เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
หนังสือหลายเล่มและเล่มเดียว (บทเทศนาถึงการพิพากษาครั้งสุดท้าย) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 25 เดือนมกราคม ค.ศ. 2015 ณ “ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาผู้ที่ตายแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และหนังสือต่าง ๆ ก็เปิดออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามที่เขาได้กระทำ ทะเลก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่ตายในทะเล ความตายและนรกก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่อยู่ในที่เหล่านั้น และคนทั้งหลายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตนหมดทุกคน แล้วความตายและนรกก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ นี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง” (วิวรณ์20:12-14). |
ตอนที่ผมและภรรยาแต่งงานกันใหม่ๆเราก็เดินทางไปเที่ยวที่อิสราเอล ขากลับเราแวะไปเที่ยวในกรุงโรมได้ประมาณสองสามวัน ส่วนสถานที่อื่น ๆ นั้นเราก็ไปเที่ยวชมสำนักวาติกัน กับวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่สมเด็จพระสันตะปาปาประทับ และสถานที่อื่นๆที่มีการจัดศิลปะต่างๆที่ได้มาจากศตวรรษ ผมคิดอยู่เสมอที่อยากจะเห็นภาพบนเพดานโบสถ์ซิสไทน์ หนึ่งในภาพวาดนั่นวาดโดย ไมเคลเอนเจโล (1475-1564) และนี่ก็เป็นภาพศิลปะหนึ่งที่สวยงามที่สุดในโลก ภาพเหล่านั้นล้วนแสดงให้เห็นถึงเรื่องราวที่กล่าวเอาไว้ในพระคัมภีร์ เช่นการทรงสร้างมนุษย์ การทำบาปของมนุษย์ บรรพบุรุษของเราถูกขับออกจากสวนเอเดน และเรื่องอื่น ๆ ที่อยู่ในพระคัมภีร์ บนเพดานของโบถส์แห่งนี้ถูกต่อแต่งด้วยภาพเหล่านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาได้ให้ ไมเคลเอนเจโลวาดภาพเกี่ยวกับการพิพากษาครั้งสุดท้ายเอาไว้ที่หน้ากำแพงโบสถ์ มันเป็นภาพที่น่ากลัวที่แสดงให้เห็นถึงการลงโทษของพระเจ้าให้กับคนที่ไม่เชื่อให้ตกอยู่ในนรก มีภาพหนึ่งแสดงถึงใบหน้าของคนๆหนึ่งอยู่ในเปลวไฟนรก เขามองออกมาด้วยสายตาที่ชวนสยดสยองยิ่งนัก ผมยืนมองไปที่ภาพสีและมันใหญ่มากซึ่งกล่าวถึงการพิพากษาในครั้งสุดท้าย ผมยังสงสัยว่าจะมีสักกี่ครั้งที่สมเด็จพระสันตะปาปาหรือพระคาร์ดินัล ที่ยืนอยู่ต่อหน้างภาพวาดนี้ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา มีการเทศนาถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายนี้หรือไม่ ผมไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนที่เทศน์ถึงเรื่องนี้! นอกจากนี้คริสตจักรแบ๊บติสและโปรเตสแตนต์ของเราก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านั้น ความจริงแล้วเราแย่ยิ่งกว่านั้นอีก