เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
เรื่องเล่าสอนความจริงแห่งสวนสามแห่งTHREE GARDENS TELL THE STORY โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าที่ 6 เดือนเมษายน ค.ศ. 2014 ณ “เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น” (1 โครินธ์ 15:21-22) |
สภาพการตายในฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณมาจากอาดัม เพราะบาปของอาดัมมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาจึงเป็นคนบาป โดยธรรมชาติเราทุกคนเกิดมาเป็นคนบาป แต่เพราะความชอบธรรมของพระคริสต์ ทุกคนที่ได้รับความรอดโดยพระองค์ ผู้นั้นก็เป็นคนชอบธรรมและได้รับชีวิตนิรันดร์ ในข้อสี่สิบห้าที่เราอ่านกล่าวถึงอาดัมคนแรกและอาดัมคนสุดท้าย อาดัมคนแรกนำบาปและความตายมาสู่มนุษยชาติโดยบาปของเขา แต่อาดัมคนที่สองคือพระเยซูคริสต์นำความรอดและชีวิตมาให้กับผู้ที่วางใจในพระองค์และกลับใจใหม่ บาปและยาที่มีสามารถภาพนั้นคือลักษณะของสวนสามแห่ง เช่นความบาปและความรอด ผมไม่อาจคิดวิธีที่จะสามารถนำเสนอให้ชัดเจนเกี่ยวกับบาปและความรอดออกมาเป็นภาพให้เราเห็นได้ดีกว่านี้อีก I. หนึ่ง ให้เราคิดสักนิดหนึ่งเกี่ยวกับสวนเอเดน พระคัมภีร์สอนว่าพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์คนแรก พระคัมภีร์สอนว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเกิดขึ้นจริง คือผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ในสวนเอเดน "และพระเยโฮวาห์พระเจ้าทรงปลูกสวนแห่งหนึ่งไว้ในเอเดนทางทิศตะวันออก และพระองค์ได้ทรงให้มนุษย์ซึ่งพระองค์ได้ทรงปั้นมานั้นอาศัยอยู่ที่นั่น" (ปฐมกาล 2:8) ผู้ชายคนนี้ได้ถูกสร้างให้อยู่ในสวนเอเดน มีอำนาจและปกป้องพิทักษ์รักษาโลกและดูแลสวนเอเดน แต่เขาถูกห้ามไม่กินต้นไม้แห่งความรู้ดีและความชั่ว “แต่จากต้นไม้แห่งความรู้ดีและชั่ว เจ้าอย่ากินผลจากต้นนั้น เพราะว่าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันใด เจ้าจะตายแน่ในวันนั้น” (ปฐมกาล2:17) แต่ซาตานได้เข้ามาในสวนนั้นและล่อลวงชายคนนั้นให้กินผลไม้ต้องห้าม เขาก็กินมันแล้วจึงนำมาซึ่งคำสาปแช่งของพระเจ้าลงมาสู่ทุกเผ่าพันธุ์มนุษย์ ชายคนนั้นกับภรรยาของเขาก็ถูกขับออกจากสวนเอเดน นอกจากนี้สภาพสิ่งแวดล้อมของโลกก็ตกอยู่ภายใต้คำสาปของพระเจ้าเช่นกัน ทุกอย่างที่อาศัยอยู่ในโลกจึงกลายเป็นศัตรูต่อกันและกันเพราะผลของการไม่เชื่อฟังพระเจ้าของอาดาม ความตายจึงผ่านจากอดัมลงมาสู่มนุษย์ทุกคน นี่คือสภาพของการตายของจิตวิญญาณ และถูกแยกออกจากพระเจ้า ทำให้ตาบอดให้กับความจริง เช่นเดียวกันกับการตายในฝ่ายร่างกาย ดร. ลอยด์ โจนส์กล่าวว่า เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้กับมนุษยชาติ ถ้าพูดโดยรวมคือเกิดขึ้นเพราะอาดัม ... ลองคิดถึงทุกความทุกข์ยากและการไร้ซึ่งสันติสุข ไร้ศีลธรรม ลักขโมย การปล้น การฆาตกรรม การหย่าร้าง การแตกแยกทุกสิ่งเหล่านี้ ทำไมถึงต้องเป็นเช่นนั้น? และทำไมถึงเป็นอย่างนั้นอยู่เสมอ พระธรรมปฐมกาลยอกเราว่านั่นคิอรูปแบบของความหายนะของทุกๆอย่าง โลกในทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรไปกับในยุคก่อน แต่ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? อัครสาวกเปาโลได้ตอบคำถามเอาไว้ดังนี้ [ในพระธรรมโรม 5:12-21] ทานกล่าวสาเหตุของสิ่งเหล่านี้เป็นเพราะทุกผลมาจากอาดัม ทุกคนจึงถูกผูกมัดไว้และทำในสิ่งเดียวกันกับอาดัมและนั่นความสัมพันธ์ของเรากับเขา (Martyn Lloyd-Jones, M.D., Romans – Exposition of Chapter Five, The Banner of Truth Trust, 2003, p. 178) พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “เหตุฉะนั้นเช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคน ๆ เดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคนเช่นกัน เพราะมนุษย์ทุกคนทำ” (โรม 5:12) ความตายถ่ายทอดลงมาถึงเราเป็นมรดกที่รับสืบทอดกันมา รวมถึงการเป็นศัตรูหรือการต่อสู้และความขมขื่นที่ต่อต้านพระเจ้า “เพราะหาได้อยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัติของพระเจ้าไม่ และที่จริงจะอยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัตินั้นไม่ได้” (โรม 8:7) การตายของอาอัม ทำให้ตาในฝ่ายจิตวิญญาณของมนุษย์มองไม่เห็นความจริงเกี่ยวกับสิ่งพระคัมภีร์บอกเอาไว้ “แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ” (1 โครินธ 2:14) พระคัมภีร์ฉบับ Spirit of the Reformation Study Bible กล่าวว่า ศาสนศาสตร์ของพวกปฏิรูปธรรมนั้นจะขึ้นอยู่กับในความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์คือสถาพที่ตกอยู่ในในความบาป ... อาดัมถูกสร้างขึ้นมาในสภาพของคนที่ชอบธรรม แต่ตกลงไปสู่สภาพที่ทุจริตและต้องรับการพิพากษา ... เรื่องเล่าสอยความจริงเกียว่กับการตกจากมตราฐานของพระเจ้านั้น คือประวัติศาสตร์ที่น่าเชื่อเกี่ยวกับการหลงหานไม่เชื่อฟังของมนุษย์ และความเสียหาของธรรมชาติ(Spirit of the Reformation Study Bible, Zondervan Publishing House, 2003, p. 14) ดังนั้นเราจึงติดโจมอยู่กับบาป ตาบอดและกบฏดื้อรั้นต่อต้านพระเจ้าเหมือนอย่างอดัมในสวนแห่งเอเดนในปฐมกาล สวนแห่งเอเดนเป็นสถานที่ที่บาปเข้ามาทำลายเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ เราสามารถเรียกว่า "สวนแห่งความตาย" บางคนที่มาในค่ำคืนนี้กำลังสับสนอยู่กับการกลับใจใหม่ คุณบอกว่าคุณต้องการที่จะวางใจในพระคริสต์ แต่ดูเหมือนว่าคุณไม่สามารถที่จะทำมัน เกิดอะไรให้กับคุณ? เพราะตาของคุณบอดเหตุเพราะบาปของอาดัมที่คุณได้รับเป็นมรดกที่เป็นยีนและเป็นยาพิษฆ่าจิตวิญญาณของคุณ! พระคัมภีร์กล่าวว่าคุณกำลัง "ตายในบาป" (เอเฟซัส 2:5) คุณไม่อาจสามารถเรียนรู้เพื่อที่จะมาเป็นคริสเตียนได้ เพราะคุณถูกวางด้วยยาพิษและตายไปแล้ว! ความหวังของมนุษย์ไม่อาจที่จะช่วยคุณได้ เป็นเพราะเป็นสีดำแห่งความบาปที่อยู่ในหลอดเลือดดำและเป็นไวรัสแห่งโรคมะเร็งอยู่ในเลือดของคุณที่สืบทอดมาจากสวนเอเดน – สวนแห่งความตาย! เจ้าสัตว์ประหลาดที่เป็นบาปน่าเกลียด II. สอง ให้เราคิดถึงสวนเกทเสมเน พระเยซูทรงร่วมรับประทานอาหารปัสกากับสาวกของพระองค์ ตอนที่พวกเขาทานอาหารเสร็จในคืนนั้นก็ดึกมากแล้ว พวกเขาร้องเพลงนมัสการและเดินออกไป พวกเขาติดตามพระเยซูเข้าไปในสวนมะกอกเฃทศที่อยู่ติดกับของภูเขามะกอกเทศ สถานแห่งนี้ถูกเรียกว่าสวนเกทเสมเน พระเยซูจากสาวกแปกคนเข้าไปที่สวนแห่งนี้ พระองค์พาเปโตร ยากอบและยอห์เข้าไปในสวนในคืนนั้น ตอนนี้พระองค์ทรงทุกข์หนัก “เจ็บปวดเหนือคำบรรยาย” – “หนักมากๆ” – “ป็นทุกข์แทบจะตาย” (Mark 14:33, 34) – ““เป็นทุกข์ลึกลงไปข้างใน (NASV) แล้วพระองค์ก็อธิษฐานว่า “พระบิดาเจ้าข้า ถ้าพระองค์พอพระทัย ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด” (ลูกา 22:42) “ถ้วยนี้” คืออะไร? ความคิดเห็นส่วนใหญ่บอกว่านี่คือข้อมูลอ้างอิงเพื่อแสดงถึงการการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนในวันถัดไป แต่เป็นมุมมองที่ขัดแย้งกับฮีบรู 12:2 ที่บอกเราว่า พระเยซู “ได้ทรงทนเอากางเขน ทรงถือว่าความละอายไม่เป็นสิ่งสำคัญอะไร” สเปอร์เจียนตั้งคำถามว่า "อะไรคือสาเหตุของความเศร้าโศกในสวนเกทเสมเนนั้น?" เขาบอกว่ามันไม่ได้มาจากความเจ็บปวดในทางร่างกาย เขาบอกว่ามันไม่ได้เกิดจากความกลัวที่จะต้องถูกหัวเราะเยาะและถูกตรึงที่กางเขนในวันถัดไป เขาชี้ให้เห็นว่าผู้พรีชีพเพราะความเชื่อต่างก็มีความสุขไปกับการเสียชีวิตของพวกเขา เขาบอกว่า "อย่าคิดว่าพระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นเหมือนคนเหล่านั้น [ตายเพราะความเชื่อ] ไม่ใช่ว่าพระองค์กลัวจนตัวสั่น แต่คนเหล่านั้นกลับเป็นพวกที่กล้าหาญ" เขากล่าวว่าความทุกข์ของพระคริสต์ไม่ได้มาจากกาถูกต่อต้านโดยซาตาน เขาบอกว่าเหตุผลที่แท้จริงเกี่ยวกับความทุกข์ของพระคริสต์ในสวนนี้คือ: “เมื่อพระองค์ทรงกระทำให้วิญญาณของท่านเป็นเครื่องบูชาไถ่บาป” (อิสยาห์ 53:10) “และพระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน” (อิสยาห์ 53:6) ดร. อาร์ ซึ เฮช เลนสกี้ กล่าวว่า "ความเจ็บปวดของการถูกตรึงบนไม้กางเขนยังเต็มไปด้วยความลึกลับให้กับเรา ... บาปของโลกได้รับการสันนิษฐานโดยพระเยซูตลอดชีวิตของพระองค์ แต่ช่วงเวลาที่ถูกตรึงไม้กางเขนก็กลายเป็นข้อสมมติฐานที่ขี้นมาได้" (R. C. H. Lenski, Ph.D., The Interpretation of St. Luke’s