เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
อดอาหารและอธิษฐาน
|
ถ้าคุณกำลังอ่านบทเทศนานี้ หรือดูกำลังในเว็บไซต์ของเรา หรือบน YouTube ผมอธิษฐานอย่าให้เปิด เพราะการที่ผมแสดงความคิดเห็นหรือให้มุมมองเกี่ยวกับสองข้อสุด้ทายนี้ "และการอดอาหาร"ถึงแม้ว่า แม้ว่าผมจะไม่แสดงความคิดเห็นไปในทางที่ผิด แต่ผมรู้สึกว่าทั้งสองคำควรได้รับการเก็บรักษาเอาไว้ เหตุผลแรกเป็นเพราะว่าข้อนี้จะไม่ชัดเจนถไม่มีคำเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่าพวกสาวกได้อธิษฐานขับผีออกในครั้งก่อนหน้านี้ ดังนั้นน่าจะมีการเพิ่ม หลังจาก อธิษฐาน - และมีส่วนสำคัญในต้นฉบับโบราณ "และอดอาหาร" ก่อนหน้านี้พวกเขาได้อธิษฐานขับผีที่อำนาจน้อยออกไปได้ แต่ตอนนี้พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับผีตนหนึ่งที่มีอำนาจมากจะอาศัยการอธิษฐานเพียงอย่างเดียวไม่พอ ดังนั้นพระเยซูจึงตรัสว่า “ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร" (มาระโก 9:29) และตอนนี้ฉันจะให้คุณเหตุผลที่สองว่าทำไมทั้งสองคำนี้ควรได้รับการเก็บรักษาไว้ ซึ่งผมก็เชื่ออย่างหมดใจ! กรุณาอย่าปิดฉันออก! หลายปีที่ผ่านมา ภรรยาของผมและผมได้ไปปีนภูเขาซีนายด้วยกัน ตอนที่เราลงมาจากภูเขา เราได้ไปเที่ยวชมวัดเซนต์แคทเธอรี สถานแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับตินดอยภูเขาไซนาย แต่มีวิหารสีดำของคริสตจักรออทอดอส์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 6 มีกองกะโหลกของมนุษย์ตั้งสูงกว่าหกฟุตอยูที่มุมหนึ่ง – เป็นกะโหลกศีรษะของนักบวชต่างๆที่อาศัยอยู่ในหลายศตวรรษที่ผ่านมา มีโครงกระดูกหนึ่งที่เป็นบาทหลวงถูกล่ามโซ่ไว้กับประตูหน้าบ้าน ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีแสงสลัว มีเทียนสั่นและมีไข่นกกระจอกเทศห้อยลงมาจากเพดาน ดูเหมือนว่าสถานที่ของซาตาน ที่คุณอาจเห็นในทีวีในวิดีโอของ "Raiders of the Lost Ark" ในอีกมุมหนึ่งของอาคารที่มืดนี้มีสมุดบันทึก มีลายลักษณ์อักษรที่เขียนในหลายภาษา ในเวอร์ชันภาษาอังกฤษของโน้ตนี้กล่าวว่าเรื่องนี้เป็นที่ต้นฉบับ Sinaiticus แห่งพันธสัญญาใหม่ถูกเก็บไว้ "จนกระทั่งถูก Tischendorf ขโมยและขายให้กับอังกฤษ" เป็นฉบับที่คัดลอกด้วยลายมือที่ ที่ถูกขโมยมาจากที่มืดและสถานที่ของซาตาน ซึ่งคำว่า "และอดอาหาร" ไม่ปรากฏอยู่ในนั้น จากนั้นต้นฉบับนี้จึงถูกขายไปที่อังกฤษ ผมและภรรยาเห็นมัน ตอนการเดินทางไปพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกฤษในกรุงลอนดอนในอีกครั้งหนึ่ง นั่นเป็นมีสองสองคริสตจักรแนวเสรีนิยมแห่งอังกฤษอย่าง บรูค เวสคอทท์ (1825-1901) และเฟนตั้น ฮอร์ต (1828-1892) ได้เอาต้นฉบับของ Tischendorf ไปเป็นกรีกพันธสัญญาใหม่ของ เวสคอทท์ และ ฮอร์ต (1881) ความจริงการเปลี่ยนแปลงต้นฉบับทั้งหมดเหล่านั้นเกิดจากแคทเธอรีในพระอาราม บทแปลสมัยใหม่นั้นคัดลอกมาจากฉบับที่เป็นภาษากรีกของ Westcott และ Hort ดังนั้นเมื่อคุณอ่านฉบับสมัยใหม่นั้น แสดงว่าคุณกำลังอ่านบทสำเนาที่เขียนด้วยมือซึ่งคัดลอกมาจาก Tischendorf ที่เอามาจากวัดมืดแห่งปีศาจเซนต์แคทเธอรี ผมเชื่อมั่นว่านักบวชในสมัยโบราณบางคนได้รับอิทธิพลจากพวกจีน็อสตินิยมหรือเหตุผลนิยม จึงเอาคำว่า "และการอดอาหาร" ออกไปตอนมาใช้มือคัดลอกและใช้ชื่อว่า Sinaiticus นอกจากนี้ ผมยังเชื่ออีกว่าซาตานปกป้องต้นฉบับนี้จนกระทั่งยุคปัจจุบัน – และแล้วก็ใช้เป็นยาพิษปล่อยไปทำลายความเชื่อผู้เชื่อในคริสตจักรต่างๆ โดยเฉพาะพวก evangelicals ใช้อ่านในปัจจุบันนี้เป็นฉบับ "พระคัมภีร์ของซาตาน" ผมไม่กล่าวเรื่องนี้ผิด! เพราะซาตานต้องการคำว่า "และการอดอาหาร" ลบออกทิ้งไป ทำไมล่ะ? ง่ายมาก! ซาตานต้องการสองคำนี้ออกเพราะ "ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร"!!! ง่าย! ดร. ลอยด์โจนส์ กล่าวว่า "มารรบกวนเราและทำให้เราสับสนและยุ่งเหยิงเราทุกเวลา มันต้องการที่จะทำลายพันธกิจของพระเจ้า" (Spiritual Blessing, Kingsway Publications, 1999, p. 158) เคยไม่เคยสงสัยเลยหรือกำลังแพร่ขยายไปทั่วประเทศอเมริกานับตั้งแต่ปี 1859? หยุดสงสัยซัก!คริสเตียนทุกคนต่างก็หยุดการอดอาหารหลังจากพระคัมภีร์ฉบับของ Westcott และ Hort กลายเป็นที่นิยม นั่นจึงเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ไม่มีการฟื้นฟูในประเทศของเราเป็นเวลาถึง 154 ปี! ก่อนหน่นั้น พระเจ้าทรงส่งการฟื้นฟูมาในทุกๆสิบปี! ลองคิดถึงเรื่องนี้ นักเทศน์ทุกคนในศตวรรษที่ 18 ในครั้งแรกแห่งการฟื้นฟูใหญ่มีการอดอาหารและอธิษฐานอยู่บนพื้นฐานของพระวจนะ "ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร" นักประกาศข่าวประเสริฐผู้ยิ่งใหญ่อย่าง จอห์นเวสลีย์ แสดงความคิดเห็นตามพระธรรมมัทธิวดังนี้ว่า - "การเป็นพยานที่นี่มีประสิทธิภาพ [สำเร็จผล] เพราะการอดอาหาร ตอนบรรจุเข้ามาอยู่ในคำอธิษฐาน!" (John Wesley, M.A., Explanatory Notes on the New Testament, Baker Book House, 1983 edition, volume I, note on Matthew 17:21) จอร์จ ไวท์ฟิลด์ โฮเวล แฮร์ริส, โจนาธาน เอ็ดเวิร์ดส์ และเหล่าเทศน์ทั้งหมดในยุคแห่งการฟื้นฟูต่างก็เห็นด้วยกับ จอห์น