Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




เซนดีเมเนียนนิยม

SANDEMANIANISM
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าวันที่ 7 เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, July 7, 2013

“ค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเราแต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:39-40)


เป็นเวลาสองพันปีมาแล้วที่ยังมีการโต้เถียงคำกริยาในภาษากรีกของคำว่า “ค้นหา” ซึ่งอยู่ในรูปประโยคที่กล่าวถึงความต้องการหรือข้อคิดเห็น ใช่หรือไม่ที่พระเยซูบอกพวกเขาให้ค้นหาพระวัจนะ หรือพระองค์กำลังอธิบายถึงสิ่งที่พวกเขาค้นหา? สำหรับผมแล้วนั่นไม่ใช่คำถามที่สำคัญอะไร เพราะว่านั่นไม่ใช่หัวใจสำคัญที่พระคริสต์กำลังกล่าวถึง ผมจึงคิดว่านั่นคือเหตุผลทำไมพระวิญญาณบริสุทธิ์มิได้ประทานมาลาในไวยากรณ์ของคำกริยานั้น – เพราะว่าพระวิญญาณมีพระประสงค์ให้เรามุ่งเป้าไปที่ส่วนที่สองของข้อนั้น ยิ่งกว่านั้นผมคิดว่าพระเยซูกำลังบอกเราถึงการกระทำของพวกฟารีสีว่ากำลังทำอะไรอยู่ พวกเขากำลังค้นหาพระวัจนะ – และทำอย่างนั้นอยู่เรื่อยๆ! แต่สำหรับพระเยซูแล้วพระองค์ไม่ประสงค์ให้พวกเขาค้นหาพระวัจนะ! หนังสืออรรถธิบายของ ดร. แกเบลล์ลีน กล่าวว่า “พวกเขาเพ่งมอง [พระคัมภีร์เดิม] เพื่อค้นหาความหมายที่แท้จริงในคำเหล่านั้น เพราะพวกเขาเชื่อการศึกษาคำเหล่านั้นอย่างเอาจริงเอาจังทำให้พวกเขามีชีวิต” (Frank E. Gaebelein, D.D., editor, The Expositor’s Bible Commentary, Zondervan, 1981, volume 9, p. 68; note on John 5:39)

พระวิญญาณสิ่งที่ไม่อยากให้เรามุ่งเป้าไปที่กริยาของคำว่า “ค้นหา” เพราะพระวิญญาณของพระเจ้ามีพระประสงค์ให้เรามุ่งไปที่จุดที่สำคัญ – สิ่งที่พวกเขาเชื่อคือว่าสามารถรับชีวิตนิรันดร์ผ่านทางการอ่านและศึกษาพระวัจนะ…“ในพวกเขาแล้วคิดว่าสามารถมีชีวิตนิรันดร์” มัทธิว แฮนรี่ กล่าวว่า “พวกเขามองหา [ชีวิตนิรันดร์] โดยการตั้งใจเอาใจใส่ต่อการอ่านและการศึกษาพระคัมภีร์ นั่นเป็นเรื่องที่ไม่ผิด แต่สิ่งที่พวกเขาพูดกันนั้นมันผิดเช่น ‘คนที่ทำตามทุกข้อความในธรรมบัญญัตคือคนที่มีชีวิตนิรัดร์’ พวกเขามั่นใจว่าสามารถเข้าแผ่นดินสวรรค์ได้ถ้าคุณพูดออกมาจากใจ…เพราะการเชื่อตามนั้นจึงเป็นบ่อเกิดของพวกผู้ปกครองทั้งหลาย” (Matthew Henry’s Commentary on the Whole Bible, Hendrickson Publishers, 1996 edition, volume 5, p. 753; note on John 5:39) พวกเขาตั้งอกตั้งใจศึกษาพระคัมภีร์และเชื่อตามนั้น แต่พวกเขาไม่คิดจะมาที่พระเยซู พวกเขาเชื่อตามพระคัมภีร์แทนการมาที่พระคริสต์! อย่างที่พระธรรมยอห์นกล่าวเอาไว้ – และนี่คือบทเรียนที่สำคัญมากๆ!

