เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ความไม่เชื่อ – อุปสรรคต่อการฟื้นฟู (บทเทศนาเกี่ยวกับการฟื้นฟูครั้งที่ 11) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็น วันของพระเป็นเจ้าที่ 12 เดือนตุลาคม ค.ศ. 2014 ณ “เขาจะไปแสวงหาพระเยโฮวาห์ ทั้งนำเอาฝูงแพะแกะฝูงวัวไปด้วย แต่เขาจะหาพระองค์ไม่พบ พระองค์ทรงจากเขาไปแล้ว” (โฮเชยา 5:6) |
ตอนที่อิสราเอลเห็นอันตรายที่พวกเขาต้องเผชิญกับพวกอัสซีเรีย แล้วพวกเขาก็หันมาหาพระเจ้า เพื่อขอการอภัยโทษและรอดจากการลงโทษของพระเจ้า พวกเขาได้นำแกะและวัวจำนวนมากมาถวายบูชา ถึงกระนั้นก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้รับความเมตตาจากพระเจ้า "พระองค์ทรงจากเขาไปแล้ว” เพราะพวกรูปปั้นและความผิดบาปอื่น ๆ พวกเขาไม่ได้แสวงหาพระเจ้าตอนที่พวกเขาสมควรจะได้พบกับพระองค์ ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว พระองค์ทรงจากเขาไปแล้ว” “เขาจะไปแสวงหาพระเยโฮวาห์ ทั้งนำเอาฝูงแพะแกะฝูงวัวไปด้วย แต่เขาจะหาพระองค์ไม่พบ พระองค์ทรงจากเขาไปแล้ว” (โฮเชยา 5:6) ผมคิดถึงพระธรรมข้อนี้ ตอนที่ผมดูวิดีโอของ บิลลี่ เกรแฮม ในคืนวันพุธที่ผ่านมานี้ ในปี 1983 ท่านเทศนาฟื้นฟูในแซคราเมนโตรัฐแคลิฟอร์เนียในหัวข้อ "พระวิญญาณบริสุทธิ์" ในขณะที่ดูท่านกำลังเทศน์อยู่ทำให้ผมนึกถึงพระคัมภีร์ข้อนี้ “พระองค์ทรงจากเขาไปแล้ว” ตอนนี้ คุณต้องเข้าใจว่าผมเองชื่นชอบ ท่าน บิลลี่ เกรแฮม ผมรักและเคารพท่านเสมอ แต่ผมจำได้ว่าตอนที่เดินทางไปฟังท่านเทศนาใน โคลิเซียม เมือง ลอสแอนเจลิส ในเดือนสิงหาคม ปี 1963 ในขณะที่ผมได้ก้าวออกจากรถในลานจอดรถ ผมสามารถ "รู้สึก" ได้อย่างแท้จริงว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นเหมือนกระแสไฟฟ้ากำลังเคลื่อนไหวอยู่ในอากาศ ขณะที่ผมเดินเข้าไปในสนามกีฬา ผมของผมถึงกับตั้ง ผมรู้สึกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์สถิตในสถานที่นั่น ทุกคนที่อาศัยในสนามกีฬาขนาดใหญ่ต่างเงียบสงบ คุณสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นตอนคณะนักร้องประสานเสียงใหญ่ยืนร้องเพลง "พระเจ้ายิ่งใหญ่" ท่านเกรแฮมเทศนาได้อย่างมีพลังมาก และไม่มีวันที่ผมจะลืมท่าน หลายทศวรรษที่ผ่านมานี้ ผมได้เข้าร่วมงานฟื้นฟูครูเสดของ บิลลี่ เกรแฮม อีกประมาณหกครั้ง ในเมืองต่างๆ แต่มีครั้งหนึ่งผมไปร่วมงานฟื้นฟูครูเสดของท่านในเมือง โอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนียในช่วงต้นยุค 70 การเทศนาครั้งนี้ดูเหมือนมีพลังน้อยมาก จากนั้นในช่วงต้นปี 1980 ผมดู ท่านเกรแฮมในทางจอทีวีกับศิษยาภิบาลของผมที่ชื่อ ดร. ทิโมธี หลิน ผ่านไปประมาณครึ่งทางของการเทศนานั้น ดร. หลิน กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าท่านไม่มีพลังเลย" ผมคิดว่าไม่ใช่เป็นเพราะนายเกรแฮมแก่แล้ว เพราะท่านยังดูแข็งแรงดีอยู่ แต่มีบางอย่างที่ขาดหายไป