Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ของขวัญของนักปราชญ์

THE GIFTS OF THE WISE MEN
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็น วันของพระเป็นเจ้าที่ 14 เดือนธันวาคม ค.ศ. 2014 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Morning, December 14, 2014

“ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแด่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ” (มัทธิว 2:11)


สมัยที่ผมยังเรียนอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ห้า ผมมักจะแสดงเป็นตัวหนึ่งในสามของนักปราชญ์ในวันคริสมาสต์ที่โรงเรียนที่เป็นของรัฐในเมือง ลอสแอนเจลิส นั่นอยู่ในช่วงต้นปี1950 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาดูเหมือนว่ามารซาตานเข้าครอบงำผู้คนในประเทศนี้ เลยทำให้ความสำคัญของวัน คริสมาสต์ที่เคยมีอยู่ในโรงเรียนของเราหายไป นอกจากนี้พวกเขายังห้ามไม่ให้ใช้คำว่า "คริสมาสต์" ที่เราสามารถบอกได้ว่านั่นเป็นเพราะฝีมือของซาตานเพราะประเทศนี้กลับมาส่งเสริมวัน "ฮาโลวีน" มากกว่า พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อจะให้ลูกหลานของเราลืมความคิดเกี่ยวกับพระคริสต์ในวันคริสต์มาส และวันอีสเตอร์ พวกเขาเคยเรียกว่า "วันหยุดอีสเตอร์" - แต่ตอนนี้พวกเขาเรียกกลับเปลี่ยนไปเรียกว่า "เทศกาลหยุดฤดูใบไม้ผลิต"!

ในฐานะที่ผมเคยแสดงเป็นหนึ่งในสามนักปราชญ์ เราต้องร้องเพลงที่นายกริฟฟิพึ่งร้องว่า "เราคือสามกษัตริย์แห่งตะวันออก" ตอนที่เราอยู่โดยไม่มีใครนั้น มีเด็กคนหนึ่งต่อเติมเพลงนี้า "เราสามกษัตริย์แห่งตะวันออกสูบบุหรี่ในราคาสิบเซน" คุณรู้มั้ยทุกครั้งที่ได้ยินเพลงนี้ ผมจะนึกถึงคำที่เขาบอกนั้นเสมอ! นอกจากนี้เด็กคนนี้ยังมีเสียงที่น่ากลัว ผมหมายความว่าเป็นเสียงที่แย่มาก! ท้ายสุดผมขอร้องเขาให้ร้องเพลงด้วยที่เสียงนุ่มนวลและผลคือดีกว่าเดิมมาก แต่ผมก็อดที่จะสงสัยว่ากษัตริย์ทั้งสามนี้เป็นใครและทำไมพวกเขาถึงเดินทางไกลเพื่อที่จะได้เห็นทารกน้อยอย่างพระเยซู

นายพลูโฮมมีพึ่งจะอ่านเรื่องราวของนักปราชญ์และทารกพระเยซูในมัทธิวบทที่สองผ่านไป เป็นข้อความง่ายๆ บอกว่านักปราชญ์พวกนี้มาจากทิศตะวันออก และติดตามดาวดวงหนึ่งมา พระคัมภีร์ไม่บอกเราว่าพวกเขามาด้วยกันกี่คน แต่ภาพที่เราเห็นในการ์ดอวยพรคริสต์มาสจะมีอยู่ด้วยกันสามคน แต่พระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่ามีสามคน ความคิดที่ว่ามีด้วยกันสามคน เพราะเชื่อตามความจริงที่ว่าพวกเขานำสิ่งของสามอย่างมาถวายแด่ทารกพระเยซู นั่นคือทองคำ กำยาน และมดยอบ แต่ดร. แมคกี้ กล่าวว่าต้องมีมากกว่าสามคน ท่านบอกว่านักปราชญ์ทั้งสามคนต้องไม่ไป "รบกวนเฮโรดหรือไปตื่นเต้นชมกรุงเยรูซาเล็ม" (Thru the Bible; note on Matthew 2:1) ดร. แมคกี้ กล่าวว่าคนกลุ่มนี้น่าจะมีเป็นจำนวนมาก