“ค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเราแต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:39-40)

และนั่นนำเรามาที่หลักคำสอนของ เซนดีเมเนียนนิยม หรือ Sandemanianism เป็นการสอนในคริสตจักรที่ผิดๆและเป็นเวลาหลายพันปีโดยคนที่ไม่ได้รับความรอดและจินตนาการของการเป็นคริสเตียนด้วยตัวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาคือลูกของมารซาตานที่จะต้องตกไปในบึงไฟนรก เซนดิเมเนียนนิยมคืออะไร? เป็นคำสอนที่เกิดขึ้นครั้งแรกโดยศิษยาภิบาลในคริสตจักรชาวสกอตแลนด์ชื่อ จอห์น กลาส์ (1695-1773) และต่อมากลายมาที่เป็นที่นิยมโดยลูกเขยของท่านที่ชื่อ โรเบร์ต เซนดีเมน (1718-1771) หัวใจสำคัญที่เขาสอนคือ – คุณต้องยอมรับด้วยใจที่พระคัมภีร์ได้กล่าวเกี่ยวกับพระคริสต์ และนั่นคือสิ่งที่จำเป็นที่สุดเหนือสิ่งอื่นใด การที่จะรอดนั้นเพียงแค่เชื่อในพระคัมภีร์ที่กล่าวถึงพระเยซู มันเป็นหลักความเชื่อผิดๆที่คล้ายคลึงการคำกล่าวของพวกฟาริสีที่ว่า “คนที่มี [พระคัมภีร์] นั้นก็มีชีวิตนิรันดร์” ดร. ลอย์ด-โจน กล่าวว่า “คุณยอมรับด้วยใจของคุณ นั่นคือสิ่งที่จำเป็นที่สุด…เป็นถ่อยห่างจากความรู้สึกที่เย็นชาของชีวิตในด้านศาสนา นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด (Martyn Lloyd-Jones, M.D., “Sandemanianism,” in The Puritans: Their Origins and Successors, The Banner of Truth Trust, 1996 edition, p. 175)

โรเบร์ต เซนดีเมน บอกว่าทุกคนที่เข้าใจถึงการสิ้นพระชนม์และการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระคริสต์ และเชื่อว่าเป็นความจริงตามที่พระคัมภีร์กล่าวเอาไว้ก็รอด (Lloyd-Jones, ibid., p. 174) พวกเซนดีเมเนียนนิยมคือกลุ่มที่เชื่อผิดๆและมีมากที่สุดในคริสตจักรของเราในทุกวันนี้ และส่งคนเป็นล้านๆลงไปที่นรก พวกเขาก็คือคนที่มาในเช้านี้และเชื่ออย่างผิดๆ! ดังนั้นโปรดฟังคำเทศนานี้ให้ดี เพราะว่าคุณอาจเป็นหนึ่งในพวกเขา!

“ค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเราแต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:39-40)

เราจะศึกษาสองประเด็นหลักในพระธรรมข้อนี้

I. หนึ่ง เชื่อในพระคัมภีร์ไม่สามารถช่วยให้คุณรอด

พวกยิวที่พระคริสต์กล่าวถึงนั้นคือพวกที่เชื่อในพระคัมภีร์ แต่พวกเขาไม่มาที่พระเยซู มีบางคนที่มาในเช้านี้เชื่อในพระคัมภีร์ แม้คุณเชื่อตามที่พระคัมภีร์กล่าวเอาไว้เกี่ยวกับพระเยซู คุณเชื่อว่าพระเยซูเสด็จลงมาจากสวรรค์ คุณเชื่อว่าพระองค์บังเกิดจากหญิงพรหมจารีย์ คุณเชื่อว่าพระองค์แบกบาปของคุณ คุณเชื่อว่าพระองค์ทรงทนทุกข์ที่สวนเกทเสมเนเพราะบาปของคุณ ที่ๆ “พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44) คุณเชื่อว่าพระองค์ถูกเฆี่ยน คุณเชื่อว่าคนบาปได้รับการรักษาโดยรอยแผลของพระองค์ คุณเชื่อว่าพระเยซูถูกตอกด้วยตะปูที่กางเขน คุณเชื่อว่าพระเยซูทำลายบาปของเราที่กางเขนนั่น คุณเชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเราที่กางเขนนั้นอย่างสมบูรณ์ คุณเชื่อว่าพระองค์เสด็จสู่สวรรค์ประทับ ณ เบื้องขวาของพระบิดา คุณเชื่อว่าพระองค์ทรงอธิษฐานเพื่อคนบาปทั้งหลาย คุณเชื่อว่าพระองค์จะเสด็จมารับในส่วนของพระองค์ที่สมควรได้ คุณช่วยว่าพระองค์จะเสด็จมาบนหมู่เมฆเพื่อมาปกครองโลกนี้เป็นเวลาหนึ่งพันปี คุณยังเชื่อว่าไม่มีใครจะรอดถ้าไม่มาที่พระคริสต์ แม้ว่าคุณจะเชื่อในสิ่งเหล่านั้นทั้งก็ตาม พระคริสต์ยังจะตรัสให้คุณว่า

“ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:40)

พวกคุณบางคนอาจยังงงกันอยู่ นั่นคือสงสัยว่าอุตสาห์เชื่อสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่รอดอีกหรือ เพราะพวกคุณไม่เข้าใจว่าไม่มีใครรอดโดยการเชื่อพระคัมภีร์ อาจารย์เปาโลบอกทิโมธีว่า

“…ที่ท่านได้รู้พระคัมภีร์อันบริสุทธิ์ ซึ่งมีฤทธิ์สอนท่านให้ได้ปัญญาถึงความรอด โดย ความเชื่อ ใ พระเยซูคริสต์” (2 ทิโมธี 3:15)

นั่นแหละคือที่บอกว่าคุณผิด เพราะคุณเชื่อสิ่งที่พระคัมภีร์บอกเกี่ยวกับพระคริสต์ แต่ไม่ยอม “เชื่อตัวของพระเยซูคริสต์” เอง หรือจะกล่าวในอีกนัยหนึ่งว่า คุณเป็นเหมือนพวกยิวที่พระเยซูกล่าวถึงว่า

“ค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเราแต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:39-40)

ผมจำเป็นต้องบอกคุณอีกครั้งหนึ่งว่า ไม่ว่าด้วยประกันใดก็ตาม – การเชื่อในพระคัมภีร์จะไม่สามารถช่วยคุณให้รอดจนกว่าคุณจะเข้ามาที่ตัวของพระเยซูเอง! การเชื่อในพระคัมภีร์ มันก็จะหยุดแค่ตรงนั้นและจะเป็นเหมือนหลักคำสอนที่ตายแล้วของเซนดีเนียนนิยมนั่นเอง!

ดร. เอ ดับบริว โทเซอร์ เคยกล่าวต้อต้านเอาไว้ในหัวข้อที่ว่า “พระคัมภีร์สอนหรือพระวิญญาณสอนกันแน่? ดร. โทเซอร์ กล่าวว่า

         อาจจะทำให้ผู้อ่านบางคนตกใจถ้าจะแนะนำว่ามันมีความแตกต่างระหว่างการสอนโดยพระคัมภีร์และการสอนโดยพระวิญญาณ แต่กระนั้นก็ตามนั่นคือ…
         พวกเราส่วนมากคุ้นเคยกับการสอนเด็กๆในคริสตจักรในแต่ละปี ให้และสอนพวกเขาในด้านศาสนา [หรือในห้องเรียนพระคัมภีร์] แต่ก็ไม่อาจทำให้คนเหล่านั้นเกิดผลกลายมาเป็นคริสเตียนหรือผู้เคร่งครัดได้ สมาชิกของพวกเขาไม่สามารถพิสูจน์ถึงการผ่านจากความตายมามีชีวิต จะไม่มี [เครื่องหมาย] แห่งความรอดใดๆในพระคัมภีร์ที่แสวงหาพบอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้น ชีวิตในด้านศาสนาของพวกเขาดูเหมือนถูกต้องและมีคุณธรรม แต่ทั้งหมดเป็นเพียงเครื่องจักรกลและไร้ซึ่งชีวิต…
         คนอย่างนี้ไม่อาจหลีกหนีจากการเป็นคนหน้าซื่อใจคด คนเหล่านั้นช่างน่าสมเพชเวทนาเสียเหลือเกิน พวกเขาต่างก็ตาบอด ไร้ซึ่งการมีพระวิญญาณจะทำงานร่วมกับความเชื่อภายนอก จิตวิญญาณของพวกเขาอดอยากและความจริงก็คือหลงผิดไป…ตัวของพระเยซูคริสต์คือความจริง และพระองค์ไม่อาจจำกัดด้วยคำใดคำหนึ่ง… (A. W. Tozer, D.D., “Bible Taught or Spirit Taught?”, The Root of Righteousness, Christian Publications, 1986 edition, pp. 35, 36, 37)