เวสลีย์ที่ว่าอดอาหารและในการอธิษฐานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก! แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้มีพระคัมภีร์ฉบับของ Westcott และ Hort ณ ตอนนั้น แล้วลองมาคิดถึงนักเทศน์ในยุคแห่งการฟื้นฟูใหญ่ครั้งที่สองนั้นว่าเป็นอย่าง? ทิโมธี ดไวต์ ก็อดอาหาร อาสาเฮล เนทเลตัน ก็อดอาหาร โรเบิร์ต เมอร์เร เอ็มเชน ก็อดอาหาร จอห์น เจเจมส์ ก็อดอาหาร พวกเขามีการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ มีการอดอาหารและอธิษฐานสำหรับพวกเขา แต่พวกเขาไม่ได้มีพระคัมภีร์ฉบับของ Westcott และ Hort! และอย่างที่ผมบอก การฟื้นฟูใหญ่ครั้งที่ในปี 1857-59 เกิดขึ้นก่อนพระคัมภีร์ฉบับวิญญาณชั่ว การอดอาหารเป็นเรื่องธรรมดาในสมัยประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์ด ซึ่งได้มีการอดอาหารและอธิษฐานในช่วงระหว่างสงครามการเมือง การฟื้นฟูครั้งปี 1859 มาในระหว่างประชุมอธิษฐาน ในช่วงเวลาที่ผู้คนมาอยู่อดอาหารอธิษฐานร่วมกัน สเปอร์เจียนคือนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ในช่วงการฟื้นครั้งที่สามนี้ ท่านอดอาหารอยู่บ่อยๆ และเทศนาเกี่ยวกับการอดอาหารและอธิษฐานหลายต่อหลายครั้ง! แม้กระทั้ง งานฟื้นฟูที่เวล์ชในปี 1905 ยังเกิดขึ้นก่อนนักเทศน์เวลล์หยุดใช้พระคัมภีร์ฉบับ คิง เจมส์ คนเวลล์เคยถูกสอนให้อดอาหารและอธิษฐาน และก็เป็นจริงให้กับงานฟื้นฟูที่เกาะไอซแลนด์แห่งลูวิส ในประเทศสก็อตแลนด์ ในปี 1949 คือช่วงเวลาที่มีหญิงชราตาบอดสองคนได้มีการอธิษฐานอดอาหารจนทำให้เกิดการฟื้นฟู! แล้วประเทศจีนล่ะ? คริสเตียนทุกคนที่นั่นอดอาหารและอธิษฐาน พวกเขาถูกสอนให้ทำอย่างนั้นโดย มิชชั่นนารี อย่าง เจมส์ เทเลอร์ (1832-1905) นักประกาศอย่าง จอห์น ซัง (1901-1944) เห็นงานฟื้นฟูใหญ่ในประเทศจีนเป็นช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่พวกคอมมิวนิสต์จะเข้ามาปกครองประเทศ ดร. ซังอดอาหารและอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง คริสเตียนอย่างนาย เวน มินดาว (1990-1991) ถูกจำจองอยู่ในคุกเพื่อประกาศข่าวประเสริฐ ท่านก็อดอาหารและอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง ดร. เจมส์ ฮัดสัน เทเลอร์ III และรุ่นหลานอย่าง ฮัดสัน เทเลอร์ พูดถึง เวน มินดาว ดังนี้ “ไม่มีคริสเตียนชาวจีนในยุคศตวรรคที่สิบแปดคนไหนที่รับรู้เข้าใจพระกิตติคุณเท่าท่าน (David Aikman, Jesus in Beijing, Regnery Publishing Company, 2006 edition, p. 56). เอแลน ยวน (1914-2005) ก็ใช้เวลามากกว่า 20 ปีในคุกประกาศพระกิตติคุณ ท่านก็อดอาหารและอธิษฐานอยู่บ่อยๆ ซามูเอล แลมป์ (1918-2011) และยังมีคนอื่นๆที่รับพระเจ้าอยู่ในคุกโดยการอดอาหารอธิษฐาน พระเจ้าทรงได้ยินพวกเขาและนำพาคริสเตียนชาวจีนให้รอดพ้น “การปฏิวัติวัฒนธรรม” ในประเทศจีน แล้วในปี 1980 พระเจ้าทรงส่งคลื่นแห่งการฟื้นฟูเหมือนคลื่นสินามิจากศตวรรคหนึ่งสู่อีกศตวรรคหนึ่งจนถึงในทุกวันนี้! พระคัมภีร์ฉบับ The American Bible Society ประมาณว่ามีการกลับใจประมาณ 700 คนทุกชั่วโมง 24 ชั่วโมงต่อหนึ่งวันในประเทศจีน – คนกลับใจมารับเชื่อประมาณ 17, 000 คนในทุกๆวัน! ศิษยาภิบาลชาวจีนไม่เคยเห็นพระคัมภีร์ฉบับของ Westcott และ Hort พวกเขามีการอธิษฐานอดอาหารตามปกติ พระเจ้าก็ตอบคำอธิษฐาน ลองไปดู “ไม้กางเขน” (กดที่นี่เพื่อสั่งซื้อทาง Amazon.com) ชาวจีนได้สร้างภาพยนตร์ถึงการฟื้นฟู ถ้าเห็นแล้วจะรู้สึกว่าคุณเห็นพระธรรมกิจการกลับมามีชีวิต! ศิษยาภิบาลของผมที่รู้จักเป็นเวลา 23 ปี ดร. ทิโมธี หลิน ท่านมักจะถือพระคัมภีร์ภาษาจีนฉบับเก่าที่ใช้มานานเกือบหกสิบปี ใช่ว่าได้รับอิทธิพลจากโดย Westcott และ Hort คำนี้ไม่ถูกลบออก ดร. หลิน อดอาหารและอธิษฐานตลอดระยะเวลาการทำพันธกิจของท่าน ผมก็เหนคริสตจักรของท่านเจริญเติบโตในงานฟื้นในงานฟื้นฟู คริสตจักรเต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวเพียงเวลาไม่กี่เดือน ดร. หลินเชื่อว่าการอดอาหารอธิษฐานคือหนทางที่จะรับพระพรของพระเจ้า ผมขอโทษที่พูดเช่นนี้คนที่ติดตามท่านกลับไปรับอิทธิพล “ความคิดชาวตะวันตก” และพระคัมภีร์ของ Westcott และ Hort ผมรู้ว่ามีบางคนคิดว่าผมไปวิจารณ์ความหมายของพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่มากเกินไป แต่คำถามของก็เหมือนคำถามที่พวกสาวกถามพระเยซู “ทำไมพวกเราถึงขับมันไม่ออก” (มาระโก 9:28) สเปอร์ทราบดีถึงการตักคำว่า “การอดอาหาร” ในข้อนี้ออก ในฉบับปรับปรุงใหม่ ตอนที่ท่านเทศนาในหัวข้อ ความลับแห่งการล้มเหลว” ปี 1886 (The Metropolitan Tabernacle Pulpit, volume XLII, Pilgrim Publications, 1976 edition, pp. 97-106) แต่ท่านได้กล่าวว่า “การอดอาหารและอธิษฐานนั้นมีพลัง…มันมีวิญญาณชั่ว [มาร] ทำให้การอธิษฐานนั้นสับสนวุ่นวาย ไปคิดถึงอย่างอื่น: ต้อง ‘อธิษฐานและอดอาหาร’” (เล่มเดียวกัน หน้า 105). สเปอร์เจียนยังใช้คำถามของพวกสาวก “ทำไมเราถึงขับมันไม่ออก?” เงื่อนไขอ่อนแอของคริสตจักร สเปอร์เจียนกล่าวว่า "ทำไมเราถึงไม่สามารถขับไล่ผีนั้นออก" ขอให้คริสตจักรของพระเจ้า ... พูด ‘ทำไมถึงไม่สามารถนำคนนับพันเหล่านี้เข้ามาฟัง ตอนเราประกาศพระกิตติคุณ? มีหญิงโสเภณีอยู่เต็มตามท้องถนนของเรา: ทำไมคริสตจักรของพระเจ้าถึงไม่กล้าไปประกาศให้พวกเธอ? หรือว่ามีบาปหนา – เพราะบาปเราจึงไม่กล้าพูด ถึงมีเรื่องที่เลวทรามเช่นนั้น?..."