นักปราชญ์เหล่านี้มาจากบาบิโลน ในพระธรรมดาเนียล 2:27 พูดถึง "นักปราชญ์ [และ] โหราศาสตร์" ในขณะที่ดาเนียลยังหนุ่มอยู่นั้นอาจได้รับการฝึกฝนโดย "นักปราชญ์" แห่งบาบิโลนนั้น ต่อมาในวัยชรา ดาเนียลกลายเป็นหัวหน้าของนักปราชญ์เหล่านี้ ตอนที่พระคริสต์ทรงประสูติ พวกเขาน่าจะมีสำเนาหนังสือของดาเนียลที่เขียนเอาไว้ ตามที่พวกเขาศึกษาดาเนียล 9: 24-26 พวกเขาได้เรียนรู้ถึงการเสด็จมาของพระเมศิยาห์ของชาวยิว ดังนั้นเมื่อใกล้ถึงสัปดาห์ที่ 69 ของปี พวกเขาจึงนึกถึงการเสด็จมาของพระเมศิยาห์ทันที แล้วพวกเขาก็เห็นดาวดวงหนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน มันเป็นดาวที่เหนือธรรมชาติ พวกเขาเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นสัญญาณมาจากสวรรค์บอกว่าพระเมศิยาห์กษัตริย์ของชาวยิวได้เสด็จมาแล้ว พวกเขาจึงออกเดินทางไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อนำของขวัญไปถวายให้แด่พระองค์ เมื่อพวกเขาไปถึงกรุงเยรูซาเล็มพวกธรรมจารย์ได้อ่านมีคาห์ 5: 2 ให้พวกเขาว่าพระเมศิยาห์จะบังเกิดในเบธเลเฮ็มซึ่งเป็นเวลาสั้น ๆ ที่กรุงเยรูซาเล็ม จากนั้นดาวปรากฏต่อหน้าพวกเขาอีกครั้ง "จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ที่กุมารอยู่นั้น" (มัทธิว 2: 9) เรารู้ว่านั่นเป็นดาวที่อยู่เหนือธรรมชาติ เพราะมันเคลื่อนไหวนำทางพวกเขาไปที่พระเยซู ตอนนี้เปิดในพระคัมภีร์ของคุณไปที่ มัทธิว 2:11 อยู่ในหน้า 995 ของพระคัมภีร์ฉบับ Scofield กรุณายืนที่ตอนผมอ่านข้อนั้น

“ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแด่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ” (มัทธิว 2:11)

พวกคุณนั่งลงได้

มีอยู่หลายบทเรียนที่เราสามารถเรียนจากมัทธิวบทนี้ ยกตัวอย่างเราสามารถเปรียบเทียบระหว่างกษัตริย์เฮโรดผู้ชั่วร้ายกับนักปราชญ์เหล่านั้น เฮโรดอิจฉาและกลัวสูญเสียมงกุฎของพระองค์ เฮโรดไม่ได้เป็นชาวยิว พระองค์เป็นไอดูเมนและซื้อตำแหน่งกษัตริย์มาจากโรมัน นั่นคือเหตุผลที่พระองค์ประสงค์ที่จะหาเด็กซึ่งนักปราชญ์เรียกกันว่า "กษัตริย์ของพวกยิว" (มัทธิว 2: 2) เฮโรคไม่ต้องการนมัสการพระเยซู แต่อยากจะฆ่าพระองค์ เพื่อรักษาบัลลังก์ของเขาเท่านั้น ในขณะเดียวกันนักปราชญ์ประสงค์จะนมัสการพระเยซู แต่กษัตริย์เฮโรดอยากจะฆ่าพระองค์

