Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ทำลายห่วงโซ่แห่งความเหงา

BREAKING THE CHAINS OF LONELINESS
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 13 เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2014 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord's Day Morning, July 13, 2014

“วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้ม” (ปัญญาจารย์ 4:10)


ตามที่ ดร. ลีโอนาร์ ซูอิน จิตแพทย์ ในเมือง ลอสแอนเจลิส กล่าวว่าปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์คือความเหงา นักจิตวิเคราะห์ที่ชื่อ ริชฟรอมม์กล่าวว่า "ความต้องการที่ลึกที่สุดของมนุษย์ที่ต้องเอาชนะคือแยกตัวจากผู้คน หรือการทำให้คนๆหนึ่งต้องอย่างเงียบเหงา" พระคัมภีร์กล่าวว่า “ซึ่งมนุษย์นั้นอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ เราจะสร้างผู้ช่วยเหลือสำหรับเขา” (ปฐมกาล 2:18) นักกวีชาวอังกฤษชื่อ จอห์น มิลตัน เตือนเราว่าความเหงาเป็นสิ่งแรกที่พระเจ้าตรัสว่าไม่ดี

และไม่มีสถานที่เงียบเหงามากเท่ากับเมืองใหญ่ๆอย่างเช่น สอสแอเจลิส เฮอร์เบิร์ โพรชเนา กล่าวว่า "เมืองคือแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ที่คนเงียบเหงามาอยู่รวมด้วยกัน" แม่เทเรซาอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดอย่าง กัลกัต ประเทศอินเดียกล่าวว่า "ความเหงาคือความเลวร้ายชนิดหนึ่งของความยากจน" ถ้านั่นคือความจริง ชาวอเมริกันคือคนที่ยากจนที่สุดในโลก! ผู้คนนับล้านในเมือง ลอสแอนเจลิส คือพวกที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวเงียบเหงา และคุณล่ะ? คุณเคยรู้สึกบ้างไหมว่าไม่มีใครจริงๆที่เป็นห่วงเป็นใยคุณ – ไม่มีใครที่เข้าใจอย่างแท้จริง หรือคอยสนับสนุนคุณ?

ผมเชื่อตามคำพูดของนักจิตแพทย์เหล่านั้น ดร. ซูอิน และ ดร. ฟรอมม์ กล่าวถูกต้อง ผมเชื่อว่าความเหงาคือปัญหาใหญ่ที่ทำลายคนในทุกวันนี้ - โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน นครสอลแอนเจลิส - และกระจายไปทั่วโลก พวกคุณหลายคนที่มาในเช้านี้ถูกมัดด้วยโซ่แห่งความเหงา! และผมก็จะเทศนาถึงเรื่องนี้

I. ประการแรก ลองนึกถึงความเหงาท่ามกลางวัฒนธรรมและประเทศของเรา

ด้วยความได้เปรียบทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทุกวันนี้ ทำให้เรากลายเป็นพวกที่เหงามากกว่าคนในรุ่นที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสครอบรอบวันเกิดของนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า เอช จี เวลส์ กล่าวว่า "ผมรู้สึกเหงาและไม่เคยพบกับสันติสุข" นั่นคือคำพูดของชายชราที่เงียบเหงาและเป็นศัตรูของศาสนาคริสต์

เทคโนโลยีอยู่เบื้องหลังความเหงาของเรา ตัวอย่างเช่นโทรทัศน์เป็นต้น นักเขียนอย่าง แอนแลนเดอร์ กล่าวว่า "โทรทัศน์พิสูจน์ให้เห็นว่าผู้คนจะดูทุกสิ่งที่ต้องการแทนที่จะมาดูแลซึ่งกันและกัน" คนจดจ่ออยู่หน้าจอโทรทัศน์หลายๆชั่วโมง หรือเล่นวิดีโอเกมเป็นเวลาหลายชั่วโมงกว่าที่จะหยุดเล่น เราไม่มีเวลาแม้แต่นั่งลงและรับประทานอาหารร่วมกันเป็นแบบเพื่อนหรือแบบครอบครัว ตอนนี้เราลืมแม้แต่การสนทนาซึ่งกันและกัน เรายุ่งมากเกินไปกับการนั่งดูทีวีหรือ ไอเพด จนลืมพูดคุยต่อกันและกัน – ในช่วงหนึ่งของชีวิต!