ทำไมเราถึงไม่สามารถขับไล่ผีนั้นออก" ทำไมเราถึงไม่สามารถกำจัดอำนาจความชั่วร้ายเหล่านี้ออก?... และมีหลายคนรับฟังคำเทศนาปีแล้วปีเล่าแต่ก็ยังมีชีวิตที่เหมือนเดิม มันเป็นวิญญาณชั่ว [มาร] ชนิดไหนที่เข้าไปสิงอยู่ในนั้น? ทำไมเราถึงไม่สามารถขับไล่ผีนั้นออก" (ibid., p. 101) คำตอบของ สเปอร์เจียน นั้นเป็นเหมือนของพระคริสต์ “ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร" (มาระโก 9:29) ดร. ลอยด์โจนส์ ก็เช่นเดียวกันถามคำถามเดียวกัน "ทำไมเราไม่สามารถขับผีนั้นออก?" และพระคริสต์ทรงตอบว่า "ผีอย่างนี้จะขับให้ออกไม่ได้เลย เว้นแต่โดยการอธิษฐานและการอดอาหาร" "ท่าน" บอกว่าเราต้องมีการวินิจฉัยว่า "ชนิดนี้" ในทุกวันนี้ว่าเป็นอะไรกันแน่ เขากล่าวว่า "ชนิดนี้" คืออะไร? อะไรที่เป็นปัญหาที่เรากำลังเผชิญหน้าในวันนี้? ฉันรู้สึกมั่นใจว่า ถ้าเราตรวจสอบอย่างจริงจัง เราจะเห็นว่าชนิดของปัญหาที่เราเผชิญอยู่ทั้งหมดนี้ อยู่ลึกและทวีมากยิ่งขึ้นกว่าปัญหาที่คริสตจักรในหลายศตวรรษก่อนเผชิญกัน (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Revival, Crossway Books, 1997, p. 15) ”เขาบอกว่าวิธีการในสมัยก่อนเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลให้กับ "ชนิดนี้" ในทุกวันนี้ แล้วเขาก็บอกว่ามีหลาย "วิธีการใหม่" ที่ไม่ทำงาน เขาบอกว่ามี “วิธีการใหม่ๆ” หลายอย่างก็ใช้ไม่ได้ผลเช่นกัน พระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ไม่อาจเจาะลึกถึงปัญหา เขาบอกว่างานประกาศพระกิตติคุณและครูเสดของไม่อาจนำคนมาคริสตจักรของเรา เขากล่าวว่า "คุณต้องตระหนักว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรบางอย่างที่อยู่ลึกเกินไปสำหรับวิธีการของคุณจะกำจัดได้" (ibid., p. 19) ผมเชื่อว่าทั้งหมดที่เขาพูดนี้ถูกต้อง คนที่ไม่เชื่อในทุกวันนี้ไม่เห็นความจำเป็นต่อการพึ่งพาคริสตจักร พวกเขาไม่รู้สึกว่าเป็นคนบาปและจำเป็นต้องได้รับการอภัย อะไรคือสาเหตุที่ผู้ไม่เชื่อ “รู้สึกว่า” คริสตจักรยุคปัจจุบันนี้ไม่อาจเป็นที่พึ่งพาได้ หลายปีที่มาผมมาคิดถึงปัญาหาน่าคืออะไรกันแน่ ผมจึงค้นพบว่าปัญหาขั้ขพื้นฐานนั้นคือความเหงา "รู้สึกว่าต้องการที่พึ่ง" แต่คริสตจักรของเราไม่อาจเป็นที่พึ่งได้ วิลเลียม กลาเซอร์ นักจิตแพทย์กล่าวอย่างนี้ในหนังสือของท่าน ตัวบ่งบอกถึงสังคม หรือ The Identity