เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
พระเจ้าแห่งการฟื้นฟู (บทเทศนาถึงการฟื้นฟูครั้งที่ 14) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 2 เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2014 ณ “โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์ ดังเมื่อไฟที่ทำให้ละลายไหม้อยู่ และไฟกระทำให้น้ำเดือด เพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่ปฏิปักษ์ของพระองค์ เพื่อบรรดาประชาชาติจะสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:1-3) |
คนอิสราเอลอยู่ในสภาพที่เลวร้าย พวกเขากลัวและทุกข์ใจ แต่ผู้พยากรณ์อธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงเรียกพวกเขากลับคืนมา เขาเตือนพระเจ้าถึงสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำในอดีตที่ผ่านมา เขาได้ขอร้องพระเจ้าให้ทรงกระทำอย่างนั้นอีกครั้ง พระเจ้าไม่เคยเปลี่ยนแปลง พระองค์เท่านั้นทรงเป็นอย่างนั้นเมื่อวาน วันนี้และตลอดไป สิ่งที่พระองค์เคยทรงทำในอดีตปัจจุบันก็ทรงสามารถทำได้อย่างนั้น ดังนั้นผู้เผยพระวจนะจึงนึกถึงพระเจ้าดังนี้ว่า “เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:3) เราเห็นสามอย่างในพระธรรมข้อนี้ I. ประการแรก การทรงสถิตของพระเจ้าคือความหวังสุดท้ายของเรา อิสยาห์เห็นอย่างนี้ตามที่เขาอธิษฐานในข้อที่หนึ่ง "โอ้พระเจ้าทรงแหวกฟ้าสวรรค์และลงมา" (อิสยาห์ 64: 1) ก่อนหน้านี้เขาอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรง "มองลงมาจากสวรรค์" (อิสยาห์ 63:15) คำอธิษฐานของเขาก็เกิดผล เขาเริ่มต้นด้วยการขอให้พระเจ้าทรงมองลงมา แต่ตอนนี้เขาร้องไห้ออกมาว่า "ลงมา" ตอนนี้เขาได้อธิษฐานขอพระเจ้าทรงฉีกท้องฟ้าออกเป็นสองซีก - และเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยคนของพระองค์ พระคริสต์ทรงเปิดทางให้เรามาถึงที่พระเจ้า พระองค์ไม่ได้ยกม่านในพระวิหารขึ้น ไม่เลย! แต่พระองค์ทรงฉีกม่านออกเป็นสองท่อนจากบนลงล่าง ดังนั้น ทางมาที่พระเจ้านั้นถูกเปิดไว้ตลอดไป! พระคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์โดยทางที่เปิดไว้นี้! และทางสวรรค์ที่เปิดไว้นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ได้ลงมาสู่คริสตจักรในวันเพนเทคอส เราควรอธิษฐานขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าเสด็จลงมาอีกครั้ง! ในวันนี้ขอให้เราอธิษฐานด้วยสิ้นสุดใจของเรา ขอให้พระเจ้าเสด็จลงมาสถิตท่ามกลางพวกเรา! ศิษยาภิบาลที่ยาวนานของที่คริสตจักรจีนคือ ดร. ทิโมธี หลิน ท่านกล่าวว่า ในช่วงเวลาของพระคัมภีร์เก่า [ต้องการ] ให้คนของพระเจ้ารับพระพร ผ่านทางการทรงสถิตของพระเจ้า ... “โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์...” (อิสยาห์ 64:1) พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับโมเสส - และพระเจ้าทรงปลดปล่อยคนของพระองค์ออกจากการเป็นทาสในอียิปต์ พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับพวกเขาขณะที่เดินผ่านถิ่นทุระกันดาร