Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




พระเจ้าแห่งการฟื้นฟู

(บทเทศนาถึงการฟื้นฟูครั้งที่ 14)
THE GOD OF REVIVAL
(SERMON NUMBER 14 ON REVIVAL)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 2 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Evening, November 2, 2014

“โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์ ดังเมื่อไฟที่ทำให้ละลายไหม้อยู่ และไฟกระทำให้น้ำเดือด เพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่ปฏิปักษ์ของพระองค์ เพื่อบรรดาประชาชาติจะสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:1-3)


คนอิสราเอลอยู่ในสภาพที่เลวร้าย พวกเขากลัวและทุกข์ใจ แต่ผู้พยากรณ์อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงเรียกพวกเขากลับคืนมา เขาเตือนพระเจ้าถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำในอดีตที่ผ่านมา เขาได้ขอร้องพระเจ้าให้ทรงกระทำอย่างนั้นอีกครั้ง พระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์เท่านั้นทรงเป็นอย่างนั้นเมื่อวาน วันนี้และตลอดไป สิ่งที่พระองค์เคยทรงทำในอดีตปัจจุบันก็ทรงสามารถทำได้อย่างนั้น ดังนั้นผู้เผยพระวจนะจึงนึกถึงพระเจ้าดังนี้ว่า

“เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:3)

เราเห็นสามอย่างในพระธรรมข้อนี้

I. ประการแรก การทรงสถิตของพระเจ้าคือความหวังสุดท้ายของเรา

อิสยาห์เห็นอย่างนี้ตามที่เขาอธิษฐานในข้อที่หนึ่ง "โอ้พระเจ้าทรงแหวกฟ้าสวรรค์และลงมา" (อิสยาห์ 64: 1) ก่อนหน้านี้เขาอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรง "มองลงมาจากสวรรค์" (อิสยาห์ 63:15) คำอธิษฐานของเขาก็เกิดผล เขาเริ่มต้นด้วยการขอให้พระเจ้าทรงมองลงมา แต่ตอนนี้เขาร้องไห้ออกมาว่า "ลงมา" ตอนนี้เขาได้อธิษฐานขอพระเจ้าทรงฉีกท้องฟ้าออกเป็นสองซีก - และเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยคนของพระองค์

พระคริสต์ทรงเปิดทางให้เรามาถึงที่พระเจ้า พระองค์ไม่ได้ยกม่านในพระวิหารขึ้น ไม่เลย! แต่พระองค์ทรงฉีกม่านออกเป็นสองท่อนจากบนลงล่าง ดังนั้น ทางมาที่พระเจ้านั้นถูกเปิดไว้ตลอดไป! พระคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์โดยทางที่เปิดไว้นี้! และทางสวรรค์ที่เปิดไว้นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ลงมาสู่คริสตจักรในวันเพนเทคอส

เราควรอธิษฐานขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาอีกครั้ง! ในวันนี้ขอให้เราอธิษฐานด้วยสิ้นสุดใจของเรา ขอให้พระเจ้าเสด็จลงมาสถิตท่ามกลางพวกเรา! ศิษยาภิบาลที่ยาวนานของที่คริสตจักรจีนคือ ดร. ทิโมธี หลิน ท่านกล่าวว่า

