เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
หนังสือแห่งลมหายใจของพระเจ้าTHE GOD-BREATHED BOOK โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็น วันของพระเป็นเจ้าที่ 30 เดือนพฤษจิกายน ค.ศ. 2014 ณ “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี การอบรมในเรื่องความชอบธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะดีรอบคอบ พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16, 17) |
ผมเคยได้รับฉายาว่า "ผู้ก่อความวุ่นวาย" โดยนักเทศน์ผู้ที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริง ผมยังถูกเรียกว่า "บ้าคลั่ง" โดยนักเทศน์ที่ต้องการเพียงแค่รักษาหน้าที่การงานของพวกเขาเท่านั้น ผมก็ยังถูกเรียกว่า "คนสร้างปัญหา" โดยบางคนที่มีวัตถุประสงค์ก็เพื่อเพียงเอาใจสมาชิกในคริสตจักรของพวกเขาเท่านั้น และใช่ผมยังได้อีกฉายาว่า "หัวรุนแรง" โดยผู้นำคริสตจักรที่ไม่เคยสนใจพระคัมภีร์แม้แต่น้อย! การยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานของพระคัมภีร์กับผมแล้วตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ผมกล่าวเอาไว้เสมอว่าพระคัมภีร์ทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนถึงจบเป็นพระคำของพระเจ้า ทุกถ้อยคำทั้งในภาษาฮีบรูและกรีกล้วนได้รับ "การดลใจจากพระเจ้า" (2 ทิโมธี 3:16) ผู้นำคริสตจักรของแบ็บติสต์ใต้บอกว่า ผมเป็น "ตัวต่อต้าน" และจะไม่มีวันมีคริสตจักรเป็นของตัวเอง ถ้าผมขืนยังพูดอย่างนั้น! จากนั้นผมกลายเป็นฟาดาเมนทอร์ของแบ๊บติส – และพวกฟาดาเมนทอร์จึงเริ่มโจมตีที่พูดในสิ่งเดียวกันกับพวกเสรีนิยมอย่างที่พวกแบ็บติสต์ใต้ต่อต้านกัน! ราคเมนนิยม หรือ Ruckmanism เชื่อว่าพระคัมภีร์ฉบับคิงเจมส์ที่เป็นภาษาอังกฤษนั้นได้รับการดลใจแบบผิดไป บางคนยังกล่าวเกินไปกว่านั้น โดยบอกว่าคำภาษาอังกฤษในฉบับ KJV นั้นมีความหมายตรงกับฉบับในภาษากรีกและฮีบรูมากที่สุด ความคิดแปลกเหล่านี้ต้องเป็นของซาตานแน่นอน เพราะหารู้ไหมว่าก่อนหน้าปี 1950 ไม่เคยมีใครเชื่ออย่างนั้น แต่พึ่งจะได้รับความนิยมในยุคของ ดร. ปีเตอร์ เอ ราคเมน (1921) ราคเมนนิยมทำให้มีการแตกแยกในหมู่แบ็บติสต์ฟาดาเมนทอร์อิสระ ผมได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ นั่นคือหนังสือที่เรียกว่า "เปิดปมราคเมนนิยม" ซึ่งสามารถติดต่อผมถึงหนังสือเล่มนี้โดยอีเมล์มาให้ผมเที่rlhymersjr@sbcglobal.net การแปลพระคัมภีร์เป็นภาษาอื่นนั้นแปลโดยตรงจากฉบับ KJV ที่เป็นภาษาอังกฤษมากกว่าที่เป็นภาษาฮีบรูและกรีก ไม่ว่าภาษาสเปน ภาษาเกาหลี ภาษารัสเซียและภาษาอื่น ๆ นี่จึงสามารถยืนยันได้ว่าคำสอนของหลักราคเมนนิยมที่ขยายไปทั่วโลกนั้นเท็จ นั่นเป็นเพราะว่าถูกมารเข้าครอบงำจิตใจให้สอนอย่างนั้น เพราะอารมณ์ที่โกรธพวกราคเมนนิยม ทำให้ผมต้องเลิกพูดต่อสู้ที่พระคริสตธรรมแบ๊บติส เพราะโกรธนักเทศน์ในมหานครนิวยอร์ก ทำให้ผมต้องพูดอย่างนั้น ลูกชายเพื่อนสนิทของภรรยาของผม ได้ไปร่วมคริสตจักรที่นั่น ไม่นานเด็กคนนี้ก็ลาออกจากคริสตจักรแห่งนั้นอย่างคนที่ยังไม่ได้รับความรอดแม้กระทั่งทุกวันนี้ ผมรู้สึกปวดหัวกับพวกเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยมในทุกๆทุกด้าน ที่ยืนยันว่าตามประวัติศาสตร์พระคัมภีร์ภาษากรีกและฮีบรูเท่านั้นที่ได้รับการดลใจ แล้วจึงแปลออกมาเป็นฉบับคิงเจมส์! ตอนเรียนที่สองพระคริสตธรรมของพวกเสรีนิยม ผมเอาฉบับ KJV เข้าไปในห้องเรียน ส่วนนักศึกษาคนอื่น เอาฉบับแก้ไขปรับปรุง หรือ the Revised Standard Version ซึ่งเป็นฉบับแปลของพวกเสรีนิยม แม้กระทั่งในทุกวันี้ ผมยังใช้ฉบับ KJV ในการเทศนาและสั่งสอนทุกครั้ง ดร. มาร์ติน ลอยด์โจนส์กล่าวว่าความคิดที่ว่าเราจะต้องมีฉบับแปลใหม่ "... คือว่าไม่มีอะไร นอกจากไร้สาระเท่านั้น!" ท่านกล่าวว่าคนไม่หยุดอ่านพระคัมภีร์ "ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่สามารถเข้าใจในภาษาของตน แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่เชื่อในนั้น พวกเขาไม่เชื่อพระเจ้า ... ปัญหาของพวกเขาไม่ใช่อยู่ที่ภาษาและคำศัพท์ แต่เป็นสภาพของจิตใจ" (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Knowing the Times, The Banner of Truth Trust, 1989, pp. 112, 114) ผมถูกสอนเสมอว่าพระคัมภีร์ในภาษาฮีบรูและกรีกได้รับการดลใจทั้งหมด ผ่านทางการตรัส นั่นคือสิ่งที่อัครทูตเปาโลกล่าวในพระธรรมข้อนี้ “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี การอบรมในเรื่องความชอบธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะดีรอบคอบ พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16, 17) ผมรับใช้มานานกว่าหกสิบปีและผมไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนใจไปอย่างอื่น! เอามันออกไปหรือปล่อยมันทิ้ง! นั่นคือสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวเอาไว้! I. ประการแรก ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ได้รับ "การดลใจจากพระเจ้า" ภาษากรีกแปลคำว่า "การดลใจ" ไปเป็น "theopneustos" ซึ่งหมายความว่า "พระเจ้าทรงหายใจ" พระวจนะคือ "ลมหายใจของพระเจ้า" อัครสาวกเปโตรบอกเราว่า ผู้เขียนพระคัมภีร์ "กล่าวคำตามที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ทรงดลใจ" (2 เปโตร 1:21) ภาษากรีกแปลว่า "ย้าย" ซึ่งมาจากคำว่า "phero" นั่นหมายถึง "ทรงนำ" จาก 2 ทิโมธี 3:16 และ 2 เปโตร 1:21 เราจะเห็นว่าเป็นการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือดลใจผู้เขียนให้เขียนตามที่พระเจ้าตรัส – ทรงหายใจออกมาเป็นถ้อยแห่งพระวจนะ ยกตัวอย่างเช่นในเยเรมีย์ 1: 9 เราอ่าน “แล้วพระเยโฮวาห์ทรงเหยียดพระหัตถ์ของพระองค์ถูกต้องปากข้าพเจ้า และพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ดูเถิด เราเอาถ้อยคำของเราใส่ในปากของเจ้า” (เยเรมีย์ 