Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




การอธิบายถึงการทรงไถ่

(เทศนาตอนที่ 9 ในอิสยาห์ 53)
A DESCRIPTION OF THE ATONEMENT
(SERMON NUMBER 9 ON ISAIAH 53)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้าวันที่ 7 เดือน เมษายน ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Morning, April 7, 2013

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)


จากข้อก่อนหน้านั้นอิสยาห์บอกเราว่าพระเยซูไม่ทรงปริปากอะไรเลย

“เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

ดร. เอ็ดเวิร์ด เจ ยัง กล่าวว่า “เน้นให้เห็นถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์และไม่ทรงปริปากพูดอะไรเลย ตอนนี้ผู้เผยพระวัจนะได้เล่ารายละเอียดถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์” (Edward J. Young, Ph.D., The Book of Isaiah, Eerdmans, 1972, volume 3, p. 351).

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

ข้อนี้สามารถแบ่งออกได้สามประการด้วยกัน (1) การทนทุกข์ของพระคริสต์ (2) ในเวลาของพระคริสต์ (3) พระคริสต์ทรงไถ่ความบาปของเรา

I. หนึ่ง ข้อนี้อธิบายถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรม…และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน” (อิสยาห์ 53:8)

พระคริสต์ทรงถูกจับกุมที่สวนเกทเสมณี แล้วพวกเขาก็พาพระองค์ไปที่วิหารเพื่อไปพบพวกธรรมจารย์ที่ชื่อคายฟัส และสภาเซเฮครินสภาสูงสุดของพวกยูดาห์ พระองค์ถูกใส่ร้ายด้วยคำพูดเท็จ พระเยซูตรัสว่า

“ท่านทั้งหลายจะได้เห็นบุตรมนุษย์นั่งข้างขวาพระหัตถ์ของผู้ทรงฤทธานุภาพ และเสด็จมาบนเมฆแห่งฟ้าสวรรค์” (มัทธิว 26:64)

หลังจากนั้นธรรมจารย์ก็กล่าวว่า

“ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร” คนทั้งปวงก็ตอบว่า เขามีความผิดถึงตาย แล้วเขาถ่มน้ำลายรดพระพักตร์พระองค์และตีพระองค์ และคนอื่นเอาฝ่ามือตบพระองค์” (มัทธิว 26:66-67)

“ครั้นรุ่งเช้า บรรดาพวกปุโรหิตใหญ่และพวกผู้ใหญ่แห่งประชาชนปรึกษากันด้วยเรื่องพระเยซู เพื่อจะประหารพระองค์เสีย” (มัทธิว 27:1)

แต่ภายใต้กฏหมายของโรมพวกเขาไม่มีอำนาจที่จะทำการใด และหลังจากนั้น

“เขาจึงมัดพระองค์พาไปมอบไว้แก่ปอนทิอัสปีลาตเจ้าเมือง[โรม]”
       (มัทธิว 27:2)

ปีลาตถามพระเยซูว่า

“และเมื่อท่านได้โบยตีพระเยซูแล้ว ท่านก็มอบพระองค์ให้ถูกตรึงที่กางเขน” (มัทธิว 27:26)

ดังนั้น พระธรรมข้อนี้จึงทำนายเหตุกาณ์เหล่าไว้ล่วงหน้า

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

การจำจองของพระคริสต์โดยสภาสุงสุดของพวกยิวและปีลาตก็สำเร็จตามคำเหล่านี้ “ท่านถูกนำไปจากคุก” ถูกนำไปพบคายฟาส แล้วก็ปีลาต และสำเร็จตามประโยคนี้ “ท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย” พระองค์ถูกนำออกจากคุกและสถานที่แห่งความไม่ยุติธรรมไปที่ภูเขาโกระโกธา ที่ๆพระองค์ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน เพื่อให้สำเร็จตามประโยคนี้ “ท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น”

ดร. จอห์น กิลล์ (1697-1771) กล่าวว่า

พระองค์ถูกพาไปอย่างไร้ความยุติธรรม นั่นคือการทำลายชีวิตของใครคนหนึ่ง ภายใต้กฏหมายที่สมมุติเรียกกันว่ายุติธธรม แต่ใน [ความเป็นจริง] ช่าง [ชั่วมาก] การกระทำต่อพระองค์นั้นไม่ยุติธรรมเลย นอกจากนี้ยังมีการใส่ร้ายต่อต้านพระองค์ การเป็นพยานที่เท็จ [เป็นการสาบานที่เทียมเท็จ จุดมุ่งหมายก็เพื่อใส่ร้ายต่อต้านพระองค์] มือที่ชั่วเหล่านั้นได้ทำร้ายชีวิตของพระองค์ [เหมือนอย่าง] ที่พระธรรมกิจการ 8:32 [“เขาได้นำท่านเหมือนแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนลูกแกะที่ [เป็นใบ้] อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น”] ความอัปยศอดสูเพราเหตุไม่มีความยุติธรรมให้กับพระองค์เลย: พระองค์ [ไม่ได้รับ] ความยุติธรรมเลย (John Gill, D.D., An Exposition of the Old Testament, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, volume V, p. 314).

