เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
พระกิตติคุณในประโยคเดียวTHE GOSPEL IN ONE SENTENCE โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 14 เดือนกันยายน ค.ศ. 2014 ณ “คำนี้เป็นคำสัตย์จริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (I ทิโมธี 1:15) |
เริ่มตั้งแต่วันที่ 13 กรกฏาคม ผมได้เทศนาหลายครั้งเกี่ยวกับความเหงา ผมเทศนาในวันอาทิตย์ให้พวกเขาประมาณเจ็ดครั้ง ผมเทศนาเกี่ยวกับปัญหาของความเหงาที่คนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้พบกัน ผมพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า "ทำไมต้องเหงา? กลับมาที่บ้าน – มาที่คริสตจักร "และผมเองก็บอกสมาชิกในคริสตจักรของเราถึงวิธีรักษาความเหงา บทเทศนาเหล่านี้ใช้เทศนาเฉพาะในคริสตจักร นักศทสนศสตร์เรียกว่า - "ecclesiology" ผมบอกครั้งครั้งเล่าว่าการรักคริสตจักรเป็นการดีต่อนักเรียนวัยมัธยม และอุดมศึกษา การรักคริสตจักรสามารถช่วยให้คุณเอาชนะความรู้สึกแห่งการแยกจากกันและความเหงา หลายท่านเริ่มมาที่คริสตจักรของเราตอนที่ผมเทศนาในหัวข้อนี้ แต่แล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนไปเป็นหัวข้ออื่น หัวข้อต่อไปจะมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สองที่ผมพูดครั้งแล้วครั้งเล่าในวันอาทิตย์ที่เจ็ด "ทำไมหลงหายไป? กลับมาที่บ้านที่พระเยซู - พระบุตรของพระเจ้า" และนั่นนำเราไปที่เนื้อหาของเราในเช้าวันนี้! กรุณายืนขึ้นและอ่าน 1 ทิโมธี 1:15 ดังๆ อยู่ในหน้า 1274 ในพระคัมภีร์ฉบับ Scofield Study Bible. “คำนี้เป็นคำสัตย์จริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (I ทิโมธี 1:15) พวกคุณนั่งลงได้ การฝึกอบรมส่วนใหญ่ในช่วงแรกๆนั้นมาจากศิษยาภิบาลของผมที่คริสตจักรจีนแบ๊บติสต์คือ ดร. ทิโมธีหลิน และจาก ดร. เจเวอร์นอน แมคกี้ ผู้เป็นนักเทศน์ผ่านทางรายการวิทยุ ผมฟังทุกวันเป็นเวลาหลายปี ดร. แมคกี้ กล่าวถึงเนื้อหาของเราตอนนี้ว่า นี่เป็นข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญมากเพราะยืนยันว่า "พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาป" พระองค์ไม่ได้มาเพื่อจะเป็นนักสอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่างที่รู้กัน แต่พระองค์ไม่ได้มา [เพียง] เพื่อเป็นตัวอย่างด้านคุณธรรม แต่พระองค์ทำอย่างนั้น คือเข้ามาในโลกเพื่อจะช่วยคนบาป "และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก" (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Volume V, Thomas Nelson Publishers, 1983, p. 434; note on I Timothy 1:15) "คำพูดนี้เป็นความจริง" พวกสาวกหมายความว่ามันเป็นคำพูดที่น่าเชื่อถือและคุณต้องเชื่อและไว้ใจได้ ซึ่งบอกว่า "ทรงคุณค่าเหมาะกับการยอมรับ" สมควรที่ได้รับการยอมรับเพราะมันเป็นคำพูดที่เป็นความจริง