Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ความพึงพอใจและการทำให้ชอบธรรม -
ที่ได้รับโดยทางพระคริสต์

(บทเทศนาตอนที่ 13 นิสยาห์ 53)
SATISFACTION AND JUSTIFICATION –
OBTAINED BY CHRIST
(SERMON NUMBER 13 ON ISAIAH 53)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้าวันที่ 14 เดือน เมษายน ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, April 14, 2013

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” (อิสยาห์ 53:11)


พระคัมภีร์ในข้อนี้เต็มไปด้วยความหมายและสมควรที่เราควรให้ความสนใจ ดังนั้นผมจะไม่ใช้ข้อมูลจากที่อื่นหรือตัวอย่างอะไรมากมาย แต่จะใช้ข้อนี้เป็นหลักเพราะเป็นข้อหนึ่งที่ประกอบด้วยความจริง และเหมาะสำหรับคนที่มาเยี่ยมคริสตจักรของเราในวันนี้ที่เข้าใจง่ายและนำไปใช้

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” (อิสยาห์ 53:11)

ขอพระเจ้าเปิดใจของคุณที่จะรับพระธรรมข้อนี้ เราอยากบอกคุณว่า ในขณะที่เทศนานี้ “เอียงหูของคุณ และเดินตามผม จงฟังเพื่อจิตวิญญาณของท่านจะได้มีชีวิต”

มีสามประการด้วยกันที่พระธรรมข้อนี้กล่าวถึง หนึ่ง พระคริสต์ทรงพอพระทัยกับความยุติธรรมของพระเจ้า สอง พระคริสต์ทรงชำระบาปคนทั้งหลายให้ชอบธรรม สาม พระคริสต์ทรงแบกบาปคนบาปทั้งหลายและทรงไถ่บาปนั้น

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” (อิสยาห์ 53:11)

I. หนึ่ง พระเจ้าผู้ทรงความยุติธรรมทรงพอพระทัยในพระคริสต์

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ” (อิสยาห์ 53:11)

ดร. เจอร์เจน โมทเมนน์ (1926) คือชาวเยอรมันที่ถูกขังอยู่ในคุกที่อังกฤษเป็นเวลาสามปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ในเริ่มต้นศึกษาพระคัมภีร์ในช่วงที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก จากประสบการณ์ของการถูกจำจองและการอ่านพระคัมภีร์ ท่านได้เขียนหนังสือชื่อว่า History and the Triune God: Contributions to Trinitarian Theology (Crossroad, 1992) ดร. โมทเมนน์ คือนักศาสนศาสตร์สายเสรีนิยม อย่างไรก็ตามผมจะไม่นำเรื่องของท่านทั้งหมดมากล่าวในที่นี่ ความเข้าใจของท่านอย่างหนึ่งก็คือ ท่านเห็นไม้กางเขนเป็นเหมือนการสร้างความสัมพัน์ระหว่าง “พระเจ้า” กับมนุษยชาติ นั่นคือพระเจ้าสำแดงความรักของพระองค์ให้กับคนบาปบนไม้กางเขน และพระเจ้าที่เป็นพระบุตรทรงทนทุกข์ทรมาณเพียงผู้เดียว เพื่อต้องการให้พระเจ้ารับรู้ถึงความเจ็บปวด “จากสิ่งที่อยู่ภายใน” สิ่งที่โมทเมนน์กล่าวมานี้ไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่ท่านได้แสดงถึงความเจ็บปวดของพระเจ้าแห่งตรีเอกานุภาพบนไม้กางเขน และจากที่นั่น ผมเชื่อว่านี่คือประเด็นที่สำคัญ ในทัศนะของผมแล้วมันมีสิ่งหนึ่งที่ทรงคุณค่าที่เราควรคิดและใตร่ตรอง – คือการทรงทนทุกข์ของพระเจ้าแห่งตรีเอกานุภาพที่ไม้กางเขน

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ” (อิสยาห์ 53:11)

สเปอร์เจียนกล่าวว่า

จากพระธรรมข้อนี้เราเห็นถึงคำตรัสของพระเจ้าพระบิดาถึงมีต่อพระบุตรของพระองค์ และทรงตรัสว่า เห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน พระองค์ทรงรับประกันแด่พระบตุรถึงรางวัลที่จะได้รับ ช่างเป็นสิ่งที่สำคัญที่ได้ทำการศึกษาถึงการทำพันธกิจแห่งความรอดที่ได้ทำร่วมกันของพระเจ้าปแห่งตรีเอกานุภาพ! (C. H. Spurgeon, The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1980 reprint, volume 61, p. 301).

