เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ความเชื่อแบบง่ายๆในพระเยซู (บทเทศนาที่ 15 ในอิสยาห์ 53) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็น วันของพระเป็นเจ้าที่ 21 เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ณ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) |
“ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” หนึ่งในหนังสือแปลพระคัมภีร์ฉบับปัจจุบันพูดว่า คำเหล่านี้พูดถึงชนชาติอิสราเอล "เพราะความเกลียดชังพวกเขาจึงตรึงพระเมสิยาห์บนไม้กางเขนและพวกเขาก็ไม่ให้ความเคารพในพระบุตรของพระเจ้า" คำจำกัดความในข้อนี้ พวกเขากล่าวว่าเป็นการอ้างถึงชาวยิวในสมัยของพระเยซูคริสต์เท่านั้น แต่ผมชอบอย่างที่ มูดี้ส์ กล่าวเอาไว้ "เข้าใจพระคัมภีร์ตามในหนังสือแปลต่างๆ” ไม่ใช่อย่างนั้น ข้อนี้ไม่ได้หมายถึงชนชาติอิสราเอลที่ "เกลียดชัง" พระคริสต์เท่านั้น เพราะกล่าวอย่างชัดเจนเอาไว้ในข้อแรก กล่าวดังนี้ว่า "ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” ไม่ใช่ชาวยิวเท่านั้น แต่เป็น "ผู้คน" โดยทั่วไป! "ปฏิเสธโดยมนุษย์" - ไม่ใช่แต่เพียงชาวยิวเท่านั้น "พระคัมภีร์เน้นแสงสว่างในหนังสือแปลต่างๆ” ลูเทอร์พูดถึง "การเปรียบเทียบของพระคัมภีร์" ท่านผู้ปฏิรูปยิ่งใหญ่คนนี้หมายความว่า เราจะเปรียบเทียบกับพระคัมภีร์ เพื่อค้นหาสิ่งที่พระเจ้าทรงกล่าวเรื่องเดียวกัน และอยู่ในพระคัมภีร์เล่มอื่นๆ เราอ่านในอิสยาห์ 49: 7 “พระเยโฮวาห์ ผู้ไถ่ของอิสราเอลและองค์บริสุทธิ์ ตรัสแก่ผู้ที่คนดูหมิ่นและแก่ผู้ที่ประชาชาติรังเกียจ...” (อิสยาห์ 49:7) ดังนั้น เราจึงพบอีกที่หนึ่งดังนี้ว่า "คน" ทั่วไปเกลียดชังพระเยซู "ผู้บริสุทธิ์" พระเยซูเองทรงตรัสเอาไว้ในพันธสัญญาใหม่ดังนี้ว่า “ถ้าโลกนี้เกลียดชังท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายก็รู้ว่าโลกได้เกลียดชังเราก่อน” (ยอห์น 15:18) ในข้อเหล่านี้ เราจะเห็นว่าคนที่หลงหายในโลกต่างก็เกลียดพระเยฃูคริสต์กันทั้งนั้น หรือพวกเขาซ่อนหน้าของพวกเขาจากพระองค์และไม่เคยคิดถึงพระองค์เลย “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) มีหลายทางที่ผู้คนซ่อนหน้าจากพระเยซู นี่คือสามของทางเหล่านั้น I. ประการแรก ผู้ที่ซ่อนหน้าคือผู้ที่ดูถูกพระคริสต์ ผมได้อ่านหนังสือของอาจารย์ วูร์เบรนด์ ที่กล่าวถึงการทนทุกข์ทรมานของพระคริสต์ ผมอ่านทุกปี อาจารย์ วูร์เบรนด์ พูดถึงสิ่งน่ากลัวที่เขาได้พบจากพวกคอมมิวนิสต์ที่เกลียดชังพระคริสต์ เขากล่าวว่า การทรมาน และความโหดร้ายของพวกเขานั้นมีอย่างต่อเนื่องและโดยไม่เคยหยุด ตอนที่ผมหมดสติหรือกลายเป็นคนที่มึนงงไปหมด กล่าวถึงการทรมาน ผมบอกตามตรงว่า