1:9) พระเยซูเองได้ทรงตรัสเอาไว้ล่วงหน้า เป็นแบบดลใจให้เขียนเป็นพันธสัญญาใหม่ ตอนพระองค์ตรัสว่า “ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ถ้อยคำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย” (มาระโก 13:31) ไม่ใช่พระเจ้าให้ความคิดเห็นต่างๆเอาไว้ในพระคัมภีร์ ไม่ใช่ความคิดใดๆที่พระเจ้าทรงให้เอาไว้ในพระคัมภีร์ แชต่เป็นพระคำที่พระเจ้าทรงหายใจออกมา! เป็นพระคำที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเคลื่อนไหวในตัวผู้เขียนให้เขียนตามนั้น! และผู้ทรยศทั้งหลายต่างก็ต่อต้านพระคำที่เป็นพระคัมภีร์ที่นำมาซึ่งความยุติธรรม "เพราะเขากบฏต่อพระวจนะของพระเจ้า" (สดุดี 107:11) กษัตริย์ชั่วร้ายเยโฮยาคิมได้ถามบารุคตอนที่พระองค์ทรงพบหนังสือของเยเรมีย์ บารุคตอบว่าผู้เผยพระวจนะ "ท่านได้บอกถ้อยคำเหล่านี้ทั้งสิ้นแก่ข้าพเจ้า...ฝ่ายข้าพเจ้าก็เขียนมันไว้ด้วยหมึกในหนังสือม้วน" (เยเรมีย์ 36:18) อย่าไปหลงเชื่อคนที่บอกคุณว่าพระคำไม่ใช่เป็นการดลใจ! ทั้งถ้อยคำในภาษาฮิบรูพันธสัญญาเดิมและถ้อยคำในพันธสัญญาใหม่ที่เป็นภาษากรีก - ทุกๆถ้อยคำทั้งหมดในพระคัมภีร์ - คือ "ลมหายใจของพระเจ้า" ที่ออกมาเป็นพระคำ! "พระคัมภีร์ทุกตอนเป็นการดลใจของพระเจ้า" (2 ทิโมธี 3:16) และนั่นคือนำเราไปที่ประการที่สอง II. ประการที่สอง ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ทั้งหมดล้วนเป็นการดลใจของพระเจ้า “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า...” (2 ทิโมธี 3:16) นั่นหมายความว่าทั้งหมดที่เป็นภาษาฮีบรูและภาษากรีก ซึ่งนับตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงวิวรณ์ต่างเป็นการดลใจให้เขียนโดยพระเจ้า เป็นพระคำที่พระเจ้าทรงหายใจออกมา พระคำเหล่านั้นคือลมหายใจของพระองค์เปนักวิชาการต่างก็เรียกว่า "การดลใจคือวาจาออกมาเป็นพระวจนะ" "วาจา" หมายถึงคำพูดนั่นเป็นเพราะได้รับการดลใจ "Plenary" หมายถึง "ทั้งหมด" พระคัมภีร์ทั้งหมดเป็นการดลใจ หรือให้มาโดยการดลใจ ดร. ดับบริว เอ คริสเวลล์ ศิษยาถิบาบผู้ยิ่งใหญ่ที่คริสตจักรแบ๊บติสต์ที่หนึ่งแห่งดัลลัส เท็กซัส กล่าวว่า "เป็นความเข้าใจที่สมบูรณ์ในแง่ที่ว่า พระคัมภีร์ทุกถ้อยคำเป็น theopneustos คือเป็นลมหายใจของพระเจ้าทั้งหมด และเป็นคำพูดที่เข้าใจในทุกแง่ทุกจุดทุกอนุภาคเพราะเป็นการดลใจ ... " (W. A. Criswell, Ph.D., The Bible for Today’s World, Zondervan Publishing House, 1967 edition, p. 49) พระเยซูตรัสว่า “เพราะเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถึงฟ้าและดินจะล่วงไป แม้อักษรหนึ่งหรือจุด ๆ หนึ่งก็จะไม่สูญไปจากพระราชบัญญัติ จนกว่าจะสำเร็จทั้งสิ้น” (มัทธิว 5:18) "เล็กๆ" หมายถึงตัวอักษรที่เล็กสุดที่พบในภาษาฮิบรู เหมือนเครื่องหมายจุลภาคซึ่งจะเล็กมาก ๆ "เล็กๆ" จึงเป็นการกล่าวถึงเครื่องหมายเล็ก ๆ บนตัวอักษรฮีบรู แม่ว่าตัวอักษรเล็กๆในพระคัมภีร์ที่เป็นภาษาฮิบรู