เพราะสมัยก่อนนั้นอย่างน้อยพวกเขายังวาดภาพเพื่อเตือนผู้คนถึงเรื่องการพิพากษา ถ้านั่นเป็นหนึ่งในคริสตจักรของแบ๊บติส พวกผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าฝ่ายระวีวาระศึกษาหรือพวกปกครองด้านคริสเตียนศึกษา พวกเขาต้องบอกว่านั่นเป็นภาพที่รุนแรงน่ากลัวเกินไปสำหรับเด็กที่จะเห็น ต้องมีบ่ายวันหนึ่งในขณะที่ศิษยาภิบาลเดินเข้าไปในห้อง คงต้องเห็นพวกว่าผู้หญิงเหล่านี้สั่งให้คนนำสีขาวมาทาทับลงไป! บนภาพวาดบนฝาผนังในโบสถ์ชซิสไทน์ของ ไมเคลเอนเจโล ที่กล่าวถึงการพิพากษาครั้งสุดท้ายที่มีอายุนานกว่า 450 ปี ผมสงสัยว่าพวกผู้หญิงที่สอนระวีในวันอาทิตย์ของคริสตจักรแบ๊บติส! หรืออีเวนเจลิคอลคงปล่อยทิ้งไว้ไม่เกินสี่ปี! คุณคิดว่าผมต่อว่าแบ๊บติสและคริสตจักรอีเวนเจลิคอล์หนักเกินไปหรือเปล่า? สำหรับผมแค่นี้ยังหนักไม่พอ!!! ครั้งสุดท้ายไหนที่คุณได้ยินศิษยาภิบาลของแบ๊บติสเทศนาเกี่ยวกับนรก? ครั้งสุดท้ายไหนที่คุณได้ยินศิษยาภิบาลของอีเวนเจลิคอล์และคาริสเมติเทศนาเกี่ยวกับนรก? ไม่แปลกใจเลยที่เราไม่เคยรับประสบการณ์แห่งการฟื้นฟูทั่วประเทศมานานกว่า 150 ปี! ดร. มาร์ติน ลอยด์โจนส์เป็นนักเรียนที่ดีและมีชื่อเสียงทางด้านการฟื้นฟู ท่านกล่าวว่า "... จนกระทั่งชายและหญิงในคริสตจักรของคริสต์ศาสนามีความถ่อมตน และเผชิญกับความตกต่ำและตกลงบนโลกต่อหน้าความบริสทธิ์และความชอบธรรมนี้ เพราะพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงพระพิโรธ เราจึงมองไม่เห็นความหวังใดเกี่ยวกับการฟื้นฟูเลย" (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Revival, Crossway Books, 1987, p. 42) นั่นคือเหตุผลที่นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่นี้กล่าวว่า "ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปลุกคุณให้รู้สึกกลัวนรก การคร่ำครวญทุกข์ทรมานไปชั่วนิรันดร์ ดั่งเช่นคนจำนวนมากที่ได้ยินพระกิตติคุณ แต่ไม่มีใคร ... ที่จะละทิ้งโลกและมาเชื่อพระกิตติคุณหมดทั้งหัวใจ (Lloyd-Jones, Evangelistic Sermons, The Banner of Truth Trust, 1990, p. 161) แน่นอนว่าคนที่รู้จักประวัติศาสตร์ของคริสเตียน ต้องรู้จักชื่อของ จอห์น เวสลีย์! เวสลีย์ (1703-1791) พวกเราเรียกท่านว่า "ปุโรหิตแห่งเอพิสโคปาเลียน" แต่พระเจ้าทรงใช้เขาเหมือนเป็นหนึ่งในผู้นำของการฟื้นฟูแห่งชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ฟังสิ่งที่ จอห์น เวสลีย์ กล่าวเกี่ยวกับนรก "คนชั่วร้าย ... จะลงนรกและรวมถึงคนที่ลืมพระเจ้า พวกเขาจะถูก 'ลงโทษด้วยการทำลายให้พ้นจากพระพักตร์ของพระเจ้าตลอดไป และจากสง่าราศีแห่งอำนาจของพระองค์' พวกเขาจะถูกโยนลงไปใน 'บึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน' ซึ่งดั้งเดิมนั้น 