“ท่าน” ในที่นี้คือ “พระเจ้าพระบิดา” “จะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน” คือพระเจ้าที่เป็นพระบุตร “และจะพอใจ” สเปอร์เจียนเขียนเอาไว้ว่า “จากพระธรรมข้อนี้เราเห็นถึงคำตรัสของพระเจ้าพระบิดาถึงมีต่อพระบุตรของพระองค์”

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ” (อิสยาห์ 53:11)

“ความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน” แสดงถึงความเจ็บปวดลึกถึงข้างในของพระเยซูที่ภูเขาโกละโกธา ที่ๆที่พระองค์รับประสบการณ์แห่งการทนทุกข์เพราะบาปของเรา เราไม่ควรมองข้ามความเจ็บปวดในฝ่ายร่างกายของพระคริสต์ เราไม่ควรมองข้ามการโบยตีพระคริสต์โดยปิลาตจนถึงมรณา เราไม่ควรมองข้ามการที่พระคริสต์ทรงถูกสวมด้วยมงกุฏหนาม เราไม่ควรมองข้ามตะปูที่ตอกที่พระหัตถ์และเท้าตลอดจนความปวดเร้าหิวกระหายของพระองค์บนไม้กางเขนก็เพราะเรา ท่านสเปอร์เจียน “ยังกล่าวอีกว่า” “ความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณคือพระคริสต์…ผู้ทรงทนทุกข์อย่าง [แสนสาหัส] อย่างที่ผมไม่สามารถที่จะบรรยายได้ หรือกล่าวถึงคำเหล่านั้น” (Spurgeon, ibid., pp. 302-303) ควรที่จะกล่าวว่า “จิตวิญญาณที่ทนทุกข์ของพระคริสต์ได้รับความทุกข์” (ibid., p. 302) เป็นความปวดเร้าจากหัวใจของพระองค์ คือส่วนสำคัญที่สุดของความเจ็บของพระองค์

คำว่า “ความทุกข์ลำบาก” แสดงถึงการโศกเศร้าพระทัยและความหวดเร้าที่พระคริสต์ทรงเผชิญด้วยพระองค์เอง “จิตวิญญาณของท่าน” นั่นเวลาที่บาปอันหนักหนาของมนุษย์ตกลงมา และการพิพากษาของพระเจ้าพระบิดาลงมาที่พระองค์ นี่คือประการณ์ที่พระเยซูคริสต์ได้รับอย่างชัดเจนในสวนเกทเสมเน ก่อนที่พระองค์จะถูกจับกุม การที่จะถูกโบยตี ก่อนที่จะถูกตรึงที่กางเขน อย่างที่ ดร. กิลล์ กล่าวว่า

ความทุกข์ลำบากด้านจิตใจคือพละกำลังและแรงงานที่พระองค์จะต้องทน ในการนำความรอดสู่ประชากรของพระองค์ การเชื่อฟังและสิ้นพระชนม์ ความฌศกเศร้าและการทนทุกข์ของพระองค์ โดยเฉพาะความปวดเร้าในด้านจิตวิญญาณ ภายใต้พระพิโรธของพระเจ้า ช่างเหมือนกับหญิงที่ [ปวดท้องเพราะการคลอดลูก] และตลอดจนทุกความทุกข์ยากที่พระองค์ได้เสด็จผ่าน (John Gill, D.D., An Exposition of the Old Testament, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, volume 5, p. 315)

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ” (อิสยาห์ 53:11)

“และจะพอใจ” พูดถึงการลบล้างพระพิโรธของพระเจ้า พระเจ้าพระบิดาเป็นผู้ที่ทรง “พอพระทัย” หรือเราจะพูดในอีกนัยหนึ่งว่าการบูชาชำระบาป

“เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาปเพราะเห็นแก่เรา” (2 โครินธ์ 5:21)

“และพระองค์ทรงเป็นผู้ลบล้างพระอาชญาที่ตกกับเราทั้งหลายเพราะบาปของเรา” (I ยอห์น 2:2)

“พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นที่ลบล้างพระอาชญา” (โรม 3:25)

ดร. จอห์น แมคอาร์เทอร์ พูดถึงพระโลหิตของพระคริสต์ที่ถูกต้องไว้ดังนี้

คำว่า [ลบล้างพระอาชญา] หมายถึง “ระงับโทสะ” หรือ “พอพระทัย” พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะลงโทษบาปนั้นโดยการถวายพระคริสต์เป็นเครื่องบูชาบนกางเขน…เพื่อพระคริสต์จะได้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า (John MacArthur, D.D., The MacArthur Study Bible, Word Publishing, 1997, note on I John 2:2)