ผมเจ็บลึกอย่างไม่อาจจะบรรยายได้ ผมเจ็บมากจนเกือบจะตาย และไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย มีหลายคนเสียชีวิตด้วยเหตุนี้ ... ในปีเหล่านั้นผมถูกจำจองในคุกที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาหักกระดูกที่หลังของผมสี่ซี่ รวมถึงกระดูกซี่อื่น ๆ พวกเขานำผมไปขังไว้ที่ต่างๆ พวกเขาเผาและทิ่มแทงร่างกายของผมรวมทั้งหมดสิบแปดที่... คอมมิวนิสต์จงเจริญ! ท่านไม่ได้พูดเกินความจริง ผมรู้จักท่านค่อนข้างดี ผู้ที่เกลียดชังพระคริสต์เป็นอย่างมากคือพวกคอมมิวนิสต์และในโลกแห่งสังคมนิยม เราเห็นการโจมตีต่อต้านพระเยซูและผู้ติดตามพระองค์อย่างใหญ่หลวงในทุกสังคม แม้แต่ทุกวันนี้ในประเทศอเมริกาก็มีเช่นนี้ – เริ่มจากทำเนียบขาวไปที่โรงเรียนตามบ้าน คนที่มีตำแหน่งดีทำงานตำแกน่งสูงต่างซ่อนหน้าของพวกเขาจากพระคริสต์ บรรดาผู้ที่ดูแคลนพระคริสต์และผู้ติดตามพระองค์เป็นไปตามพระธรรมของเราในข้อนี้ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) II. ประการที่สอง ผู้ที่ซ่อนหน้าของพวกเขาจากพระเยซูคริสต์คือผู้ที่ไม่แยแส แน่นอนนี่เป็นการอธิบายถึงพวกคุณบางคนที่มาในเช้าวันนี้ด้วย! แม้ว่าคุณไม่เคยคิดที่จะทำร้ายคริสเตียนหรือตะโกนด่าว่า "คริสเตียนจงพินาศ!" คุณอาจตกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่พวกคอมมิวนิสต์พูดใส่ท่าน วูร์เบรนด์ แต่คุณอาจบอกว่า "ไม่มีวันที่ฉันจะทำอย่างนั้นหรอก!" ผมเชื่อคุณ ผมคิดว่าคุณไม่เคยคิดจะโจมตีพระเยซูเหมือนเช่นพวกคอมมิวนิสต์ที่โหดเหี่ยมเยี่ยนสัตว์ป่า และยัง ... ! และยัง ... ! แต่การแสดงออกของคุณต่อพระวจนะโดยการไม่แยแสแเละเย็นชาต่อพระเยซู “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) คุณมาที่คริสตจักรและเพียงแค่มานั่งอยู่ที่นี่ ตาของคุณเหม่อลอยตอนที่ผมกล่าวถึง พระเยซู บางคนถึงขั้นหลับตา บางคนก็ปิดใจด้วยความเย็นชาไร้แยแส คุณซ่อนหน้าของคุณจากพระเยซู คุณทราบหรือเปล่าแม้แต่นักเทศน์คนหนึ่งก็สามารถทำอย่างนั้นด้วย? เมื่อตอนที่ผมไปเรีบนอยู่ที่วิทยาพระคริสตธรรมของแบ๊บติสใต้ที่อยู่ทางทิศเหนือของซานฟรานซิสโก ที่นั่นมีนักศึกษาคนหนึ่งชื่อ ทอม เฟรเดอริส์ก ต่อมาเขากลายมาเป็นเพื่อนของผม ทอมเป็นนักเทศน์ แต่มีวันอาทิตย์หนึ่งบทเทศนาของเขาเองได้แทงหัวใจของเขา! ในขณะที่กำลังเทศนาอยู่นั้น เขาร้องไห้อย่างหนักจนไม่สามารถเทศน์ต่อไปได้ เขาลงมาคุกเข่าที่ธรรมาสน์ เขาได้กลับใจใหม่จากการเป็นคนที่ไม่เคยรักพระผู้ช่วยให้รอดเลย เขาสารภาพต่อหน้าสมาชิกของเขา นั่นคือเวลาที่เขาได้หยุดการซ่อนหน้าจากพระเยซู เขาไว้ใจในพระผู้ช่วยให้รอดแล้วก็กลายมาเป็นคริสเตียนที่แท้จริง ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาเขากลายมาเป็นคนที่ถ่อมตนเอามากๆ – คนที่จริงใจเขาได้มาที่หอพักห้องที่ผมพักอยู่ มาร่วมอธิษฐานในทุกเย็นของวันพฤหัสบดี เขาได้สนับสนุนผมที่ต่อต้านอาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนโจมตีพระคัมภีร์ เขากับผมได้ไปพบกับผู้อำนวยการของสถาบันที่หน้าประตูของท่านด้วยกัน เขาสนับสนุนผมถึงแม้คนเหล่านั้นจะเรียกผมว่าเป็น "ลัทธิแห่งไฮเมอร์ส" ก็ตาม เขาได้เดินออกจากชีวิตนักเทศน์ของแบ๊บติสใต้ที่หลงหายไป มาเป็นผู้เชื่ออย่างแท้จริง การกลับใจใหม่ของเขาเกิดขึ้นตอนที่เขาหยุดพฤติกรรมเย็นชาไม่แยแสในพระเยซู ทอมพึ่งเสียชีวิตเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ผมได้ส่งเงินไปให้กับภรรยาของเขา นั่นคือสิ่งที่ผมสามารถแสดงถึงการขอบคุณให้กับเขา ที่ได้ให้การสนับสนุนผมต่อสถาบัน Golden Gate วิทยาลัยศาสนศาสตร์แบ๊บติสในช่วงต้นปี 1970 และผมรู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ทรงเปิดใจของทอมให้กับพระเยซู เขาได้รับความรอดจากการเทศนาของเขาเอง ในเช้าวันอาทิตย์ที่นานมาแล้ว อาจมีใครบางคนพูดว่า "ดร. ไฮเมอร์ส คุณคงไม่ต้องการให้ฉันเป็นเหมือนทอม เฟรเดอริกส์นะ? "พระเจ้าโปรดช่วยข้าฯด้วย! ผมจะชื่นชมยินดีต่อหน้าทูตสวรรค์ในสวรรค์ ถ้าคุณทำได้เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเขา! หนุ่มสาวบางคนมานั่งอยู่ที่นี่สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่าอย่างไม่เคยแยแส ไม่เคยตื่น และไม่เคยเปลี่ยนแปลง – ผมหวังว่าพระเจ้าจะทรงช่วยคุณให้สามารถทำได้สักนิดเหมือนทอม! ตอนนี้ ลองให้เป็นอย่างนี้ - คุณจะทำอย่างไรถ้าย้อมกลับไปในปี 1971 หรือ 1972 โดยอยู่ที่สถาบัน Golden Gate? คุณจะทำอย่างไรถ้า ณ เวลานั้นและอยู่ในคริสตจักรหนึ่ง ที่ผมเองไม่ใช่ศิษยาภิบาลของคุณ? ลองคิดดูตอนนี้! คุณจะสนับสนุนผมหรือเปล่า ตอนที่ผมขึ้นไปเผชิญหน้ากับอาจารย์ผู้ที่สอนโจมตีพระคัมภีร์? ลองคิดดูตอนนี้! คุณจะสนับสนุนผมที่ทำอย่างนั้นหรือไม่? หรือคุณจะทำตัวแบบ "ไม่รู้ร้อนรู้เย็น" และอยู่ห่างจากการขัดแย้งนั้น? ลองคิดดู! ตอนนี้ถ้าคุณซื่อสัตย์กับตัวคุณเอง พวกคุณบางคนอาจต้องยอมรับว่า คุณจะไม่สนใจและขออยู่ห่างๆเอาไว้ หลังจากนั้นคุณอาจตัดสินใจไม่เอาปริญญาในสถาบันนั้น เหมือนอย่าง "ลัทธิไฮเมอร์ส" คุณจะทำอย่างนั้นหรือเปล่า? คุณจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างทันทีทันใดจากทางที่คุณเป็นอยู่ในขณะนี้และกลายเป็นคนที่กระตือรือร้นเพื่อพระคริสต์ คุณจะเป็นอย่างนี้หรือเปล่า? ลองคิดดู! ผมเชื่อว่าบรรดาคนที่เข้าและออกจากห้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจะไม่อยู่ฝ่ายผมอย่างแน่นอนในสถาบันพระคริสตธรรมเสรีนิยมแห่งนั้น