พวกเขาเสียบหูฟังเข้ารูหู และฝังดนตรีลงในสมอง พวกเขาเปิดตัวเองอยู่ในรถ คนๆเดียวต่อรถหนึ่งคัน พวกเขา “เปิด” คอมพิวเตอร์ – อยู่อย่างโดดเดี่ยว

ทีวี คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ม้วนเทป - ทั้งหมดนี้คือเทคโนโลยี - ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข แต่กลับทำให้เราโดดเดี่ยวเหงามากยิ่งขึ้น เอลเบร์ท อิสทิน กล่าวว่า "เห็นได้ชัดเจนว่าเทคโนโลยีของเราได้ทำลายความเป็นมนุษย์ของเรา" วิดีโอเกมคือรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดที่ทำให้เราโดดเดี่ยวเงียบเหงามากที่สุด ให้กับพวกวัยรุ่นในทุกวันนี้!

พระคัมภีร์กล่าวว่า "วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง เพราะไม่มีผู้อื่นพยุงยกเขาให้ลุกขึ้น" (ปัญญาจารย์ 4:10) และผมเชื่อว่านี่คือหนึ่งในเหตุผลที่หลักดันให้คนหนุ่มสาวจำนวนมากหันไปพึ่งยาเสพติด พวกเขาเหงา บางคนหันไปเข้าร่วมกับแก๊ง – ที่ๆพวกเขาพยายามค้นหาและอยู่กับมันโดยหารู้ไม่ว่ากำลังทำลายสถาบันครอบครัว บางคนก็ไปร่วมงานสันสรรค์ในวันศุกร์และคืนวันเสาร์ - พยายามที่จะเอาชนะความเหงาของพวกเขา แต่ก็ไม่อาจที่จะแก้ปัญหานี้ได้ แก๊งไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตอนการสันสรรค์สิ้นสุดลง - และคุณก็กลับบ้านคนเดียว – เหงาอีกครั้ง

ความเห็นแก่ตัวขัดขวางการเป็นมิตร พระวจนะกล่าวว่า

“แต่จงเข้าใจข้อนี้ด้วย คือว่าในวันสุดท้ายนั้น จะเกิดเหตุการณ์กลียุคเหตุว่าคนจะเป็นคนรักตัวเอง เป็นคนเห็นแก่เงิน เป็นคนอวดตัว เป็นคนจองหอง เป็นคนพูดหมิ่นประมาท เป็นคนไม่เชื่อฟังคำบิดามารดา เป็นคนอกตัญญู เป็นคนไร้ศีลธรรม เป็นคนไม่รักซึ่งกันและกัน เป็นคนไม่ทำตามสัญญา เป็นคนหาความใส่เขา เป็นคนไม่มีสติรั้งใจ เป็นคนดุร้าย เป็นคนชังคนดี เป็นคนทรยศ เป็นคนมุทะลุ เป็นคนหัวสูง เป็นคนรักความสนุกสนานยิ่งกว่ารักพระเจ้า” (2 ทิโมธี 3:1-4)

พระคัมภีร์ตอนนี้กล่าวทำนายถึงความเงียบเหงาในทุกวันนี้ - และอธิบายว่าทำไมคนจำนวนมากถึงเหงาอย่างนั้น

"พวกเขารักตัวเอง" คุณไม่สามารถจะเข้าใกล้กับคนอื่น ๆ ถ้าความรักที่ยิ่งใหญ่ที่คุณคือการรักตัวเอง "คือคนที่รักความสุขส่วนตัวมากกว่ารักพระเจ้า" เผชิญกับมัน มีคนมากมายรักแบบเห็นแก่ตัวเพื่อความสุขของตัวเองและไม่มีความรักของพระเจ้าเลย! คุณชอบอย่างนั้นหรือเปล่า? คุณเห็นแก่ตัวหรือไม่? ความเห็นแก่ตัวคือรากของความบาป - คุณรักตัวเองไม่ใช่พระเจ้า ในความรักของคุณก่อให้เกิดกบฏต่อต้านพระเจ้า คุณผลักดันพระเจ้าออกมาจากความคิดของคุณ และผลลัทธ์ที่คุณได้รับคือการถูกสาปแช่งคือความเหงา คุณไม่อาจที่จะรู้จักความรักของพระเจ้า คุณไม่อาจมีมิตรแท้ในโลกนี้ พระคัมภีร์กล่าวว่า "คนที่มีเพื่อนต้องแสร้งทำเป็นเพื่อน แต่มีมิตรคนหนึ่งที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง" (สุภาษิต 18:24) ถ้าคุณไม่เป็นเป็นมิตรคุณก็จะไม่มีเพื่อนแท้ นั่นคือชะตากรรมที่น่าเศร้าของคนที่ไม่รอดและโดดเดี่ยวคนหน้าซื่อใจในยุคของเรา