Society, อาการหลายๆอย่างไม่ว่าจะเป็นทางด้านจิตใจหรือทางใจ และทุกพฤติกรรมเช่นก้าวร้าว ขาดการมีเหตุผล พฤติกรรมเหล่านี้เป็นผลพวงที่เกิดมาจากความเหงาและมาพร้อมกับความโดดเดี่ย คนที่ต้องต่อสู้กับตัวเอง ที่ไม่อาจพบกับตัวตนที่แท้จริง และไม่ประสบความสำเร็จ (quoted in J. Oswald Sanders, D.D., Facing Loneliness, Discovery House Publications, 1990 edition, p. 46). ภาวะซึมเศร้า ยาเสพติดชนิดต่างๆ ความสิ้นหวัง - "อาการทั้งหมดเหล่านี้ ... และรมถึงทุกพฤติกรรมก้าวร้าว การเป็นคนไร้เหตุผลล้วนมีสาเหตุมาจากความเหงา" ผมคิดว่า ดร. กลาเซอร์ กล่าวถูกต้อง! "เป็นบาปใหญ่" ในสังคมของเรา "ทุกคน" มีปัญหาเพราะมีสาเหตุที่เกิดจากความเหงา! "ชนิดนี้" คือ "ความเหงา" ในวัฒนธรรมของเราในทุกวันนี้ ถ้าเราไม่สามารถช่วยบรรเทาหรือรักษาภาวะแห่งความเหงาได้ เราไม่อาจนำผู้ไม่เชื่อให้เข้ามาในคริสตจักรของเราได้! ทิโมธี หลิน ศิษยาของผมที่นานที่สุดที่คริสตจักรจีนแบ๊บติส รู้ว่าเรื่องนี้ดี! เขาเป็นคนมีอายุมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ท่านเป็นคนที่ใช้เวลามากกับการอดอาหารและอธิษฐาน พระเจ้าจึงสำแดงทให้ท่านเห็นความสำคัญของการรักษาความเหงาและป็นวิธีการที่สามารถประกาศนำคนหนุ่มสาวที่ยังไม่เชื่อ ท่านมักจะกล่าวว่า "เราต้องรักษาอาการเหงาของเยาวชน เราต้องทำให้คริสตจักรเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขา" ผมเห็นด้วยกับท่าน ในปี 1960 คริสตจักรทำตามอย่างที่ ดร. หลินกล่าว จึงพบว่ามีคนหนุ่มสาวหลายร้อยคนออกจากโลกและเข้ามาในคริสตจักร ในขณะเดียวกันคริสตจักรที่มีประสบการณ์ถึงที่พระองค์ทรงส่งการฟื้นฟูลงมา มีบางคนได้ลืมสิ่งที่ ดร. หลิน ทำในอดิต! แต่ก็ต้องหยุดที่นี่และอยากจะกล่าวตักเตือน อย่าให้เราคิดวว่าการอธิษฐานและการอดอาหารจะทำให้เกิดการฟื้นฟูโดยอัตโนมัติ – หรือทำให้คนกลับใจใหม่อย่างมากมาย เราจะต้องระมัดระวังอย่าไปคิดว่าพระเจ้าเป็น "อำนาจ" ที่เราสามารถสั่งได้ เพราะนั่นคือสิ่งที่ซีโมนนักมายากลคิดกัน เขากล่าวว่า "ขอให้ข้าพเจ้ามีอำนาจนี้ด้วยเถิด" (กิจการ 8:19) ถ้าเราคิดว่าพระเจ้าเป็นไม่มีตัวตน แต่เป็นแค่ "พลัง" ที่เราสามารถจัดการและ "ใช้" ได้ ผ่านทางการอธิษฐานและการอดอาหาร แสดงว่าเรากำลังเข้าไปใกล้กับ "เวทมนตร์ขาว" เพราะใน "เวทมนต์ดำ" พวกหมอผีจะคาถาควบคุมและจัดการกับวิญญาณชั่ว ในส่วน "เวทมนตร์ขาว" พวกหมอผีใช้คาถาบางอย่างหรือการสวดมนต์ในการควบคุมและจัดการกับที่เรียกกันว่า "วิญญาณดี" – แม้แต่พระเจ้าของพวกเขา ที่พวกเขาเรียกว่า "พระวิญญาณบริสุทธิ์" เป็นการเข้าใจผิดและอันตาราย ผมเชื่อว่า เบนนี่ ฮิน และผู้นำ "คาริสเมติส" คนอื่นกำลังใช้ "เวทมนตร์ขาว” แท้จริงแล้วพระวิญญาณของพระเจ้าคือบุคคล พระองค์ไม่อาจ "เสด็จมาลง" และถูก "ใช้" โดยการพูดคำบางคำหรือแบบท่องคาถา - ไม่อาจเป็นไปได้แม้แต่การอดอาหารอธิษฐาน พระองค์ทรงเป็นบุคคล ไม่ใช่อยู่ในสภาพของ "พลังอำนาจ" มีสิ่งเกิดขึ้นมากมายในทุกวันนี้อย่างที่นิยมเรียกว่า "ฟื้นฟู" จริงเป็นของซาตานแห่ง "เวทมนตร์ขาว" ดังนั้นเมื่อเราอธิษฐานและอดอาหารขอพระเจ้าทรงนำคนหนุ่มสาวให้เข้ามาในคริสตจักรของเราเราจะต้องตระหนักว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่บริสุทธิ์ พระองค์ทรงเป็นบุคคล ต้องปฏิบัติต่อพระองค์ด้วยความเคารพ สเปอร์เจียน ยังเทศนาอีกว่า ผมไม่แน่ใจว่า การที่เราได้สูญเสียความสุขที่ยิ่งใหญ่ในคริสตจักร โดยยอมแพ้หรือยกเลิกการอดอาหาร ... มีตำราของ ปูริตาน เรียกว่า "วิญญาณแห่งสถาบันของการอดอาหาร" และเขาได้เล่าประสบการณ์ของตัวเอง ในช่วงที่อดอาหาร เขารู้สึกกระตือรือร้นทวีรุนแรงมากขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณใ ตอนอธิษฐานกว่าในเวลาอื่น ๆ(The Metropolitan Tabernacle Pulpit, volume X, Pilgrim Publications, 1991 edition, p. 35) วันเสาร์หน้านี้ เราจะมีการอดอาหารอีกวันหนึ่งจนกระทั่ง 5:00 โมงเย็น หลังจากนั้นแล้วเราจะมาที่คริสตจักรนี่ เพื่อร่วมรับประทานอาหารและอธิษฐานต่อ เราจะอธิษฐานขอให้พระเจ้าดึงคนเข้าไปในคริสตจักรเหตุที่พวกเขา "รู้สึกต้องการความช่วยเหลือ" เพราะความเหงา แต่นั่นไม่อาจนำผู้คนให้เข้ามามากจนกว่าพวกเขาจะถูกตัดสินลงโทษว่าเป็นความบาปและรับรู้จนมารับเชื่อในพระคริสต์ ดังนั้นให้อธิษฐานของการทรงนำ เพื่อให้มีการกลับใจใหม่ที่แท้จริง ถ้าคุณยังไม่ได้กลับใจใหม่ ผมบอกคุณว่าพระเยซูทรงรักคุณ พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อจ่ายค่าบาปของเรา โลหิตของพระองค์ได้หลั่งลงมาบนไม้กางเขนชำระเราจากบาปทั้งหมด พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อประทานชีวิตให้คุณ “จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย” (กิจการ 16:31) จิตและใจของคุณจงมุ่งเน้นไปที่พระเยซูผู้เดียว – โลหิตที่ออกและการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อช่วยคุณให้รอด! จงวางใจพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจ พระองค์จะช่วยให้คุณให้รอดจากบาป ความตายและนรก! อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: มาระโก 9:23-29. |
|