สำหรับผมแล้วดูเหมือนท่านจะพูดผิดในเรื่องของพระโลหิต แต่ถูกในเรื่องของการลบล้างพระอาชญา! ดังเราจะเห็นว่าความพอพระทัยของพระเจ้าจะต้องลงโทษบาปนั้น พระคริสต์ก็สามารถลบล้างพระอาชญา นั้นโดยการทนทุกข์และสิ้นพระชนม์ เพื่อพระเจ้าจะได้พอพระทัย การลบล้างพระอาชญา การระงับโทสะ ที่เป็นพระพิโรธของพระเจ้าที่มีต่อบาป

“เพราะว่า [พระเจ้าพระบิดา] ได้ทรงกระทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาป ให้เป็นความบาปเพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” (2 โครินธ์ 5:21)

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ” (อิสยาห์ 53:11)

การทนทุกข์ของพระคริสต์ทำให้พระเจ้าทรงพอพระทัย และสามารถนำความรอดมาให้พวกเรา

II. สอง ความรู้ของพระคริสต์นำความชอบธรรมให้แก่คนมากมาย

ขอให้เรายืนขึ้นและอ่านอิสยาห์ข้อนี้อีกครั้งหนึ่งด้วยเสียงดังๆ และให้หยุดตรงที่คำว่า “คนชอบธรรม”

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม…” (อิสยาห์ 53:11)

พวกท่านนั่งลงได้

ในพระธรรมิสยาห์ 52:13 ผู้เผยพระวัจนะอิสยาห์กล่าวถึงพระคริสต์ว่าเป็น “ผู้รับใช้” ของพระเจ้า และในข้อที่เราได้อ่านด้วยกันนี้ได้เรียกพระคริสต์ว่า “ผู้รับใช้อันชอบธรรม” ของพระเจ้า พระคริสต์ทรงเป็รผู้รับใช้อันชอบธรรม เพราะว่าพระองค์ “ผู้ทรงไม่มีบาป” (2 โครินธ์ 5:21) พระองค์คือพระบุตรของพระเจาผู้ทรงไม่มีบาป “ผู้รับใช้อันชอบธรรม” ของพระเจ้าพระบิดา

พระองค์ทรงทำให้คนมากมายได้รับ“ความชอบธรรม” (ข้อที่ 11) พระองค์คือหัวใจสำคัญในพระกิตติคุณ เราไม่อาจทำให้ตัวเราเองชอบธรรมโดยการเชื่อฟังบัญญัติชองพระเจ้า อาจารย์เปาโลกล่าวว่า

“เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเนื้อหนังคนหนึ่งคนใดเป็นผู้ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า” (โรม 3:20)

เราไม่อาจทำให้ตัวเองเป็นคนชอบธรรมได้เพราะโดยธรรมชาติแล้วเราเป็นคนบาป ทางเดียวเท่านั้นที่ทำให้เราเป็นคนชอบธรรมได้นั่งคือโดยทางความชอบธรรมของพระคริสต์ “ทำให้” ในที่นี้เป็นเป็นคำที่ใช้ในทางกฏหมาย ดังนั้นจึงหมายความว่าทางเดียวที่เราจะสามารถชอบะรรมได้อย่างถูกต้องก็โดยการที่พระคริสต์ทรงทำให้เรา “ผู้รับใช้อันชอบธรรมของพระเจ้าพระบิดา [จะ] ทำให้คนมากมายได้รับความชอบธรรม” (อิสยาห์ 53:11) โดยการนำความชอบธรรมของมาทำให้เรา!

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม…” (อิสยาห์ 53:11)

จอห์น เทรปป์ ได้ย้ำเตือนพวกเราว่า พระคาร์ดินัล คอนทารีนัส คือผู้ที่ถูกฆ่าโดยชาวคาทอลิกที่ชื่อว่าปีฮิวส์ เพราะว่าพระคาร์ดินัลเชื่อตามตัวอัษร ท่านถูกพวกเขาเรียกว่า “โปรแตสแตนท์” และฆ่าท่านเหตุเพราะความเชื่อนี้ “ความชอบธรรมของมนุษย์ [คือ] โดยทางความเมตตาของพระเจ้าการกระทำของพระคริสต์ (John Trapp, A Commentary on the Old and New Testaments, 1997 reprint, volume III, pp. 410-411, note on Isaiah 53:11) แต่พระคาร์ดินัล คอนทารีนัสนั้นกลับเป็นฝ่ายที่เชื่อถูกต้อง! และพวกคาร์ดินัลอื่นๆนั้นเป็นฝ่ายที่เชื่อผิด!