Gospel, Augsburg Publishing House, 1946, p. 1074) ผมเชื่อว่าพระเยซูทรงแบกบาปของเราอยู่กับพระองค์ที่สวนเกทเสมเนนั้น และเกือบจะฆ่าพระองค์เสียที่นั่น - เพราะ "พระเจ้าทรงวางความชั่วช้าของเราทุกคนลงบนพระเยซู" ภายในและภายนอกถูกบดขยี้ก็พราะบาปของเรา “เมื่อพระองค์ทรงเป็นทุกข์มากนักพระองค์ยิ่งปลงพระทัยอธิษฐาน พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44) พระองค์ทรงแบกความผิดบาปของเราจากสวนเกทเสมเนไปที่ไม้กางเขนและชดเชยในวันถัดไป เดี๋ยวก่อน! นี้ไม่ไช่หลักคำสอนของลัทธิมอร์มอน! บางท่านอาจจะรู้ว่าพวกมอร์มอนสอนว่าโลหิตของพระองค์ที่หลั่งลงในสวนนั้นได้ให้อภัยเรา บรูซ แมคคอนกี้ นักศาสนศาสตร์ของนิกายมอร์มอนกล่าวว่า "การให้อภัยสามารถเป็นไปได้เพราะพระคริสต์ได้หลั่งเลือดครั้งสำคัญในสวนเกทเสมเน" (Bruce R. McConkie, The Promised Messiah, Deseret Book Company, 1978, p. 337) แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมพูด! ผมบอกว่าผมเชื่อว่าพระเยซูทรงแบกบาปของเราลงบนพระองค์จากสวนเกทเสมเนไปที่ไม้กางเขนและชดเชยแทนพวกเราที่นั่น นั่นคือประการแรกตามในพระกิตติคุณ! “พระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์” (1 โครินธ์ 15:3) พระวจนะกล่าวว่าพระคริสต์ “พระองค์ทรงทำให้มีสันติภาพโดยพระโลหิตแห่งกางเขนของพระองค์” (โคโลสี 1:20) –ไม่ได้ผ่านทางเหงื่อที่หยดลงมาเป็นเลือดในสวนนั้น! ความรอดของเราผ่านทางโลหิตของพระคริสต์ที่หลั่งลงมาบนไม้กางเขนเท่านั้น ไม่ไช่จากหยดเลือดที่ออกมาจากนิ้วมือของพระองค์ที่ถูกมีดบาด - ไม่ใช่จากเหงื่อที่ออกมาเป็นเลือดในสวน เพียง แต่โลหิจของพระองค์ที่หลั่งบนไม้บนกางเขนเท่านั้นถึงจะสามารถชำระบาปของเรา! ดังนั้นความหมายที่ผมพูดคือเช่นเดียวกันกับฉันสเปอร์เจียน, นักศาสนศาสตร์ของฝ่ายปฏิรูป ดร. เจโอลิเวอร์ บัสเวลล์ และ ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ คลิกที่นี่เพื่อไปอ่านสิ่งที่ ดร. บัสเวลล์ และ ดร. ไรซ์ ได้เขียนเกี่ยวกับสวนเกทเสมเน ข้ออ้างอิงนั่นคือหัวข้อเทศนาของผม "ความสยองแห่งเกทเสมเน" มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่ความบาปของมนุษย์เริ่มต้นขึ้นในสวนและพระคริสต์ทรงแบกความบาปของเราก็เริ่มต้นในสวนอีกแห่งหนึ่ง? อาจจะเป็นอย่างนั้น - และยังดีที่ สเปอร์เจียนสงสัยเรื่องนี้ เขาจึงกล่าวว่า เราไม่ควรเข้าใจว่าในสวนนั้นตัวของอาดัมได้ครบครองเรา ดังนั้นความเจ็บปวดของอาดัมคนที่สองเรียกเรากลับคืนมา? สวนเกทเสมเนนั้นเปรียบเหมือนการซื้อยามาทานแก้หวัด เพราะผลของบาปจากสวนเอเดนเท่านั้น C. H. Spurgeon, “The Agony in Gethsemane,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, volume XX, Pilgrim Publications, 1971, p. 