นั่นคือเหตุผลที่คุณจะต้องจัดกันกับเวลาของคุณ เพื่อจไม่ทำงานในช่วงไปที่คริสตจักร คุณต้องมีพระเจ้า! คุณต้องการเพื่อนที่คุณจะทำสิ่งที่มีค่าในคริสตจักรที่มีค่ามากกว่าจำนวนเงินใด ๆ

ไม่มีอะไรที่สามารถรักษาความเหงาของคุณ นอกจากพระคริสต์และคริสตจักรท้องถิ่น! คุณต้องยอมจำนนต่อพระคริสต์ และรับการชำระบาปของคุณโดยพระโลหิตของพระองค์! และเข้ามาในคริสตจักรท้องถิ่นและสร้างมิตรแท้ที่นี่! ทำไมต้องเหงา? กลับบ้าน – ที่คริสตจักร!

พระคัมภีร์กล่าวถึงคริสเตียนในยุคต้นดังนี้ว่า

“เขาได้ร่วมใจกันไปในพระวิหาร และหักขนมปังตามบ้านของเขาร่วมรับประทานอาหารด้วยความชื่นชมยินดีและด้วยจริงใจ ทุกวันเรื่อยไป ทั้งได้สรรเสริญพระเจ้าและคนทั้งปวงก็ชอบใจ ฝ่ายองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดให้ผู้ที่กำลังจะรอด เข้าสมทบกับคริสตจักรทวีขึ้นทุก ๆ วัน” (กิจการ 2:46-47)

นั่นคือเหตุผลทำไมอยู่ในคริสตจักรทำไห้พวกเขาเต็มด้วยความชื่นชม "ใจยินดี" - และปกป้องพวกเขาไว้จากความเหงา พวกเขาอยู่ในคริสตจักรทุกเวลาตราบเท่าที่ประตูนั้นเปิดอยู่ เอาพวกเขาเป็นแบบอย่าง! อาทิตย์หน้ากลับมาที่นี่อีกครั้งหนึ่ง! มาทุกครั้งที่มีการนมัสการ! สามารถช่วยรักษาให้หายเหงา! พระคริสต์จะทำลายห่วงโซ่แห่งความเหงา! เข้ามาในคริสตจักรนี้และถวายใจของคุณให้กับพระคริสต์!

II. ประการที่สอง นึกถึงความเหงาแห่งความตาย

พระคัมภีร์กล่าวถึงยาโคบดังนี้ว่า

“ลูกของเราจะไม่ลงไปกับเจ้า [อียิปต์] เพราะพี่ชายของเขาก็ตายเสียแล้ว และเหลือแต่เบนยามินคนเดียว…(ปฐมกาล 42: 38)

วันหนึ่งญาติพี่น้องของคุณก็จะตายจากไป – คุณก็จะอย่างอย่างโดดเดี่ยว

ความตายคือสิ่งที่สยดสยอง – และทำลายทุกคน – รวมถึงคุณด้วย ความตายทำให้คุณอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเลวร้ายมาก คุณจะมาถึงจุดที่เรียกว่า

“ข้าพระองค์เฝ้าอยู่ ข้าพระองค์เหมือนนกกระจอกโดดเดี่ยวบนหลังคาเรือน” (สดุดี 102:7)

คุณสามารถรู้ว่าโดดเดี่ยวเหมือนนก – อยู่เดียวดายบนหลังคาบ้าน – โดดเดี่ยวจนไม่มีใครที่จะเป็นที่พึ่ง!

พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยเปโตรให้มีเป็นอิสระจากการที่เขาถูกมัดไว้ในคุก ทูตสวรรค์กล่าวว่า "จงลุกขึ้นเร็ว ๆ โซ่นั้นก็หลุดตกจากมือของเปโตร” (กิจการ 12:7) นั่นคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้กับคุณเมื่อคุณมาที่พระคริสต์และกลับใจใหม่ โซ่ทาสแห่งความตายจะหลุดออกไป - และคุณจะเป็นอิสระ พระคริสต์เสด็จมา

“…เพื่อโดยความตายพระองค์จะได้ทรงทำลายผู้นั้นที่มีอำนาจแห่งความตาย คือพญามาร และจะได้ทรงช่วยเขาเหล่านั้นให้พ้นจากการเป็นทาสชั่วชีวิต เพราะเหตุกลัวความตาย” (ฮีบรู 2:14-15)

ดั่งคำกล่าวของ ชาร์ลส์ เวสลีย์ เขียนเอาไว้

โซ่ของฉันหลุดออก ใจของฉันเป็นอิสระ
ฉันลุกขึ้นไปข้างหน้า และติดตามพระองค์
ความรักมหัศจรรย์ นั้นช่างแสนหวาน
พระเจ้าของฉัน ทำไมถึงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน?
   (“And Can It Be?” by Charles Wesley, 1707-1788)

โซ่ของฉันหลุดออก ใจของฉันเป็นอิสระ ฉันลุกขึ้นไปข้างหน้า และติดตามพระองค์!

III. ประการที่สาม นึกถึงความเหงาในนรก

พระคัมภีร์บอกเราว่าเศรษฐีที่ไม่เชื่อในพระเยซูคริสต์ เขาเสียชีวิตและลงไปที่นรก พระคัมภีร์กล่าวว่า:

“แล้วเมื่ออยู่ในนรกเป็นทุกข์ทรมานยิ่งนัก เศรษฐีนั้นจึงแหงนดูเห็นอับราฮัมอยู่แต่ไกล และลาซารัสอยู่ที่อกของท่าน เศรษฐีจึงร้องว่า ‘อับราฮัมบิดาเจ้าข้า ขอเอ็นดูข้าพเจ้าเถิด ขอใช้ลาซารัสมาเพื่อจะเอาปลายนิ้วจุ่มน้ำมาแตะลิ้นของข้าพเจ้าให้เย็น ด้วยว่าข้าพเจ้าตรำทุกข์ทรมานอยู่ในเปลวไฟนี้” (ลูกา 16:23-24)

ในนรกที่เขากำลังคิดว่าต้องการน้ำเพียงเล็กน้อยมาแตะที่ปากแห้งของเขา แต่เขาอยู่คนเดียวในนรก ไม่มีใครที่สามารถช่วยเขาได้ เขาขอร้องใครสักคนที่นำเพียงแค่หยดน้ำมาแตะที่ริมฝีปากของเขา

ชายคนหนึ่งร้องทุกข์ทรมานอย่างโดดเดี่ยวเงียบเหงาอยู่ในนรกอย่างสุดๆ เพื่อนของคุณ ถ้าพวกเขาอยู่ในนรก จะไม่สามารถช่วยคุณมากไปกว่าเพื่อนเก่าของเขาที่ไม่สามารถช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานของเขา พวกเขาจะถูกแยกออกจากคุณท่ามกล่างความเศร้าโศกและความมืดและไฟ คุณจะอยู่คนเดียวเหมือนอย่างเขา ถูกทรมานและเหงาตลอดไป

พระเยซูคริสต์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถฉีกห่วงโซ่แห่งนรกออกจากคุณ! และพระองค์สามารถทำได้เดี๋ยวนี้ - ในขณะคุณยังมีชีวิตอยู่ หากคุณรอจนกว่าคุณตาย มันจะสายเกินไป มาที่คริสต์เดี๋ยวนี้ - แล้วคุณจะร้องเพลง

พระเจ้า โดยบาดแผลปวดเร้าของพระองค์
จากความตายช่วยให้คนใช้ของพระองค์มีอิสระ
เรามีชีวิตอยู่และร้องเพลงถวายพระองค์ ฮาเลลูยา!
   (“The Strife Is O’er,” translated by Francis Pott, 1832-1909)

ความตายไม่สามารถทำลายพระองค์ได้ – เยซูพระผู้ช่วยของฉัน!
เขาฉีกความตายออกไป – เยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าของฉัน!
   (“Christ Arose” by Robert Lowry, 1826-1899).

โซ่แห่งความโดดเดี่ยวในนรกจะแตกสลายตลอดไป ถ้าคุณกลับมาที่พระเยซูคริสต์! มาที่พระองค์! ออกมาจากบาป! เข้ามาในคริสตจักร! โซ่แห่งความเหงาในนรกจะถูกหักออกให้คุณ โดยพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า!