อะไรที่บอกว่าคุณสามารถเชื่อถือและยอมรับได้? อยู่ที่นี่ - "พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาป และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” คุณต้องเชื่อคำพูดนี้ คุณสามารถนับเพราะมันเป็นความจริง! – เป็นจริงแน่นอน - "พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาป"! มีสามอย่างที่เป็นความจริงที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากข้อนี้ I. ประการแรก เราเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นบุคคลของพระเยซู "พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลก" พระองค์เสด็จ "มา" พระองค์ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเหมือนอย่างที่เราเป็น เราไม่ได้เข้ามาในโลก เราถูกสร้างขึ้นที่นี่ในโลกนี้ แต่พระคริสต์ "มาในโลกนี้" พระองค์มาจากไหน? พระองค์ลงมาจากสวรรค์อยู่ท่ามกลางพวกเรา พระธรรมยอห์น กล่าวว่า “ในเริ่มแรกนั้นพระวาทะทรงเป็นอยู่แล้ว และพระวาทะทรงอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า...และพระวาทะได้รับสภาพของเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา” (ยอห์น 1:1, 14) พระคริสต์สถิตกับพระเจ้าพระบิดาในสวรรค์ จากนั้นพระองค์จึงเสด็จลงมาและอยู่ในสภาพมนุษย์ และอาศัยอยู่ในหมู่พวกเรา! นั่นเรียกว่า "การทรงบังเกิด" นั่นหมายความว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้ามาบังเกิดเป็นมนุษย์ นั่นคือสิ่งที่ชาร์ลส์ เวสลีย์ (1707-1788) กล่าวไว้ในบทเพลงคริสมาสต์ของเขาซึ่งไพเราะ "ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ให้เราเห็น เป็นเหมือนมนุษย์อาศัยอยู่กบเขา พระเยซูอิมมานูเลของเรา หล่าทูตสวรรค์ร้องเพลงสรรสริญแด่ทารกนั้น" ” (“Hark, the Herald Angels Sing,” by Charles Wesley, 1707-1788) หรือ เอมิลี่ เอลเลียต เขียนว่า "พระองค์ได้ทรงออกจากราชบัลลังก์แห่งการเป็นกษัตริย์ที่สวมมงกุฎเสด็จมายังโลกนี้เพื่อฉัน" (“Thou Didst Leave Thy Throne” by Emily E. S. Elliott, 1836-1897) แต่ทำไมพระองค์ต้องเสด็จจากสวรรค์และลงมาสู่โลกนี้? ทำไมพระองค์ถึงมาอยู่ในครรภ์ของมารีย์? ทำไมพระองค์ต้องอยู่ท่ามกลางพวกเรา? ทำไมพระองค์ต้องทนทุกข์ทรมานและทนเจ็บปวดเป็นอย่างมาก? ทำไมพระองค์ถึงไปถูกตรึงที่กางเขน? ทำไมพระเจ้าถึงมาบังเกิดอยู่ในสภาพของมนุษย์ต้องทนทุกข์ทรมานบนไม้กางเขนเพื่อเรา? ข้อความของเรากล่าวว่า "พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลก" ทำไมพระองค์ต้องเสด็จลงมาสู่โลก? ซึ่งจะนำเราไปยังประการต่อไป II. ประการที่สอง เราเรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระเยซู ผมบอกคุณในประการแรกถึงการที่พรองค์เข้ามาในโลก - เป็นพระเจ้าผู้บังเกิดมา – เป็นบุคคลที่สองในตรีเอกานุภาพ ตอนนี้ให้เราเห็นว่าทำไมถึงมาในโลก และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (I ทิโมธี 1:15) พระประสงค์ของพระองค์ที่เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาป พระคัมภีร์บอกเราถึงพระคริสต์ว่า “ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง มีจิตใจอ่อนโยน มีใจสุภาพ” (1 เปโตร3:18) เปโตรยังกล่าวถึงพระคริสต์อีกว่า “จงมาหาพระองค์ เหมือนมาถึงศิลาอันมีชีวิตอยู่ ซึ่งมนุษย์ได้ปฏิเสธไม่ยอมรับแล้ว แต่ว่าพระเจ้าทรงเลือกไว้ และทรงค่าอันประเสริฐ” (1 เปโตร 2:4) อาจารยช์เปาโลยังกล่าวว่า“ (1 โครินธ์ 15:3) พระคริสต์เต็มพระทัยไปที่กางเขน ทนทุกข์ในที่ของคุณ ชดใช้บาปของคุณ และชำระบาปของคุณด้วยโลหิตของพระองค์ เพื่อให้พระเจ้าสามารถรับคุณในสวรรค์ พระคริสต์เสดช็จเข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปให้พ้นผิด และแบกบาปของคุณ “ชำระคุณจากบาปทั้งหลาย” (1 ยอห์น 1:7) พระคริสต์เองตรัสว่า เราไม่ได้มาพิพากษาโลก แต่ช่วยเหลือโลก (ยอห์น 12:47) ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวอย่างชัดเจนว่า “แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหาย” (อิสยาห์ 53:5) พระโลหิตของพระคริสต์สามารถช่วยคนบาปที่เลวร้ายให้พ้นผิดบาปของเขา พระโลหิตของพระคริสต์มีอำนาจ เพราะพระองค์ทรงเป็นบุคจลที่ยิ่งใหญ่! พระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า! สเปอร์เจียน กล่าวว่า พระคริสต์ต้องลงมาจากสวรรค์เพื่อช่วยคนบาปอย่างเรา สเปอร์เจียน กล่าวว่า พระเยซูคริสต์ไม่สามารถช่วยกู้มนุษย์ ถ้าพระองค์อยู่แต่ในสวรรค์ พระองค์เข้า "มาในโลก" เพื่อช่วยคนบาป พระองค์จะต้องมาในสถานที่แห่งความหายนะของเรา ... พระองค์ไม่อาจช่วยเหลือมนุษย์ได้ถ้าอยู่แต่ในสวรรค์ พระองค์ [ต้อง] เข้ามาในโลกและต้องทำอย่างนั้น ลงมาสู่ดินแดนที่พระองค์เป็นผู้สร้าง... พระองค์ไม่อาจช่วยกู้คนบาป จนกว่าจะบังเกิดมาเป็นมนุษยช์และใช้เวลาอยู่ตามธรรมชาติอย่างเรา ... และมาอยู่ที่นี่ ... พระองค์ไม่อาจกลับ [ไป สวรรค์] ถ้าไม่สามารถตรัสตามนี้ "สำเร็จแล้ว" จนกระทั่งพระองค์สิ้นพระชนม์ ศีรษะ [ของเขา] มีมงกุฏหนาม ตาของ [เขา] ต้องปิดในที่ความมืดในหลุมฝังศพ ... [ก่อน] ที่มนุษย์จะได้รับการช่วยกู้ ... โอ้ คนบาป เจ้าได้หลงหายไป เจ้าหลงหายไปหมด จนกว่า [ใช้] พระผู้ช่วยให้รอดสิ้นะชนม์ชดเชยคนบาป เพื่อช่วยคนบาปจากความผิดบาปของพวกเขา (C. H. Spurgeon, “The Faithful Saying,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, volume 24, Pilgrim Publications, 1972 edition, p. 304) III. ประการที่สาม เราเรียนรู้ถึงฤทธิ์อำนาจของพระเยซู คำนี้เป็นคำสัตย์จริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก (I ทิโมธี 