ดร. โทเซอร์ แสดงให้เห็นถึงหลักคำสอนที่ผิดของเซนดีเนียนนิยม ดร. ลอย์ด – โจนส์ กล่าวถึงเซนดีเนียนนิยมไว้ดังนี้ว่า “…มันเป็นเรื่องที่ทันยุคทันสมัยมาก จริงๆแล้ว ผมอยากจะศึกษาให้ลึกและแนะนำว่ามันคือหนึ่งในปัญหาใหญ่ให้กับพวกเราในปัจจุบันนี้ (เล่มเดียวกันหน้า 177)

“ค้นดูในพระคัมภีร์ เพราะท่านคิดว่าในพระคัมภีร์นั้นมีชีวิตนิรันดร์ และพระคัมภีร์นั้นเป็นพยานถึงเราแต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:39-40)

II. สอง คุณต้องละความเพิกเฉยของคุณออกไป

บางครั้งที่มาอ่านสิ่งที่พระคริสต์สอนคนที่ไม่เชื่อในพระธรรมยอห์นบทที่ห้า พระองค์ตรัสให้กับพวกเขาว่า

“และพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา พระองค์เองก็ได้ทรงเป็นพยานถึงเรา ท่านทั้งหลายไม่เคยได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ และไม่เคยเห็นรูปร่างของพระองค์ และท่านทั้งหลายไม่มีพระดำรัสของพระองค์อยู่ในตัวท่าน เพราะว่าท่านทั้งหลายมิได้เชื่อในพระองค์ผู้ที่พระบิดาทรงใช้มานั้น” (ยอห์น 5:37, 38)

นั่นเป็นคำสอนที่แรงมากๆ นั่นคือคำสอนของบรรพบุรุษของเราในยุคแรกๆ อย่างเช่น ไวท์ฟิวล์ท และ เอ็ดเวร์ด และ เวสเลย์ ฮาววิลล์ ฮารรีส และนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆได้วางรากฐานเอาไว้ แต่คนอย่าง โรเบร์ต เซนดีเมน กลับเกลียดพวกเขายิ่งนัก! ดร. ลอย์ด – โจนส์ กล่าวเอาไว้ว่า

สำหรับผู้ยึดถือหลักคำสอนของ เซนดีเมเนียนนิยม ตรงข้ามกับความอบอุ่นด้านอารมณ์การเทศนา และทุกคำเทศนาเหล่านั้นมีผลกระทบต่อการที่จะนำคนให้มีความรู้สึกถึง…ความจริงของการเป็นคนบาป และการเกรงกลัวต่อธรรมบัญญัติ และการที่พวกเขาจะต้องเผชิญกับพระเจ้าผู้บริสุทธิ์ และนั่นคือพวกเขาต้องถูกทำให้บริสุทธิ์ก่อนที่จะเผชิญกับพระองค์…คริสต์มาส อีเวนส์ (นักประกาศผู้ยิ่งใหญ่ของแบ๊บติสต์) ชี้ให้เห็นถึง [เซนดีเมเนียนนิยม] ตรงกันข้ามกับ ‘การเทศนาที่ให้ความอบอุ่น’ พวกเขาไม่เป็นเช่นนั้น คุณเห็นว่า [พวกเซนดีเมเนียนนิยมบอกว่า] เพียงแค่แสดงเป็นหลักฐาน…(เล่มเดียวกันหน้า 185)

โรเบริต์ เซนดีเมน และผู้ที่ติดตามเขานั้นเกลียดการเทศนาของไวท์ฟิวล์ท และ เอ็ดเวร์ด และ เวสเลย์ ฮาววิลล์ ฮารรีส ดาเนียล รอว์แลนด์ คริสต์มาส อีเวนส์ และนักเทศน์คนอื่นๆที่ประกอบด้วยพระวิญญาณ