ก็ยังเป็นการดลใจของพระเจ้า! ตอนที่ผมถือพระคัมภีร์เล่มนี้อยู่ในมือ ผมกำลังถือสมบัติอันล้ำค่า เพราะเป็นพระคำที่เป็นลมหายใจของพระเจ้าของเราและมีการแปลแบบคำต่อคำ! ที่ผมถืออยู่ในมือของผมนี้คือบทแปลที่เป็นคำตรัสของพระเจ้า! ถ้าผมอยากจะรู้ว่าพระเจ้าทรงคิดอย่างไรนั้น ผมก็เปิดพระคัมภีร์และอ่านคำดลใจเหล่านั้น ออกเสียง และผมต้องไม่ "บิดเบือน" พระคำนั้น ผมต้องยึดถือตามความหมายในนั้น ตอนพระเจ้าทรงตรัสให้กับต้นไม้ พระองค์หมายความตามนั้น ตอนพระองค์ตรัสให้แท่นบูชาก็หมายถึงแท่นบูชา นั่นคือสิ่งที่ผมผิดหวังในตัวของ ดร. แมคอาเธอ ท่านพูดสิ่งดีๆเอาไว้หลายอย่าง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านกล่าวผิดคือบอกว่า "โลหิตเป็นคำที่ใช้แทนความตาย" (The MacArthur Study Bible; note on Hebrews 9:14) ท่านกล่าวอย่างนี้ว่า "พระโลหิตของพระคริสต์จะชำระให้มากเท่าไหร ... ถึงจะสามารถชำระล้างจิตใต้สำนึกของคุณจากการประพฤติกรรมที่ตายแล้ว" แต่ตั้งแต่ที่ผมเชื่อว่าในการดลใจคือคำตรัสออกมาเป็นพระคัมภีร์ ผมถึงรู้ว่าเขาผิดที่บอกว่า "พระโลหิต" ของพระคริสต์คือใช้ "แทนความตาย" ผิดตรงไหน! ความจริงคือว่าการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ไม่ได้ชำระล้างจิตใต้สำนึกของเรา โอ้ไม่ใช่อย่างนั้น! เฉพาะพระโลหิตของพระคริสต์เท่านั้นที่สามารถทำเช่นนั้น! ข้อผิดพลาดของท่านคือแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่สำคัญมากก็คือทำให้ทราบว่าทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์เป็นการดลใจ – ถูกส่งมาจากพระเจ้ารวมทั้งสิ่งที่น้อยนิด!เช่นคำที่พบในภาษากรีก ในพระธรรมฮีบรู 9:14 คือ "Haima" ซึ่งหมายถึง "โลหิต" ในภาษาอังกฤษของเราคือ "hemorrhage" (ปล่อยเลือดไหลออกมามาก) คำนี้ในภาษากรีกคือ “Hematology” ในทางการแพทย์หมายถึงการศึกษาเกี่ยวกับเลือด ทั้งสองคำในภาษาอังกฤษนี้มาจากภาษากรีกคือ "Haima" คำนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ดร. แมคอาเธอ ผิดเมื่อเขากล่าวว่า "เลือดถูกใช้แทนคำว่าตาย" – คำว่า Haima ในภาษากรีกหมายถึงเลือด! ไม่ได้หมายถึง "ความตาย" ภาษากรีกคำว่าความตายคือ "ทานาตอส" จากภาษากรีกมาเป็นภาษาอังกฤษคือ "เอนธนาเซีย" คำว่า "ธนา" เป็นส่วนหนึ่งของคำในภาษาอังกฤษมาจาก "ธนาตอส" และหมายถึง "ความตาย" "Eu" ในภาษากรีกหมายความว่า "ดี" ดังนั้น "นาเซีย" หมายความว่า "ความตายที่ดี" นั่นคือวิธีที่พวกเสรีนิยมนำมาพูดถึงกาฆ่าตัวตาย จุดสำคัญคือ - "Haima" หมายถึงเลือด "ธนาตอส" หมายถึงความตาย แมคอาเธอพูดผิดว่า "เลือดจะถูกใช้แทนคำว่าตาย" อัครสาวกเปาโลหมายถึง "เลือด" แต่ถ้าเขาหมายถึง "ความตาย" เขาน่าจะใช้ภาษากรีกด้วยคำว่า "ธนาตอส" พวกนักการปฏิรูปได้ศึกษาพระคัมภีร์แล้วกล่าวว่า "ไม่ ... ใช่วิธีการเพ้อฝันที่ไม่สนใจสิ่งผู้เขียนเดิมได้แสดงความหมายออกมาอย่างเหมาะสม" (อ้างจากหน้า 