เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ทำไมอเมริกาถึงไม่อยู่ในการทำนายของพระคัมภีร์
|
“เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” ดร. ซื เฮช เกล์ กล่าวว่านั่นหมายถึง "จะผ่านคนใดคนหนึ่งไปโดยที่ไม่มีการเตือน ไม่มองไปที่ความผิดของเขาหรือลงโทษเขา" (Keil และ Delitzsch) แต่ ดร. จอห์น กิลล์ อธิบายออกมาในความหมายเกี่ยวกับการพิพากษา "ตอนนี้ถึงวาระสุดท้ายของพวกเขา" (John Gill) ดร. ชาร์ลส์ จอห์น เอลลิคอ เพิ่มเติมว่า "จะมาในเวลาดูเหมือนว่าการอธิษฐานนั้นไม่มีประโยชน์ การขัดขวางต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามเวลานั้นความรักหรือกระตือรือร้นที่มีก็จะสายเกินไป ประตูแห่งความเมตตาถูกปิดลง" (Ellicott’s Commentary on the Whole Bible) และแมทธิว เฮนรี่ นำข้อนี้ไปประยุกต์ใช้ดังนี้ "ความอดทนของพระเจ้าที่ต่อต้านบาปนานๆนั้น จะ...ทำบาปต่อไป และเวลาจะมาถึงเมื่อผู้ที่มีชีวิตจะไม่มีชีวิตอีกต่อไป จิตวิญญาณของเราจะไม่พยายามอีกต่อไป หลังจากนั้นวันแห่งการลงโทษการจะมา" (Matthew Henry’s Commentary) อาโมสกล่าวว่ากษัตริย์เยโรโบอัมจะสิ้นพระชนม์ด้วยดาบ และชนชาติอิสราเอลจะตกไปเป็นเชลยและเป็นทาสในอัสซีเรีย อาโมสกล่าวว่าพระเจ้าทรงตรัสให้กับเขาว่า "เราจะไม่ผ่านเขาไปอีก" นั่นคืออย่างนั้น! ผ่านพวกเขาไปแล้ว! มันก็สายเกินไปที่จะกลับใจแล้ว! สายเกินไปที่จะอธิษฐาน! สายเกินไปที่จะช่วยกู้ชนชาติอิสราเอล! การพิพากษาของพระเจ้าคือครั้งสุดท้าย – “พระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า วันสิ้นสุดมาถึงอิสราเอลประชาชนของเรา...เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” (อาโมส 8:2) ข้อนี้สามารถนำไปใช้ได้สองทาง ประการแรก ใช้ให้กับชนชาติใดชนชาติหนึ่งใช้ให้กับชนชาติอิสราเอล พระเจ้าตรัสว่า “เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” ประการที่สองประยุกต์ใช้ให้กับส่วนบุคคล ให้กับอเมสิยาห์ผู้เป็นปุโรหิตปลอมที่คอยต่อต้านอาโมส พระเจ้าตรัสว่า "ตัวท่านเองจะสิ้นชีวิตในแผ่นดินที่ไม่สะอาด และอิสราเอลจะต้องตกไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตนเป็นแน่” (เอมัส 7:17) นั่นคือการพิพากษาให้กับประเทศชาติ - และการพิพากษาให้กับส่วนบุคคลด้วย “เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” I. ประการแรก พระธรรมข้อนี้ประยุกต์ให้กับประเทศอเมริกาและประเทศตะวันตก “เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” (อาโมส 8:2) บางคนพูดว่า "ดร. ไฮเมอร์ส คุณแน่ใจแล้วหรือ? "ใช่ ผมมั่นใจ! เราได้กระทำบาป และอยู่ห่างจากพระคุณและเราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย ผมรู้สึกแน่ใจว่าจะต้องเกิดขึ้นให้กับอเมริกา! ผมได้อ่านบทความที่เขียนโดยแบ๊บติสต์อิสระท่านหนึ่ง เขาเป็นคนที่ฉลาด ท่านกล่าวหลายได้อย่างถูกต้อง บางครั้งท่านมีความคิดที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ แต่เขาผิดตรงที่เอาอเมริกาไปเปรียบเทียบกับประเทศตะวันตกอย่างประเทศอังกฤษก่อนยุคการฟื้นฟูใหญ่ ผมกำลังตอบเขา เพราะว่าเขาให้ความหวังผิดๆอย่างที่ผมได้ยินคนอื่นให้กัน - และจำเป็นที่จะต้องตอบความหวังที่ผิดนี้ – เงื่อนไขบาปในประเทศอังกฤษนั้นไม่ได้หยุดการฟื้นฟูใหญ่ (ฟื้นฟูเวสลีย์ / ไวท์ฟิลด์) ดังนั้น (เขาให้เหตุผล) ว่าบาปของอเมริกาและประเทศตะวันตกจะไม่หยุดพระเจ้าให้ส่งการฟื้นฟูให้กับประเทศของเราและพันธมิตรของเราบล็อคชาวแบ๊บติสจบบทความของเขาโดยกล่าวว่า "ให้เราอธิษฐานและทำงานไปจนถึงสุดท้ายและวิงวอนพระเจ้าให้นำ [การฟื้นฟู] ลงมา" สำหรับผมนี่เป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ ทั้งชีวิตของผมได้ยินแต่เรื่องอย่างนี้ ผมเชื่อว่าเขาไม่จริงจัง หรอก เขาบอกว่าให้อธิษฐาน เขายินดีที่จะอธิษฐานตลอดทั้งคืนเหมือนอย่าพวกเมโทดิสยุคแรกหรือเปล่า? คริสตจักรของเขาจะทำเช่นนั้นหรือเปล่า? เขาทราบหรือเปล่าว่ามีคริสตจักรอื่นทำเช่นด้วยหรือไม่? พวกเขาอดอาหารและอธิษฐานเหมือนไวท์ฟิลด์และคนของเวสลีย์หรือไม่? คริสตจักรของเขาถูกเรียกว่าพวกอดอาหารหรือไม่? เขารู้ได้อย่างไรกันว่ายังมีคริสตจักรอื่นที่อดอาหาร? เขาเคยเทศนาต่อต้าน "การตักสินใจนิยม" และกล่าวอย่างชัดเจนว่าพวกแบ็บติสต์อิสระส่วนใหญ่ยังหลงหาย และไม่เคยกลับใจใหม่ และไม่เคยบังเกิดใหม่อีกครั้ง – เหมือนอย่างที่ไวท์ฟิลด์และเวสลีย์ทำกับสมาชิกในคริสตจักรหรือไม่? แล้วศิษยาภิบาลของเขาทำเช่นนั้นด้วยหรือเปล่า? เขารู้หรือเปล่าวามีพวกแบ๊บติสอิสระหรือศิษยาภิบาลแบ๊บติสใต้ ใครล่ะที่ทำเช่นนั้น? เขารู้หรือเปล่าว่ามีศิษยาภิบาลสักคนหนึ่งที่เต็มใจจะปิดคริสตจักรของเขาลง เหมือนเวสลีย์และไวท์ฟิลด์เป็นกัน? เขารู้หรือเปล่าว่ายังมีศิษยาภิบาลคนทำอย่างนั้นด้วย? ตัวเขาเองเป็นอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า? ทุกวันนี้นี่คือการเทศนาที่ควรต้องมีในการฟื้นฟูจริง เขารู้ว่ามีนักเทศน์คนอื่นๆทำเช่นนั้นด้วยหรือไม่? อย่าบอกผมถึงพอล วอเชอร์! การเทศนาของเขายังไม่ได้ครึ่งตามที่ต้องการ! แล้วเพื่อนบล็อกเกอร์ของเรากล่าวว่า "ขอให้เราอธิษฐานและทำงานจนถึงสุดท้าย" [ฟื้นฟู] งานอะไรที่อยู่ในใจของเขา? ความจริงอย่างหนึ่งที่ เจอรี่ ฟาเวลล์ กล่าวเอาไว้ เจอร์รี ฟาเวลล์กล่าวว่า "การทำแท้งเป็นบาประดับชาติในอเมริกา" ใช่ เจอร์รี ฟาเวลล์ กล่าวถูกต้องทีเดียว! แน่นอนนายบล็อกเกอร์กพูดว่า "ทำงานให้ถึงที่สุด" นั่นรวมถึงการทำงานที่รวมถึงการหยุดฆ่าทารกในครรภ์! คุณเคยทำแบบ "ทำให้ถึงที่สุด" อย่างท่านบล็อกเกอร์กหรือไม่? คุณรู้หรือเปล่าว่ามีผู้รับใช้คณะแบ๊บติสต์ที่ได้เคยทำแบบ "ทำให้ถึงที่สุด?" คุณเคยรู้หรือเปล่าว่ามีผู้รับใช้คริสตจักรแบ๊บติสใต้คนไหนที่จบการเทศนาโดยกล่าวถึงคลินิกทำแท้ง? คุณรู้หรือไม่วามีคนที่ "ทำให้ถึงที่สุด"? ผมไม่เคยเห็นเลย คริสตจักรของเราปิดคลินิกทำแท้งสองแห่งในเมือง ลอสแอนเจลิส ทั้งสองแห่งที่เราปิดนี้มันถูกต้องตามกฎหมายด้วย! ถ้าครึ่งหนึ่งของคริสตจักรแบ๊บติสในอเมริกาปิดคลินิกทำแท้งสักสองแห่ง การทำแท้งน่าจะสูญหายนานมาแล้ว ผู้ช่วยศิษยาภิบาลของเราคือ ดร. คาเกน ท่านคุ้นเคยกับคาทอลิกหลายร้อยคน ในขณะที่ตำรวจที่นั่นกลับคุกคามเรา และขี่ม้าถือกระบองในมือเดินไปมารอบตัวเราในขณะที่เรากำลังประท้วงเรื่องการทำแท้ง แบ็บติสต์อยู่ที่ไหนทำเหมือน นาย บล็อกเกอร์? ผมไม่เคยเห็นใครเลย! ผมแค่เห็นแม่ชีผู้สูงอายุและคนหนุ่มสาวจากโรงเรียนคาทอลิกบางแห่งเท่านั้น นักเทศน์แบ๊บติสอยู่ที่ไหน? พวกผู้หญิงแบ๊บติสที่สอนระวีในวันอาทิตย์อยู่ที่ไหนกันหมด? ผู้หญิงแบ๊บติสวัยกลางคนที่ทำงานในคริสตจักรและเป็นเจ้านายนักเทศน์ของเรา พวกเขาอยู่ที่ไหน? ผมไม่เห็นพวกเธอสักคน! พวกเธอไม่สนใจ? ไม่ ผมไม่คิดว่าพวกเธอจะทำ! พวกนั้นทุกคนไม่เหมือนพวกผู้หญิงของเวสลีย์ในยุคการฟื้นฟูใหญ่ ขาวอเมริกาฆ่าทารกหนึ่งล้านคนในทุกปี! เราได้ฆ่าทารก 57 ล้านนับตั้งแต่ ไข่โวล เวด ในเดือนมกราคมปี 1973 ณ ตอนนี้เลือดหยดลงจากมือของ “คริสเตียน” ชาวอเมริกัน เราปล่อยให้พวกเขาฆ่าทารก57 ล้านคน ในขณะที่เรานั่งอยู่ในคริสตจักรที่มีเครื่องปรับอากาศเย็นสบายดี เราพูดกันอย่างห้าวหาญ! แต่เราอยู่ที่ไหนล่ะตอนที่ทารก 57 ล้านถูกฆ่าตาย? เราอยู่แบบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้ โจเอล ออสติน ยิ้มพูดคุยโอ้อวดสร้างแรงบันดาลใจว่าคนเหล่านั้น "รอดแล้ว" - เพราะเขาพูดหว่านล้อมอย่างที่เรียกว่า "การอธิษฐานของคนบาป" หลังจากที่เขาเล่าตลกสองสามเรื่อง คนก็หัวเราะ แต่เรื่องตลกที่อยู่ในเรา! ไม่มีใครรอดเลย! ไม่มีใคร! ไม่มีใคร! ไม่มีใคร! ไม่มีใคร! ไม่มีใคร! ไม่มีใคร! การเทศนาแบบนั้นไม่ได้ช่วยให้ประเทศชาติของเราหรือคนของเรากลับใจใหม่! และในขณะนี้ก็ไม่ได้! ดร. เอ ดับบริว โทเซอร์ กล่าวว่า "การฟื้นฟูอย่างกว้างขวางของคริสเตียนในอเมริกาในทุกวันนี้ อาจพิสูจน์ได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมทางด้านศีลธรรม อย่างที่เราไม่เคยเห็นในร้อยปีที่ผ่านมา" (A.W. Tozer, D.D., Keys to the Deeper Life, Zondervan Publishing House, 1957, p. 12) “แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า วันสิ้นสุดมาถึงอิสราเอลประชาชนของเรา... เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” (อาโมส 