ศิษยาภิบาลคนหนึ่งของพวก เซนดีเมเนียน เชื่อว่าเขาสามารถ “สอน” คนให้รับความรอด ศิษยาภิบาลเช่นคนนี้ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจำเป็นต้องเทศนา “หนักๆ” ถึงเรื่องของความบาปและธรรมบัญญัติ มนุษย์ชอบคิดว่าการเทศนาถึงเรื่อง “ธรรมบัญญัติ” ทำให้ผู้อื่นกลัวและไม่จำเป็น มีศิษยภิบาลคนหนึ่งบอกผม และผมก็ถามเขาว่า “คุณสามารถ ‘สอน’ แพะให้เป็นแกะได้หรือไม่?” นั่นคือความรู้ใหม่ให้กับเขา เขาได้แต่เพียงมองลงที่พื้นและไม่ตอบผมสักคำ แต่นั่นก็เป็นคำถามที่ดี “คุณสามารถ ‘สอน’ แพะให้เป็นแกะได้หรือไม่?” ในระยะเวลาห้าสิบห้าปีที่ผมรับใช้มาผมสามารถตอบได้เลยว่า “ไม่!!!” คุณสามารถ “สอน” พระกิตติคุณจนหน้าของคุณเขียวแพะก็ยังเป็นแพะ ต้องพึ่ง การอัศจรรย์ เท่านั้น แพ ถึงจะ เป็น แกะ ได้! และ โดยการ อัศจรรย์ ของ การกลับใจใหม่ ร่วมกับ การทรง ช่วย จาก พระวิญญาณ ในเรื่อง ของการ สอน เกี่ยวกับ ธรรมบัญญัติ – ในเรื่องของบาป และ การพิพากษา และ ความสิ้นหวัง ที่ไม่มี พระคริสต์!

ดร. ลอย์ด – โจนส์ กล่าวถึงเซนดีเมเนียนนิยมว่า “คุณสามารถสอนเครื่องจักร คุณสามารถสอนแบบเย็นชา คุณสามารถอธิษฐานแบบเครื่องจักร คุณสามารถอธิษฐานแบบเย็นชา ส่วนประสิทธิภาพของการเทศนาอย่าง คริสต์มาส อีเวนส์ ปล้นเขาจากความอบอุ่น ความรู้สึก ความฉุกเฉินตามที่เราทราบกัน และแนะนำถึงความหายนะแห่งความเฉื่อยชาในตัวเขา” (ลอย์ด – โจนส์ เล่มเดียวกันหน้า 186-187)

เมื่อไม่นานมานี้มีศิษยาภิบาลคนหนึ่งผู้ที่ไม่เคยเสียงดังและร้องไห้ตอนที่เทศนาและอธิษฐานได้กล่าวโจมตีท่านลีถึงการที่ท่านชอบพูดเสียงดัง ปัญหาไม่ใช่ตัวของท่านลีแต่อย่างใด แต่อยู่ที่ศิษยาภิบาลที่อ้างคำพูดของประธานาธิบดี ทีโอดอร์ รุสเวลล์ ว่าการเทศนาและอธิษฐานอย่าง “คนที่เย็นชาและจิตวิญญาณของคนที่ขี้ขลาด” ผมบอกท่านลีว่าอย่าไปใส่ใจคำพูดของศิษยาภิบาลคนนั้นเลย เพราะท่านรู้เรื่องของความจริงใจ ใจที่แตกสลาย และการอฐิษฐานแบทนทุกข์นั้นน้อยมาก ทุกอย่างที่ท่านรู้คือเย็นชา ไร้ชีวิตชีวาอย่างการอธิษฐานของเซนดีเมเนียนที่เขาได้ยินในคริสตจักรแบ๊บติสต์ในยุคของเรา ไม่มีใครคิดที่จะติดตาม! และไม่เคยมีการฟื้นฟู! ไร้ชีวิต และเป็นที่น่าเศร้าใจ!