“ผู้รับใช้อันชอบธรรมของพระเจ้าพระบิดา [จะ] ทำให้คนมากมายได้รับความชอบธรรม” ความหมายตายตัวของคำเหล่านี้คืออะไรกันแน่? แน่นอนต้องเป็นตามนั้น! และนั่นคือหัวใจสำคัญแห่งหลักข้อเชื่อของชาวแบ๊บติสต์! เราไม่สามารถทำให้ตัวเองชอบธรรมได้ ไม่ใช่สิ่งที่เราเลือกที่จะทำหรือไม่ทำเหมือนคำสอนของ ฟินเนย์ และพวกคาร์ดินัลสอนไว้! โอ้ ไม่เลย!

“เราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อในพระคริสต์ ไม่ใช่โดยการกระทำตามพระราชบัญญัติ (กาลาเทีย 2:16)

“เพราะฉะนั้น พระราชบัญญัติจึงเป็นครูของเราซึ่งนำเรามาถึงพระคริสต์ เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมโดยความเชื่อ” (กาลาเทีย 3:24)

พระเยซูเท่านั้น “ผู้รับใช้อันชอบธรรม” ของพระเจ้าพระบิดา ทำให้คนมากมายได้รับความชอบธรรม!

อย่างไรก็ตามจะเกิดขึ้นได้อย่างไร? พระคริสต์จะทำให้ “คนมากมายชอบธรรมได้อย่างไร”? พระองค์ทำให้พวกเขาชอบธรรมโดยการงานของพวกเขาเองจากการที่พวกเขาละบาปบางอย่างใช่หรือไม่? ไม่เลย! นั่นเป็นคำสอนของพวกคาทอลิกนิยมและพวกใช้หลักการตักสินใจของตัวเองนิยม! ใช่หรือไม่ที่พระองค์ทำให้คนเหล่านั้นชอบธรรมเพราะเหตุที่พวกเขาท่องตามบท “อธิษฐานสารภาพบาป” หรือ “เดินออกมาข้างหน้า” หลังจากเทศนาสิ้นสุดลง? ไม่เลย! นั่นเป็นคำสอนของพวกคาทอลิกนิยมและพวกใช้หลักการตักสินใจของตัวเองนิยม! ใช่หรือไม่ที่พระองค์ทำให้พวกเขาชอบธรรมด้วยเหตุที่พวกเขาเรียนรู้ถึง “แผนการแห่งความรอด” และท่องจำพระธรรมยอหน์ 3:16 ตลอดจนอธิฐานตามบท “อธิษฐานสารภาพบาป” ไม่เป็นเช่นนั้นแน่นอน นี่ก็เช่นเป็นคำสอนของพวกคาทอลิกนิยมและพวกใช้หลักการตักสินใจของตัวเองนิยม!

และคุณจะเป็นคนขอบธรรมได้อย่างไร? คุณจะสามารถชำระบาปและกลายเป็นคนชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้าได้อย่างไร? นั่นคือคำถามที่ไม่มีวันสิ้นสุด! นั่นคือคำถามของบิลเดดในพระธรรมโยบ! เขาบอกว่า

“แล้วมนุษย์จะชอบธรรมต่อพระพักตร์พระเจ้าได้อย่างไร คนที่เกิดจากผู้หญิงจะสะอาดได้อย่างไร?” (โยบ 25:4)

และแล้วคำตอบก็สามารถพบในพระธรรมอิสยาห์ในเนื้อหาของเรานี้

“โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม” (อิสยาห์ 53:11)

หรือ อย่างที่สเปอร์เจียนได้แปลเอาไว้ “โดยความรู้ของท่านผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะทำให้คนมากมายได้รับความชอบธรรม” (C. H. Spurgeon, The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1980 reprint, volume 63, p. 117) อย่างที่สเปอร์เจียนกล่าวเอาไว้

ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับก็เพราะความรู้และการเชื่อถึงการที่พระคริสต์ทรงถวายพระองค์เองเป็นเครื่องบูชา– ไม่ใช่โดยการกระทำ…”การทำตามบัญญัตินั้นไม่สามารถทำให้ชอบธรรมได้” “โดยทางธรรมบัญญัตินั้นไม่มีคนบาปคนไหนที่จะชอบธรรมได้” “การรู้ถึงบาปก็โดยทางธรรมบัญญัติ” “สันติสุขและพระคุณก็โดยทางพระเยซูคริสต์” และสิ่งนี้ผ่านมาถึงเราก็โดยทางความเชื่อหรือผ่านทางการรรับรู้ – โดยการรู้ถึงพระองค์…ผ่านทางพระองค์…เราถึงเป็นคนชอบธรรม” (เล่มเดียวกัน)

“ส่วนคนที่มิได้อาศัยการกระทำ แต่ได้เชื่อในพระองค์ ผู้ทรงโปรดให้คนอธรรมเป็นคนชอบธรรมได้ ความเชื่อของคนนั้นต้องนับว่าเป็นความชอบธรรม” (โรม 4:5)

““จงเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์เจ้า และท่านจะรอดได้ทั้งครอบครัวของท่านด้วย” (กิจการ 16:31)

“โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม” (อิสยาห์ 53:11)

พระเจ้าทรงพอพระทัยการบูชาของพระคริสต์ การรู้ถึงพระคริสต์นำมาซึ่งความชอบธรรมแด่คนมากมาย และ -

III. สาม การแบกบาปของพระคริสต์คือการทรงไถ่คนบาปทั้งหลาย

กรุณายืนขึ้นและอ่านข้อนี้ดังๆอีกครั้ง และให้สนใจกับหกคำสุดท้าย

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” (อิสยาห์ 53:11)

พวกท่านนั่งลงได้

พระคริสต์ทรงทำให้ “คนมากมายชอบธรรม”เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” นั่นคือ พระองค์จะแบกบาปของพวกเขา ความชอบธรรม การทรงไถ่ถอนบาปของเราและการนำมาซึ่งความรอด ได้ถูกกล่าวเอาไว้ในข้อนี้ เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” อิสยาห์ 53:5 บอกว่า

“แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา การตีสอนอันทำให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี” (อิสยาห์ 53:5)

อิสยาห์ 53:6 กล่าวว่า

“และพระเยโฮวาห์ทรงวางลงบนท่านซึ่งความชั่วช้าของเราทุกคน” (อิสยาห์ 53:6)

อิสยาห์ 53:8 กล่าวว่า

“ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

และ 1 เปโตร 2:24 กล่าวว่า

“พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้น” (I เปโตร 2:24)

อย่างที่สเปอร์ได้แปลเอาไว้ “…โดยความรู้ของท่านผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะทำให้คนมากมายได้รับความชอบธรรม”

ตอนนี้คุณก็มีจุดสำคัญที่เป็นข้อแรกในพระกิตติคุณของพระคริสต์ – ชัดเจนและง่าย พระเจ้าทนงพอพระทัยการถวายบูชาของพระคริสตื การรู้จักกับพระคริสต์นำมาซึ่งความรอด การแบกบาปของพระคริสต์นำมาซึ่งความรอดให้กับคนอย่างสมบูรณ์ นั่นคือผู้ที่รู้จักกับพระองค์โดยทางความเชื่อ ช่างเป็นพระกิตติคุณที่ประเสริฐ! การทรงไถ่ที่ประเสริฐ1 ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านั่นไม่ว่าก่อนหรือหลังจากนั้นในประวิตอศาสตร์!

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” (อิสยาห์ 53:11)

เมื่อวันก่อนเวสเลย์และผมอ่านเรื่องราวของนักแสดงที่ชื่อว่า จอห์น คาร์ราดิน ในทางอินเตอร์เนท ท่านรับแสดงมากแล้วกว่า 300 เรื่องมากกว่าคนอื่นๆ ตอนที่ท่านตายที่เมืองมิลาน ประเทศอีตาลี ศพของท่านถูกบรรจุไว้ในโรงและนำกลับไปที่บ้านของลูกชายคนหนึ่ง ลูกชายของท่านดื่มหนักมากๆ เขาได้เปิดโรงศพและก็อาเจียนใส่ปากพ่อของเขา