589) แต่ตอนนี้ก็นำเราไปยังสวนที่สามและทั้งสามสวนคือภาพของการล้มเหลวของมนุษยชาติและการฟื้นฟูในพระเยซูคริสต์ III. สาม ให้เราสรุปโดยคิดถึงสวนที่สามที่บรรจุพระศพของพระผู้ช่วยให้รอด “พวกเขาอัญเชิญพระศพพระเยซู และเอาผ้าป่านกับเครื่องหอมพันพระศพนั้นตามธรรมเนียมฝังศพของพวกยิว ในสถานที่พระองค์ถูกตรึงที่กางเขนนั้นมีสวนแห่งหนึ่ง ในสวนนั้นมีอุโมงค์ฝังศพใหม่ที่ยังไม่ได้ฝังศพผู้ใดเลย เพราะวันนั้นเป็นวันเตรียมของพวกยิว และเพราะอุโมงค์นั้นอยู่ใกล้ เขาจึงบรรจุพระศพพระเยซูไว้ที่นั่น” (ยอห์น 19:40-42) พระวรกายของพระเยซูที่บรรจุไว้ในอุโมงค์ในสวนแห่งหนึ่งและอยู่ใกล้กับสถานที่พระองค์ถูกตรึงที่ไม้กางเขน พวกเขาได้นำแผ่นหินมาปิดประตูอุโมงค์ฝังศพเอาไว้ และประทับตราด้วยสัญญาลักษณ์ของโรมัน และตั้งยามเฝ้าตลอดทั้งคืน เช้าตรู่ของวันอาทิตย์มารีย์ มักดาลาและมารีย์อีกคนหนึ่งมาที่อุโมงค์ เพื่ออาบยาศพให้กับพระกายของพระเยซู ในขณะที่พวกเธอมาถึงที่นั่นก็เกิดแผ่นดินไหว มีทูตสวรรค์ลงมาเปิดประตูอุโมงค์ พระองค์ตรัสให้กับผู้หญิงสองคนนั้นว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเรารู้อยู่ว่าท่านทั้งหลายมาหาพระเยซูซึ่งถูกตรึงที่กางเขน พระองค์หาได้ประทับอยู่ที่นี่ไม่ เพราะพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาแล้วตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้นั้น” (มัทธิว 28:5-6) ขณะที่พวกเธกลับไปบอกพวกสาวกนั้น พระเยซูก็ได้พบพวกเธอ "ขณะที่หญิงเหล่านั้นไปบอกสาวกของพระองค์ ดูเถิด พระเยซูได้เสด็จพบเขาและตรัสว่า “จงจำเริญเถิด” หญิงเหล่านั้นก็มากอดพระบาทของพระองค์ และนมัสการพระองค์" (แมทธิว 28:9) พระองค์ตรัสให้พวกเธอไปบอกพวกสาวก การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูจากความตายเป็นหนึ่งในสองของหลักคำสอนที่สำคัญที่สุดของศาสนาคริสต์ การสิ้นพระชนม์ของพระองค์นั้นคือไถ่บาปให้เรา และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูนั้นเพื่อให้เรามีชีวิตนั่นคืนส่วนที่สองในพระกิตติคุณ คำว่า "พระกิตติคุณ" หมายถึง "ข่าวดี" ข่าวดีนั้นคือพระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย "ให้เป็นคนชอบธรรมได้" (โรม 4:25) การคืนพระชนม์ของพระองค์เพื่อเป็นหนึ่งเดียวกับคนที่ชอบธรรมเพราะความเชื่อ การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูเพื่อนพคนที่ถูกแช่งสาปเพราะบาปรอดได้ และรับชีวิตนิรันดร์ “เหมือนมีเขียนไว้แล้วว่า ‘ทรงสร้างมนุษย์คนเดิมคืออาดัมเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ แต่อาดัมผู้ซึ่งมาภายหลัง [พระเยซู] นั้นเป็น [วิญญาณผู้] ประสาทชีวิต” (1 โครินธ์ 15:45) อาดัมคนแรกนำมนุษย์กลายเป็นคนบาปและนำสู่ความตาย เพราะการไม่เชื่อฟังพระเจ้าของเขา