ไม่งั้ง คุณอาจเย็นชาและไม่แยแสเหมือนอย่างที่คุณกำลังเป็นอยู่ ณ ตอนนี้! “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) III. ประการที่สาม พวกที่หลบหน้าพระเยซูคือพวกที่เพิกเฉยและไม่รับรู้ คุณได้ซ่อนหน้าของคุณจากพระเยซูมาเป็นเวลานาน คุณไม่เคยสนใจว่าผมได้ประกาศเกี่ยวกับพระเยซูหรือไม่ ถ้าผมพูดแบบใช้จิตวิทยานั่นก็จะทำให้คุณตื่นขึ้นจากเก้าอี้ของคุณและฟังอย่างตั้งใจ ถ้าผมพูดเกี่ยวกับการเมืองคุณจะลุกออกไปนั่งข้างหน้าเพื่อให้คุณสามารถได้ยินผมในทุกถ้อยคำ ในเวลาที่ผมมาพูดถึงคำทำนายในพระคัมภีร์ คุณก็ให้ความสนใจอย่างมากต่อการเทศนานั้น สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาผมพูดถึงสวรรค์ พวกคุณเอียงหูฟังอย่างตั้งใจเพราะมันเป็นเรื่องใหม่สำหรับคุณ แต่ตอนที่ผมกลับมาที่พระกิตติคุณ คุณทำตาเหม่อลอย เป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า? คุณหมดความสนใจเมื่อผมพูดถึงพระเยซู! คุณเป็นอย่างนั้นใช่มั้ย? ใช่มั้ย? คนหนุ่มสาวอย่างพวกคุณใช้เวลาและพลังงานอย่างมากให้กับการศึกษาอยู่ที่วิทยาลัย คุณศึกษาเป็นชั่วโมงเพื่อให้คุณสามารถทำคะแนนได้ดีในชั้นเรียนของคุณ คุณตื่นขึ่นมาศึกษาตั้งแต่เช้าตรู่ คุณนอนดึกเพื่อศึกษา ผมดีใจที่คุณทำอย่างนั้นเพราะคุณจะไม่มีวันทำงานได้ดี ถ้าคุณไม่สามารถมีผลการเรียนที่ดีในโรงเรียน ผมขอแสดงความยินดีที่คุณศึกษาอย่างหนักในโรงเรียน แต่คุณไม่เคยลุกขึ้นมาศึกษาพระคัมภีร์ (แม้แต่ชั่วโมงเดียว หรือศึกษาบทเทศนาเหล่านี้ ซึ่งเราได้ถ่ายเอกสารให้คุณในทุกวันอาทิตย์ คุณไม่เคยแม้แต่คิดที่จะตื่นขึ้นมาเพื่อศึกษาเกี่ยวกับพระคริสต์ ผู้วายพระชนม์เพื่อช่วยจิตวิญญาณแห่งบาปของคุณสักหนึ่งชั่วโมง ทุกอย่างในโลกดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่สำคัญให้กับคุณมากกว่าพระคริสต์ที่ผู้ทรงรักคุณและอธิษฐานเพื่อคุณในสวรรค์ แม้แต่ในคริสตจักรนี้และในขณะที่ผมเทศนาเกี่ยวกับพระเยซู คุณปล่อยความคิดของคุณเดินไปสู่สิ่งที่อยู่ในโลกมากกว่าพระองค์ และเมื่อคุณมาที่ห้องสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ผมไม่เคยได้ยินคุณพูดคุยเกี่ยวกับพระเยซู คุณพูดแต่เรื่องตัวเอง ผมไม่ได้ยินคุณพูดถึงพระเยซู ผมได้ยินคุณพูดถึงหลักคำสอนและข้อพระคัมภีร์เป็นบางครั้ง แต่ผมไม่เคยได้ยินคุณพูดถึงพระเยซูโดยตรง! พระองค์ไม่ได้อยู่ในความคิดของคุณ เวลาส่วนใหญ่ที่คุณพูดถึง มักเกี่ยวกับความรู้สึกของคุณเอง - หรือไม่มีแม้แต่จะรู้สึก! คุณกำลังมองหาความรู้สึกเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณ แต่คุณไม่ได้มองหาตัวของพระเยซูเอง คุณพูดคุยเกี่ยวกับการขาดความเชื่อมั่นของคุณ แต่คุณไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์ผู้เดียวที่สามารถรับประกันความรอดของคุณ! บางท่านคิดว่า "ผมไม่มีใจที่แตกสลาย" ผมขอพูดกับคุณว่า "อย่ามองหาใจที่แตกสลาย จงมองไปที่พระเยซู" แต่ตอนที่ผมพูดถึงพระนามของพระองค์ คุณทำตาใสๆและคุณคิดว่า "ผมต้องการความรู้สึก ผมต้องการที่จะรู้สึกว่ารอดแล้ว!" ผมพูดว่า "ไม่ใช่อย่างนั้น สิ่งที่คุณต้องการคือพระเยซู" แต่เวลาที่ผมพูดถึงพระองค์คุณแสดงอาการแบบไม่สนใจทันทีทันใด ผมพูดว่า "ตอนนี้จงมองดูพระเยซู ผู้ทรงหลั่งโลหิตบนไม้กางเขนให้คุณ" แต่คุณกลับมองย้อนกลับไปที่ตัวเอง มองหาความรู้สึกของตัวเอง! ผมไม่สามารถทำให้คุณเลิกมองตัวเองแล้วหันมามองพระเยซู! ผมจะอ้างคำพูดของผู้เผยพระวจนะที่กล่าวว่า "จงแสวงหาพระเยโฮวาห์ เมื่อจะพบพระองค์ได้ จงทูลพระองค์ ขณะพระองค์ทรงอยู่ใกล้” (อิสยาห์ 55: 6) แต่คุณกลับแสวงหาอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองมากกว่าแสวงหาพระคริสต์ ผู้ทรงรักคุณเป็นอย่างมาก! “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) ผมขอร้องคุณให้หยุดซ่อนหน้าของคุณจากพระเยซู ในเวลาที่คุณหันมาหาพระเยซู พระองค์จะช่วยคุณให้รอด คุณอาจจะไม่มี "ความรู้สึก" ว่ารอดแล้ว ในเวลาที่ผมไดรับความรอดโดยพระเยซู ไม่ใช่เพราะผม "รู้สึก" ว่ารอดแล้ว ทั้งหมดที่ผมรู้ในวันนั้นมีแต่พระเยซูเท่านั้น! ผมเชื่อในพระองค์มาก่อน แต่วันนั้น – ผมสามารถพูดได้ – ว่ามีพระเยซู! เป็นความเชื่อดั้งเดิมมาก แต่ก็เป็นความเชื่อในพระเยซู เป็นความชื่อแบบง่ายๆ - แต่คือในพระเยซู! ศิษยาภิบาลที่ชื่อ วูร์มแบรนด์ ตอนที่เขาประกาศอยู่ในคุก เขาเห็นหลายคนทรมานโดยพวกคอมมิวนิสต์เพื่อพระเยซูคริสต์ นอกจากนี้เขายังได้เห็นนักโทษเป็นจำนวนมากและแม้กระทั่งยามที่เป็นคอมมิวนิสต์ได้กลับใจมาวางใจในพระเยซู วูร์มแบรนด์ กล่าวว่า เมื่อบุคคลใดเข้ามาถึงจุดความเชื่อ - แม้จะเป็นความเชื่อแบบดั้งเดิม - ความเชื่อนี้ได้พัฒนาและเติบโต เรามั่นใจว่าจะเอาชนะเพราะเราคือคริสตจักรใต้ดิน ที่ได้เห็นการเอาชนะครั้งแล้วครั้งเล่า พระคริสต์ทรงรักคอมมิวนิสต์และคนอื่น ๆ "ศัตรูของความเชื่อ" ต้องเอาชนะพวกเขาสามารถนำมาที่พระคริสต์ (Wurmbrand, ibid., p. 115) โจรที่เสียชีวิตอยู่ข้างพระเยซูบนไม้กางเขนได้รับความรอดในไม่กี่นาทีก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ เขารู้น้อยมาก ความเชื่อของเขายังเป็นแบบ "ดั้งเดิม" นี่ผมใช้คำพูดของอาจารย์ วูร์มเบร์นด แต่เขาได้รับความรอดในช่วงเวลาที่เขาไว้วางใจในพระเยซู และพระผู้ช่วยให้รอดตรัสให้แก่เขาว่า "เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” (ลูกา 