'เตรียมไว้สำหรับพญามารและสมุนของมัน' ที่ๆพวกเขาจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เจ็บปวด พวกเขาจะสาปแช่งด่าพระเจ้าและมองไปยังเบื้องบน สุนัขแห่งนรก- ความเจ็บใจ ความอาฆาตพยาบาท การแก้แค้น ความโกรธ ความกลัว ความสิ้นหวัง – สิ่งเหล่านี้กัดกินพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ‘ที่นั่นไม่มีการพักผ่อนไม่มีกลางวันหรือกลางคืน แต่การทรมานจากปลิวไฟที่พลุ่งออกมาเป็นนิจกาล!' ที่นั่นมี 'หนอนก็ไม่ตายและไฟก็ไม่ดับ’” (John Wesley, M.A., “The Great Assize,” The Works of John Wesley, volume V, Baker Book House, 1979 edition, p. 179) ในช่วงเวลาที่เวสลีย์เสียชีวิตนั้น มีคริสเตียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่านในคณะเมทออดิสประมาณแปดพันคน (ibid., p. 45) ในปี 1834 ท่านมีสมาชิก 619,771 คน นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไม่กลัวที่จะสอนเกี่ยวกับนรก เช่นเดียวกับการกลับใจที่แท้จริงที่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนที่จะเข้าสู่แผ่นดินสวรรค์ คริสตจักรเมธอดิสในทุกวันนี้เต็มไปด้วยฝุ่นไร้สมาชิก เพราะพวกเขาละทิ้งหลักศอนต่างๆของ เวสลีย์ ไปนานมาแล้ว! พวกเขาจะต้องกลับไปที่หลักคำสอนของ เวส ลีย์ เพื่อช่วยกู้คณะนี้ให้ฟื้นกลับคืนมา แต่อย่าพึ่งดีใจ โบราณกล่าวไว้ว่า คนที่กบฏก็จะกบฏอยู่เรื่อยไป! ตอนนี้ลองมาฟัง สเปอร์เจียน ดูบ้าง ดร. จอห์น บราวน์ พูดถึง สเปอร์เจียน ตอนที่ท่านบรรยายที่มหาวิทยาลัยเยลในปี 1899 ท่านยกย่องการทำพันธกิจของ สเปอร์เจียน ว่า "ประสบความสำเร็จอย่างหาที่จะเปรียบไม่ได้ในประเทศอังกฤษนับตั้งแต่ยุคของไวท์ฟิลด์และเวสลีย์" ดร. ดับบริว เอ คริสเวลล์ ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งศิษยาภิบาลที่คริสตจักรแบ็บติสที่หนึ่งในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส ท่านยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นประธานของแบ๊บติสใต้สองสมัยด้วยกัน ท่านกล่าวว่า "สเปอร์เจียนเป็นหนึ่งในนักเทศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล และคำสอนของท่านใช้ได้ให้กับคนทุกเพศทุกวัยทุกเวลา" ตอนนี้ลองมา สเปอร์เจียนเทศนาถึงนรก "การพิพากษาครั้งนี้จะโยนทั้งร่างกายและจิตวิญญาณลงไปในบึงไฟนรก ... นรกเป็นสถานที่ๆพระเจ้าไม่ทรงสถิตอยู่ – สถานที่ๆแห่งการพัฒนาการของบาป เป็นสถานที่สยดสยองและเลวทราม - สถานที่ๆพระเจ้าลงอาญาทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะมนุษย์ถูกลงโทษทั้งกลางวันและกลางคืน - สถานที่ๆไม่เคยนอนหลับพักผ่อนหรือมีความหวัง – เป็นสถานที่ๆไม่มีน้ำแม้แต่หยดเดียว แต่ไฟที่เผาผลาญลิ้น – เป็นสถานที่ ๆไม่สามารถพบกับสันติสุข เป็นสถานที่ๆไฟไม่มีวันดับ เป็นสถานที่ๆไม่มีการปลอบใจ – เป็นสถานที่ๆพระกิตติคุณถูกปฏิเสธ เป็นสถานที่ๆไร้ความเมตตาปราณี ... เป็นสถานที่ๆมีแต่ความโกรธและการเผาไหม้ – เป็นสถานที่เกลียดชังที่ยากเกินการจินตนาการ ขอพระเจ้าทรงช่วยคุณอย่าให้ได้เห็นสถานที่แห่งนี้เลย ... ความตาย คนบาปและไม่อาจที่จะบินพ้นจากนรกนั้นได้ พระองค์ทรงหายไปแล้วเป็นนิรันดร์ ... คิด! คิด! คำเตือนนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณได้ยิน (C. H. Spurgeon, “The First Resurrection,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, volume VII, Pilgrim Publications, 1986 reprint, p. 352) ผมจะกล่าวต่อไปพร้อมกับนำบางคำถามเกี่ยวกับนรกจากลูเทอร์ บันยัน เอ็ดเวิร์ด ไวท์ฟิลด์ มูดี้ ดร. จอห์น อา ไรซ์ และนักเทศน์คนอื่น ๆ จากทุกเพศทุกวัยในแต่ละยุคสมัย แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ ผมจะบอกคุณอย่างง่ายๆว่าศิษยาภิบาลท่านไหนที่ไม่เคยเทศน์เกี่ยวกับนรก เป็นผู้รับที่ไม่สัตย์ซื่อ ไม่ยืนหยัดอยู่บนความจริงแห่งพระวจนะ และเป็นคนที่ทุกคนไม่ควรจะฟัง ทำไมล่ะ? เพราะเขาไม่ได้เทศน์ตาม "พระดำริของพระเจ้า" (กิจการ 20:27) เขาไม่เทศน์เหมือนอย่างเปาโลหรือเปโตรหรือพระเยซูคริสต์เอง - ผู้ซึ่งเทศนาสั่งสอนเกี่ยวกับการพิพากษาและนรกมากกว่าคนอื่นๆตามที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ อย่าไปฟังนักเทศน์จอมปลอม! ถ้าคุณไม่ไว้ใจพวกเขาเกี่ยวกับการพิพากษาและนรก แล้วคุณจะไปวางใจในเรื่องอื่นได้อย่างไรกัน ตอนนี้หันกลับมาที่พระวจนะ กรุณายืนขึ้นและอ่านอีกครั้งหนึ่ง “ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาผู้ที่ตายแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และหนังสือต่าง ๆ ก็เปิดออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามที่เขาได้กระทำ ทะเลก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่ตายในทะเล ความตายและนรกก็ส่งคืนคนทั้งหลายที่อยู่ในที่เหล่านั้น และคนทั้งหลายก็ถูกพิพากษาตามการกระทำของตนหมดทุก คนแล้วความตายและนรกก็ถูกผลักทิ้งลงไปในบึงไฟ นี่แหละเป็นความตายครั้งที่สอง” (วิวรณ์20:12-14). พวกคุณนั่งลงได้ กรุณาเปิดพระคัมภีร์ของคุณไว้ตรงนี้ นี่เรียกว่า "การพิพากษาครั้งสุดท้าย" เพราะไม่มีการพิพากษาหลังจากนั้นอีก มันเป็นครั้งสุดท้าย พระคริสต์จะนั่งอยู่บนบัลลังก์ใหญ่สีขาว กิจการ 17:31 และพระคัมภีร์เล่มอื่น ๆ บอกเราว่าพระคริสต์จะเป็นผู้พิพากษา พระเยซูคริสต์จะไม่เป็นพระผู้ช่วยให้รอดอีก เวลาแห่งความรอดผ่านพ้นไปแล้ว พระเยซูคริสต์จะไม่ช่วยกู้คนบาปอีกต่อไป ตอนนี้พระองค์จะพิพากษาคนบาปที่หลงหายไป การพิพากษาครั้งนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าใครรอดหรือไม่รอด