844, “เข้าใจพระคำของพะเจ้า”) ผมคิดว่าดร. แมคอาเธอเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนคำว่า "เลือด" เป็น "ความตาย" จากพันเอก อาร์ บี ติม ผมอยู่ที่นั่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 1961 และเห็นด้วยตาตัวเอง ผมเห็นชายหนุ่ม จอห์น แมคอาเธอเขียนคำบรรยายเหล่านี้เอาไว้ ตามที่ติมกล่าวว่า "เลือดจะถูกใช้แทนคำว่าตาย” แน่นอนนักวิชาการหลายคนรู้จักกับพันเอกติมดีว่าท่านกล่าวคำนี้ผิดไป ดูเหมือนพันเอก ติม จะเกลียดชังและไม่ชอบโลหิตของพระเยซูคริสต์เอาเสียเลย และความผิดของเขานี้ตกลงมาสู่พวกเราโดยผ่านทาง ดร. แมคอาเธอ อย่าให้เราบิดเบือนภาษากรีกคำใดคำหนึ่งไปเป็นอย่างอื่น "นักเขียนต้นฉบับแสดงความหมายเอาไว้แล้ว" (Reformation Study Bible, ibid.) ผมใช้ปัญหาของ ติม และ แมคอาเธอ มาพูดเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของคำตรัสที่เป็นการดลใจออกมาเป็นพระคัมภีร์ ตามคำสอนที่ว่าทุกลมหายใจของพระเจ้าออกมาเป็นพระวจนะทั้งในภาษาฮีบรูและกรีก ดร. ฮาโรลด์ ลินเซลล์ เป็นนักวิชาการและเป็นผู้ต่อต้านการพูดใส่ร้ายพระคัมภีร์เอาไว้ในหนังสือของท่านที่ชื่อว่า การต่อสู้เพื่อพระคัมภีร์ หนังสือที่สำคัญในยุคของเรานี้คือการต่อสู้เพื่อพระคัมภีร์ ดร.ลินเซลล์ กล่าวว่า "การดลใจได้มีการขยายออกไปในทุกส่วนของการเขียนพระคำของพระเจ้า และรวมถึงการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้แต่ช่วงการคัดเลือกคำในพระคัมภีร์" (Harold Lindsell, Ph.D., The Battle for the Bible, Zondervan Publishing House, 1978 edition, p. 31; emphasis mine) แน่นอน ดร.ลินเซลล์ อ้างถึงภาษาฮีบรูและภาษากรีกตอนที่กล่าวว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำผู้เขียนพระคัมภีร์ "แม้แต่ตอนเลือกคำพูดของพระคัมภีร์" ดร. เฮนรี เอ็ม มอร์ริส กล่าวว่า อาจารย์เปาโล " ยืนยันอย่างหนักแน่นเหลือเกินเรื่องการดลใจด้วยคำตรัส" เอาไว้ในพระธรรมกาลาเทีย 3:16 เขาบอกว่าเปาโลได้โต้แย้งโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานนี้ "ใช่เป็นเพียงแค่คำหนึ่ง แต่ตัวอักษรเดียว 'เชื้อสายเดียว' แทนที่จะเป็น 'หลายเชื้อสาย'” (Henry M. Morris, Ph.D., The Defender’s Study Bible, World Publishing, 1995 edition, p. 1296; note on Galatians 3:16; emphasis mine) ผมเห็นด้วยกับดร. ลินเซลล์ และดร. มอร์ริส ผมรู้จักกับทั้งสองและพวกเขาก็กล่าวถูก นั่นคือเหตุผลที่ผมกังวลมากถึงประโยคของ ดร. แมคอาเธอ ที่กล่าวว่า "เลือดจะถูกใช้แทนคำว่าตาย" เราต้องไม่ทำอย่างนั้น ถ้าเราเชื่อว่าพระคัมภีร์คือการดลใจ พระเจ้าทรงหมายถึงอย่างนั้นตามที่ตรัสเอาไว้ในพระคัมภีร์ และคุณสามารถเชื่ออย่างไร้ข้อสงสัยในพระคัมภีร์ที่กล่าวไว้ในภาษาฮีบรูและกรีก พระเยซูตรัสว่า "มนุษย์จะได้มีชีวิตอยู่ด้วยอาหารสิ่งเดียวก็หามิได้ แต่ด้วยุกถ้อยคำพูดที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า" (มัทธิว 