ผมอยากเทศนาเพื่อชี้ให้เห็นถึงการที่โลกในทุกวันนี้ตอบสนองต่อพระเยซูเหมือนอย่างเฮโรค คริสเตียนที่ดีต้องการที่จะนมัสการพระเยซู แต่คนชั่วเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ใน ACLU ต้องการที่จะกำจัดพระองค์ พวกเขาห้ามไม่ให้ร้องเพลงคริสต์มาสในโรงเรียนและแม้แต่อยู่ในสวนสาธารณะในบางแห่งในขณะนี้ พวกเขาห้ามไม่ให้มีการแสดงถึงการประสูติ พวกเขายังห้ามไม่ให้ใช้คำว่า "คริสต์มาส" เพราะมีคำว่าคริสต์อยู่ในนั้น ผมจะเทศนาชี้ให้เห็นถึงผู้คนที่ทำตัวเหมือนเฮโรด และผู้ที่เป็นเหมือนนักปราชญ์ผู้ซึ่งรักพระเยซูและต้องการที่จะนมัสการพระองค์

หรือผมสามารถเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนักปราชญ์กับพวกธรรมจารย์ พวกธรรมจารย์เองก็รู้ว่าพระเยซูทรงบังเกิดในเบธเลเฮ็ม แต่พวกเขาไม่ยอมไปพบพระองค์ที่นั่น พวกเขารู้เกี่ยวกับพระเยซู แต่ไม่ยอมไปยังเบธเลเฮ็มแม้จะอยู่ระยะทางที่ใกล้ก็ตาม โปรดจำไว้พวกนักปราชญ์ต้องใช้เวลายาวนานในการนั่งอยู่บนหลังอูฐ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรือสะดวกในการขี่อูฐ ผมรู้เพราะผมเคยขี่อูฐตอนที่ลีไอนาและผมไปที่อียิปต์ ผมขี่หลังอูฐไปรอบพีระมิดใกล้กับสฟิงซ์ เป็นประสบการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่จะกล่าวถึงเลย! ผมสามารถเทศนาถึงเรื่องนี้ – เปรียบเทียบพวกธรรมจารย์ที่รู้ว่าพระเยซูเป็นใครแต่ไม่อยากไปกับพวกนักปราชญ์ที่เดินทางจากแดนไกลและยากลำบากเพื่อที่จะพบกับพระเยซู ผมสามารถเปรียบเทียบพวกธรรมจารย์ให้กับ ชนิดของ"คริสตจักร" ในสมัยนี้ที่รู้พระคัมภีร์ แต่ไม่วางใจในพระเยซู - เทียบกับคนหนุ่มสาวที่ออกมาจากโลกด้วยความยากลำบากมาถึงที่พระเยซู

หรืออย่างที่สาม ผมสามารถเทศนา– ที่ชาวยิวปฏิเสธพระองค์ เหมือนอย่างเจ้าของโรงแรมและพวกธรรมจารย์ทำกัน – ต่างกับชาวบาบิโลนที่เดินทางด้วยความยากลำบากเพื่อมาพบกับพระองค์ ผมยังสามารถเปรียบเทียบนักปราชญ์ให้กับคนที่อยู่ในประเทศที่สาม (เช่นประเทศจีน โลกของชาวมุสลิม คนป่าในกัมพูชาและเวียดนาม) - ผู้ที่ต่อสู้ปัญหาอุปสรรค์ต่างๆเพื่อจะได้พบกับพระคริสต์และนมัสการพระองค์ ผมสามารถเทศนาเกี่ยวกับอเมริกันและโลกตะวันตกโดยทั่วไปแล้วมีคริสตจักรเกือบทุกมุมถนน แต่กลับเบือนหน้าหนีเดินออกไป หลักฐานนี้เห็นชัดมากในวันคริสมาสต์