ถ้าคุณตายไปในสภาพที่ยังเป็นคนบาปหรือยังไม่เชื่อ คุณจะถูกพิพากษาในครั้งนี้ ในข้อ 12 พูดเฉพาะให้กับคนตายที่ไม่ได้รับความรอด ดังนี้ว่า “ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาผู้ที่ตายแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และหนังสือต่าง ๆ ก็เปิดออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามที่เขาได้กระทำ” (วิวรณ์ 20:12) พระวจนะบอกเราชัดเจนว่าจะมี "หนังสือหลายเล่ม" และ "หนังสือแห่งชีวิต" "หนังสือนี้" เป็นการบันทึก "ผลงาน" ฅลอดในช่วงชีวิตของคุณ "ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ [จะ] ยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้า" (20:12) คนรวยและคนมีชื่อเสียงจะอยู่ที่นั่น "เด็ก" จะอยู่ที่นั่นด้วย บุคคลที่ไม่เชื่อไม่สามารถหนีพ้นการพิพากษานี้ คนตายที่ไม่ได้รับความรอด ทั้งหมดจะยืนอยู่ต่อหน้าพระคริสต์เพื่อรับการพิพากษา บรรดาผู้ที่จมอยู่ในน้ำหรือถูกฝังอยู่ในทะเล พระเจ้าก็จะทำให้ร่างกายเหล่านั้นกลับคืนมาเพื่อรับการพิพากษานี้ หลุมฝังศพบนโลกจะส่งร่างกายของพวกเขากลับคืนมา และนรก (แดนคนตาย) สถานที่ๆวิญญาณของผู้ไม่เชื่ออาศัยอยู่ คนตายเหล่านี้จะ "ฟื้นคืนกลับมา" วิญญาณและร่างกายของพวกเขาจะกลับเข้ามาด้วยกันอีกครั้ง เพื่อมายืนอยู่ต่อหน้าพระที่นั่งใหญ่สีขาว ไม่มีปัญหาสำหรับพระเจ้าที่จะทำการนี้ พระองค์ทรงฤทธิ์ ตอนนี้ลองฟังข้อ 12 อีกครั้ง “ข้าพเจ้าได้เห็นบรรดาผู้ที่ตายแล้ว ทั้งผู้ใหญ่และผู้น้อย ยืนอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า และหนังสือต่าง ๆ ก็เปิดออก หนังสืออีกม้วนหนึ่งก็เปิดออกด้วย คือหนังสือแห่งชีวิต และผู้ที่ตายไปแล้วก็ถูกพิพากษาตามข้อความที่จารึกไว้ในหนังสือเหล่านั้น ตามที่เขาได้กระทำ” (วิวรณ์ 20:12) ถ้าชีวิตนี้ของคุณในขณะที่อยู่บนโลกนี้ยังไม่ได้ความรอด คุณจะได้รับการพิพากษา "ออกจากสิ่งที่ถูกเขียนไว้ในหนังสือตามการกระทำ ของ [คุณ]" ตามทุกอย่างที่คุณเคยทำเอาไว้ในชีวิตนี้ ดร. เจเวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า "ชายคนหนึ่งในขณะที่นอนรอความตายอยู่บนเตียงของเขา บอกผมว่า 'อาจารย์ คุณไม่จำเป็นบอกผมเกี่ยวกับอนาคต ผมจะใช้โอกาสของผมเอง ผมเชื่อว่าพระเจ้าทรงชอบธรรมจะเมตตาและให้ผมรอดโดยจากสิ่งที่ผมเคยทำดีเอาไว้" ดร. แมคกี้ ตอบว่า "คุณพูดถูก พระองค์ทรงชอบธรรมและจะให้คุณมีโอกาสเสนอผลงานของคุณแด่พระองค์ นั่นคือสิ่งที่พระองคทรงตรัสว่า พระองค์จะทำอย่างนั้น แต่ผมมีข่าวหนึ่งให้คุณ การพิพากษาครั้งนี้จะไม่มีใครรอด เพราะคุณไม่สามารถรอดโดยอาศัยผลงานของคุณ ... ผลงานเล็ก ๆ ของคุณช่วยคุณอะไรไม่ได้ " (Thru the Bible, volume V, Thomas Nelson Publishers, 1983, p. 1060; note on Revelation 