8:2) นั่นคืออีกสาเหตุที่ประเทศชาติของเราไม่เหมือนประเทศอังกฤษในช่วงต้นศตวรรษที่ 18 - ไม่เหมือนเลย! คนในสหราชอาณาจักรเคร่งครัดมากกว่าอย่างที่เราเป็น! แม้กระทั่งคนงานในเหมืองถ่านหินและเกษตรกรยังไปไกลกว่าพวกเราอีก แม้แต่คนที่ไม่สามารถอ่านยังสามารถฟังกาเทศนาที่ซับซ้อนของไวท์ฟิลด์และเวสลีย์และเข้าใจ! คนของเราสามารถนั่งฟังการเทศนาที่ซับซ้อนเกี่ยวกับสิ่งเลวร้ายทั้งหมดเช่นนี้หรือไม่? พวกเขายืนอยู่ท่ามกลางหิมะในทุกเช้าตอนตี 5:00 เพื่อฟังการเทศนา! คนของเราทำอย่างนั้นมั้ย? ไม่มีเลย ไม่มีใครเลย! คนของเราชอบแบบสนุกสนานตามอารมณ์ โดยการเล่นวิดีโอเกมที่มีแต่เรื่องรุนแรงและลามก มีแต่รายการโทรทัศน์ที่ได้แต่ฆ่านองเลือดและสกปรก มีทั้งยาเสพติดและภาพยนตร์ลามกอนาจารที่ล้วนเป็นของซาตาน พวกที่อาศัยใประเทศอังกฤษไม่มีใครสักคนเลยที่เป็นแบบเวสลีย์! อังกฤษในยุคของเวสลีย์นั้นไม่มีการหย่าร้าง สถาบันครอบครัวนั้นสมบูรณ์แบบและมีเสถียรภาพไม่แตกแยกเหมือนพวกเราในทุกวันนี้ ลองมองไปที่รัฐบาลของเราแล้วเปรียบเทียบกับพวกเขา ประเทศของพวกเขาปกครองโดยคนที่มีเหตุผลและคนดีอยู่ในรัฐสภา แม้ว่าบางคนไม่ใช่คริสเตียนก็ตาม อย่างน้อยก็ได้รับอิทธิพลด้านศีลธรรมจากคริสเตียน ประเทศของเรานำโดยคนที่ขี้ขลาดอ่อนแอและไม่มีมาตรฐานทางด้านจริยธรรมคริสเตียน อังกฤษในยุคของเวสลีย์นั้นพวกเขาไม่อนุญาตไม่มีการบิดเบือนทางเพศ จำเป็นที่ผมต้องพูดมากกว่านี้อีกมั้ย? แล้วศาสนาของพวกเขาล่ะ? ใช่ อังกฤษในยุคของเวสลีย์ส่วนใหญ่นับถือศาสนา ผู้รับใช้เกือบทั้งหมดยังไม่ได้กลับใจใหม่ แต่ - และนี่ใหญ่มาก "แต่" - "การตักสินใจนิยม" คนพวกนี้ไม่คิดว่าพวกเขากลับใจใหม่ อย่างน้อย 75% คนของเราทำกัน พวกเขาคิดแต่ว่าจะสามารถรับความรอดโดยเพียงกล่าวพึมพำตามคำไม่กี่คำที่เรียกว่า "บทอธิษฐานของคนบาป" คนบาปรู้ดีว่าพวกเขาไม่ใช่คริสเตียนและพวกเขาก็ไม่เคยสมมุติว่ารอดแล้วอย่างที่เราทำกัน นอกจากนี้ ตอนพวกเขามาคิดเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ พวกเขาคิดว่าเหมือนกับที่ จอห์น บันยันเคยทำ - ในหนังสือที่เป็นที่นิยมมากของเขา "พระคุณใหญ่หลวงให้กับหัวหน้าของคนบาป" และ "ความคืบหน้าของผู้แสวงบุญ" ความคิดที่ว่าพวกเขาได้กลับใจใหม่เป็นของโปริตาน - ตัดสินและชำระ - ไม่ใช่เป็น "อ้าปากค้างเลอะเทอะ"! นอกจากนี้พวกเขาทั้งหมดมีพระคัมภีร์เล่มเดียวกันนั่นคือฉบับคิงเจมส์ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สับสนเกี่ยวกับระบบการแปลที่แตกต่างกัน มีเพียงแต่เล่มที่ขึ้นตรงต่อฉบับภาษากรีก และไม่ได้รับอิทธิพลจากพวกจีนอสติส เหมือนอย่างพระคัมภีร์ที่เรามีอยู่ในทุกวันนี้ และไม่มีการห้ามไม่ให้ใช้ฉบับคิงเจมส์ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เพราะพวกเขาเชื่อว่าพระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า แม้แต่กษัตริย์ จอร์จ ที่สอง (1727-1760) พระองค์เองยังว่าพระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า! อย่าห้ามไม่ใช้พระคัมภีร์ในโรงเรียน หนุ่มสาวทุกคนต่างรู้เรื่องราวในพระคัมภีร์ นอกจากนี้พระคัมภีร์ไม่ได้ถูกห้ามในมหาวิทยาลัย ในศาล หรือตามรัฐบาลพลเรือนเหมือนในประเทศของเรา แทนที่จะห้ามพระคัมภีร์พวกเขากลับยืนยันและมีการรับรอง ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้บังเกิดใหม่เป็นคริสเตียน ทุกคนต่างทำงานและเชื่อยึดถือในจริยธรรมที่สอนในพระคัมภีร์ ตอนนี้งานที่ยากคือการหมิ่นและดูถูกอย่างที่เรียก "จรรยธรรมการทำงานโปริตาน" ราวกับว่ามันเป็นคำสอนที่เลวร้าย ตั้งแต่ที่พวกเขาทั้งหมดไม่ว่าจะทำงานหรืออดอาหาร ต่างไม่มีใครมีเวลาทำอย่างที่พวกเราทำกัน พวกเขาไม่มีเวลาฝึกสมาธิเหมือนอย่างพุทธศาสนานิกายเซนหรือความเชื่อลึกลับของชาติตะวันออก นั่นจึงเป็นเหตุผลหลักที่แสดงว่ามีน้อยนักของคนเหล่านี้ที่ถูกปีศาจเข้าสิง – นั่นค่อนข้างชัดเจนว่าเป็นพัน (ถ้าไม่ใช่ล้าน) ของคนของเราที่อยู่ภายใต้การควบคุมของวิญญาณชั่ว นาย บล็อกเกอร์ ผิดตรงที่นำคนของเราไปเปรียบเทียบให้กับผู้ที่อยู่ในประเทศอังกฤษก่อนที่จะมีการฟื้นฟูภายใต้การนำของไวท์ฟิลด์และเวสลีย์ มันอาจจะใกล้ความจริงถ้านำคนอเมริกันไปเปรียบเทียบกับผู้ที่อยู่ในสมัยของโนอาห์! นั่นไม่ถูกต้องตามที่พระเยซูคริสต์ทรงตรัสเกี่ยวกับคนรุ่นนี้อย่างงั้งหรือ? พระคริสต์กล่าวว่า “ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมได้มากวาดเอาพวกเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้นด้วย” (มัทธิว 24:37-39) พระคริสต์ไม่ได้เปรียบเทียบรุ่นของราให้กับคนในอังกฤษในศตวรรษที่ 18! พระองค์เปรียบเทียบรุ่นของเราให้กับประชากรในวันยุคของโนอาห์ “และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วร้ายของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเค้าความคิดทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป และพระเยโฮวาห์ทรงโทมนัสที่พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์บนแผ่นดินโลก และกระทำให้พระองค์ทรงเศร้าโศกภายในพระทัยของพระองค์” (ปฐมกาล 6:5-6) “และพระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า “ต่อหน้าเราบรรดาเนื้อหนังก็มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว เพราะว่าแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความอำมหิตเนื่องจากพวกเขา และดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก” (ปฐมกาล 6:13) บล็อคเกอร์เพื่อนของเรากล่าวว่า "นั่นคือความหวัง ... อย่างที่พระเจ้าทรงช่วยอังกฤษรอดพ้นจากการล่มสลายในจิตวิญญาณและในศีลธรรม ... ผ่านทางการฟื้นฟูในฝ่ายจิตวิญญาณภายใต้การนำของ จอร์จ ไวท์ฟิลด์ จอห์นและชาร์ลส์ เวสลีย์ พระเจ้าก็ทรงสามารถทำสิ่งเดียวกันอีกครั้งในวันของเรานี้" ท่านพูดถูกตอนที่บอกว่าพระเจ้าสามารถทำเช่นนั้นอีกครั้งหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่คำถาม ไม่ใช่ถามว่าพระเจ้าสามารถส่งการฟื้นฟูลงมาในระดับชาติได้หรือไม่ แต่คำถามคือว่าพระเจ้าจะทรงส่งการฟื้นฟูลงมาในระดับประเทศหรือไม่? และผมเชื่อว่าคำตอบที่ดังกึกก้องคือ "ไม่!" อย่างที่เราอ่านในข้อนี้ “แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า วันสิ้นสุดมาถึงอิสราเอลประชาชนของเราแล้ว เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า ในวันนั้น เสียงเพลงในพระวิหารจะเป็นเสียงร่ำไห้ จะมีศพมากมายทุกแห่งทิ้งไว้เงียบๆ” (อาโมส 8:2-3) ผมคิดว่าไม่มีความหวังอีก ไม่มีเลยสำหรับอเมริกาและโลกตะวันตก ไม่มีเลย ฟังคำที่พวกไอซิสเขียนลงบนอินเทอร์เน็ตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากที่พึ่งฆ่า 17 คนในกรุงปารีส ผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิมเหล่านี้ก็ส่งอีเมลไปยังอเมริกา สองในอีเมลเหล่านั้นบอกว่า “เราจะกลับมาหาเจ้า จงมองข้างหลังคุณ” “เราจะไม่หยุดยั้ง เรารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ ภรรยาและลูกๆของคุณ” พวกเขากำลังข่มขวัญเราให้ยอมจำนนหรือเปล่า? นั่นคือคำว่า "อิสลาม" หมายถึง "ยอมจำนน" เราจะจำนนให้พวกพวกเขาหรือเปล่า? พวกเขาอยู่เหนือกว่าอเมริกาและประเทศตะวันตกหรือไม่? แน่นอนพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ แต่นั่นก็ดูไม่ดีสักเท่าไหร่! เป็นอะไรที่มากเกินไป พระเจ้าตรัสว่า “เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” (อาโมส 8:2) จะไม่มีการฟื้นฟูระดับชาติในอเมริกาหรือยุโรป จะไม่มีทางเกิดขึ้น มันสายเกินตลอดไป ดร. ดับบริว เอ คริสเวลล์ นักเทศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 20 กล่าวไว้ว่า "คนของเรามีชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวอย่างต่อเนื่องเพราะเราเป็นคนที่ชั่วร้าย ... อเมริกาต่อต้านพระเจ้าและผู้เชื่อในทุกวิถีทาง วันพิพากษาจะมาและเรารู้สึกว่าอย่างนั่น" ดร. คริสเวลล์ เป็นศิษยาภิบาลที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ที่หนึ่งในเมืองดัลลัสมานานกว่าห้าสิบปี ท่านยังเคยเป็นศิษยาภิบาลของ บิลลี่ เกรแฮม อีกด้วย (W. A. Criswell, Ph.D., Great Doctrines of the Bible – Bibliology, Zondervan Publishing House, 1982, p. 43) ประเทศชาติและประชาชนกำลังเผชิญกับการพิพากษา