ตอนนี้ผมขอถามคุณว่า คนที่ตายแล้วรับรู้ถึงเหล้านั้นหรือเปล่า? แน่นอนไม่มีวันรับรู้ได้ และในทำนองเดียวกันตอนที่ผมพูดเรื่องราวอันสวยงามของพระคริสต์ที่พระองค์นำความรอดมาให้เรา คุณก็ไม่สามารถรับรู้ถึงเรื่องนี้ ทำไมถึงไม่ได้? เหราะว่าจิตวิญญาณของคุณนั้นได้ตายไปแล้ว อย่างที่พระคัมภีร์ได้บันทึกเอาไว้ คุณ “ตายแล้วในบาป” (เอเฟซัส 2:5) นั่นคือความจริงเกี่ยวกับธรรรมชาติของบาป คุณตายและไม่อาจรับรู้พระคริสต์ได้ คุณไม่อาจรับในรสชาติเกี่ยวกับพระคริสต์ คุณไม่อาจรู้สึกถึงพระองค์ และเรื่องราวต่างๆของพระเจ้า เพราะคุณตายเช่นเดียวกันกับ จอห์น คาร์ราดินที่ถูกบรรจุไว้ในโรงศพ ทางเดียวคือพะคริสต์ต้องทำให้คุณมีชีวิตหรือว่าคุณจะหลงหายไปชั่วนิรันดร์! คุณต้องถูกกระทำเพื่อร้องออกมาว่า “โอ ข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง ใครจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากร่างกายแห่งความตายนี้ได้” (โรม 7:24)

ตอนที่ไม่ว่าชายหรือหญิงร้องไห้ออกมาอย่างนั้น พวกเขาได้เข้าใกล้การช่วยกู้ให้รอด คุณร้องไห้อย่างนั้นด้วยหรือเปล่า? คุณมีรู้สึกหรือเปล่าว่าตัวเองได้ตายไปจากพระเจ้าแล้ว และรู้ว่าพระคริสต์เท่านั้นที่ทรงสามารถช่วยคุณได้? ถ้ายัง คุณจะมองไปที่พระคริสต์ ลูกแกะของพระเจ้าผู้แบปบาปของโลกนี้หรือไม่? คุณจะมองและเชื่อในพระองค์เดี๋ยวนี้หรือไม่? จงฟังคำที่อยู่ในเพลงของ ท่าน กรีฟฟี่ ที่ได้ร้องมาก่อนหน้านั้นอีกครั้งหนึ่ง

ถ้าคุณอยู่ในบาปและต้องการเป็นอิสระจากมัน
   จงมองพระเมษโดกของพระเจ้า
พระองค์ทรงไถ่คุณ และสิ้นพระชนม์ที่โกละโกธา
   จงมองพระเมษโดกของพระเจ้า
จงมองพระเมษโดกของพระเจ้า จงมองพระเมษโดกของพระเจ้า
   เพราะพระองค์เท่านั้นทรงช่วยคุณให้รอดได้
จงมองพระเมษโดกของพระเจ้า
      (“Look to the Lamb of God” โดย H. G. Jackson, 1838-1914).

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ดร. กรีนตัน เอลล์ ชาน: อิสยาห์ 53:1-11
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“Look to the Lamb of God” (โดย H. G. Jackson, 1838-1914).


โครงร่างของ

ความพึงพอใจและการทำให้ชอบธรรม -
ที่ได้รับโดยทางพระคริสต์

(บทเทศนาตอนที่ 13 นิสยาห์ 53)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“ท่านจะเห็นความทุกข์ลำบากแห่งจิตวิญญาณของท่าน และจะพอใจ โดยความรู้ของท่าน ผู้รับใช้อันชอบธรรมของเราจะกระทำให้คนเป็นอันมากนับได้ว่าเป็นคนชอบธรรม เพราะท่านจะแบกบรรดาความชั่วช้าของเขาทั้งหลาย” (อิสยาห์ 53:11)

I.    หนึ่ง พระเจ้าผู้ทรงความยุติธรรมทรงพอพระทัยในพระคริสต์
อิสยาห์ 53:11a; 2 โครินธ์ 5:21; I ยอห์น 2:2; โรม 3:25.

II.  สอง ความรู้ของพระคริสต์นำความชอบธรรมให้แก่คนมากมาย
อิสยาห์ 53:11b; 52:13; 2 โครินธ์ 5:21; โรม 3:20;
กาลาเทีย 2:16; 3:24; โยบ 25:4; โรม 4:5; กิจการ 16:31.

III. สาม การแบกบาปของพระคริสต์คือการทรงไถ่คนบาปทั้งหลาย
อิสยาห์ 53:11c; อิสยาห์ 53:5, 6, 8; I เปโตร 2:24; เอเฟซัส 2:5; โรม 7:24.