จริงๆแล้วเรามีคนที่ต่อสู้เรา และพูดใส่ร้ายเรา โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวที่จะอยู่ในคริสตจักรในวันคริสต์มาสและวันส่งท้ายปีเก่า! มีผู้หญิงคนหนึ่งทำทุกอย่างเพื่อเอาลูกชายของเธอออกจากคริสตจักร ตอนเขาออกจากคริสตจักรไปแล้ว เขาก็เข้าร่วมแก๊งและถูกฆ่าตาย แล้วผู้หญิงคนเดียวกันนี้ที่เอาลูกชายออกจากคริสตจักรกลับมาร้องไห้ให้กับผม และขอให้ช่วยจัดงานศพของลูกชาย – แต่เป็นเวลาที่สายเกินไปที่จะช่วยเขา! แน่นอนผมทำพิธีศพของเขา แต่สายเกินไปที่จะช่วยลูกขายของเธอ! คนเหล่านี้ช่างโง่เหลือเกิน! พวกเขาปล่อยให้ลูกๆของพวกเขาไปร่วมงานปาร์ตี้แทนที่จะมาที่คริสตจักรในวันคริสต์มาสและวันส่งท้ายปีเก่า ใน "ความฝันคืนแห่งฤดูร้อน" เช็คสเปียร์ได้ "ซน" กล่าวว่า "ปุถุชนเหล่านี้ช่างโง่เขลาเหลือเกิน!" ช่างหน้าเศร้าใจเหลือเกิน! พวกเขาเป็นคนตาบอดเหมือนพวกธรรมจารย์ - และพวกเขาบางคนชั่วร้ายเหมือนกษัตริย์เฮโรด! อย่าให้ใครทำให้คุณต้องหนีออกจากคริสตจักรในวันคริสต์มาสและวันส่งท้ายปีเก่า! อย่าปล่อยให้พวกเขาดึงคุณออกจากคริสตจักรไปร่วมงานสนุกเฮฮาในทางโลก! อย่าปล่อยให้พวกเขาทำอย่างนั้นให้คุณ! อย่าปล่อยให้พวกเขาทำอย่างนั้นให้คุณ! จงลุกขึ้นยืนและฉลาดอย่างนักปราชญ์เหล่านั้น! อย่าขาดการมาคริสตจักรเหมือนพวกพวกธรรมจารย์ที่ไม่เชื่อและคนบาปหนาอย่างเฮโรด! พระคัมภีร์กล่าวว่า

“องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า เหตุฉะนั้นเจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น…และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย เราจะเป็นบิดาของพวกเจ้าและพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรสาวของเรา องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น” (2 โครินธ์ 6:17, 18)

"จงออกมาจากพวกเขา" และมาอยู่ร่วมกับคนของพระเจ้าในตอนเย็นของวันคริสต์มาสและวันส่งท้ายปีเก่า! อยู่กับคริสเตียนที่นมัสการพระคริสต์ – อย่าเข้าร่วมกับคนต่างศาสนาในโลกนี้ที่ใช้ชีวิตเอิกเกริกสนุกสนานอย่างบ้าคลั่งด้วยการดื่มเบียร์หรือดื่มสุรา คนไม่มีพระคริสต์! ทำกันอย่างนั้น! แต่ให้มานมัสการพระคริสต์ในวันส่งท้ายปีเก่าและเย็นของวันคริสต์มาส! มาเหมือนกับนักปราชญ์และนมัสการพระคริสต์ผู้เดียว!

เชิญสาธุการพระเยซู
   เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู
ผู้ทรงพระคุณ

ยืนขึ้นและร้องอีกครั้ง!