ส่วนอาดัมของที่สอง พระคริสต์มายกเลิกคำสาปแห่งบาปและนำเราให้มีชีวิต สเปอร์เจียนเขียนไว้ว่า จากหลุมฝังศพสวน “ขออย่าให้เราเกิดในสวนของอาดัม [บาป] แต่ให้เป็นลูกของอาดัมคน [สุดท้าย] ที่นำเราให้กลับมาสู่สภาพเดิม” (เล่มเดียวกัน) – และในสวนที่สาม พระคริสต์อาดัมคนสุดท้ายเป็นขึ้นมาจากความตาย – จากสวนแห่งหลุมศพ “เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น” (1 โครินธ์ 15:21-22) ตอนนี้คุณเห็นภาพรวมระหว่างความบาปและความรอด ที่ได้มาจากสวนสามประเภทนี้ – สวนแห่งความบาป สวนแห่งความทุกข์ทรมาน และสวนแห่งชีวิตใหม่! นี่มีความสวยงามและเป็นศาสนศาสตร์ที่เป็นความจริง แต่ทั้งสามสวนนี้เกี่ยวข้องอย่างไรให้กับคุณ? ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลยถ้าคุณไม่เกิดใหม่อีกครั้ง และคุณจะมีชีวิต ตายและลงไปในนรก และทุกคำพูดที่ผมพูดให้คุณที่มาจากพระคัมภีร์เมื่อฟังแล้วรู้สึกว่าเจ็บปวดตลอดไป ผมอธิษฐานว่าอย่าให้เกิดให้กับคุณ และจะไม่เกิดให้กับคุณ ถ้าคุณเข้ามาที่พระเยซูและวางใจในพระองค์ด้วยใจของคุณ ลองคิดถึงสิ่งที่พระเยซูเสด็จจากสวรรค์ลงมา และเผชิญกับความทุกข์ และโลหิตของพระองค์ได้ชำระบาปของคุณ คุณพร้อมที่จะหยุดคิดถึงแต่ตัวเองและหันมาคิดถึงพระองค์เท่านั้น? คุณพร้อมที่จะหยุดตรวจสอบตัวเองและมองไปที่พระเยซู? จงวางใจในพระองค์และใช่ว่าตัวคุณและความรู้สึกของตัวเองหรือไม่? บทเพลงเก่ากล่าวไว้ถูกต้องดังนี้ว่า "จงมองดูผ่านความสว่างไปที่พระผู้ช่วยให้รอด” โอ้จิตวิญญาณคุณเหนื่อยล้าและมีปัญหาหรือเปล่า? ถ้าคุณอยากจะคุยกับพวกเราเกี่ยวกับการรับการชำระบาปโดยโลหิตของพระเยซู กรุณาออกจากที่นั่งของคุณตอนนี้และเดินไปที่ด้านหลังของห้องนมัสการนี้ ดร. คาเกน จะนำพวกคุณไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่อให้คำปรึกษาและอธิษฐานเผื่อ ไปได้ในตอนนี้ ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ไว้วางใจในพระเยซูนี้ด้วย อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: ลูกา 22:39-44 |
โครงร่างของ เรื่องเล่าสอนความจริงแห่งสวนสามแห่งโดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “เพราะว่าความตายได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์คนหนึ่งเป็นเหตุฉันใด การเป็นขึ้นมาจากความตายก็ได้อุบัติขึ้นเพราะมนุษย์ผู้หนึ่งเป็นเหตุฉันนั้น เพราะว่าคนทั้งปวงต้องตายเกี่ยวเนื่องกับอาดัมฉันใด คนทั้งปวงก็จะกลับได้ชีวิตเกี่ยวเนื่องกับพระคริสต์ฉันนั้น” (1 โครินธ์ 15:21-22). I. หนึ่ง ให้เราคิดสักนิดหนึ่งเกี่ยวกับสวนเอเดน II. สอง ให้เราคิดถึงสวนเกทเสมเน มาระโก 14:33, 34; ลูกา 22:42; ฮีบรู 12:2; อิสยาห์ III. สาม ให้เราสรุปโดยคิดถึงสวนที่สามที่บรรจุพระศพของพระผู้ช่วยให้รอด ยอห์น 19:40- |