เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ความลับแห่งการฟื้นฟูในประเทศจีน (เทศนาในเทศกาลไหว้พระจันทร์ของจีนกลางฤดูใบไม้ร่วง) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าที่ 22 เดือนกันยายน ค.ศ. 2013 ณ “แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้วเพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ เพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:7-8) |
ในข้อที่เจ็ดบอกว่าเปาโลนั้นรอดแล้ว “แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้วเพื่อเห็นแก่พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:7-8) ชีวิตของอาจารย์เปาโลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่เขากลับใจใหม่แล้ว ตามที่เขาคิดว่าถูกต้อง เขาบอกว่านั่นเป็นสิ่งไม่ดี แต่ก่อนที่เขาจะกลับใจใหม่นั้นเขาได้ข่มเหงและปฏิเสธพระเยซู แต่หลังจากที่เขากลับใจใหม่แล้วเขาก็ปฏิเสธชิวิตเก่าของเขาและมาเชื่อพระเยซูอย่างสิ้นเชิง ในข้อที่ 7 และ 8 นั้นมีสองเหตุการณ์ที่ซับซ้อมกันอยู่ คือช่วงเวลาที่เปาโลกลับใจและช่วงเขียนจดหมายส่งไปที่เมืองฟีลิปปี และในช่วงนี้คืออยู่ในระหว่างที่ท่านเดินทางไปประกาศ แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขายังอยู่ในคุกที่กรุงโรม และท่านกล่าวว่า “ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ เพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:8) อาจารย์เปาโลบอกว่าหลังจากที่เขาได้กลับใจใหม่แล้วเขาอยู่เพื่อพระคริสต์ เขาเคยทนทุกข์เพราะต้องสูญเสียทุกอย่าง แต่ท่านก็ถือว่าทุกสิ่งที่ท่านมีนั้นไร้ค่า – เหมือนหยากเยื่อ เป็นการใช้ภาษาที่ค่อนข้างรุนแรง ท่านได้ปล่อยทุกสิ่งที่ท่านมีทิ้งลงไปในโถส้วม ท่านแสวงหาพระคริสต์แต่เพียงผู้เดียว! ท่านเคยคิดว่าทุกสิ่งที่ท่านมีที่ผ่านมานั้นสำคัญ แต่ตอนนี้กลายเป็นขยะ! เป้าหมายของท่านอยู่ที่พระคริสต์เท่านั้น! ตอนที่ผมยังหนุ่มอยู่นั้นผมได้ไปที่บ้านญาติคนหนึ่ง พวกเขามีเงินมาก แต่สำหรับผมแล้วดูเหมือนว่าพวกเขาไม่มีอะไรเลย ผมเชื่อว่านั่นเพราะว่าพระองค์ทรงสำแดงให้ผมรู้ พวกเขามีทุกอย่าง – แต่กลับไม่เคยที่จะพอ ผมคิดว่า “พวกเขาไม่มีในสิ่งที่ผมต้องการ” สองสามปีที่ผ่านมาผมมีโอกาศไปที่บ้านพักคนชรา ซึ่งเป็นบ้านพักของมิชชั่นนารีที่ปลดเกษียณแล้ว แม้แต่ตอนนี้ผมยังเห็นใบหน้าของพวกเขาที่เต็มไปด้วยสันติสุข! แม้ว่าพวกเขาไม่มีอะไรสักอย่างในโลกนี้ พวกเขาต้องอาศัยอยู่ตามบ้านพักของมิชชั่นนารี เพราะว่าไม่มีบ้านเป็นของส่วนตัว แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขามีและญาติพี่น้องที่ร่ำรวยของผมไม่มี – พวกเขาพึงพอใจกับชีวิตที่มีอยู่ ในใจของพวกเขานั้นมีแต่สันติสุข ผมจำได้ว่ามีชายชราคนหนึ่งดูสง่าผ่าเผย ผมหงอกขาวบริสุทธ์ ท่านมีชื่อว่า ฟอส ตาของท่านเป็นสีฟ้าและมีเสียงที่นุ่มนวม ท่านเคยไปเป็นมิชชั่นนารีที่ประเทศจีนก่อนที่จีนจะตกภายใต้การปกครองของพวกคอมมิวนิสต์ ตอนนั้นผมคิดว่า “ตอนที่ผมชราแล้วอยากจะเป็นเหมือนคนนี้ ไม่ใช่อย่างที่ญาติพี่น้องที่ร่ำรวยเหล่านั้น” ผมจำได้ว่าเคยไปที่บ้านลองบีชในปี 1962 ตอนนั้นคนมาเต็มบ้านหลังนั้น – ทุกมุมห้องเต็มไปด้วยผู้คน เพราะตอนนั้น เกรดิสย์ ไอย์วาร์ด จะมาบรรยาย เธอเป็นมิชชั่นนารีที่มีชื่อเสียงที่เคยไปประกาศที่ประเทศจีน เธอมีสายตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างที่ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน! แม้ว่าเธอไม่มีอะไรเลย แต่เธอดูมีความสุขมากๆ และเป็นความสุขอย่างที่ญาติพี่น้องร่ำรวยของผมไม่ทราบว่าคืออะไร ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมบอกตัวเองว่า “ผมจะไม่เป็นเหมือนญาติพี่น้องเหล่านั้น แต่ผมอยากเป็นเหมือนท่าน ไอย์วาร์ด” ท่านไปเป็นมิชชั่นนารีในประเทศจีนในขณะที่อายุยังน้อยๆ ท่านไปอยู่ที่นั่นจนถึงปี 1952 ตอนที่เธอออกจากประเทศจีนนั้นท่านก็นำเด็กบางคนไปกับท่าน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆที่จะนำเด็กๆเหล่านั้นเดินทางข้ามภูเขาที่เต็มไปด้วยอันตรายเพื่อไปหาเสรีภาพ นักสร้างหนังในฮอลลีวูดเคยนำชีวิตของท่านสร้างเป็นภาพยนตร์ชื่อว่า “โรงแรมแห่งความสุขในขั้นที่หก” หรือ “The Inn of the Sixth Happiness” ในหนังอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเต็มบางอย่าง แต่เนื้อหาสำคัญนั้นยังอยู่ครอบ ท่านเรียนรู้ชีวิตแห่งการเสียสละ ดังอย่างที่อาจารย์เปาโลบอกว่า “แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้วเพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ เพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:7-8) ท่าน ไอย์วาร์ด มีชีวิตอยู่เหมือนอย่างบทเพลงของ ดร. ไรซ์ ใจฉันเปี่ยมไปด้วยรัก และชีวิตที่เต็มไปด้วยฝัน - อาจารย์ของผมที่ชื่อว่า ดร. ทิโมธี หลิน ท่านเดินทางมาที่อเมริกาจากประเทศจีนเพื่อศึกษาต่อระดับปริญญาโทในด้านศาศนศาตร์ และก็สำเร็จ Ph.D. ด้านภาษาฮีบรูและภาษาอื่นๆ ก่อนที่ท่านจะมานั้นท่านสอนอยู่ที่พระคริสตธรรมที่มหาวิทยาลัยบ๊อบ โจมส์ และลาออกจากที่นั่นเพื่อมาเป็นศิษยาภิบาลที่คริสตจักรจีนที่หนึ่งแบ๊บติสต์ในปี 1961 หลังจากนั้นไม่กี่เดือนผมก็ไปเป็นสมาชิกที่นั่น และตอนนั้นอายุผมแค่สิบเก้าปี ดร. หลิน ได้บัพติศผมหลังจากที่ผมกลับใจใหม่ในขณะอยู่ที่วิทยาลัยไบโอลา ในปี 1972 ท่านประกาศให้กับคณะธรรมกิจในตอนนั้นว่าท่านได้แต่งตั้งผมให้เป็นศิษยาภิบาลอีกคนหนี่งในคริสตจักร ช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนดีของผมที่ได้มีโอกาศไปอยู่ที่นั่นและเป็นช่วงที่พระเจ้าได้ส่งการฟื้นฟูใหญ่ลงมาที่นั่นด้วย เริ่มตั้งแต่ปลายปี 1960 และมีคนหลั่งไหลเข้ามา ในปี 1970 ผมได้ไปสอนตามกลุ่มอธิษฐานต่างๆที่เต็มด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ และยังเป็นการนมัสการที่มีการสารภาพบาปและการเป็นพยานทั้งกลางวันและกลางคืน ผมรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างมากที่ได้ไปเทศนาตามงานฟื้นฟูเหล่านั้น มีงานหนึ่งตอนที่ผมเทศน์เสร็จแล้วมีอนุชนประมาณ 46 คนได้กลับใจมาเชื่อวางใจในพระเยซู คนเหล่านั้นส่วนมากยังไปนมัสการที่คริสตจักรนั่นอยู่ ดร. หลิน สอนพวกเราว่าการฟื้นฟูจะบังเกิดขึ้นในคริสตจักรได้ ก็ต่อเมื่อสมาชิกมีชีวิตที่บริสุทธิ์และอธิษฐานโดยปราศจากขอพระเจ้าเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง ดร. หลิน ไม่เคยกลายเป็นคนอเมริกัน ท่านรับใช้เหมือนอย่างอยู่ในประเทศจีน ท่านทุ่มเทชีวิตให้กับพระเจ้า ท่านใช้เวลาให้กับการอธิษฐานและอดอาหาร ผมเชื่อว่าด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงส่งการฟื้นฟูลงมา และคริสตจักรก็มีสมาชิกเพิ่มขึ้นจาก 80 ในปี 1961 เพิ่มมากขึ้นเป็นพันๆคน หลังจากนั้น ดร. หลิน กลับไปเป็นผู้อำนวยการที่พระคริสตธรรมของอีเวนเจลิคอล์ในประเทศใต้หวัน ผมมีประสบการณ์ที่ได้เห็นฤทธิ์เดชของพระเจ้าเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นที่ “คริสตจักรในประเทศจีน” ผมเห็นกับตาตัวเองอย่างไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน นอกจากที่เกิดขึ้นให้กับในคริสตจักรหนึ่งของชาวเอเชีย พระพรและฤทธิ์เดชของพระเจ้ามิได้มาที่คริสตจักรของ ดร. หลิน ผ่านทางผู้รับใช้จากที่อื่นที่มาเทศนาที่นั่น หรือโดยวิธีการใดๆเลย มาเพราะว่าการสารภาพบาป การใช้เวลาอธิษฐาน และมุ่งมั่นเทศนาเรื่องบาป การพิพากษา และไม้กางเขนของพระคริสต์! เพลงหนึ่งที่เราร้องซ้ำไปซ้ำมาในงานฟื้นฟูมีชื่อว่า “ขาวกว่าหิมะ” พระเยซู ข้าฯพระองค์อยากมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ประสบการณ์ของการกลับใจใหม่ และงานฟื้นฟูที่แท้จริงนั้น เราต้องทำตามแบบอย่างของเปาโลอย่างที่ท่านกล่าวว่า “แต่ว่าสิ่งใดที่เคยเป็นคุณประโยชน์แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าถือว่าสิ่งนั้นไร้ประโยชน์แล้วเพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ที่จริงข้าพเจ้าถือว่าสิ่งสารพัดไร้ประโยชน์เพราะเห็นแก่ความประเสริฐแห่งความรู้ถึงพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพเจ้า เพราะเหตุพระองค์ ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ เพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:7-8) ใจฉันเปี่ยมไปด้วยรัก และชีวิตที่เต็มไปด้วยฝัน - กรุณายืนขึ้นและร้องพร้อมกับผม! ใจฉันเปี่ยมไปด้วยรัก และชีวิตที่เต็มไปด้วยฝัน - พวกคุณนั่งลงได้ นิตยสารโลก ( 5 สิงหาคม 2013) รายงานว่า อาจารย์ ซามูเอล แลมป์ (1924-2013) ผู้ซึ่งเสียชีวิตในเดือนที่แล้วคือ วันที่ 3 เดือน สิงหาคม 2013 อายุของท่านคือ 88 ปี ท่านคือหนึ่งในศิษยาภิบาลที่มีชื่อเสียงใน ”คริสตจักร” ที่ประเทศจีน อาจารย์ แลมป์ (เซียงเงา ในภาษาจีน) เป็นลูกของผู้รับใช้คณะแบ๊บติสต์ ท่านเทศนาครั้งแรกตอนอายุ 19 ปี ตอนนั้นจีนตกอยู่ภายใต้การนำแห่งพรรคคอมมิวนิสต์อย่าง เหมาเจ๋อตอง ด้วยอำนาจนี้ในปี 1955 พวกเจ้าหน้าที่ของรํฐได้จับกุมอาจารย์ แลมป์ ท่านถูกจับกุมพร้อมกับ “กลุ่มต่อต้านการปฏิวัติ” ด้วยเหตุที่ไม่ยอมเข้าร่วมพวกคอมมิวนิสต์ที่สนับสนุนให้มี “คริสตจักรสามไตร” ที่อยู่ภายใต้อำนาจของคอมมิวนิสต์ เหตุที่ท่านปฏิเสธเข้าร่วมเพราะพวกคอมมิวนิสต์ห้ามไม่ให้สอนเรื่องการฟื้นคืนและการเสด็จมาครั้งที่สองของพระคริสต์ หลังจากที่ท่านถูกจองจองใกล้ครบสองปี ท่านก็ได้รับอิสระในปี 1957 หลังจากนั้นประมาณห้าเดือนท่านก็มาถูกจับอีกครั้งและถูกส่งไปอยู่ในที่พักของคนงานประมาณ 19 ปี ภรรยาของท่านเสียชีวิตในขณะที่ท่านยังอยู่ในคุก ท่านถูกจำจองเป็นเวลา 20 ปีและก็ถูกปล่อยออกมา ท่านก็รีบเปิด “คริสตจักรบ้าน” ที่เมืองกวางเจาทันที ท่านยังปฏิเสธที่จะเข้าร่วม “คริสตจักรสามไตร” ของพวกคอมมิวนิสต์ ท่านโต้แย้งว่าคริสเตียนจะเชื่อฟังรัฐบาลก็ต่อเมื่อรัฐต้องทำตามพระคัมภีร์ทุกขั้นตอนเท่านั้น ท่านกล่าวว่า “พระบัญญัติของพระเจ้าสำคัญกว่ากฏหมายของมนุษย์” ภายใต้การเป็นผู้นำของท่าน คริสตจักบ้านของท่านมีสมาชิกเพิ่มจาก 400 คนในปี 1997 ถึง 4000 คนในปัจจุบันนี้ มีวิดีโอที่กล่าวถึงคริสตจักรในปี 2011 แสดงให้เห็นถึงการเทศนาของอาจารย์ แลป์ ให้กับกลุ่มผู้เชื่อ มีสมาชิกมากมายเข้ามาเต็มทุกห้องชั้นเรียนพระคัมภีร์ และหละงจากนมัสการเสร็จก็เดินเต็มท้องถนนที่อยู่ใกล้ๆกับโบถส์ คอมมิวนิสต์รู้ดีว่าคริสตจักรนี้ไม่ได้จดทะเบียน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ปี 1997 อาจารย์ แลมป์ บอกนักข่าวชาวอเมริกันคนหนึ่งชื่อ เคล โทมัส ว่าพวกเขาได้เรียนบทเรียนของพวกเขาเอง โดยกล่าวว่า “ทุกครั้งที่พวกเขาจับกุมผมเข้าไปไว้ในคุก คริสตจักรก็เติบโต การข่มเหงเหมือนจะกลายเป็นเรื่องดีให้กับเรา ยิ่งเราถูกข่มเหง คริสตจักรก็ยิ่งเติบโต และนั่นเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาตร์คริสตจักรไป” ปฏิกิริยาของรัฐในประเทศจีนที่มีต่อคริสตจักนั้นจากแตกต่างกันออกไป เช่นคริสตจักรของอาจารย์ แลมป์ ดูเหมือนจะมีอิสระเสรี แต่ในขณะเดียวกันที่อื่นๆกลับถูกแทรกแทรงจากรัฐ ในเดือนกรกฏาคม (2013) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปปิดล้อมคริสตจักรสองแห่งที่จังหวัดซินเจียง และจับกุมผู้นำสองคนและอ้างว่าเพราะ “ทำผิดกฏหมาย” อาจารย์แลมป์มักจะบอกผู้นำในคริสตจักรของท่านว่าการทนทุกข์คือส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้เชื่อ ท่านกล่าวว่า “เราต้องเตรียมพร้อมเผชิญกับความทุกข์ เราต้องเตรียมพร้อมที่จะถูกจับกุม ก่อนที่ผมจะถูกจับกุมไปขังในคุก ผมได้จัดเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้า ร้องเท้าแปรงสีฟัน แม้ว่าวันนี้รัฐจะไม่มายุ่งกับเรา แต่พรุ่งนี้อาจจะต่างกัน ผมอธิษฐานเพื่อพวกเราจะเผชิญกับเรื่องเช่นนี้” อาจารย์ แลมป์ จึงได้รับฉายาว่า “ยิ่งถูกข่มเหง ยิ่งเติบโต” ได้มีการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้พบว่ามีคริสเตียนในประเทศจีนประมาณ 100 ล้านคน ซึ่งหมายความว่ามีคริสเตียนเกือบทุกที่ ไม่ว่าตามเมืองใหญ่หรทอตามมหาลัยต่างๆ ซึ่งมีการประเมินว่าทุกๆ 1 ใน 10 คนที่เป็นนักศึกษานั้นต้องเป็นคริสเตียน หมายความว่าประมาณหมื่นคนที่มีคนกลับใจในแต่ละปี! นี่รวมถึงบุคคลในอาชีพต่างๆเช่นอาจารย์สอนตามมหาลัย หมอ นักกฏหมาย รวมถึงเจ้าหน้าที่ของคอมมิวนิสต์ (ดู David Aikman, Ph.D., Jesus in Beijing: How Christianity is Transforming China and Changing the Global Balance of Power, Regnery Publishing, Inc., 2003; paperback edition published in 2006). หนังสือของ ดร. ไอคเมน กล่าวถึง “ความทรงจำของคริสเตียนทั้งหมด ของผู้ที่ยอมพลีชีพเพราะความเชื่อไม่ว่านประเทศจีนและต่างประเทศ จากปี ค.ศ 635 ถึงยุคปัจจุบัน” “ใจทั้งหมดของฉันคือรัก” ร้องเพลงนี้ด้วยกัน ใจฉันเปี่ยมไปด้วยรัก และชีวิตที่เต็มไปด้วยฝัน - ไฟแห่งการฟื้นฟูได้ลุกโชติช่วงและมีคนในประเทศจีนล้านๆคนได้มาเชื่อพระเจ้า แต่เราก็ไม่ควรที่จะลืมเลือดแห่งการการพลีชีพของคนเหล่านั้น และด้วยเหตุนี้ทำให้พระคุณของพระเจ้าหลั่งไหลมาให้พวกเขา และนี่คือประวัติสั้นๆของศิษยาภิบาลจีนสามคน พวกเขาเดินตามแบบอย่างของอาจารย์เปาโล โดยถือว่า “สิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ” เพื่อข้าพเจ้าจะได้ “พระคริสต์” คนที่หนึ่ง ท่านเป็นศิษยาภิบาลคนจีนไม่ได้มีการเอ๋ยชื่อจากปี 1960 ในช่วงระหว่าง “การปฏิวัตินองเลือด” ศิษยาภิบาลท่านนี้ถูดพวกคอมมิวนิสต์นำบ่วงมาใส่รอบคอของท่านและให้ไปยืนอยู่บนเก้าอี้สามตัว ภรรยาและลูกๆของอาจารย์ท่านนี้ถูกเจ้าหน้าบังคับให้ไปดูพ่อของพวกเขา เจ้าหน้าที่เหล่านั้นจึงพูดว่า “คุณมีแค่สองทางเลือก! คือเลือกที่จะเชื่อพระเยซูต่อไปหรือปฏิเสธพระเยซู ให้เลือกในตอนนี้!” ศิษยภิบาลชราคนนั้นมองดูครอบครัวและเพื่อนๆของเขา เขารู้ว่าต้องทำอย่างไร ท่านกล่าวว่า “แม้ว่าพวกคุณจะตัดศีรษะของฉันทำให้เลือดกระจายลงบนพื้น ฉันก็จะไม่ปฏิเสธพระเยซู” ทันใดนั้นเจ้าหน้าก็ถีบขาโต๊ะ ทันใดนั้นบ่วงที่คล้องคอนั้นทำให้ท่านเสียชีวิตไปอยู่กับพระคริสต์ (Living Water, Zondervan, 2008, p. 17) คนที่สอง ผมอยากจะนำประวัติของอาจารย์ ซามูเอล แลมป์ มาเล่าสั้นๆอีกครั้งหนึ่ง หลังจากท่านถูกจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปีนั้น คือปี 1958 ตอนนั้นอายุของท่านแค่ 33 ปี ท่านถูกห้ามไม่ให้เทศนาอีกต่อไป แต่หลังจากนั้นไม่นานท่านก็เริ่มกลับมาเทศนาอีก! ท่านก็มาถูกจับและถูกจำจองเป็นเวลายี่สิบปี ท่านถูกส่งไปทำงานที่เหมืองถ่านหินเป็นเวลาถึงยี่สิบปี นักโทษส่วนมากจะเสียชีวิตที่นั่น แต่ท่านก็รอดโดยพระคุณของพระเจ้า ตอนที่ท่านถูกปล่อยออกมานั้น ท่านพึ่งมาทราบว่าภรรยาและพ่อของท่านเสียชีวิตแล้ว แม่ของท่านก็มาป่วยและเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน แทนที่ท่านจะหลบหนีไปอยู่ที่ฮ่องกงหรือประเทศอื่น ท่านกลับไปที่เมืองกวางเจาเพื่อรวบรวมสมาชิกเดิม และเปิดคริสตจักรใหม่อีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าท่านจะได้รับการกดขี่ขมเหงจากพวกคอมมิวนิสต์ แต่จากที่เห็นในคลิบวีดีโอของ่ทานที่เทศนานั้นดูท่านมีความสุขมาก (Crimson Cross, published by Back to Jerusalem, 2012, pp. 65, 66) คนที่สาม คืออาจารย์ของผมเองคือ ดร. ทิโมธี หลิน (1911-2009) ภรรยคนแรกและลุกสาวของท่านถูกฆ่าต่อหน้าท่านจากพวกทหารญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ภรรยาคนที่สองของท่านที่ชื่อ เกรซี่ และเพื่อนของผม เธออยู่กับท่านตอนที่ท่านเทศนาที่คริสตจักรจีนเพรสไปทีเรียนที่เมือง ซานฟรานซิสโก ในช่วงบ่ายของวันนั้นก่อนที่การนัมการจะเริ่มขึ้น เป็นภรรยาท่านมีอาการของหลอดเลือดในสมองติด ท่านจึงพาภรรยาและโดยสารไปกับรถฉุกเฉินไปที่โรงพยาบาล เธอเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ถึงอย่างนั้นก็ตาม ดร. หลิน ยังได้นั่งรถเท็กซี่กลับมาเทศนาที่คริสตจักรตามที่ได้วางแผนเอาไว้ หลังจากนมัสการเสร็จสมาชิกในคริสตจักรเพิ่มมาทราบว่าภรรยสของท่านเสียชีวิตแล้ว ภรรยาของท่านก็เสียชีวิตเพียงแค่ไม่กี่นาทีก่อนที่การนมัสการจะเริ่มขึ้น ผมทราบว่าท่านรักภรรยาของท่านมาก ตอนที่ผมได้ยินเรื่องนี้ผมรู้สึกประทับใจท่านเป็นอย่างมาก ทำให้ผมเปลี่ยนมุงมองใหม่ว่าการทำพันธกิจไม่ใช่เรื่องของ “งาน” ผมเรียนรู้การอภบาลสิษย์ของ่ทาน ดร. หลิน ว่านั่นคือชีวิตและต้องยอมจำนนพลีชีพ! จากเรื่องราวของบุคคลทั้งสามคนนี้ล้วนแสดงให้เห็นว่า พวกเขาได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็น “เหมือนหยากเยื่อ” เพื่อข้าพเจ้าจะได้ “พระคริสต์” แต่อนุชนทั้งหลายในอเมริกากลับรับรู้ความขี้เกียจของผู้รับใช้ในประเทศนี้ นี่คือภาพที่พวกเขามีอยู่ใมใจ นี่แหละคือเหตุผลสำคัญที่ไม่มีการฟื้นฟูเลยในประเทศอเมริกา แต่อนุชนทั้งหมายในประเทศจีนกลับมีจิตใจที่เต็มการยอมพลีชีพเพราะตัวอย่างจากอาจารย์ทั้งสามคนนั้น! จึงไม่แปลกอะไรที่อนุชนในประเทศจีนสามารถพูดเหมือนกับอาจารย์เปาโล “ข้าพเจ้าจึงได้ยอมสละสิ่งสารพัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ เพื่อข้าพเจ้าจะได้พระคริสต์” (ฟิลิปปี 3:7-8) จึงไม่แปลกอะไรที่ตอนนี้ผู้คนต่างก็ยอมรับว่าครอสเตียนในประเทศจีนมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์คริสตจักรในเรื่องของการฟื้นฟู คุณอยากจะเป็นเหมือนอย่างพวกเขาหรือเปล่า? คุณสามารถถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือน “หยากเยื่อ” เพื่อข้าพเจ้าจะได้ “พระคริสต์” หรือเปล่า? ถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ! ถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนหยากเยื่อ! พระคริสต์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อชดใช้บาปของคุณ พระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและประทานชีวิตให้คุณ คุณกล้าที่จะพลีชีพเพื่อพระองค์หรือไม่? ร้องเพลงนี้ด้วยกัน! ใจฉันเปี่ยมไปด้วยรัก และชีวิตที่เต็มไปด้วยฝัน - เราพร้อมที่จะคุยกับคุณถึงเรื่องการทรงช่วยโดยพระเยซู ถ้าคุณอยากจะคุยกับเรา กรุณาลุกออกจากที่นั่งของคุณเดินออกไปข้างหลังของห้องนมัสการในเวลานี้ ดร. คาเกน จะพาพวกคุณไปยังห้องอธิษฐานเพื่อคุย ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ตอบสนองรับเอาพระเยซูในค่ำคือนี้ด้วย อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย อาเบล พลูโฮมมี: ฟิลิปปี 3:7-11 |
|