20:11) ใช่ คุณจะได้รับ "ความยุติธรรม" ตามทางนั้น "หนังสือหลายเล่ม" ได้บันทึกทุกอย่างที่คุณได้ทำในชีวิตนี้ ดร. แมคกี้ ได้เปรียบเทียบ "หนังสือหลายเล่ม" นี้ว่าเป็นวิดีโอเทปแห่งชีวิตของคุณ ท่านกล่าวว่า "ชีวิตของคุณอยู่ในเทปม้วนนี้และพระคริสต์ทรงบันทึกเทปนี้เอาไว้ ตอนที่พระองค์ทรงเปิดเทปนี้ คุณสามารถฟังได้ [และดูมัน] และมันดูอาจจะไม่ดีให้กับคุณนัก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม คุณยินดีที่จะยืนอยู่ต่อหน้าพระเจ้าให้พระองค์เปิดเทปแห่งชีวิตของคุณนี้หรือไม่? ผมคิดว่าพระองค์จะเปิดบนหน้าจอโทรทัศน์เพื่อให้คุณสามารถดูได้อย่างชัดเจน คุณคิดว่าชีวิตของคุณสามารถยืนอยู่ต่อการทดสอบนี้หรือไม่ กับคุณผมไม่ทราบ แต่กับผม [จะ] ไม่ให้มีอย่างนั้นแน่นอน ... ซามูเอล จอห์นสัน [ในพจนานุกรม] ได้กล่าวว่า "ทุกคนรู้ตัวดี จนเขาไม่กล้าแม้ที่จะบอกเพื่อนรักของเขา' คุณรู้ตัวคุณเองดีใช่หรือไม่? คุณรู้ในสิ่งที่คุณได้กลบเกลื่อนมันอยู่ และไม่อาจเปิดเผยได้ในโลกนี้ [พระเจ้า] จะนำสิ่งเหล่านั้นออกมาเพื่อรับการพิพากษา ในขณะที่คุณกำลังนำเสนอ [ผลงานดี] ของคุณนั้น ณ เวลานี้พระองค์ก็จะบอกคุณเกี่ยวกับตัวคุณเองเช่นกัน" (McGee, ibid.) จากนั้น ดร. แมคกี้ กล่าวต่อว่า "บัลลังก์พิพากษาสีขาวเป็นการพิพากษาของที่หลงหาย มวลชน [คน] ต้องรับการพิพากษาตามผลงานของพวกเขาเอง นี่คือโอกาสของพวกเขา การพิพากษานี้เที่ยงธรรม แต่ไม่มีใครรอดโดยอาศัยเพียงแค่การทำงาน [ทำดี]" (ibid.) ขอให้สังเกตตอนพระเจ้าทรงตรัสใน "หนังสือเล่มต่างๆ" และจากนั้นทรงตรัสเอาไว้ใน "หนังสือแห่งชีวิต" "หนังสือแห่งชีวิต" บันทึกชื่อของผู้เชื่อทุกคนที่รอดโดยพระเยซู ทุกคนที่ได้รับ "การทรงไถ่ไปที่พระเจ้า โดยโลหิตของ [พระคริสต์]" ในชีวิตนี้ (วิวรณ์ 5: 9) พระโลหิตของพระเยซูคริสต์ทรงชำระล้างให้สะอาดจากบาปของพวกเขา ตอนที่พวกเขาวางใจพระเยซูในโลกนี้ นั่นคือคนที่มีชื่ออยู่ใน “หนังสือแห่งชีวิต” นั่นเฉพาะคนที่สามารถร้องเพลงสรรเสริญ "พระองค์ผู้ทรงรักเราทั้งหลาย และได้ทรงชำระบาปของเราด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง" (วิวรณ์ 1: 5) นั่นเฉพาะผู้ที่ได้รับความรอดโดยพระเยซูในชีวิตนี้ และได้รับการชำระล้างโดยพระโลหิตของพระองค์ในชีวิตนี้ เฉพาะผู้ที่มีชื่ออยู่ใน "หนังสือแห่งชีวิต" โปรดให้รู้ว่ามี "หนังสือแห่งชีวิต" เพียงเล่มเดียว - แต่มี "หนังสือหลายเล่ม" หรือจำนวนมากที่บันทึกความผิดบาปของผู้ที่ไม่ได้รับการช่วยกู้! ผมจำได้ว่าได้ยินนักเทศน์คนหนึ่งพูดว่า "มี 'หนังสือ' หลายเล่ม เป็นเพราะคนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อพระเจ้า แต่มี 'หนังสือแห่งชีวิต' เพียงเล่มเดียว เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่รอด" ลองดูต่อไปที่ข้อสิบห้า “และผู้ใดที่ไม่มีชื่อจดไว้ในหนังสือแห่งชีวิต ผู้นั้นก็ถูกทิ้งลงไปในบึงไฟ” (วิวรณ์ 20:15) "บึงไฟ" เป็นนรกนิรันดร์ ทรมานนิรันดร์ ความทุกข์ทรมานนิรันดร์ พระเยซูคริสต์ทรงกล่าวว่ามีอยู่สองทางและทุกคนจะต้องเดินตามหนึ่งในสองเส้นทางนี้ พระองค์ตรัสว่า “จงเข้าไปทางประตูแคบ เพราะว่าประตูใหญ่และทางกว้างนั้นนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” (มัทธิว 7:13-14) พระคริสต์ทรงตรัสว่า "มีน้อยคนที่พบเจอ [ทางที่ถูกต้อง] ที่นำไปสู่ชีวิต" "มีน้อยคนที่พบ" คนส่วนน้อยที่มีชื่ออยู่ใน "หนังสือแห่งชีวิต"? ทางเดียวที่จะหนีพ้นจากการพิพากษาและนรก – ทางเดียว - คือวางใจในพระเยซูตอนนี้และในชีวิตนี้ หันกลับจากบาปของคุณและหันมาที่พระเยซู! พระคัมภีร์กล่าวว่า "จงหันกลับ จงหันกลับจากทางชั่วของเจ้า โอ วงศ์วานอิสราเอลเอ๋ย เจ้ายอมตายทำไม? "(เอเสเคียล 33:11) ในหนังสือกิจการ "คนเป็นอันมากได้เชื่อและหันกลับมาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า" (กิจการ 11:21) หันจากความเห็นแก่ตัว ทางบาปของคุณ - และหันไปที่พระเยซู “ในพระเยซูนั้น เราได้รับการไถ่โดยพระโลหิตของพระองค์ คือได้รับการอภัยโทษบาปของเรา โดยพระคุณอันอุดมของพระองค์” (เอเฟซัส 1:7). โลหิตของพระเยซูกลบเกลื่อนบาปทั้งหมดของคุณ ดังนั้น พระเจ้าทรงมองไม่เห็นบาปเหล่านั้นอีก! พระธรรมโรมกล่าวว่า “คนทั้งหลาย...กลบเกลื่อนบาปของเขาแล้วก็เป็นสุข” (โรม 4:7) โลหิตของพระเยซูจะ "กลบเกลื่อน" ความผิดบาปของคุณเพื่อพระเจ้าจะไม่เห็นบาปนั้นอีก! และโลหิตของพระเยซูจะชำระล้างความผิดบาปของคุณเพื่อพระเจ้าจะมองไม่เห็นพวกมันอีก! พระธรรมโรมกล่าวอีกว่า “บัดนี้เราจึงเป็นคนชอบธรรมแล้วโดยพระโลหิตของพระองค์ ยิ่งกว่านั้น เราจะพ้นจากพระพิโรธโดยพระองค์” (โรม 5:9) และในวิวรณ์ 1: 5 กล่าวว่าผู้ที่ไดรับความรอดแล้ว รอดเพราะพระเยซูทรงรักเรา และ "ล้างบาปของเราในโลหิตของพระองค์เอง"! สรรเสริญพระนามของพระเยซู! ดร. มาร์ติน ลอยด์ โจนส์ นักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเวลส์กล่าวไว้ว่า การแก้ปัญหาทั้งหมดในโลก ไม่มีวันที่จะเพียงพอที่จะกำจัดคราบความผิดของฉัน แต่นี่คือโลหิตของพระบุตรของพระเจ้าชำระบาปให้สะอาดสะอ้านไม่มีที่ติและฉันรู้สึกว่ามีฤทธิ์อำนาจมาก พระเจ้า บาปของฉันนั้นมีมากดั่งเช่นเม็ดทรายในทะเล คุณพูดอย่างนั้นได้หรือไม่? เช้านี้คุณสามารถพูดอย่างนั้นได้หรือไม่? ความผิดบาปของคุณได้ถูกล้างออกไปโดยพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งบนไม้กางเขนหรือยัง? จงมาที่พระองค์โดยความเชื่อและพระองค์จะทำให้คุณสะอาดในสายพระเนตรของพระเจ้า! ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: วิวรณ์ 20:11-15. |