เชิญสาธุการพระเยซู
   เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู
   ผู้ทรงพระคุณ
(“O Come, All Ye Faithful,” translated by Frederick Oakeley, 1802-1880)

อาเมน พวกคุณนั่งลงได้

แต่แทนที่จะเทศนาในหัวข้อเหล่านั้น ผมจะพูดถึงข้อความในมัทธิว 2:11,

“ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแด่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ” (มัทธิว 2:11)

I. ประการแรก พวกเขาเข้ามาในบ้าน

พระธรรมตอนนี้กล่าวว่า "เมื่อพวกเขาเข้ามาในบ้าน" "แต่" คุณอาจจะพูดว่า "พระคริสต์ประสูติที่โรงเลี้ยงสัตว์และนอนอยู่ในรางหญ้าไม่ใช่เหรอ?" ใช่ พระองค์ทรงเป็นอย่างนั้น พระกิตติคุณลูกากล่าวว่า

“นางจึงประสูติบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างให้เขาในโรงแรม” (ลูกา 2:7)

แต่พวกนักปราชญ์ไม่ได้เข้ามาที่โรงเลี้ยงสัตว์และพบทารกน้อยพระเยซูนอนอยู่ในรางหญ้า ไม่ใช่อย่างนั้น พวกเขาเข้ามา "ในบ้าน" (มัทธิว 2:11) พวกนักปราชญ์ไม่ได้มาในเวลาเดียวกันกับพวกคนเลี้ยงแกะ คนเลี้ยงแกะพบทารกพระเยซูอยู่ในโรงเลี้ยงสัตว์และนอนอยู่ในรางหญ้า รางที่จัดหญ้าแห้งสำหรับให้สัตว์กิน หลังจากที่พระเยซูประสูติแล้ว คนเลี้ยงแกะก็มาเข้าเฝ้าทันที แต่พวกนักปราชญ์มาทีหลังหลายเดืน พวกเขามาหลังจากที่มารีย์และโยเซฟเอาทารกน้อยพระเยซูย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลังเล็ก ๆแล้ว ในสมัยนั้นบ้านทุกหลังมีขนาดเล็กมาก ตอนนี้พวกเขาอยู่ในบ้านแล้ว

ดร. แมคกี้ กล่าวว่าหลังจากที่พระเยซูทรงบังเกิดได้หลายเดือนแล้ว พวกนักปราชญ์ค่อยมาและนำของขวัญมาถวายแด่พระองค์ คุณจะเห็นว่าพวกเขาอาจเห็นดาวปรากฏในเวลาที่พระเยซูคริสต์ประสูติ แล้วก็ตัดสินใจมาหาพระองค์ และพวกเขาต้องใช้ระยะเดินทางเป็นเวลาหลายเดือน กว่าจะมาถึงที่นั่น เหตุผลนี้ยืนยันได้ว่าช่วงเวลาหลังจากที่พระเยซูทรงเข้าพิธีสุหนัตเรียบร้อยแล้ว และก็มีการถวายนกพิราบคู่ในพระวิหาร (ลูกา 2:24) ความจริงที่พวกเขาไม่ถวายแกะแสดงให้เห็นว่าพวกเขายากจนมาก ถ้านักปราชญ์มาก่อนหน้านั้นพร้อมกับมอบของขวัญราคาแพง หากเป็นเช่นนี้พวกเขาน่าจะถวายแกะมากกว่า เหตุการณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพระเยซูประสูติได้หลายเดือนแล้วกว่าพวกนักปราชญ์เหล่านั้นจะมาถึง

ผมควรจะบอกคุณว่าดาวนี้อยู่เหนือธรรมชาติ "โนวา" ซึ่งพจนานุกรมบอกว่าเป็น "ดาวที่อยู่ ๆ ก็มีการเพิ่มแสงออกมาเป็นอย่างมากและจากนั้นไม่กี่เดือนก็จางหายไป" (พจนานุกรมของ Merriam-Webster) พวกเขาเห็นดาวดวงนี้อยู่ทางทิศตะวันออก จากนั้นดูเหมือนว่าจะหายไป แต่เมื่อคนฉลาดไปยังกรุงเยรูซาเล็มดาวดวงนั้นปรากฏตัวอีกครั้งหนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นดาวนั้นอีกครั้ง "พวกเขาก็มีความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง" (มัทธิว 2:10) นี่ไม่ใช่ดาวปกติทั่วไป มันเคลื่อนที่ “จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ๆกุมารอยู่นั้น" (มัทธิว 2: 9) บางคนเปรียบเทียบกับ "Shekinah" แสงในพันธสัญญาเดิมและเสาไฟที่นำคนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารในเวลากลางคืนซึ่ง "ไปก่อนที่พวกเขา ... ที่จะนำพวกเขา ... กลางคืนด้วยเสาไฟ "(อพยพ 13:21)