ผมรู้สึกแบบเดียวกันกับในขณะที่ดูวิดีโอของท่านในคืนวันพุธที่ผ่านมา ท่านเทศนาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่มีสิ่งที่ขาดหายไป สิ่งนั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ สำหรับผม ดูเหมือนว่า พระองค์ [ได้] ทรงจากเขาไปแล้ว" (โฮเชยา 5: 6) และไม่ใช่ตอนที่ท่านเกรแฮมเทศนาเท่านั้น ผมรู้สึกว่าการเทศนาในคริสตจักรของโลกตะวันตกก็ขาดพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน มันทำให้ผมปวดหัวมาก - เพราะผมรู้สึกว่าพระเจ้าได้ออกจากคริสตจักรตอนที่เราเทศนา! เป็นเรื่องที่น่าเศร้าและหดหู่ใจ! บางครั้งทำให้ผมถึงกับร้องไห้เวลานึกถึงเรื่องนี้! ดร.ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า "คนสามารถเทศนาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และสามารถอธิบายพระคำอย่างชาญฉลาด แต่แค่นั้นไม่เพียงพอ เราจำเป็นต้องอธิบายด้วยฤทธิ์แห่งพระวิญญาณ" (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Revival, Crossway Books, 1987, p. 185) โอ้ แล้วผมจะได้ฤทธิ์อำนาจนั้นมาได้อย่างไรกัน! โปรดอธิษฐานเผื่อผมด้วย! คุณก็ทราบดีว่า เราไม่มีการฟื้นฟูใหญ่สำคัญในโลกที่พูดเภาษาอังกฤษมานับตั้งแต่ปี 1859 นั่นคือมากกว่า 150 ปี และก่อนปี 1859 คริสตจักรของเรามีประสบการณ์เกี่ยวกับพระเจ้าทรงส่งการฟื้นฟูลงมาในทุก 10 ปีหรือมากกว่านั้น แต่ ดร. ลอยด์ โจนส์กล่าวว่า มีเพียงหนึ่งการฟื้นฟูใหญ่สำคัญนับตั้งแต่ปี 1859 โอ้เราได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่เหี่ยวแห้ง ... ผู้เชื่อได้สูญเสียความเชื่อที่มีในพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์และวายพระชนม์ชดเชยบาป และหันไปพึ่งหลักปรัชญาภูมิปัญญาและความรู้ เราได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่แห้งแล้งที่สุดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของคริสตจักร ... เรายังคงอยู่ในถิ่นทุรกันดาร อย่าไปเชื่อคำพูดที่ว่าเราจะออกจากที่นั่นแล้ว เปล่าเลยเรายังไม่ได้ออก (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Revival, ibid., page 129) และนั่นคือเหตุผลที่ผมให้คุณเห็นวิดีโอเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่มีพลังเหล่านั้นในประเทศจีน ไม้กางเขน - พระเยซูในประเทศจีน (จิตวิญญาณในประเทศจีนรากฐานในพระคริสต์ คลิกที่นี่เพื่อสั่งซื้อ) ผมอยากให้คุณเห็นว่าในทุกวันนี้การฟื้นฟูเช่นนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้อีกแล้ว – หรืออาจเกิดขึ้ในส่วนอื่นๆของโลก แต่ไม่ใช่ในโลกตะวันตกอีก ผมไม่อาจส่งคุณให้ไปเห็นด้วยตาของคุณเองได้ ผมทำได้แค่เปิดวิดีโอเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่อยู่ห่างไกลอย่างประเทศจีน ผมหวังว่าคงอีกนาน ถ้าคุณได้เห็นการฟื้นฟูวีดีโอเหล่านั้นจากประเทศจีนแล้ว กษัตริย์ซาโลมอนกล่าวว่า “ข่าวดีจากเมืองไกล