         ในช่วงเวลาของพระคัมภีร์เก่า [ต้องการ] ให้คนของพระเจ้ารับพระพร ผ่านทางการทรงสถิตของพระเจ้า ...
         ตัวอย่างที่ดีก็คืออิสอัค ในช่วง [เวลา] ของเขาในดินแดนของปาเลสไตน์ เขาสามารถเก็บเกี่ยวหนึ่งร้อยท่ามกลางการเหยียดผิวและการประหัตประหาร - เพราะการทรงสถิตของพระเจ้า ... แม้กษัตริย์ของชาวปาเลสไตน์ยังพูดให้กับเขาว่า “พวกเราเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพระเยโฮวาห์ทรงสถิตกับเจ้า” (ปฐมกาล 26:28)...
         เรื่องจริงเกี่ยวกับโจเซฟ ถูกขายให้กับคนต่างประเทศและไปเป็นทาส ... และถูกขังไว้ในคุกอย่างไม่เป็นธรรม สุดท้ายโยเซฟสามารถสลักผ้าในเรือนจำ [เสื้อผ้า] ออก และกลายมาเป็นผู้ปกครองแผ่นดินอียิปต์ มีอยู่เหตุผลเดียว [เท่านั้น] นั่นคือพระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเขา “พัศดีไม่ได้เอาใจใส่การงานใด ๆ ที่มอบไว้ในมือของโยเซฟ เพราะเหตุพระเยโฮวาห์ทรงสถิตอยู่กับเขา และการงานใด ๆ ที่เขากระทำพระเยโฮวาห์ก็ทรงโปรด” (ปฐมกาล 39:23)...
         ความสำคัญของการทรงสถิตของพระเจ้ายังปรากฏชัดเจนในช่วงคริสตจักรยุคต้น ... ความลับของการเติบโตของคริสตจักรในช่วงยุคต้น คือการทรงสถิตของพระเจ้าและการทำงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ นั่นคือหลักฐานที่แสดงอย่างขัดเจนถึงการทรงสถิตของพระเจ้า คริสตจักรในยุคสุดท้ายจะต้องมีการทรงสถิตของพระเจ้า ถ้าคริสตจักรนั้นประสงค์ที่จะเติบโต หรือความพยายามทั้งหมดนั้นจะไร้ประโยชน์ (Timothy Lin, Ph.D., The Secret of Church Growth, FCBC, 1992, pp. 2-6)

“โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์...” (อิสยาห์ 64:1)

พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโมเสส - และพระเจ้าทรงปลดปล่อยคนของพระองค์ออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเขาขณะที่เดินผ่านถิ่นทุระกันดาร พระองค์ทรงสถิตในเสาเมฆและเสาไฟและนำพวกเขาในถิ่นทุระกันดาร ตอน "พระเจ้าทรงอยู่กับเรา" ถูกบันทึกไว้ในแบนเนอร์ของอิสราเอล พวกเขาเอาชนะจากทะเลหนึ่งไปสู่อีกทะเลหนึ่ง ตอนที่พวกเขาห่างจากพระเจ้าพวกเขาก็กลายเป็นชนชาติที่อ่อนแอ และกลายเป็นทาสในบาบิโลน การทรงสถิตของพระเจ้าคือพระสิริของอิสราเอล แต่ยามที่ไม่มีพระเจ้าพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเลย

วันเวลาเหล่านี้มืดมนและน่ากลัว คริสตจักรของเราอ่อนแอ นักเทศน์ของเราไม่มีอำนาจ เราอยู่ที่นี่ในใจกลางเมืองที่ใหญ่และเต็มไปด้วยความชั่วร้าย – โลกตะวันตกที่มืดมนและเลวร้ายป่าเถื่อน! กองกำลังแห่งนรกเลวร้ายเข้มแข็งได้หยุดเรา แต่พระเจ้าทรงอยู่กับเรา! ตอนนี้อาคารคริสตจักรของเราจ่ายหมดแล้ว – และนั่นคือการปาฏิหาริย์! พระเจ้าทรงอยู่กับเราและตอนนี้บทเทศนาเหล่านี้ส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ตไปให้ 80,000 คนในทุกเดือน! พระเจ้าทรงอยู่กับเรา แต่ตอนนี้เราต้องนำคนหนุ่มสาวมากเท่าที่มากได้ และสร้างคริสตจักร คุณอาจจะพูดว่า "มันดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้" ใช่ ผมทราบถึงความรู้สึกนี้ดี แต่ความรู้สึกนั้นมาจากฝ่ายเนื้อหนังและจากซาตาน เราต้องจำสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำให้เราในอดิต ตอนที่ทรงช่วยสร้างคริสตจักรของเรา และคนหนุ่มสาวต้องอธิษฐานอย่างที่ไม่เคยอธิษฐานมาก่อน เพื่อพระเจ้าจะทรงสถิตในการประกาศ และการนมัสการของเรา!

“โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์...” (อิสยาห์ 64:1)

การทรงสถิตของพระเจ้าเป็นความหวังเดียวของเรา! ไม่มีใครจะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่มีใครกลับใจใหม่ ไม่มีสมาชิกคนไหนในคริสตจักรของเราที่จะเข้มแข็งได้ – นอกเสียจากพระเจ้าจะเสด็จจากสวรรค์ลงมาสถิตท่ามกลางของเรา!

II. ประการที่สอง การทรงสถิตของพระเจ้าสร้างความแปลกประหลาด

พระวจนะกล่าวว่า "เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์" ฉบับแปลปัจจุบันแปลคำว่า "น่ากลัว" ไปเป็น "น่าประทับใจ" แต่ผมไม่สนใจคำนั้น มันอาจจะดีกว่าถ้าจะแปลว่า "เป็นสิ่งที่แปลกที่เราไม่ควรมอง" ชาวอิสราเอลมักจะกล่าวว่า “พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงกระทำการมหัศจรรย์” (สดุดี 77:14)

คุณเคยคิดหรือเปล่าว่า คนอิสราเอลจะคิดว่าจะต้องเดินผ่านทะเลแดง เดินท่ามกลางสายน้ำที่ถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง? พวกเขาสามารถเดินไประหว่างนั้น – และชาวอียิปต์ที่ไล่ติดตามพวกเขาได้จมน้ำ เพราะน้ำกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าพวกเขาจะคิดว่าจะมีไฟส่องสว่างทั่วค่ายของพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร? ไฟนั้นส่องสว่างทุกคืน ตอนที่พวกเขาหิวพวกเขาเคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีมานาตกมาจากสวรรค์? ตอนที่พวกเขากระหายน้ำ พวกเขาเคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีน้ำไหลออกมาจากหิน? ตอนที่พวกเขาเดินไปรอบ ๆ เมืองเยรีโค พวกเขาคาดหวังมาก่อนหรือเปล่าว่ากำแพงเมืองพังลงเมื่อพวกเขาเป่าแตรและตะโกน? ไม่เลย ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเต็มไปด้วยสิ่งน่ากลัว และการทรงบันดาลใจอย่างที่เรียกว่า "ซึ่งเราไม่ได้มอง" ตอนที่พระเจ้าทรงลงมา