พวกนักปราชญ์เดินทางด้วยระยะทางไกล พวกเขาเสียสละและเดินทางผ่านการทดลองและความยากลำบากมากมาย เพื่อมาที่พระเยซูที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ในเมืองเบธเลเฮ็ม ขอให้เราทุกคนทำตามตัวอย่างของพวกเขาและมาอยู่ในตอนเย็นของวันคริสต์มาส - แทนที่จะวิ่งออกไปสนุกสนานในทางโลก! ร้องท่อนรับของเพลงนี้อีกครั้ง! ลุกขึ้นยืนและร้องด้วยกัน

เชิญสาธุการพระเยซู
   เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู
    ผู้ทรงพระคุณ

II. ประการที่สอง พวกเขานั่งลงและนมัสการพระองค์

“ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแด่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ...” (มัทธิว 2:11)

"นักวิชาการ" ไม่เชื่อบางคน และลัทธิต่างๆกล่าวว่าเป็นความผิดที่จะนมัสการพระเยซู พวกเขาบอกว่าเราควรนมัสการพระเจ้า นั่นแสดงให้เห็นว่าพวกเขาละเลยพระคัมภีร์ เพราะพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า ลงมาบังเกิด - พระเจ้าในสภาพมนุษย์! ยอห์นผู้เป็นอัครสาวกเรียกพระเยซูว่า "พระวาทะ" ในยอห์นบทที่หนึ่ง และท่านยังกล่าวอีกว่า

“และพระวาทะได้รับสภาพของเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา (และเราทั้งหลายได้เห็นสง่าราศีของพระองค์ คือสง่าราศีอันสมกับพระบุตรองค์เดียวที่บังเกิดจากพระบิดา) บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” (ยอห์น 1:14).

ชาร์ลส์ เวสลีย์ ในเพลงนมัสการของท่านเกี่ยกับคริสมาสต์กล่าวไว้ว่า

เห็นพระเจ้าอยู่ในสภาพเนื้อหนัง
   พระบุตรของพะเจ้าทรงบังเกิดมา
ยินดีล้นพ้นลงมาเป็นมนุษย์สถิตกับมนุษย์
   พระเยซู อิมมานูของเรา
โห่ร้อง! ทูตสวรรค์ร้องเพลง
   "สันติสุขแด่กษัตริย์ผู้ทรงบังเกิด"
(“Hark, the Herald Angels Sing” by Charles Wesley, 1707-1788)

จากนั้นสังเกตเห็นว่านักปราชญ์ "ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมาร" (มัทธิว 2:11) ดร. เจ เวอร์นอน แมคกี้ กล่าวว่า "ถ้านั่นเป็นเวลาที่มารีย์ควรได้รับการนมัสการ แต่พวกเขาไม่ได้นมัสการเธอ - พวกเขาเป็นคนฉลาด! พวกเขานมัสการพระองค์ ... "(เล่มเดียวกันอ้างใน มัทธิว 2:11) พระคัมภีร์ไม่เคยบอกเราให้นมัสการพระแม่มารีหรืออธิษฐานขอจากเธอ! เธอควรจะได้รับการยกย่องว่าเป็นแม่ของพระเยซู แต่อย่าให้เราไปนมัสการเธอหรืออธิษฐานขอจากเธอ

เชิญสาธุการพระเยซู
   เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู
   ผู้ทรงพระคุณ

พระคัมภีร์บอกเราตอนเหล่าสาวกเห็นพระคริสต์เป็นขึ้นมาในแคว้นกาลิลี

“เมื่อเขาเห็นพระองค์จึงกราบลงนมัสการพระองค์...” (มัทธิว 28:17; ลูกา 24:52)

อาเมน! วันคริสต์มาสในคริสตจักร ขอให้พวกเราทุกคนนมัสการพระองค์ พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นทรงสมควรได้รับการนมัสการในวันคริสต์มาสและตลอดทั้งปี!