IV. ประการที่สี่ นึกถึงความเหงาของพระเยซูคริสต์

พระเยซูทำพันธกิจอย่างโดดเดี่ยวตอนอยู่ในโลกนี้ พระวจนะกล่าวว่า

“และเมื่อให้ประชาชนเหล่านั้นไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาโดยลำพังเพื่อจะอธิษฐาน เมื่อถึงเวลาค่ำ พระองค์ยังทรงอยู่ที่นั่นแต่ผู้เดียว” (มัทธิว 14:23)

ฝูงชนใหญ่ติดตามพระเยซู แต่พระองค์มักหลบหนีเพื่อไปอยู่คนเดียวกับพระเจ้า – อยู่ห่างไกลจากฝูงชน แต่พระองค์มักตรัสว่า "พระบิดามิได้ทรงทิ้งเราไว้ตามลำพัง" (ยอห์น 8:29) ในระหว่างการทำพันธกิจของพระองค์ในโลกนี้ พระเจ้ามักสถิตใกล้กับพระเยซู แต่พวกเขามัดพระองค์และตีพระองค์และสวมมงกุฎหนามบนศีรษะของพระองค์ และเยาะเย้ยพระองค์ พวกเขาลากพระองค์ขึ้นไปบนเนินเขาและตอกตะปูติดไว้ที่กางเขน และพระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระเจ้าได้หนีออกจากพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ และพระเยซูทรงร้องว่า

“พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย? [ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าฯ] ” (มัทธิว 27:46)

ในช่วงเวลาทน่ากลัวที่พระเยซูคริสต์เผชิญนี้ พระบุตรของพระเจ้าถูกทิ้งไว้เพียงลำพังบนไม้กางเขน พระองค์อยู่คนเดียวโดยสิ้นเชิญ พระเจ้าหันออกจากบุตรสุดที่รักของพระองค์ – และพระคริสต์ทรงแบกบาปของเราทั้งหมดไว้ที่ตัวพระองค์เองคนเดียว – อยู่อย่างโดดเดี่ยวบนไม้กางเขน นักศาสนศาสตร์ดีเลิศอย่าง ลูเทอร์ แต่เขาบอกว่าเขาเองยังไม่สามารถเข้าใจหรืออธิบายได้ในแง่ของมนุษย์

พระเจ้าไม่อาจทอดพระเนตรลงไปที่ความบาป – ดังนั้นพระเจ้าจึงหันออกไปในขณะที่พระเยซู "ทรงแบกบาปไว้ในรพระวรกายของพระองค์ที่ต้นไม้ [บนไม้กางเขน] ของเรา" (เปโตร 2:24) นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พระเยซูผู้เดียวที่ทรงสามารถทำลายห่วงโซ่แห่งความบาปที่ผูกคุณให้อยู่ในบาปใดบาปหนึ่ง ความเงียบเหงา การสูญเสีย พระคริสต์สามารถช่วยคุณให้หลุดพ้นจากการลงโทษเพราะบาป โดยที่พระองค์ทรงแบกบาปของคุณคนเดียวบนไม้กางเขนนั้น!

พระองค์ทรงอธิษฐานในที่มืดในสวนเกทเสมเนนั้น
พระองค์ทรงดื่มถ้วยขมและทุกข์ทรมานเพื่อฉัน
ผู้เดียว! ผู้เดียว! พระองค์ทรงทำอย่างผู้เดียว
พระองค์เองช่วยเหลือตัวเองให้รอด
พระองค์ทนทุกข์ มีเลือดและเสียชีวิตอย่างโดดเดี่ยว
   (“Alone” by Ben H. Price, 1914)

พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์โดดเดี่ยวบนไม้กางเขน เพื่อช่วยคุณให้รอดพ้นจากความเหงาที่บาปนั้นนำมาสู่จิตวิญญาณของมนุษย์ พระองค์ทรงสิ้นพระฃนม์ในที่ของคุณ พระคริสต์สามารถทำลายห่วงโซ่แห่งความบาป เพราะพระองค์ทรงเดินไปสู่ความตายบนไม้กางเขนเพื่อคุณ! จงเข้ามาที่พระเยซูโดยสิ้นเชิงแล้วพระองค์จะช่วยให้คุณเป็นอิสระจากบาป!