ก็เหมือนน้ำเย็นที่ให้แก่คนกระหาย” (สุภาษิต 25:25) ผมอยากให้คุณมองเห็นสิ่งที่พระเจ้าทรงกระทำในวันนี้ ณ เวลานี้ในงานฟื้นฟู ไบรอัน เอช เอ็ดเวิร์ด กล่าวว่า กาฟื้นฟูไม่สามารถเกิดขึ้นได้เหมือนกับเชื้อโรค แต่จะเกิดจากความต้องการและความกระหายในหมู่ผู้ที่ต้องการการฟื้นฟู คนส่วนใหญ่ที่พระเจ้าทรงใช้ในการฟื้นฟูนั้นรับรู้ว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำอย่างนั้นในอดีตที่ผ่านมา ... เราโง่ที่ไม่ใช้ความได้เปรียบจากการเรียนรู้ทุกอย่าง นั่นคือเราสามารถเรียนรู้การฟื้นฟูในที่ผ่านมา เพื่อที่เราจะสามารถตอบสนองความเป็นไปได้ที่พระเจ้ามีให้เรา เราต้องมองในสิ่งที่พระเจ้าทรงสามารถทำได้ ใจและวิสัยทัศน์ของเราต้องจดจ่ออยู่ที่การทำงานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า พระเจ้าทรงรอคอยเราเพื่อที่จะตอบสนองกับสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำในอดีตที่ผ่านมา (Brian H. Edwards, Revival! – A People Saturated with God, Evangelical Press, 1991 edition, pp. 91, 92) ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่ผ่านมาและการฟื้นฟูในขณะนี้ที่เกิดขึ้นในที่ต่าง ๆ น่าจะช่วยให้เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ในคริสตจักรของเราเอง ความไม่เชื่อเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในหมู่พวกเราถึงการฟื้นฟู พระเยซูกลับไปที่บ้านของพระองค์ในเมืองนาซาเร็ธ ผู้คนที่นั่น "ประหลาดใจ" ตอนได้ยินพระองค์สั่งสอนในธรรมศาลา แต่บางคนกล่าวว่าเขาเป็นเพียงลูกชายของช่างไม้ พวกเขาโกรธพระองค์ จากนั้นพระคัมภีร์กล่าวว่า "พระองค์จึงมิได้ทรงกระทำการอิทธิฤทธิ์มากที่นั่น เพราะเขาไม่มีความเชื่อ" (มัทธิว 13:58) จอห์น กิลล์ กล่าวว่า "ไม่ใช่ต้องการ [ขาด] อำนาจหรือความไม่เชื่อของพวกยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนๆนั้นจะเอาชนะได้ แต่เขาจะไม่ เพราะเขาตัดสินพวกเขาอย่างไม่คู่ควร " (John Gill, D.D., An Exposition of the New Testament, volume I, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, p. 159; note on Matthew 13:58) ผมรู้ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งได้ไปร่วมงานฟื้นฟูใหญ่ แต่เขากล่าวว่าไม่รู้อะไรเลยเพราะเขาเป็นคนใหม่! ผมรู้ว่ามีผู้ชายอีกคนหนึ่งได้ไปร่วมงานฟื้นฟูใหญ่อีกแห่งหนึ่งในรัฐเวอร์จิเนีย แต่กลับบอกว่า "เป็นเพียงถูกพาไป" ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นอยู่ทางโลกมากเกินกว่าที่จะชื่นชมยินดีการฟื้นฟูที่จะมา! และพวกเขาไม่เชื่อและยากเกินไปที่จะอธิษฐานเพื่อให้มีการฟื้นฟูเกิดขึ้น! ขอพระเจ้าช่วยเราให้มีความเชื่อมากขึ้นในฤทธิ์เดชของพระองค์! อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า "อย่าดับพระวิญญาณ" (1 เธสะโลนิเก 5:19) ความไม่เชื่อและทางโลกดับพระวิญญาณ! ดร. ลอยด์ โจนส์พูดถึงนักศาสนาศาสตร์บางคนว่า "ดับพระวิญญาณ" และไม่สนใจในการฟื้นฟู (The Puritans, Banner of Truth, 1996 edition, p. 9) สาวกไม่สามารถขับวิญญชั่วที่มีฤทธิ์มากเพราะความไม่เชื่อของพวกเขา (มัทธิว 17:20) ชาวยิวไม่สามารถเข้าไปในดินแดนแห่งพันธสัญญา "เพราะความไม่เชื่อ" (ฮีบรู 3:19) ใจของผมเชื่อมั่นว่าการฟื้นฟูสามารถ "ดับ" ได้โดยความบาปของความไม่เชื่อ พระคัมภีร์กล่าวหลายครั้งให้เห็นถึงการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ส่วนใหญ่เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความเชื่อของเราในพระองค์ ฮีบรู 11 ทั้งบทคือเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จผ่านทางความเชื่อในพระเจ้า ผมคิดว่าหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่เราไม่มีการฟื้นฟู เป็นเพราะไม่เชื่อว่าพระเจ้าทรงสามารถส่งการฟื้นฟูลงในเวลาของเราได้ นั่นคือเหตุผลที่เราต้องการที่จะได้ยินเรื่องราวของการฟื้นฟูในอดีตที่ผ่านมาและในที่อื่น ๆ ในโลกของเราทุกวันนี้ แล้วเราก็จะสามารถพูดเหมือนกับพ่อของเด็กชายที่ถูกผีเข้าว่า “ข้าพระองค์เชื่อ พระองค์เจ้าข้า ที่ข้าพระองค์ยังขาดความเชื่อนั้น ขอพระองค์ทรงโปรดช่วยให้เชื่อเถิด” (มาระโก 9:24) ตอนที่พระเจ้าส่งการฟื้นฟู พระองค์ก็เพิ่มเติมความเชื่อของคุณด้วย อย่างที่คุณอธิษฐานขอเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมา ตอนที่คุณได้ยินเกี่ยวกับการฟื้นฟูก็จงสนใจอย่างจริงจัง แล้วอธิษฐานขอให้พระเจ้าทรงส่งการฟื้นฟูลงมายังคริสตจักรของเรา และผมคิดว่าเป็นการดีที่จะอธิษฐาน "พระเจ้า ข้าฯเชื่อว่า พระองค์จะทรงช่วยผู้ที่ไม่เชื่อ" อีกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ก็คือ ความจริงเกี่ยวกับการฟื้นฟูที่เกิดขึ้นในคริสตจักรท้องถิ่นอย่างเช่นพวกเราหรือการประชุมขนาดเล็กในที่อื่น ๆ หนังสือส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูขนาดใหญ่ เป็นเหตุการณ์เฉพาะ – เช่นทั้งภาคที่กระตือรือล้นเกิดการฟื้นฟูเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ ฯลฯ ผมคิดว่าผู้เขียนหนังสือเหล่านั้นมีความหมายดี แต่ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่ตระหนักว่าการฟื้นฟูเหล่านี้เริ่มขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าอ่านเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเหล่านั้น อาจทำให้คุณไม่เชื่อ มันอาจจะให้ซาตานมีโอกาสที่จะบอกว่า "สิ่งที่ยิ่งใหญ่จะไม่บังเกิดขึ้นที่นี่!" นั่นเป็นเหตุผลที่ผมหวังว่าผู้เขียนบางคนควรจะให้ความสนใจ และมุ่งเน้นถึงการฟื้นฟูที่เกิดขึ้นตามคริสตจักรท้องถิ่นที่สามารถเกิดขึ้นโดยพระวิญญาณ ดร. ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า เราไม่ได้เตรียมความพร้อม สำหรับการนมัสการของคริสตจักรในวันอาทิตย์ ... อย่างที่มีแนวโน้มและมีความคิดอยู่ในที่ประชุมขนาดใหญ่และมีการเคลื่อนไหวมากกว่าในแง่การเพิ่มขึ้นของคริสตจักรท้องถิ่น ดังนั้นความถี่ของการฟื้นฟูจึงได้ลดลงไป (Revival, ibid., p. 61) ผมสงสัยว่าถ้าไม่เปิดวิดีโอให้คุณเห็นถึงการฟื้นฟูในประเทศจีนก่อน พวกเขาแสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวที่นั่นยิ่งใหญ่มาก – ทั่วประเทศ ผมสงสัยว่าซาตานอาจจะบอกคุณว่า "สิ่งที่ยิ่งใหญ่นั้นจะไม่เกิดขึ้นที่นี่" เป็นเรื่องของความเป็นจริงที่น่าจะเป็นจริง! ในอเมริกาเราไม่เคยมีการฟื้นฟูในระดับประเทศ ผมไม่ได้พูดว่าคุณไม่จำเป็นต้องอธิษฐานเพื่อให้เกิดการฟื้นฟูในระดับประเทศ แต่เป็นการเจาะจงไปที่คริสตจักรในท้องถิ่นแห่งนี้! ผู้เผยพระวจนะเศคาริยาห์กล่าวว่า "เพราะว่าผู้ใดเล่าที่ดูหมิ่นวันแห่งการเล็กน้อย” (เศคาริยาห์ 4:10) ดร. แมคกี้ กล่าวว่า "เราดูถูกสิ่งที่เล็กน้อย เราชาวอเมริกันรู้สึกประทับใจกับสิ่งขนาดใหญ่ ... เราวัดความสำเร็จตามขนาดของอาคารและฝูงชนที่มาข้างใน " (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, volume III, Thomas Nelson Publishers, 1983, p. 924; note on Zechariah 4:10) ตอนไหนที่เราเรียนรู้มาว่าพระเจ้าไม่ได้ทรงทำงานในคนกลุ่มน้อย? ในวันของโนอาห์นั้นพระองค์ทรงช่วยกู้เผ่าพันธุ์มนุษย์เพียงจากเพียงแค่ 8 คนเท่านั้น ไม่ใช่กลุ่มชนขนาด “ใหญ่“ - เป็นเรื่องของส่วนบุคคล – ในพระธรรมฮีบรูบทที่สิบเอ็ด พระเจ้าตรัสแก่กิดเดโอนให้ส่งคนส่วนใหญ่กลับบ้านเพราะพระองค์ต้องการเพียงแค่ 300 คนเพื่อเอาเอาชนะคนมีเดียน หลักสำคัญของการฟื้นฟูในประวัติศาสตร์เริ่มต้นเพียงแค่ไม่กี่คน ในอีกแง่หนึ่ง การ "ฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่" ในเวลานี้ มีคนมากมายอยู่ในที่ประชุมก็ไม่อาจก่อให้เกิดการฟื้นฟูที่แท้จริงได้ ผมอ่านพบว่า บิลลี่ เกรแฮม ยอมรับว่าการฟื้นฟูไม่ได้ออกมาจากการเทศนาฟื้นฟูของเขา ดูไปที่งานฟื้นฟูปี 72 – การรวมตัวของอนุชนคริสเตียนทั้งสิ้น 200,000 คนในดัลลัส รัฐเท็กซัส เพื่อมาฟัง บิลลี่ เกรแฮม เทศนาหกคืน อะไรออกมาจากนั่น? ไม่มีอะไรมาก หนึ่งปีต่อมานายเกรแฮมเทศน์ให้คนมากกว่าหนึ่งล้านคนในกรุงโซลที่ประเทศเกาหลีในเดือนมิถุนายน 1973 นั่นคือคนกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดที่มาฟังคำเทศนาสดๆ และเป็นประวัติศาสตร์ของโลกในเวลาตอนนั้น อะไรออกมาจากนั่น? ไม่มีอะไรมาก ผมแน่ใจว่ามีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับความรอดที่เมืองดัลลัสและกรุงโซล - แต่ไม่มีการฟื้นฟูออกมาจากการประชุมใหญ่นั้นเลย ใช่เกือบทุกการฟื้นฟูที่สำคัญเริ่มต้นจากคนเพียงไม่กี่คน เช่นในนอร์ท ในแมสซาชูเซตที่คริสตจักรของโจนาธานเอ็ดเวิร์ดส์ มีเพียงไม่กี่ร้อยคนที่มาในวันนั้นและทำให้เกิดการฟื้นฟูใหญ่เป็นครั้งแรก คือจุดเริ่มต้นของการกระตุ้นเปลี่ยนแปลงโลกของคนที่พูดภาษาอังกฤษทั้งหมด ในวันส่งท้ายปีเก่าปี 1738 มีนักศึกษาออสฟอร์ดเจ็ดคนและประมาณอีกหกสิบคนมาจากที่อื่น ได้มารวมตัวกันอธิษฐานที่ห้องหนึ่งในกรุงลอนดอน