4:4; พระคริสต์อ้างมาจากสดุดี 8:3) เวลาที่คุณอ่านพระคัมภีร์โปรดจำไว้ว่าคุณกำลังอ่านพระวจนะของพระเจ้า เมื่อคุณอ่านพระคำ "เชื่อในพระเยซูคริสต์เจ้าและท่านจะรอดได้" คุณต้องวางใจสิ่งที่พระเจ้าตรัสเอาไว้ในกิจการ 16:31 ในเวลาที่คุณเอง "เชื่อในองค์พระเยซูคริสต์" คุณจะรอดพ้นจากบาปของคุณโดยพระบุตรของพระเจ้า เมื่อคุณอ่านพระคำของพระเยซู "ผู้ที่มาหาเรา เราจะไม่ทิ้งเขาเลย" คุณสามารถมั่นใจได้เลยว่าในยามที่คุณมาที่พระเยซู ไม่มีวันที่พระองค์จะทอดทิ้งคุณ (ยอห์น 6:37) ตอนที่คุณอ่านพระคำของพระเยซู "บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลายหายเหนื่อยเป็นสุข" คุณสามารถแน่ใจได้ว่าเมื่อคุณมาถึงพระเยซู พระองค์จะทรงทำในส่วนที่เหลือ (มัทธิว 11:28 ) ตอนที่คุณอ่านพระคำของพระเยซู "เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกยิ่งนัก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ที่บังเกิดมา เพื่อผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" คุณต้องมั่นใจว่า ตัวคุณจะไม่พินาศ แต่จะมีชีวิตนิรันดร์เมื่อคุณเชื่อในพระองค์ (ยอห์น 3:16) เมื่อคุณอ่านพระคำ "ท่านผู้นี้มาเพื่อเป็นพยาน เพื่อเป็นพยานถึงความสว่างนั้น เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน" (ยอห์น 1: 7) “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี การอบรมในเรื่องความชอบธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะดีรอบคอบ พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16, 17) ถ้าคุณเชื่อว่าทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์เป็นความจริง แล้วทำไมไม่วางใจพระเยซูให้ช่วยคุณรอดพ้นจากบาปของคุณ? ถ้าคุณเชื่อในสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสไว้ คุณต้องวางใจพระบุตรของพระองค์ผู้ทรงรักและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อให้คุณให้รอดพ้นจากบาป ความตายและนรก! จงพูดตามบทเพลงเก่าดีๆนี้ พระเจ้าข้าฯกำลังมา! ชำระข้าฯ ทำความสะอาดข้าฯด้วยโลหิต อาเมน ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: 2 ทิโมธี 3:12-17. |
โครงร่างของ หนังสือแห่งลมหายใจของพระเจ้า THE GOD-BREATHED BOOK โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี การอบรมในเรื่องความชอบธรรมเพื่อคนของพระเจ้าจะดีรอบคอบ พรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง” (2 ทิโมธี 3:16, 17) I. ประการแรก ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ได้รับ "การดลใจจากพระเจ้า" 2 เปโตร 1:21; เยเรมีย์ 1:9; มาระโก 13:31; สดุดี 107:11; เยเรมีย์ 36:18. II. ประการที่สอง ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ทั้งหมดล้วนเป็นการดลใจของพระเจ้า มัทธิว 5:18; 4:4; กิจการ 16:31; ยอห์น 6:37; มัทธิว 11:28; ยอห์น 3:16; I ยอห์น 1:7. |