1:15) อัครสาวกเปาโลกล่าวว่าคนบาปนั้นเขาเป็นตัว "เอก" - บาปที่เลวร้ายกว่าคนทั้งหมด เพราะก่อนหน้านั้นเปาโลได้พูดต่อต้านพระคริสต์ เปาโลต้องรับผิดชอบสิ่งที่เขาได้ฆ่าคริสเตียนจำนวนมาก เปาโลคือตัวอย่างที่ชัดเจนเกี่ยวกับคนบาป คนบาปทุกคนสามารถมองเห็นได้จากตัวอย่างของเปาโล ว่าคนบาปที่เลวร้ายที่สุดก็สามารถกลายเป็นคริสเตียนที่ยิ่งใหญ่ได้ ศัตรูตัวฉกาดที่สุดของพระคริสต์กลายเป็นคนรับใช้ที่ดีที่สุดให้พระองค์ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นให้กับเปาโล - และก็สามารถเกิดขึ้นให้กับคุณได้ด้วย ฤทธิ์อำนาจของพระเยซูคริสต์สามารถเปลี่ยนคุณจากคนบาปให้เป็นผู้ติดตาม! "พระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาป ข้าพเจ้าเป็นตัวเอก" ผมถูกพาไปที่คริสตจักรแบ๊บติสเป็นครั้งแรกตอนที่ผมเป็นวัยรุ่นอยู่ ตอนนั้นผมอายุแค่สิบสามปี เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันเป็นคนพาผมไปที่คริสตจักรแบ๊บติส ฉันไม่รู้ว่าพระเยซูคริสต์เข้ามาในโลกเพื่อช่วยคนบาปอย่างผม ผมรับบัพติศมาโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้น ผมคิดว่าพระเยซถูกตรึงที่กางเขนโดยอุบัติเหตุ ผมมั่นใจว่าต้องเคยได้ยินคำเทศนาเกี่ยวกับความรอดโดยเชื่อในพระเยซูคริสต์ แต่ผมไม่เข้าใจคำเทศนาเหล่านั้น อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “แต่ถ้าข่าวประเสริฐของเราถูกบังไว้จากใคร ก็จากคนเหล่านั้นที่กำลังจะพินาศ” (2 โครินธ์ 4:3) ผมหลงหายไป! และพระกิตติคุณก็ถูกซ่อนจากผม! ฉันยังแสดงโดยสวมบทยูดาห์ในวันอีสเตอร์ที่โบสถ์ ยูดาห์เป็นสาวกที่ทรยศพระเยซูคริสต์ ผมเล่นบทยูดาห์เป็นเวลาสามปี แต่ผมก็ยังตาบอด ผมยังไม่เข้าใจว่าพระเยซูได้รับความทุกข์และสิ้นพระชนม์ช่วยคนบาปอย่างผม มีชฉากหนึ่งตอนแสดงในวันอีสเตอร์ผมต้องกรีดร้องเป็นคำพูดของยูดาห์ “ข้าพเจ้าได้ทำบาปที่ได้ทรยศโลหิตอันบริสุทธิ์” (มัทธิว 27:4) นั่นทำให้ผมคิดเกี่ยวกับความผิดบาปของผม บาปกลายเป็นสิ่งที่เลวร้ายให้กับผม ผมรู้สึกว่าตัวผมเองได้ทรยศพระคริสต์ และแน่นอนความจริงก็เป็นอย่างนั้น คนบาปทุกคนทรยศพระคริสต์ ตอนนั้นผมรู้สึกว่าวิธีเดียวที่ผมจะเป็นคริสเตียนที่แท้จริงได้ก็โดยการสิ่งที่ "ดี" ให้มากขึ้น ผมรู้สึกว่าผมจะต้องเป็นคนดีจริงๆหรือหรือไม่สามารถเป็นคริสเตียนได้ ประมาณปี 1958 หรือ 1959 ผมได้อ่านเรื่องราวชีวิตของ ดร Albert Schweitzer ทางนิตยสารแห่งชีวิต ชไวเซอร์เป็นมิชชั่นนารีในทวีปแอฟริกา เขาได้รับการยกย่องจากนิตยสารแห่งชีวิตว่าเป็นคนที่มีมนุษยธรรมชนิดที่ดี เป็นมิชชันนารีและแพทย์ไปประกาศที่แอฟริกา ผมเองก็เริ่มคิดเกี่ยวกับการเป็นมิชชันนารี ผมคิดว่าถ้าทำอย่างนั้นสามารถทำให้ผมเป็นคริสเตียนที่แท้จริงได้ ผมเองก็เคยได้ยินประวัติของ ดูเลย์ ที่ไปเป็นมิชชันนารีที่ประเทศเวียดนามและกัมพูชา