต์แคทเธอรีเ และได้เป็นพยานถึงต้นฉบับนี้ "มันถูกบรรจุดในตะกร้าขยะแห่งคอนแวนต์." (The Revision Revised, 1883, pp. 319, 342)

ดังนั้นสำหรับผมแล้วดูเหมือนว่าบาทหลวงโธดอกซ์ไม่สรใจหนังสือเหล่านั้น และถือว่าไม่มีค่าและเก็บสะสมมันเป็นเวลานั้นแล้วควรจะถูกทิ้งออกไป แต่ทิเชนดอรฟ์กลับค้นพบความสำคัญ และส่งเสริมออกไปอย่างกว้างขวางและถือว่าเป็นฉบับที่น่าเชื่อถือมากกว่าหนังสือหลายร้อยหลายพันเล่ม ท่านสันนิฐานว่าอาจมาจากศตวรรษที่ 4 แต่เขาก็ไม่เคยพบหลักฐานใด ๆ ที่แน่จะมายืนยันความคิดนี้จนกระทั่งยุคต้นศตวรรษที่ 12

ลองมาข้อเท็จจริงเหล่านี้ที่เกี่ยวข้องกับฉับบ Codex Sinaiticus:

1. ฉบับไซไนติคัสเขียนโดยสามธรรมจารย์ที่แตกต่างกันออกไป ต่อมาก็มีการปรับปรุงแก้ไขโดยอีกหลายคน (นี่คือการให้การสังเกตุโดย H.J.M. Milne and T.C. Skeat of the British Museum, ซึ่งตีพิมพ์ที่ Scribes and Correctors of Codex Sinaiticus, London, 1938.) ทิเชนดอรฟ์นับฉบับดั้งเดิมนี้มีเท่ากับ 14,800 ฉบับที่มีดารดัดแปลงแก้ไข (David Brown, The Great Uncials, 2000) ดร. เอฟ เฮ็ช เอ สครีเวอร์ ผู้ที่เขียนเล่มที่ว่า A Full Collation of the Codex Sinaiticus in 1864 เป็นพยานว่า: "ฉบับ The Codex มีลักษณะที่แตดต่างกันออกไป – และถูกนำเก็บไว้ข้างในจากการแก้ไขที่แตกต่างกันออกไป นักเขียนสมัยใหม่ก็นำความคิดผสมผสานไปกับนักเขียนดั้งเดิม แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดคงจะอยู่ช่วงศตวรรคที่หกและเจ็ด” ดังนั้นจึงเป็นได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปหลายศตวรรคพวกธรรมจึงไม่คิดว่าที่จะเก็บฉบับดั้งเดิมเอาไว้เป็นแม่แบบที่สำคัญ ถึงปล่อยให้นักเขียนสมัยใหม่วิจารณเนื้อหาเหล่านั้นแบบเสียๆหาย

2. การที่เรารับรู้ว่าไม่สนใจต้นฉบับนั้น ก็เพราะเกิดจากการที่ปล่อยให้มีการแก้ไขมากจนเกินไป “Codex Sinaiticus จึงมีการดัดแปลงแก้ไขจนผิดเพี้ยนไป แทนที่จะยึดตามฉบับดั้งเดิม จากหลายกรณีอย่างเช่นคำเหล่านี้ 10, 20, 30, 40 ถูกลบออกไปแบบไม่ให้ความสำคัญ จดหมายและคำต่างๆ หรือแม้แต่ตลอดทั้งวรรคมีการเขียนทับซ้อมกัน หรือมีการลบออกไป ประโยคต่างๆกลับลงท้ายแบบเดี่ยวกัน เกิดขึ้นน้อยกว่า 115 ครั้งในพระคัมภีร์ใหม่” (John Burgon, The Revision Revised) นั่นชัดเจนแล้วว่าพวกธรรมที่คัดลอกฉบับ Codex Sinaiticus ไม่ใช่พวกที่สัตย์ซื่อต่อพระเจ้า ต้องยอมรับว่ารวมคำทั้งหมดในพระกิตติคุณที่ถูกตัดออกมีประมาณ 3,455 หากนำไปเปรียบเทียบกับฉบับภาษากรีกแก้ไขใหม่ (Burgon, p. 75)

3. มาระโก 16:6-20 ถูกตัดในฉบับ Codex Sinaiticus ฉบับดั้งเดิมกลับมีแต่ต่อมาก็ลบออก

4. Codex Sinaiticus ยังรวมถึงหนังสือเล่มต่างๆ เช่น (Esdras, Tobit, Judith, I and IV Maccabees, Wisdom, Ecclesiasticus) และบวกกับอีกสองฉบับนอกรีต นั่นคือจดหมายของบารนาบัส และผู้เลี้ยงแกะแห่งเฮอมาส วิวรณ์ของบารนาบัสที่ถือว่านอกรีตนั้น เพราะว่ามีการกล่าวว่าอับราฮัมรู้จักภาษากรีก และรับความรอดจากการรับบบัพติศมา ส่วนฉบับผู้เลี้ยงแกะแห่งเฮอมาสนั้นได้รับอิทธิพลจากพวกจีน๊อสติที่กล่าวถึง “พระวิญญาณของพระคริสต์” ลงมาหารพระองค์ ณ สถานที่รับบัพติศมา

5. สุดท้าย Codex Sinaiticus (กับฉบับบ Codex Vaticanus) แน่นอนว่าได้รับอิทธิพลจากพวกจีน๊อสติ ลองดูในยอห์น 1:18 “พระบุตรบังเกิดมา” เปลี่ยนไปเป็น “พระเจ้าบังเกิดมา” ดูเหมือนว่าพวกอาเรียนในสมัยโบราณนั้น ไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างพระเยซูคริสต์กับ .พระเจ้า นั่นคือระหว่าง “พระเจ้า” ในยอห์น 1:1 กับ “พระบุตร” ในยอห์น 1:18 เลย เราต่างก็รู้ดีว่าพระเจ้าไม่ได้บังเกิดมาเป็นมนุษย์ แต่พระบุตรต่างหากที่บังเกิดมา

หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร. ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ท่าน อาเบล พรูดโฮมมี: มาระโก 9:17-29.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย ท่าน เบนจามิน คินเคด กรีฟฟี่:
“I Would Be True” (Howard A. Walter, 1883-1918).