V. แต่ ประการที่ห้า นึกถึงความเหงาแห่งการกลับใจใหม่

คุณไม่สามารถกลับใจใหม่เป็นคริสต์โดยผม ผมเป็นเพียงเครื่องมือ – ผู้เทศนา – คนที่ชี้ให้คุณเห็นถึงทิศทางที่ถูกต้อง – มุ่งไปที่พระคริสต์ – เหมือนผู้แสวงบุญ แต่คุณต้องพบกับพระคริสต์ด้วยตัวเอง คุณต้องไปที่พระคริสต์คนเดียวเท่านั้น ช่างเป็นภาพของเราที่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับประสบการณ์แห่งความรอดของยาโคบ:

“และยาโคบอยู่แต่ผู้เดียว และที่นั่นมีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำสู้กับเขาจนเวลารุ่งสาง” (ปฐมกาล 32:24)

"คน" ที่ปล้ำกับยาโคในคืนนั้นเป็น พระคริสต์ก่อนที่จะมาประสูติ ได้เข้ามาต่อสู่กับยาโคบในขณะอยู่ในความมืดเพียงคนเดียว

เช่นเดียวกันกับพวกคุณบางคน ยาโคบไม่รู้จักพระคริสต์เป็นการส่วนตัวมาก่อน ในเวลาแห่งความเหงานั้น เขาปลุกปล้ำกับพระคริสต์ตลอดทั้งคืน และคุณก็เช่นกัน จะต้องมาที่พระเยซูด้วยตัวคุณเอง คุณเห็นแล้วว่า ผมไม่สามารถทำให้คุณกลับใจใหม่ ผมไม่สามารถทำให้คุณกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริงได้ นั่นอยู่ระหว่างคุณและพระคริสต์เท่านั้น

“และยาโคบอยู่แต่ผู้เดียว และที่นั่นมีบุรุษผู้หนึ่งมาปล้ำสู้กับเขาจนเวลารุ่งสาง” (ปฐมกาล 32:24)

คริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้ความผิดบาปของคุณ แต่คุณต้อง "เข้ามาใน" พระคริสต์ คุณต้องยอมจำนนต่อพระคริสต์ อย่าไปฟังเสียงแห่งหยิ่งผยองและดื้อรั้นของคุณ คุณต้องกราบลงที่พระบาทของพระเยซูคริสต์ยอมรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยคนบาปสิ้นหวังอย่างคุณ พระองค์จะเปลี่ยนใจของคุณ พระจะทำลายห่วงโซ่แห่งความบาป! พระจะล้างความผิดบาปของคุณด้วยพระโลหิตของพระองค์!

หากคุณต้องการที่จะคุยกับเราเกี่ยวกับการยอมจำนนต่อพระคริสต์และกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริง กรุณาลุกออกจากที่นั่งของคุณและเดินไปที่ด้านหลังของห้องในขณะนี้ ดร. คาเกนจะนำคุณไปที่ห้องสอบถาม เพื่อที่เราสามารถพูดคุยให้ราละเอียดเพิ่มเติม ดร. ชาน กรุณาอธิษฐานเพื่อคนจะเชื่อพระคริสต์ในเช้าวันนี้

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์
คุณสามารถนำไปใช้โดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจาก ดร. ไฮเมอร์ส
แต่อย่างไรก็ตามข้อความทั้งหมดของ ดร. ไฮเมอร์ส
ที่อยู่ในรูปวิดีโอนั้นมีการสงวนลิขสิทธิ์และต้องได้รับการอนุญาตเท่านั้นถึงจะสามารถนำมาใช้ได้

โครงร่างของ

BREAKING THE CHAINS OF LONELINESS

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

“วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้ม” (ปัญญาจารย์ 4:10)

(ปฐมกาล 2:18)

I.   ประการแรก ลองนึกถึงความเหงาท่ามกลางวัฒนธรรมและประเทศของเรา
ปัญญาจารย์ 4:10; 2 ทิโมธี 3:1-4; สุภาษิต 18:24; กิจการ 2:46-47.

II.  ประการที่สอง นึกถึงความเหงาแห่งความตาย ปฐมกาล 42:38; สดุดี 102:7;
กิจการ 12:7; ฮีบรู 2:14-15.

III. ประการที่สาม นึกถึงความเหงาในนรก ลูกา 16:23-24.

IV. ประการที่สี่ นึกถึงความเหงาของพระเยซูคริสต์ มัทธิว 14:23; ยอห์น 8:29;
มัทธิว 27:46; 1 เปโตร 2:24.

V. แต่ ประการที่ห้า นึกถึงความเหงาแห่งการกลับใจใหม่ ปฐมกาล 32:24