นั่นคือเหตุผลที่อเมริกาไม่มีการพยากรณ์ในพระคัมภีร์ เราจะไม่เป็นชาติที่ยิ่งใหญ่อีกต่อไป เราจะไม่มีค่าอย่างที่ได้แสดงความคิดเห็นในตอนท้าย - พระคัมภีร์ทำนายถึงวาระสิ้นสุด! แต่ผมบอกคุณแล้วว่ายังมีการประยุกต์อีกประการหนึ่ง II. ประการที่สอง พระธรรมข้อนี้ประยุกต์ใช้ให้กับทุกคนที่จำนนต่อบาปและนำไปสู่ความตาย สักวันหนึ่งจะมา ถ้ายังไม่พร้อมที่จะมาตอนนี้ พระเจ้าตรัสนี้ให้กับคุณ “เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” (อาโมส 8:2) ตอนพระเจ้าตรัสนั้นให้กับคุณ ก็หมายความว่าคุณจะพินาศตลอดไป คุณอาจจะมีชีวิตอยู่บนโลกเป็นเวลาหลายปี แต่คุณพินาศแล้วที่เปลวไฟนิรันดร์ในนรก ในเวลาที่พระเจ้าทรงตรัสว่า "เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย" ทำไมถึงเกิดขึ้น? เพราะคุณยอมจำนนต่อบาป! มีนักเทศน์ที่ยิ่งใหญ่ที่ผ่านออกมาพูดถึงการยกโทษบาป ดร. มาร์ติน ลอยด์โจนส์ พูดถึง "บาปต่อพระวิญญาณบริสุทธิ์" (The Sons of God, p. 230) โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์ อาสาเฮล เนทเทลตัน อารม ณ ทอร์รีย์, จอร์จ ดับเบิล ทรูทท์และนักเทศน์ทุกยุคพูดเกี่ยวกับการ "บาปอภัย" ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ กล่าวว่า มีอยู่บาปหนึ่ง "นั่นไม่สมารถให้อภัยให้แก่คน" นั่นคือการที่คนยอมจำนนต่อบาป "นั่นไม่สมารถให้อภัยให้แก่คนไม่ว่าจะอยู่ในโลกนี้ หรือโลกที่กำลังจะมา" นั่นคือบาปที่ไม่สามารถให้อภัย ... บาปที่ไม่สามารถให้อภัย [เป็น] การข้ามเส้นตายในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่อาจจะผ่านเข้าไปในดินแดนสาปแช่งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ อาจผ่านเข้าไปในดินแดนเหนือพระคุณ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกทุกวันนี้! ... ใช่ บาปที่ไม่อาจยกโทษให้ได้สามารถกระทำได้ในขณะนี้ คนบาปที่ได้ยินพระกิตติคุณ คนที่เชื่ออย่างสุดซึ้ง คนที่ได้รับความรอบรู้ เหมือนบาปที่ต้องการพระผู้ช่วยให้รอด ที่ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงของบาปที่ไม่อาจให้อภัยได้ (Dr. John R. Rice, Crossing the Deadline, Sword of the Lord, 1953, pp. 3-4) ถ้าพระเจ้าสามารถผ่านประเทศหนึ่งไป พระองค์ก็ทรงสามารถผ่านคุณไปด้วย! ถ้าประเทศนั้นกระทำบาปถึงแก่ความตาย แล้วคุณล่ะ! 1 ยอห์น 5:16 กล่าวว่า "บาปอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่นำไปสู่ความตาย" (1 ยอห์น 5:16) คาอินได้ทำบาปนั้นและพระเจ้าปล่อยเขาตลอดไป แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หลายปีก็ตาม แต่ไม่นานพอที่จะช่วยกู้เขาได้ ฟาโรห์ในยุคของโมเสสกระทำบาปนั้นและพระเจ้าได้ลงโทษ แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่หลายปีก็ตาม ก็ไม่สามารถรอดได้ ยูดาห์ยอมจำนนต่อบาปนั้น พระเจ้าได้จากเขาตลอดไป - เขามีชีวิตแค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่มันก็สายเกินไปที่จะถูกช่วยกู้เขา! หากคุณต่อต้านพระวิญญาณบริสุทธิ์และปฏิเสธที่จะวางใจพระเยซู จะมีวันและเวลาที่พระเจ้าจะจากคุณตลอดไปเช่นกัน! จากนั้นพระเจ้าก็จะตรัสให้กับคุณว่า “เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย” (อาโมส 8:2) โปรดฟังเพลงนี้อย่างระมัดระวังซึ่งเขียนโดย ดร. จอห์น อา ไรซ์ คุณรอเพิกเฉยและยังคงปฏิเสธพระผู้ช่วยให้รอด ในเช้าวันนี้ผมอยากขอให้พวกท่าน – หันหลังให้บาปและวางใจพระเยซูในตอนนี้ ในขณะที่ยังมีเวลา จงวางใจในพระเยซูคริสต์เดียวนี้ - ก่อนที่พระเจ้าจะปล่อยคุณไปตามทางของคุณ - เหมือนอย่างพระองค์ทรงทำกับพวกอิสราเอลและทำกับอเมสิยาห์ในสมัยของอาโมส!เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงปล่อยคาอินทิ้ง! เหมือนอย่างที่พระอง์ทรงทำกับฟาโรห์! พระองค์ทำเช่นให้กับคนที่ทรยศอย่างยูดาห์! พระองค์จะปล่อยคุณทิ้ง!!! จงมาที่พระเยซูคริสต์ จงวางใจในพระคริสชต์ในตอนนี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป! พระคัมภีร์กล่าวว่า “จงวางใจในพระเยโฮวาห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความเข้าใจของตนเอง” (สุภาษิต 3:5) จงวางใจพระเยซู พระโลหิตของพระองค์จะครอบคลุมความผิดบาปทั้งหมดของคุณและชำระล้างออกไป การสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนจะชดใช้ความผิดบาปทั้งหมดของคุณ และช่วยให้คุณรอดพ้น จากพระพิโรธนิรันดร์ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์จากความตายจะทำให้คุณมีชีวิตและมีความหวัง! เชื่อในพระเยซูในขณะนี้และพระองค์จะให้อภัยความผิดบาปของคุณตลอดไป! ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: อาโมส 7:14-8:3. |
โครงร่างของ ทำไมอเมริกาถึงไม่อยู่ในการทำนายของพระคัมภีร์ (บทเทศนาในวันอาทิตย์ตอน “ชีวิตที่ถูกต้อง) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “แล้วพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า วันสิ้นสุดมาถึงอิสราเอลประชาชนของเราแล้ว เราจะไม่ผ่านเขาไปอีกเลย องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า ในวันนั้น เสียงเพลงในพระวิหารจะเป็นเสียงร่ำไห้ จะมีศพมากมายทุกแห่งทิ้งไว้เงียบๆ” (อาโมส 8:2-3) (อาโมส 7:17) I. ประการแรก พระธรรมข้อนี้ประยุกต์ให้กับประเทศอเมริกาและประเทศตะวันตก มัทธิว 24:37-39; ปฐมกาล 6:5-6, 13; อาโมส 8:2-3. II. ประการที่สอง พระธรรมข้อนี้ประยุกต์ใช้ให้กับทุกคนที่จำนนต่อบาปและนำไปสู่ความตาย 1 ยอห์น 5:16; สุภาษิต 3:5. |