III. ประการที่สาม พวกเขามอบของขวัญแด่พระองค์

“ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแด่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ” (มัทธิว 2:11)

“พวกเขานำของขวัญมอบแด่พระองค์...” ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ กล่าวว่า

พวกเขาก้มลงกราบและนมัสการพระองค์! พร้อมด้วยน้ำตาแห่งปลื้มปิติยินดี พร้อมกับปากสั่น มือสั่นในยามที่พวกเขาหยิบมือไปเปิดห่อสมบัติของพวกเขา และพวกเขานำออกมาถวายแด่องค์พระเยซูคริสต์ผู้ประเสริฐสุดของพวกเขา! (John R. Rice, D.D., “Gifts of the Wise Men,” I Love Christmas, Sword of the Lord Publishers, 1955, p. 47)

ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ ยังกล่าวอีกว่า

พวกเขาเปิดทรัพย์สมบัติของพวกเขา และนำของขวัญนั้นมามอบให้แก่พระเยซู และในวันนี้ผมขอคุณ... นำพระเยซูคริสต์เข้าสู่ใจของคุณ เปิดสมบัติอันมีค่าของคุณและมอบให้แด่พระองค์ จงมอบทุกอย่าให้แด่พระองค์ด้วยความชื่นชมยินดี พระองค์ทรงยอม [ถ่อมตน] พร้อมจะรับสิ่งเหล่านั้น (เล่มเดียวกัน หน้า 48)

ผมรักบทเพลงเก่าที่เขียนโดย ฟราน ฮาเวอกอล์ เสมอ "ใช้ชีวิตของข้าๆฯและปล่อยให้เป็นตาม"

ใช้ชีวิตของข้าฯและปล่อยให้เป็นตามนั้นและถวายแด่พระเจ้า
ใช้มือของข้าฯและให้เคลื่อนไหว
ด้วยแรงกระตุ้นแห่งรักของพระองค์ ด้วยแรงกระตุ้นแห่งรักของพระองค์

ใช้ริมฝีปากของข้าฯและให้เต็มไปด้วยข้อความเพื่อพระองค์
เอาเงินและทองคำของข้าฯไป
ถ้าไม่เช่นนั้นข้าฯอาจหลงทาง ถ้าไม่เช่นนั้นข้าฯอาจหลงทาง

พระเจ้าโปรดนำความรักของข้าฯ ที่นำมาวางที่พระบาทของพระองค์
โปรดนำตัวข้าฯเองและให้เป็นอย่างนั้น
แด่พระองค์ผู้เดียว แด่พระองค์ผู้เดียว แด่พระองค์ผู้เดียว
   (“Take My Life, and Let it Be” by Frances R. Havergal, 1836-1879).

ทุกอย่างให้พระเยซู! ทุกอย่างให้พระเยซู!
   ฤทธิ์อำนาจทั้งหมดของฉันใช้เป็นค่าไถ่
ทุกอย่างให้พระเยซู!ทุกอย่างให้พระเยซู!
   ทุกวันและทุกชั่วโมงของฉัน
(“All For Jesus” by Mary D. James, 1810-1883)

ถ้าเพลงเหล่านั้นไม่มีหมายใดๆเลย ก็ยังสอนให้เราอยู่ในคริสตจักรนมัสการพระคริสต์ในวันคริสต์มาส – แทนที่จะไปสนุกเฮฮากับชาวโลก!