นั่นคือการเริ่มต้นขยายพันธกิจไปทั่วโลกคนเพราะเริ่มจากคนกลุ่มนี้ ในปี 1806 มีนักศึกษาห้าคนอธิษฐานทำให้มีการเริ่มส่งมิชชันนารีจากอเมริกาไปทั่วโลก เป็นหนึ่งในการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ในปี 1727 ประมาณ 400 คนรวมตัวกันเพื่ออธิษฐานบนแผ่นดินเคานนิโคลัสฟอน ซินเซนดอฟ ปัจจุบันนี้คือประเทศสาธารณรัฐเช็ก การฟื้นฟูได้เริ่มต้นและมีการส่งมิชชันนารีนับพันไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก นอกจากนี้ จากการประชุมอธิษฐานที่มาราเวียน จอห์นและชาร์ลส์ เวสลีย์ ได้รับความรอด การฟื้นฟูขนาดใหญ่ของพวกเมโทดิสต์ และโซเวชั่นอามี่ มีคนในที่ประชุมนี้เพียง 400 คนที่ประเทศเชคโกสะโลวาเกีย! เมื่อวันที่ 23 กันยายน 1857 มีหกคนอธิษฐานเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงด้วยกันที่คริสตจักรนอร์ธ ดัตช์ ในถนนฟุลตันในมหานครนิวยอร์ก พวกเขาตกลงที่จะร่วมกันอธิษฐานเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงในทุกวันพุธ และแล้วการฟื้นฟูใหญ่ครั้งที่สามจึงเกิดขึ้น และคนนับร้อยนับพันจากทั่วโลกได้กลับใจใหม่ การฟื้นฟูที่ถนนฟุลตันในนิวยอร์กยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำพันธกิจของ ซี เอช สเปอร์เจียน ในกรุงลอนดอน ประเทส อังกฤษ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณสามพันไมล์! ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการฟื้นฟูมาเป็นเวลาหลายปี ผมจำไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียวว่ามีการฟื้นฟูโดยเริ่มต้นจากการประกาศขนาดใหญ่หลังจากที่เคยเกิดขึ้นครั้งแรก ไม่มีเลย! โปรดจำไว้ว่ามีเพียง 120 คนอธิษฐานในห้องชั้นบนตอนที่พระเจ้าทรงเทพระวิญญาณของพรองค์ในวันเพนเทคอส! ศาสนาคริสต์แพร่กระจายจากกลุ่มขนาดเล็กไปจนสุดปลายแผ่นดินโลก! เราสอนพระกิตติคุณที่นี่ในทุกวันอาทิตย์ เราบอกคนที่หลงหายไปว่าพระเยซูทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชำระบาปของพวกเขา เราบอกพวกเขาว่าพระเยซูทรงฟื้นมาจากความตายเพื่อให้พวกเขามีชีวิตนิรันดร์ แต่ข้อเท็จจริงเหล่านั้นจะเป็นจริงให้กับพวกเขาได้ก็โดยอาศัยพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์จะต้องทำให้คนบาปรู้และสำนึก พระองค์จะต้องนำมายังพระคริสต์เพื่อบาปของพวกเขาจะไดรับการชำระโดยพระโลหิตของพระองค์ ผมหวังว่าคุณจะอธิษฐานให้พระเจ้าเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมาในคริสตจักรของเราให้มีการฟื้นฟูที่แท้จริง! ผมหวังว่าคุณจะอธิษฐานถึงการฟื้นฟูทุกครั้งที่คุณอธิษฐาน อธิษฐานเพื่อทรงเทวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาทำงานในใจของคนบาป โอ้พระเจ้าเราอธิษฐานขอทรงเทพระวิญญาณของพระองค์ทำให้ผู้ที่หลงหายไปในบาปถูนำกลับมาที่พระบุตรของพระองค์ เราอธิษฐานในพระนามของพระองค์ อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์: |
|