พวกคุณพูดว่า “ใช่” และ “นั่นเป็นสิ่งที่ดี” ท่านลีอธิษฐานด้วยใจจริงของท่าน นั่นเป็นเรื่องที่ดี! แต่ผมอยากถามคุณสักหนึ่งคำถามได้มั้ย? คุณจะแสวงหาพระคริสต์ด้วยใจทั้งหมดของคุณหรือไม่? หรือคุณจะเย็นชาและไร้ชีวิตชีวาในการแสวงหาพระคริสต์เหมือนอย่างผู้ชายที่ได้อธิษฐานนี้หรือมไ? ผมบอกว่าคุณไม่ได้อยู่ฝ่ายท่านลี! ผมบอกได้เลยว่าคุณอยู่ฝ่ายศิษยาภิบาลเซนดีเมเนียน! คุณต้องอยู่ฝ่ายของเซนดีเมเนียนแน่นอน เพราะคุณไม่ได้แสวงหาพระคริสต์อย่างจริงใจ คุณไม่ได้แสวงหาพระคริสต์อย่างจริงจังและตั้งอกตั้งใจ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า? ผมยังไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ ผมบอกได้ว่าคุณเย็นชาและเพิกเฉยเหมือนอย่างนักเทศน์บางคนที่กลัวที่จะออกเสียงในการเทศนาและอธิษฐาน – เพราะเขากลัวผู้หญิงที่“สำคัญ”บางคนในคริสตจักรของเขา! “ใช่” ให้คุณพูดว่า “ผู้ชายอย่างนั้นคือคนที่กลัวสตรีบางคนในคริสตจักรของเขา! ใคร ล่ะ คือ คน ที่ คุณกลัว? ทำไมเราถึงไม่เคยเห็นคุณร้องไห้ออกมาอย่างเอาจริงเอาจัง? เพราะ คุณ คือ เซนดีเมเนียน ค หนึ่ง นั่นทำไม! คุณถึงเป็นเซนดีเมเรียนที่เย็นชาและก็ตายแล้ว!

คุณลองค่อยๆเดินเข้ามาที่ห้องอธิษฐานและบอกว่า “ฉันเชื่อว่าพระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน” คุณเชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อคุณ คุณช่างดีและสุภาพเหลือเกิน! คุณไม่กล้าที่จะพูดว่า “พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน” โอ้ ไม่! “ฉันเชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน” มันคือหลักคำสอนหนึ่ง! มันคือหลักคำสอนหนึ่ง! “นั่นคือ” พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน! คุณเชื่อในหลักคำสอนนั้น – แต่ไม่ใช่ในพระคริสต์ คุณอย่าได้สร้างเซนดีเมเนียนใหม่! คุณพูดอย่างนุ่มนวม แต่คุณไม่ได้เชื่อพระเยซูอย่างแท้จริง! โอ้ ไม่! คุณช่างดีต่อเรื่องนั้นเหลือเกิน! เป็นเซนดีเมเนียนที่อ่อนปวกเปียก! เพราะมารซาตานที่ทำให้ตาของเซนดีเมเนียนบอด! คุณไม่ได้วางใจในตัวของพระเยซูคริสต์ โอ้ ไม่! คุณเป็นเหยื่อให้มาร! จะวางใจในพระเยซูหรือไม่? โอ้ ไม่! คุณบอกว่านั่นเป็นเรื่องยุ่งยาก คุณอาจร้องไห้หรืออยู่ตำอำนาจของมาร! พระโลหิตของพระองค์อาจจะติดที่เสื้อผ้าของคุณเพียงเล็กน้อย! คุณพูดว่า “ฉันไม่คาดหวังว่าฉันจะสามารถเข้าใกล้พระองค์! ฉันจะยืนที่นี่ เป็นคนดีและสุภาพเรียบร้อย และก็เชื่อว่าพระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน!’ ฉันวางใจพระองค์เพื่อความบาปจะได้รับการชำระ’” คุณเชื่อในตัวของพระเยซูคริสต์หรือไม่? “โอ้ นั่นเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้เลย! มันอาจทำให้ฉันร้องไห้ ไม่ ฉันจะไม่มาที่พระองค์โดยตรง ฉันจะยืนอยู่ที่นี่อย่างเงียบๆและเชื่อพระองค์เท่านั้นเพื่อบาปของฉันจะได้รับการชำระออกไป ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ”

ใช่ผมเข้าใจ ผมเข้าใจว่าคุณกำลังอ่อนปวกเปียก “อย่าทำให้มือของผมสกปรก”เหมือนเซนดีเมเนียน “แต่” คุณพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ยากต่อการที่จะเข้าใจ!” มันไม่ยากอย่างนั้น!!! เรามีเด็กๆเข้ามาที่นี่ในระยะสั้นๆได้เข้ามาหาพระเยซูและก็รับความรอดแล้ว เรามีเด็กที่มาในระยะเวลาสั้นๆและได้วางใจในตัวของพระเยซูคริสต์ก็รอดแล้ว หวังว่าจีนและโรเบิร์ตและแบรรี่และแจ็กกี้ตอนนี้ก็ยังวางใจในพระองค์อยู่ ดังนั้น คุณ จึง ไม่มี ข้ แก้ตัว! ไม่มีเหตุผล ใดๆ ที่ จะมาแก้ตัวและปฏิเสธพระองค์ในตอนนี้ และพระเยซูก็ทรงทราบถึงความเลวร้ายนั้น นั่นคือการทรยศของคนบาปอย่างคุณ และคุณได้ปฏิเสธพระบุตรของพระเจ้า แล้วพระองค์ก็ตรัสว่า

“แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต” (ยอห์น 5:40)

ศิษยาภิบาลกลุ่มโปริทานชื่อ ริชาร์ด เบสเตอร์ (1615-1691) กล่าวว่า ผมจะถอดคำพูดของเขามาเป็นภาษาอังกฤษในยุคปัจจุบันไว้ดังนี้

ถ้าคุณสุ่งมั่นที่จะรู้พระคริสต์เหมือนกับการมุ่งมั่นเรียนเพื่อได้เกรดเฉลี่ยที่ดี หรือการแสวงหาเงินทอง คุณไม่จำเป็นต้องลงทุนหรือเจ็บปวดจนถึงวันที่ได้พบกับพระคริสต์

มันเป็นความจริงตามนั้นใช่หรือไม่? ใช่หรือไม่ที่คุณไม่สามารถพบพระคริสต์เพราะว่าคุณแสวงหาแต่เปลือกนอกหรือมัวแต่เล่น กลัวและเป็นเซนดีเมเนียนที่อ่อนแอคนหนึ่ง? มันเป็นความจริงหรือไม่ที่คุณไม่มีพระคริสต์เพราะว่า คุณ ไม่ ต้อง การ พระองค์? คุณอยากจะเก็บความบาปเอาไว้ คุณไม่อาจละทิ้งเพื่อนๆที่ไม่เชื่อของคุณ คุณยังอยากจะดูภาพลามกต่อไป คุณยังอยากที่จะควบคุมชีวิตของคุณต่อไป! เป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่! คุณเป็นเซนดีเมเนียนพูดถึงพระคริสต์ว่า “เราจะไม่ให้คนๆนี้มาควบคุมเรา” (ลูกา 19:14) แม้คุณสมมุติว่าคุณไม่อาจวางใจในพระองค์ – แต่ ความจริง คุณ ได้ ปฏิเสธ ที่จะ วางใจ พระองค์ เพราะว่า คุณ ยัง อยากจะเก็บ ความบาป ของ คุณ ไว้!

คุณรู้ดีว่านั่นคือความจริง ผมก็รู้ว่านั่นคือความจริง พระเจ้าก็รู้ว่านั่นคือความจริง แล้วทำไมยังต้องสมมุติว่านั่นคือความจริง? จงยอมรับมัน – คุณไม่วางใจพระเยซูเพราะว่าคุณไม่ต้องการพระองค์ควบคุมชีวิตของคุณ มัน เป็น ความจริง ตามนั้น ใช่หรือไม่? ตามพระคัมภีร์ของเราในข้อนี้พวกฟารีสีไม่มาที่พระเยซูเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้พระองค์เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา และพวกเขาไม่ต้องการให้พระองค์เปลี่ยนชีวิตของพวกเขา คุณพอใจอยู่กับบาป และถ้าคุณปฏิเสธพระเยซูคริสต์ คุณจะต้องตายในบาปของคุณ และนั่นคือความจริง! – เป็นเซนดีเมเนียนที่หลงหาย คุณจะตายในบาปของคุณ! แล้วพระเยซูก็จะตรัสให้คุณว่า “แต่ท่านทั้งหลายไม่ยอมมาหาเราเพื่อจะได้ชีวิต”

ผมไม่อาจบอกทุกอย่างที่คุณไม่เคยได้ยินมาก่อนในคำเทศนานี้ สิ่งที่ผมสามารถบอกได้นั่นคือพระเยซูทรงสามารถชำระบาปของคุณโดยพระโลหิตของพระองค์ตอนที่คุณมาวางใจในพระองค์ ตอนที่คุณมาที่พระองค์และคุกเข่าลงที่พระองค์ ถ้าคุณอยากจะคุยกับเราเกี่ยวกับเรื่องนี้โปรดลุกจากที่นั่งของท่านเดินออกไปข้างหลังของห้องนี้ในตอนนี้ ดร. คาเกนจะพาพวกท่านไปยังห้องอธิษฐาน ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐานเผื่อผู้ที่ตอบสนองนี้ด้วย อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.


โครงร่างของ

OUTLINE