ในเวลาที่พวกนักปราชญ์นมัสการองค์พระเยซูเจ้า พวกเขามอบทองคำ กำยานและมดยอบ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของขวัญที่มีราคาแพงมาก และเป็นของที่มีค่าที่สุดที่คนฉลาดเหล่านั้นมี ทองคำคือเครื่องบรรณาการที่ถวายให้กับกษัตริย์ กำยานเป็นของที่แพงซึ่งโอริเจนบิดาแห่งคริสตจักร (185-254) กล่าวว่าเป็นเครื่องหอมสำหรับพระเจ้า ท่านกล่าวบางอย่างผิด แต่ถูกต้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ กำยานมอบแด่พระองค์ผู้ทรงเป็นพระเจ้าบังเกิดมาเป็นมนุษย์ ส่วนมดยอบเป็นเครื่องเทศที่ชาวยิวใช้เมื่อฝังคนตาย ยอห์น 19:39 บอกเราว่านิโคเดโมนำมดยอบและใส่ไว้ในพระศพของพระเยซู "เป็นลักษณะการฝังศพของชาวยิว" ทองคำสำหรับพระมหากษัตริย์ กำยานสำหรับพระเจ้าที่ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ มดยอบสำหรับพระองค์ผู้ที่จะต้องทนทุกข์ทรมานและตายบนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของเรา กรุณายืนและร้องเพลงนมัการบทที่ห้าในหนังสือเพลงของคุณ

ขอเชิญท่านผู้วางใจ ชื่นใจยินดีมีชัย
   เชิญมา เชิญมาไว สู่หมู่บ้านเบธเลเฮม!
มาเฝ้าพระกุมาร ราชาแห่งทูตปรีดิ์เปรม
   เชิญสาธุการพระเยซู เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู ผู้ทรงพระคุณ

จงสรรเสริญพระองค์เถิด ทูตสวรรค์ในวิมาน
   ให้ดังก้องกังวาน ทั่วแหล่งหล้าและสากล
รังสีอันรุ่งเรือง จงมีแด่ผู้ทรงธรรม
   เชิญสาธุการพระเยซู เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู ผู้ทรงพระคุณ

สรรเสริญข้าถวายชัย พระเยซูผู้ช่วยได้
   พระนามอันยิ่งใหญ่ ข้าวันทาด้วยภักดี
ดำรัสพระบิดา มาปรากฏเป็นภูมิ
   เชิญสาธุการพระเยซู เชิญสาธุการพระเยซู
เชิญสาธุการพระเยซู ผู้ทรงพระคุณ
   (“O Come, All Ye Faithful,” translated by Frederick Oakeley, 1802-1880)

และถ้าคุณยังไม่ได้รับความรอด จงมาหาพระองค์! วางใจในพระองค์และพระองค์จะทรงอภัยบาปของคุณ และชำระล้างคุณด้วยโลหิตอันมีค่าของพระองค์! อาเมน ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: มัทธิว 2:7:10
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“We Three Kings” (by John H. Hopkins, Jr., 1820-1891)


โครงร่างของ

ของขวัญของนักปราชญ์

THE GIFTS OF THE WISE MEN

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“ครั้นพวกเขาเข้าไปในบ้านก็พบกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงกราบถวายนมัสการกุมารนั้น แล้วเปิดหีบหยิบทรัพย์ของเขาออกมาถวายแด่กุมารเป็นเครื่องบรรณาการ คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ” (มัทธิว 2:11)

(ดาเนียล 2:27; มัทธิว 2:9, 2; 2 โครินธ์ 6:17, 18)

I. ประการแรก พวกเขาเข้ามาในบ้าน ลูกา 2:7, 24; มัทธิว 2:10, 9; อพยพ 13:21.

II. ประการที่สอง พวกเขานั่งลงและนมัสการพระองค์ ยอห์น 1:14; มัทธิว 28:17; ลูกา 24:52.

III. ประการที่สาม พวกเขามอบของขวัญแด่พระองค์ ยอห์น 19:39.