จะมีใครหรือเปล่าที่คิดมาก่อนว่าพระเจ้าจะเสด็จลงมาในสภาพของพระเยซูคริสต์? จะมีใครหรือเปล่าที่คิดว่ำพระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน "ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อพระองค์จะได้ทรงนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า? (1 เปโตร 3:18) จะมีคนเคยคิดหรือเปล่าว่าพวกสาวกที่ขี้กลัวซ่อนตัวอยู่ในห้องหลังก้อนหินจะออกไปประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไปทั่วอาณาจักรของโรมัน? จะมีคนหรือเปล่าที่คิดสักนิดว่า เกาะที่ไร้อาวุธภายใต้การนำโดยชายชราคนหนึ่งได้ต่อสู้กับฮิตเลอร์และกองทัพอันยิ่งใหญ่ของเขา - และได้รับชัยชนะ? มีใครเคยคิดหรือเปล่าว่าชาวยิวที่กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วโลกจะกลับไปที่อิสราเอลหลังจากสองพันปีที่ถูกเนรเทศ? มีใครหรือเปล่าที่คิดว่าประเทศเล็ก ๆ อย่างอิสราเอลจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ประเทศที่เต็มไปด้วยชาวมุสลิมมานานกว่าหกสิบปี? มีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าคริสเตียนชาวจีนจะสามารถทนทุกข์นานกว่าครึ่งศตวรรษภายใต้การกดขี่ข่มเหงจากเมาเซตุงและทหารจีนแดงของเขา? มีใครที่จะคิดว่า "คริสตจักรตามบ้าน" ของพวกเขาได้จุดประกายไฟแห่งการฟื้นฟูได้อย่างยิ่งใหญ่และถือเป็นประวัติศาสตร์ของโลก? มีใครเคยคิดมาก่อนว่าการรวมตัวกันของผู้เชื่อสามารถนำดวงวิญญาณของพวกเสพยาและสูบบุหรี่ฮิปปี้ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และต้นยุค 70? มีใครหรือเปล่าที่คิดว่าคริสตจักรของเราอยู่รอดได้อย่างไรกันหลังมีการแตกแยกแยกคริสตจักรซึ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยิน? จะมีใครหรือเปล่าที่คิดว่าแค่สามสิบเก้าคนสามารถรวบรวมเงินหนึ่งหมื่นหกพันดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อนำมาใช้จ่ายอาคารหลังนี้? มีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าพระเจ้าทรงส่งภรรยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกมาเป็นภรรยาศิษยาภิบาลอย่างผม? มีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าผมจะมีลูกชายสองคนที่เข้มแข็งและมาโบสถ์ในทุกวันอาทิตย์? จะมีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าพระเจ้าจะส่งคนที่มีสอง Ph.Ds และเป็นทั้งนายแพทย์มาเข้าร่วมและนำคริสตจักรของเรา? และจะมีใครหรือเปล่า ในความฝันของพวกเขาจะคิดว่า แม่ของผมที่ยากจนไร้ความสุขจะกลายมาเป็นคริสเตียนที่โดดเด่นตอนอายุแปดสิบ?

“เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา...” (อิสยาห์ 64:3)

ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างที่ไม่มีใครคาดถึง!

พระเจ้าของฉันพระองค์ช่างงามสง่า
จอมราชันพระองค์ช่างเลิศประเสริฐ
พระที่นั่งเมตตาของพระองค์ช่างดีเลิศ
ในระดับลึกแห่งใต้แสงไฟ
ในระดับลึกแห่งใต้แสงไฟ!

ช่างงามสง่าช่างดีเลิศ
สายพระเนตรของพระองค์เป็นอย่างนั้น
ปัญญาไม่มีที่สิ้นสุดอำนาจไม่มีที่สิ้นสุด
และความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่
และความบริสุทธิ์ที่น่าเกรงขาม!
(“My God, How Wonderful Thou Art” by Frederick W. Faber, 1814-1863).

ผมจะแบ่งปันบทเทศนาบางส่วนของ สเปอร์เจียน จากพระธรรมอิสยาห์มาให้พวกคุณในเย็นนี้ ผมจะนำโครงร่างบางส่วนที่เป็นความคิดของท่าน ฉายาของท่านคือ "เจ้าชายแห่งนักเทศน์" ท่านกล่าวว่า

ตอนที่พระเจ้าทรงลงมาอยู่ท่ามกลางพวกเรา พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่เรามองไม่เห็น ... พระองค์ทรงสามารถช่วยกู้คนที่ดื้อรั้นมากที่สุดมาที่พระบาทของพระเยซู [อธิษฐาน] เพื่อพระองค์จะทรงทำเช่นนั้น (C. H. Spurgeon, “Divine Surprises,” MTP, volume XXVI, Pilgrim Publications, 1972 reprint, p. 298)

III. ประการที่สาม การทรงสถิตของพระเจ้านำมาซึ่งชัยชนะต่อปัญหาและอุปสรรคใหญ่

“เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:3)

นี่เป็นประโยคที่กล่าวได้ดีมาก “ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์”

ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาหาพวกอิสราเอล ศัตรูที่ร้ายกาจเหมือนอย่างภูเขาใหญ่ แต่พวกเขาก็เอาชนะเพราะการทรงสถิตของพระเจ้า ตอนพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาในงานฟื้นฟู ใจของผู้คนจะฝักฝ่ายมาหาพระเจ้า! ท่ามกลางพวกเรามีบางคนมีใจแข็งกระด้างอย่างหิน แม้ว่าเราจะอธิษฐานและเทศนาให้กับพวกเขา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมกลับใจ แต่ตอนพระเจ้าเสด็จลงมา ใจที่แข็งกระด้างได้แตกสลายลง หลังจากนั้นพวกเขาก็รับรู้ว่าเป็นคนบาป เวลานั้นพวกเขาก็จะเห็นว่าพระเยซูทรงสามารถช่วยกู้พวกเขาได้ ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาพวกเขาจะรู้สึกว่าต้องการพระโลหิตของพระเยซูชำระพวกเขาให้รอดพ้นจากความผิดบาปของพวกเขา น้ำตาแห่งความเชื่อออกมาเพราะรอดจากความทุกข์ยาก แล้วพวกเขาก็จะรู้ว่าบทกวีนี้ว่าหมายความว่าอย่างไร

เลือนจานหายไปเพราะความเมตตา ข้าฯล้มลงไปที่พื้น และร้องไห้ยกย่องสรรเสริญความเมตตาที่ฉันได้พบ

นั่นคือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นในการฟื้นฟู ดร. ลอยด์ โจนส์ได้ให้ความหมายของการฟื้นฟูไว้ดังนี้

การฟื้นฟูคือการเทพระวิญญาณของพระเจ้า ... นั่นคือพระวิญญาณเสด็จลงมาบนคน

จากนั้นเขาก็พูดถึง โฮเวล แฮร์ริส นักเทศน์ที่ดีแห่งประเทศเวลส์ โฮเวล แฮร์ริสกลับใจใหม่ช่วงที่มีพิธีศิลมหาสนิท ก่อนหน้านั้นเขาต้องต่อสู้กับตัวเองมาเป็นเวลานาน มารพยายามที่จะทำลายความเชื่อของเขา แต่ตอนเขามาร่วมศิลมหาสนิท "ภูเขาในใจถูกยกออกยามที่ [พระเจ้า] ลงมาสถิต" โฮเวล แฮร์ริส กล่าวว่า

โลหิตของพระคริสต์บนไม้กางเขน ถูกเก็บไว้ก่อนที่ตาของฉันอย่างต่อเนื่อง และความแข็งแรงนั้นทรงให้กับฉัน นั่นคือฉันได้รับการให้อภัย [เพราะบาปของฉัน] ภาระของเราถูกวางลง ฉันกลับบ้านด้วยความดีใจ ... เลือนจานหายไปเพราะความเมตตา ข้าฯล้มลงไปที่พื้น และร้องไห้ยกย่องสรรเสริญความเมตตาที่ฉันได้พบ(Martyn Lloyd-Jones, M.D., “Howell Harris and Revival,” The Puritans: Their Origins and Successors, Banner of Truth, 1996 edition, pp. 289, 285)

โฮเวล แฮร์ริส กลายเป็นหนึ่งในนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงมากในยุคฟื้นฟูแรก ถ้าคุณอ่านบันทึกประจำวันของเขา คุณจะเห็นว่ามีการฟื้นฟูเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มีคนกลับใจมากมายตอนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็กลงมาด้วยฤทธิ์อำนาจ แฮร์ริส กล่าวว่า "พลังพายุ [ลมแรงของพระวิญญาณ] ลงมาตอนที่ผมแสดงให้เห็นถึงการสิ้นพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา" "พระเจ้าเสด็จลงมาด้วยฤทธิ์อำนาจ" "พายุแรงลงมาตอนที่ผมกำลังกล่าวถึงความยิ่งใหญ่แห่งความรอด" นักเทศน์คนนี้เทศนาอย่างง่ายๆและมีคนนับพันในประเทศอังกฤษรวมทั้งในเวลส์ได้กลับใจใหม่