23:43) ดูเหมือนว่าอาจมีใครบางคนในที่นี่ในเช้าวันนี้ที่สามารถวางใจในพระเยซูเช่นเดียวกับชายคนนั้นทำ มันอาจจะเป็นความเชื่อแบบ "ดั้งเดิม" แต่ถ้าคุณวางใจในพระเยซู โดยที่ไม่ต้องมองตัวเองเพื่อการพิสูจน์ เพียงแค่วางใจพระเยซูและทิ้งไว้ที่นั่นโดยที่ไม่ต้องมีการตรวจสอบด้วยตนเอง พระเยซูจะทรงช่วยคุณให้รอด ง่ายอ่อนโยน "ดั้งเดิม" เหมือนเด็กเชื่อในพระเยซู - นั่นคือทั้งหมดที่คุณต้องทำ อย่ามองตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว อย่ามองความรู้สึกแม้แต่ครั้งเดียวไม่ว่าอะไรก็ตาม จงมองดูพระเยซูและปล่อยให้อยู่ที่นั่น อย่ายุ่งกับตัวเองเลย อย่าทดสอบ อย่าวิเคราะห์ เพียงแค่เชื่อในพระเยซูและหยุดตรงนี้ พระเยซูจะทรงทำในส่วนที่เหลือทั้งหมด แม้ในขณะที่คุณนอนหลับอยู่ พระเยซูจะทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อนี้เติบโต แต่คุณต้องเชื่อพระเยซูเท่านั้น – แม้ว่าความเชื่อจะเล็กน้อยและเป็นแบบดั้งเดิม แต่คุณก็สามารถวางใจพระเยซูให้มาก คุณสามารถไปที่พระองค์และหยุดอยู่ที่นั่น โดยที่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบความรู้สึกของคุณเพื่อให้เกิดความมั่นใจ จงทิ้งไว้ที่พระเยซู แม้ในขณะที่คุณนอนหลับในเวลากลางคืน เมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อนี้ จะเป็นเหมือนอย่างที่อาจารย์ วูร์มเบร์นด กล่าวว่า "พัฒนาและเติบโต" อ่อนแอมาก ดั้งเดิม เชื่อในพระเยซูนั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ! ฟังเพลงที่นายกริฟฟิได้ร้องผ่านไปอีกครั้ง ซึ่งพูดถึงความเชื่อแบบง่ายๆและความเชื่อแบบดั้งเดิมในพระเยซูโดยที่ไม่ใช่ความรู้สึกใด ๆ ! จิตวิญญาณของฉันอยู่ในกลางคืนใจของฉันเป็นเหล็ก - เราจะอธิษฐานกับคุณถ้าคุณต้องการให้เราทำอย่างนั้น เราอยากช่วยคุณให้เป็นคริสเตียนที่แท้จริง เพียงแค่ลุกออกจากที่นั่งของคุณและเดินไปทางด้านหลังของหอประชุมในขณะนี้ ดร. คาเกน จะนำคุณไปยังสถานที่เงียบสงบเพื่ออธิษฐานเผื่อ กรุณาออกไปในขณะที่ผมร้องเพลงนั้นอีกครั้ง ฉันได้พยายามในทางที่ร้สาระด้วยพันทาง ดร. ชาญโปรดมาอธิษฐานเพื่อผู้ที่ตอบสนองนั้น อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย นาย อาเบล พรูมโหมมี: ลูกา 23:39-43. |
โครงร่างของ ความเชื่อแบบง่ายๆในพระเยซู (บทเทศนาที่ 15 ในอิสยาห์ 53) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) (อิสยาห์ 49:7; ยอห์น 15:18) I. ผู้ที่ซ่อนหน้าคือผู้ที่ดูถูกพระคริสต์ อิสยาห์ 53:3 II. ประการที่สอง ผู้ที่ซ่อนหน้าของพวกเขาจากพระเยซูคริสต์คือผู้ที่ไม่แยแสอิสยาห์ 53:3 III. ประการที่สาม พวกที่หลบหน้าพระเยซูคือพวกที่เพิกเฉยและไม่รับรู้อิสยาห์ 55:6; 53:3; ลูกา 23:43 |