พระองค์ทรงสถิตในเสาเมฆและเสาไฟและนำพวกเขาในถิ่นทุระกันดาร ตอน "พระเจ้าทรงอยู่กับเรา" ถูกบันทึกไว้ในแบนเนอร์ของอิสราเอล พวกเขาเอาชนะจากทะเลหนึ่งไปสู่อีกทะเลหนึ่ง ตอนที่พวกเขาห่างจากพระเจ้าพวกเขาก็กลายเป็นชนชาติที่อ่อนแอ และกลายเป็นทาสในบาบิโลน การทรงสถิตของพระเจ้าคือพระสิริของอิสราเอล แต่ยามที่ไม่มีพระเจ้าพวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรเลย วันเวลาเหล่านี้มืดมนและน่ากลัว คริสตจักรของเราอ่อนแอ นักเทศน์ของเราไม่มีอำนาจ เราอยู่ที่นี่ในใจกลางเมืองที่ใหญ่และเต็มไปด้วยความชั่วร้าย – โลกตะวันตกที่มืดมนและเลวร้ายป่าเถื่อน! กองกำลังแห่งนรกเลวร้ายเข้มแข็งได้หยุดเรา แต่พระเจ้าทรงอยู่กับเรา! ตอนนี้อาคารคริสตจักรของเราจ่ายหมดแล้ว – และนั่นคือการปาฏิหาริย์! พระเจ้าทรงอยู่กับเราและตอนนี้บทเทศนาเหล่านี้ส่งผ่านทางอินเทอร์เน็ตไปให้ 80,000 คนในทุกเดือน! พระเจ้าทรงอยู่กับเรา แต่ตอนนี้เราต้องนำคนหนุ่มสาวมากเท่าที่มากได้ และสร้างคริสตจักร คุณอาจจะพูดว่า "มันดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้" ใช่ ผมทราบถึงความรู้สึกนี้ดี แต่ความรู้สึกนั้นมาจากฝ่ายเนื้อหนังและจากซาตาน เราต้องจำสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำให้เราในอดิต ตอนที่ทรงช่วยสร้างคริสตจักรของเรา และคนหนุ่มสาวต้องอธิษฐานอย่างที่ไม่เคยอธิษฐานมาก่อน เพื่อพระเจ้าจะทรงสถิตในการประกาศ และการนมัสการของเรา! “โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์...” (อิสยาห์ 64:1) การทรงสถิตของพระเจ้าเป็นความหวังเดียวของเรา! ไม่มีใครจะมีชีวิตอยู่ได้ ไม่มีใครกลับใจใหม่ ไม่มีสมาชิกคนไหนในคริสตจักรของเราที่จะเข้มแข็งได้ – นอกเสียจากพระเจ้าจะเสด็จจากสวรรค์ลงมาสถิตท่ามกลางของเรา! II. ประการที่สอง การทรงสถิตของพระเจ้าสร้างความแปลกประหลาด พระวจนะกล่าวว่า "เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์" ฉบับแปลปัจจุบันแปลคำว่า "น่ากลัว" ไปเป็น "น่าประทับใจ" แต่ผมไม่สนใจคำนั้น มันอาจจะดีกว่าถ้าจะแปลว่า "เป็นสิ่งที่แปลกที่เราไม่ควรมอง" ชาวอิสราเอลมักจะกล่าวว่า “พระองค์คือพระเจ้าผู้ทรงกระทำการมหัศจรรย์” (สดุดี 77:14) คุณเคยคิดหรือเปล่าว่า คนอิสราเอลจะคิดว่าจะต้องเดินผ่านทะเลแดง เดินท่ามกลางสายน้ำที่ถูกแยกออกเป็นสองฝั่ง? พวกเขาสามารถเดินไประหว่างนั้น – และชาวอียิปต์ที่ไล่ติดตามพวกเขาได้จมน้ำ เพราะน้ำกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง คุณเคยคิดหรือเปล่าว่าพวกเขาจะคิดว่าจะมีไฟส่องสว่างทั่วค่ายของพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร? ไฟนั้นส่องสว่างทุกคืน ตอนที่พวกเขาหิวพวกเขาเคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีมานาตกมาจากสวรรค์? ตอนที่พวกเขากระหายน้ำ พวกเขาเคยคิดหรือเปล่าว่าจะมีน้ำไหลออกมาจากหิน? ตอนที่พวกเขาเดินไปรอบ ๆ เมืองเยรีโค พวกเขาคาดหวังมาก่อนหรือเปล่าว่ากำแพงเมืองพังลงเมื่อพวกเขาเป่าแตรและตะโกน? ไม่เลย ประวัติศาสตร์ของอิสราเอลเต็มไปด้วยสิ่งน่ากลัว และการทรงบันดาลใจอย่างที่เรียกว่า "ซึ่งเราไม่ได้มอง" ตอนที่พระเจ้าทรงลงมา จะมีใครหรือเปล่าที่คิดมาก่อนว่าพระเจ้าจะเสด็จลงมาในสภาพของพระเยซูคริสต์? จะมีใครหรือเปล่าที่คิดว่ำพระองค์จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน "ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรม เพื่อพระองค์จะได้ทรงนำเราทั้งหลายไปถึงพระเจ้า? (1 เปโตร 3:18) จะมีคนเคยคิดหรือเปล่าว่าพวกสาวกที่ขี้กลัวซ่อนตัวอยู่ในห้องหลังก้อนหินจะออกไปประกาศพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไปทั่วอาณาจักรของโรมัน? จะมีคนหรือเปล่าที่คิดสักนิดว่า เกาะที่ไร้อาวุธภายใต้การนำโดยชายชราคนหนึ่งได้ต่อสู้กับฮิตเลอร์และกองทัพอันยิ่งใหญ่ของเขา - และได้รับชัยชนะ? มีใครเคยคิดหรือเปล่าว่าชาวยิวที่กระจัดกระจายไปอยู่ทั่วโลกจะกลับไปที่อิสราเอลหลังจากสองพันปีที่ถูกเนรเทศ? มีใครหรือเปล่าที่คิดว่าประเทศเล็ก ๆ อย่างอิสราเอลจะสามารถยืนหยัดต่อสู้ประเทศที่เต็มไปด้วยชาวมุสลิมมานานกว่าหกสิบปี? มีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าคริสเตียนชาวจีนจะสามารถทนทุกข์นานกว่าครึ่งศตวรรษภายใต้การกดขี่ข่มเหงจากเมาเซตุงและทหารจีนแดงของเขา? มีใครที่จะคิดว่า "คริสตจักรตามบ้าน" ของพวกเขาได้จุดประกายไฟแห่งการฟื้นฟูได้อย่างยิ่งใหญ่และถือเป็นประวัติศาสตร์ของโลก? มีใครเคยคิดมาก่อนว่าการรวมตัวกันของผู้เชื่อสามารถนำดวงวิญญาณของพวกเสพยาและสูบบุหรี่ฮิปปี้ในช่วงปลายทศวรรษ 1960 และต้นยุค 70? มีใครหรือเปล่าที่คิดว่าคริสตจักรของเราอยู่รอดได้อย่างไรกันหลังมีการแตกแยกแยกคริสตจักรซึ่งเลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยิน? จะมีใครหรือเปล่าที่คิดว่าแค่สามสิบเก้าคนสามารถรวบรวมเงินหนึ่งหมื่นหกพันดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อนำมาใช้จ่ายอาคารหลังนี้? มีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าพระเจ้าทรงส่งภรรยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกมาเป็นภรรยาศิษยาภิบาลอย่างผม? มีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าผมจะมีลูกชายสองคนที่เข้มแข็งและมาโบสถ์ในทุกวันอาทิตย์? จะมีใครหรือเปล่าที่จะคิดว่าพระเจ้าจะส่งคนที่มีสอง Ph.Ds และเป็นทั้งนายแพทย์มาเข้าร่วมและนำคริสตจักรของเรา? และจะมีใครหรือเปล่า ในความฝันของพวกเขาจะคิดว่า แม่ของผมที่ยากจนไร้ความสุขจะกลายมาเป็นคริสเตียนที่โดดเด่นตอนอายุแปดสิบ? “เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา...” (อิสยาห์ 64:3) ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาพระองค์ทรงกระทำสิ่งที่มหัศจรรย์อย่างที่ไม่มีใครคาดถึง! พระเจ้าของฉันพระองค์ช่างงามสง่า ผมจะแบ่งปันบทเทศนาบางส่วนของ สเปอร์เจียน จากพระธรรมอิสยาห์มาให้พวกคุณในเย็นนี้ ผมจะนำโครงร่างบางส่วนที่เป็นความคิดของท่าน ฉายาของท่านคือ "เจ้าชายแห่งนักเทศน์" ท่านกล่าวว่า ตอนที่พระเจ้าทรงลงมาอยู่ท่ามกลางพวกเรา พระองค์ทรงกระทำสิ่งที่เรามองไม่เห็น ... พระองค์ทรงสามารถช่วยกู้คนที่ดื้อรั้นมากที่สุดมาที่พระบาทของพระเยซู [อธิษฐาน] เพื่อพระองค์จะทรงทำเช่นนั้น (C. H. Spurgeon, “Divine Surprises,” MTP, volume XXVI, Pilgrim Publications, 1972 reprint, p. 298) III. ประการที่สาม การทรงสถิตของพระเจ้านำมาซึ่งชัยชนะต่อปัญหาและอุปสรรคใหญ่ “เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:3) นี่เป็นประโยคที่กล่าวได้ดีมาก “ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาหาพวกอิสราเอล ศัตรูที่ร้ายกาจเหมือนอย่างภูเขาใหญ่ แต่พวกเขาก็เอาชนะเพราะการทรงสถิตของพระเจ้า ตอนพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาในงานฟื้นฟู ใจของผู้คนจะฝักฝ่ายมาหาพระเจ้า! ท่ามกลางพวกเรามีบางคนมีใจแข็งกระด้างอย่างหิน แม้ว่าเราจะอธิษฐานและเทศนาให้กับพวกเขา แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมกลับใจ แต่ตอนพระเจ้าเสด็จลงมา ใจที่แข็งกระด้างได้แตกสลายลง หลังจากนั้นพวกเขาก็รับรู้ว่าเป็นคนบาป เวลานั้นพวกเขาก็จะเห็นว่าพระเยซูทรงสามารถช่วยกู้พวกเขาได้ ตอนที่พระเจ้าเสด็จลงมาพวกเขาจะรู้สึกว่าต้องการพระโลหิตของพระเยซูชำระพวกเขาให้รอดพ้นจากความผิดบาปของพวกเขา น้ำตาแห่งความเชื่อออกมาเพราะรอดจากความทุกข์ยาก แล้วพวกเขาก็จะรู้ว่าบทกวีนี้ว่าหมายความว่าอย่างไร เลือนจานหายไปเพราะความเมตตา ข้าฯล้มลงไปที่พื้น และร้องไห้ยกย่องสรรเสริญความเมตตาที่ฉันได้พบ นั่นคือสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นในการฟื้นฟู ดร. ลอยด์ โจนส์ได้ให้ความหมายของการฟื้นฟูไว้ดังนี้ การฟื้นฟูคือการเทพระวิญญาณของพระเจ้า ... นั่นคือพระวิญญาณเสด็จลงมาบนคน จากนั้นเขาก็พูดถึง โฮเวล แฮร์ริส นักเทศน์ที่ดีแห่งประเทศเวลส์ โฮเวล แฮร์ริสกลับใจใหม่ช่วงที่มีพิธีศิลมหาสนิท ก่อนหน้านั้นเขาต้องต่อสู้กับตัวเองมาเป็นเวลานาน มารพยายามที่จะทำลายความเชื่อของเขา แต่ตอนเขามาร่วมศิลมหาสนิท "ภูเขาในใจถูกยกออกยามที่ [พระเจ้า] ลงมาสถิต" โฮเวล แฮร์ริส กล่าวว่า โลหิตของพระคริสต์บนไม้กางเขน ถูกเก็บไว้ก่อนที่ตาของฉันอย่างต่อเนื่อง และความแข็งแรงนั้นทรงให้กับฉัน นั่นคือฉันได้รับการให้อภัย [เพราะบาปของฉัน] ภาระของเราถูกวางลง ฉันกลับบ้านด้วยความดีใจ ... เลือนจานหายไปเพราะความเมตตา ข้าฯล้มลงไปที่พื้น และร้องไห้ยกย่องสรรเสริญความเมตตาที่ฉันได้พบ(Martyn Lloyd-Jones, M.D., “Howell Harris and Revival,” The Puritans: Their Origins and Successors, Banner of Truth, 1996 edition, pp. 289, 285) โฮเวล แฮร์ริส กลายเป็นหนึ่งในนักเทศน์ที่มีชื่อเสียงมากในยุคฟื้นฟูแรก ถ้าคุณอ่านบันทึกประจำวันของเขา คุณจะเห็นว่ามีการฟื้นฟูเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า มีคนกลับใจมากมายตอนที่พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็กลงมาด้วยฤทธิ์อำนาจ แฮร์ริส กล่าวว่า "พลังพายุ [ลมแรงของพระวิญญาณ] ลงมาตอนที่ผมแสดงให้เห็นถึงการสิ้นพระชนม์ของพระผู้ช่วยให้รอดของเรา" "พระเจ้าเสด็จลงมาด้วยฤทธิ์อำนาจ" "พายุแรงลงมาตอนที่ผมกำลังกล่าวถึงความยิ่งใหญ่แห่งความรอด" นักเทศน์คนนี้เทศนาอย่างง่ายๆและมีคนนับพันในประเทศอังกฤษรวมทั้งในเวลส์ได้กลับใจใหม่ คริสตจักรของเราสามารถมีการฟื้นฟูได้หรือไม่ แต่เราต้องการๆฟื้นฟูอย่างจริงจัง ผมได้อ่านหนังสือเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง เขียนโดยผู้หญิงชาวนอร์เวย์ซึ่งเป็นมิชชันนารีที่ประเทศจีนจากปี 1900 จนถึงปี 1927 เธออธิษฐานเพื่อการฟื้นฟูปีแล้วปีเล่า เธออดอาหารและอธิษฐาน ปี 1907 เธอได้อ่านเกี่ยวกับการฟื้นฟูใหญ่ที่เกิดขึ้นในประเทศเกาหลี เธอต้องการให้การฟื้นฟูมาที่ประเทศจีนด้วย เธออยากให้มีการฟื้นฟูจริงๆ แล้วก็มีทันทีท่ามกลางกลุ่มของผู้หญิงชาวจีน จากนั้นก็แพร่กระจายและหลายร้อยคนได้กลับใจใหม่ เพียงแค่ก่อนหน้าที่เธอจะออกจากประเทศจีนและกลับไปยังประเทศนอร์เวย์ ขอให้คริสตจักรของเรามีอย่างนั้นสักนิดหนึ่งได้มั้ย? ใช่ แต่เราต้องอธิษฐานเหมือนอย่างที่เราไม่เคยอธิษฐานมาก่อน เราต้องอธิษฐานเหมือนอย่างอิสยาห์อธิษฐานในข้อแรกดังนี้ “โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:1) ถ้าคุณยังไม่ได้กลับใจใหม่ เราจะอธิษฐานให้คุณ เราจะอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงลงโทษคุณให้สำนึกในบาปและนำคุณมาที่พระคริสต์ พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชำระบาปของคุณ พระองค์เป็นขึ้นจากความตายและทรงพระชนม์อยู่ในสวรรค์ชั้นที่สามอธิษฐานให้คุณ แต่คุณต้องกลับใจใหม่และวางใจในพระองค์เพื่อช่วยคุณให้รอดพ้นจากความบาปของคุณ คุณอาจจะพูดว่า "ฉันไม่ใช่คนบาป ฉันเป็นคนดี" แต่พระคัมภีร์กล่าวว่า "ถ้าเราบอกว่าเราไม่ได้ทำบาป เราก็เป็นคนโกหกและพระคำไม่ได้อยู่ในเรา" (ยอห์น 1:10) เรากำลังอธิษฐานขอให้พระวิญญาณของพระเจ้าแสดงให้คุณเห็นบาปของคุณ แล้วนำคุณมายังพระเยซูเพื่อรับการชำระโดยพระโลหิตของพระองค์ ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: อิสยาห์ 64:1-3. |
โครงร่างของ พระเจ้าแห่งการฟื้นฟู (บทเทศนาถึงการฟื้นฟูครั้งที่ 14) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “โอ ถ้าหากว่าพระองค์จะทรงแหวกฟ้าสวรรค์เสด็จลงมาได้หนอ เพื่อภูเขาจะไหลลงมาต่อพระพักตร์พระองค์ ดังเมื่อไฟที่ทำให้ละลายไหม้อยู่ และไฟกระทำให้น้ำเดือด เพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักแก่ปฏิปักษ์ของพระองค์ เพื่อบรรดาประชาชาติจะสะเทือนต่อพระพักตร์พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงกระทำสิ่งน่ากลัวที่พวกข้าพระองค์คาดไม่ถึง พระองค์เสด็จลงมา ภูเขาก็เคลื่อนที่ลงมาต่อพระพักตร์พระองค์” (อิสยาห์ 64:1-3) I. ประการแรก การทรงสถิตของพระเจ้าคือความหวังสุดท้ายของเรา อิสยาห์ 64:1; 63:15; ปฐมกาล 26:28; 39:23. II. ประการที่สอง การทรงสถิตของพระเจ้าสร้างความแปลกประหลาด สดุดี 77:14; I เปโตร 3:18; อิสยาห์ 64:3. III. ประการที่สาม การทรงสถิตของพระเจ้านำมาซึ่งชัยชนะต่อปัญหาและอุปสรรคใหญ่อิสยาห์ 64:3, 1; I ยอห์น 1:10 |