คริสตจักรของเราสามารถมีการฟื้นฟูได้หรือไม่ แต่เราต้องการๆฟื้นฟูอย่างจริงจัง ผมได้อ่านหนังสือเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง เขียนโดยผู้หญิงชาวนอร์เวย์ซึ่งเป็นมิชชันนารีที่ประเทศจีนจากปี 1900 จนถึงปี 1927 เธออธิษฐานเพื่อการฟื้นฟูปีแล้วปีเล่า เธออดอาหารและอธิษฐาน ปี 1907 เธอได้อ่านเกี่ยวกับการฟื้นฟูใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลี เธอต้องการให้การฟื้นฟูมาที่ประเทศจีนด้วย เธออยากให้มีการฟื้นฟูจริงๆ แล้วก็มีทันทีท่ามกลางกลุ่มของผู้หญิงชาวจีน จากนั้นก็แพร่กระจายและหลายร้อยคนได้กลับใจใหม่ เพียงแค่ก่อนหน้าที่เธอจะออกจากประเทศจีนและกลับไปยังประเทศนอร์เวย์

ขอให้คริสตจักรของเรามีอย่างนั้นสักนิดหนึ่งได้มั้ย? ใช่ แต่เราต้องอธิษฐานเหมือนอย่างที่เราไม่เคยอธิษฐานมาก่อน เราต้องอธิษฐานเหมือนอย่างอิสยาห์อธิษฐานในข้อแรกดังนี้

“โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:1)

ถ้าคุณยังไม่ได้กลับใจใหม่ เราจะอธิษฐานให้คุณ เราจะอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงลงโทษคุณให้สำนึกในบาปและนำคุณมาที่พระคริสต์

พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชำระบาปของคุณ พระองค์เป็นขึ้นจากความตายและทรงพระชนม์อยู่ในสวรรค์ชั้นที่สามอธิษฐานให้คุณ แต่คุณต้องกลับใจใหม่และวางใจในพระองค์เพื่อช่วยคุณให้รอดพ้นจากความบาปของคุณ

คุณอาจจะพูดว่า "ฉันไม่ใช่คนบาป ฉันเป็นคนดี" แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า "ถ้าเราบอกว่าเราไม่ได้ทำบาป เราก็เป็นคนโกหกและพระคำไม่ได้อยู่ในเรา" (ยอห์น 1:10) เรากำลังอธิษฐานขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าแสดงให้คุณเห็นบาปของคุณ แล้วนำคุณมายังพระเยซูเพื่อรับการชำระโดยพระโลหิตของพระองค์ ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: อิสยาห์ 64:1-3.
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“My God, How Wonderful Thou Art” (by Frederick W. Faber, 1814-1863;
to the tune of “Majestic Sweetness Sits Enthroned”).


โครงร่างของ

พระเจ้าแห่งการฟื้นฟู

(บทเทศนาถึงการฟื้นฟูครั้งที่ 14)
THE GOD OF REVIVAL
(SERMON NUMBER 14 ON REVIVAL)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์ ดังเมื่อไฟที่ทำให้ละลายไหม้อยู่ และไฟกระทำให้น้ำเดือด เพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่ปฏิปักษ์ของพระองค์ เพื่อบรรดาประชาชาติจะสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:1-3)

I.      ประการแรก การทรงสถิตของพระเจ้าคือความหวังสุดท้ายของเรา อิสยาห์ 64:1; 63:15; ปฐมกาล 26:28; 39:23.

II.    ประการที่สอง การทรงสถิตของพระเจ้าสร้างความแปลกประหลาด สดุดี 77:14; I เปโตร 3:18; อิสยาห์ 64:3.

III.  ประการที่สาม การทรงสถิตของพระเจ้านำมาซึ่งชัยชนะต่อปัญหาและอุปสรรคใหญ่อิสยาห์ 64:3, 1; I ยอห์น 1:10