แล้วก็อ่านประวัติของ เจมส์ ฮัดสันเทย์เลอร์ที่เป็นทั้งหมอและเปช็นมิชั่นนารีไปยังประเทศจีนในศตวรรษที่ 19 ผมคิดว่า "นั่นคือสิ่งที่ผมจะทำ ผมก็กลายเป็นมิชชันนารีให้กับคนจีน แล้วก็เป็นคริสเตียนที่แท้จริงและไม่ใช่เป็นคนบาปเหมือนยูดาห์" ดังนั้นผมจึงเข้าร่วมคริสตจักรจีนแบ็บติสต์ที่หนึ่ง ตอนนั้นผมอายุ 19 ปี และฤดูใบไม้ร่วงนืนผมก็ไปเรียนที่วิทยาลัยไบโอลาเพื่อศึกษาเตรียมตัวเป็นมิชชันนารี ผมคิดว่านั่นจะช่วยฉันให้รอด ในระหว่างการประชุมที่คริสตจักรของวิทยาลัยไบโอลา เราร้องเพลงที่เขียนโดยชาร์ลส์ เวสลีย์ (1707-1788) ในช่วงต้นของแต่ละครั้งที่มีการนมัสการ ผมไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อน สร้างความประทับใจให้ผมมาก ในวันที่สองเพลงนั้นที่ทำให้ผมบนหัวของตั้งตรง! ผมรู้สึกว่าเหมือนมีประจุไฟฟ้าช็อตไปทั้วถึงร่างกายของผม เหมือนเราร้องเพลงนี้ในทุกเช้า และสามารถเป็นไปตามที่ฉันควรจะได้รับ ผมร้องแล้วร้องอีก ผมเขียนเพลงนี้ไว้บนกระดาษ และร้องแล้วร้องอีก "ความรักมหัศจรรย์! นั้นจะเป็นไปได้ ดังนั้นพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน" ชาร์ลส์ เจดบริดจ์ (1902-1995) เป็นนักเทศน์เกือบทุกวัน ท่านเทศน์ในพระธรรมสองเปโตร จนถึงท้ายสัปดาห์ ผมถึงได้รับความรอดในที่สุด! ผมร้องเพลนั้นงตลอดทางกลับไปบ้าน "ความรักมหัศจรรย์! นั้นจะเป็นไปได้ ดังนั้นพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน" “คำนี้เป็นคำสัตย์จริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (I ทิโมธี 1:15) ผมกำลังอธิษฐานให้คุณ! ผมกำลังอธิษฐานขอให้คุณวางใจพระเยซูคริสต์ - และได้รับความรอดพ้นจากบาปโดยทางพระองค์ ผมอธิษฐานขอให้คุณรับความรอดพ้นจากบาปโดยพระคริสต์ - แล้วคุณจะสามารถร้องเพลงนี้ออกมาจากใจของคุณ "ความรักมหัศจรรย์! นั้นจะเป็นไปได้ ดังนั้นพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน" และถ้าคุณไม่เข้าใจก็อย่าไปกังวล ผมจะเทศนาเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้งหนึ่ง โปรดแน่ใจว่าคุณจะกลับมาฟังเพิ่ม! อาเมน ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐาน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: 1 ทิโมธี 11:12-16. |
โครงร่างของ พระกิตติคุณในประโยคเดียว THE GOSPEL IN ONE SENTENCE โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “คำนี้เป็นคำสัตย์จริงและสมควรที่คนทั้งปวงจะรับไว้ คือว่าพระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด และในพวกคนบาปนั้นข้าพเจ้าเป็นตัวเอก” (I ทิโมธี 1:15) I. ประการแรก เราเรียนรู้เกี่ยวกับความเป็นบุคคลของพระเยซู ยอห์น 1:1, 14. II. ประการที่สอง เราเรียนรู้ถึงพระประสงค์ของพระเยซู III. ประการที่สาม เราเรียนรู้ถึงฤทธิ์อำนาจของพระเยซู |