ในอิสยาห์กล่าวว่า

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย…เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

II. สอง เนื้อหาในข้อนี้กล่าวถึงวันเวลาของพระคริสต์

ประโยคที่อยู่ตรงกลางของข้อนี้ดูเหมือนจะเป็นการยากที่จะอธิบาย

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น…” (อิสยาห์ 53:8)

“ใครเล่าจะประกาศในช่วงเวลาของพระองค์?” ดร. กิลล์ บอกว่าประโยคนี้เป็นการพูดถึง “ในช่วงอายุของ [หรือช่วงเวลาที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้] และก็คือคนต่างๆที่อยู่ในยุคนั้นที่คโหดร้ายต่อพระองค์ และเป็นการพูดถึงความชั่วของพวกเขา ที่ไม่อาจที่จะอธิบาย [เต็มล ด้วยปาก หรือ [เต็ม] ด้วยการเขียนของมนุษย์” (กิลล์ เล่มเดียวกัน) ฟังแล้วเป็นที่น่าเศร้าใจเมื่อเราได้อ่านถึงการกระทำของผู้คนที่ทำความโหดร้ายและไม่ยุติธรรมเพื่อทำลายพระบุตรของพระเจ้า! เหมือนอย่างที่ โยเซฟ ฮาร์ต (1712-1768) ได้เขียนไว้อย่างน่าเศร้าใจในบทเพลงของท่าน

จงมองดูความอดกลั้นพระทัยของพระเยซู
   แม้ถูกดูถูก [ในสถานที่น่ากลัวแห่งนี้]
คนบาปได้จับกุมพระหัตถ์ของพระเป็นเจ้า
   และตีไปที่พระพักต์ของพระผู้สร้างของพวกเขา

ร่างกายของพระองค์มีแผลด้วยหนามแทง,
   ส่งกระแสเลือดไปยังทุกส่วน,
หลังของพระองค์ฉีกด้วยการเฆี่ยน
   ความปวดเร้าเจ็บถึงทรวงใน

ตะปูตอกและเปลือยกายบนไม้กางเขน
   สะท้านทั่วพิภพและฟ้าสวรรค์
ปรากฏการณ์จากบาดแผลและโลหิต
   รอยแผลแห่งรักมหัศจรรย์!
(“His Passion” by Joseph Hart, 1712-1768; altered by the Pastor;
     to the tune of “‘Tis Midnight, and on Olive’s Brow”).

จอห์น เทรปป์ (1601-1669) กล่าวว่า “ใครล่ะที่สามารถสรรธยายถึงช่วงเวลาของพระคริสต์? [ใครล่ะที่อธิบายได้] ถึงความชั่วของคนที่อยู่ในสมัยนั้น” (John Trapp, A Commentary on the Old and New Testaments, Transki Publications, 1997 reprint, volume 3, p. 410).

ช่างเป็นเรื่องที่ยากต่อการอธิฐายเหลือเกิน ที่จะพูดถึงบรรดาผู้นำของพวกยิวที่จ้องทำร้ายพระคริสต์ แล้วทหารของพวกโรมันล่ะ ตีศีรษะของพระองค์ด้วยไม้อ้อ และพ่นน้ำลายใส่พระองค์…จับพระองค์ไปตรึงที่กางเขน” (Mark 15:19-20).

“ถึงแม้ว่ามิได้พบความผิดประการใดในพระองค์ที่ควรจะให้ตาย พวกเขายังขอปีลาตให้ปลงพระชนม์พระองค์เสีย” (กิจการ 13:28)

เหมือนอย่างท่าน จอห์น เทรปป์ เขียนเอาไว้ “ใครล่ะที่สามารถจะสรรธยายถึงเหตุการณ์ในสมัยของพระคริสต์ได้?...ใครล่ะที่อธิบายได้ ถึงความชั่วของคนที่อยู่ในสมัยนั้น”

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น…” (อิสยาห์ 53:8)

ดร. ยัง กล่าวว่า “คำว่า [บอกประกาศ] เป็นคำกริยาที่กล่าวถึงการเฝ้าภาวนาหรือการการคิดบางอย่างเอาจริงเอาจัง…พวกเขาควรที่จะคิดถึง [ความหมายในการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์] แต่พวกเขาก็ไม่ทำ” (Young, ibid., p. 352).

แล้วต่างอะไรกับคนในปัจจุบันนี้? คนเป็นล้านๆคนต่างก็ได้ยินเรื่องราวของพระคริสต์ แต่ก็ไม่มีใคเลยที่สนใจอย่างจริงจัง “พวกเขาควรที่จะสนใจ แต่พวกเขาก็ไม่ทำ” (Young, ibid., p. 352) ใครล่ะที่คิดถึงการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์อย่างจริงจัง? คุณล่ะ? คุณเคยใช้เวลานั่งคิดถึงแก่นแท้ที่พระคริสต์สิ้นพระชนม์นั้นหรือเปล่า?

“ใครล่ะจะสามารถ…อธิบายเหตุการณ์ในสมัยพระเยซูได้?...ใครล่ะที่อธิบายได้ ถึงความชั่วของคนที่อยู่ในสมัยนั้น” จอห์น เทรปป์ กล่าวว่า คนที่ฆ่าพระเยซูในสมัยนั้นก็มีลักษณะคล้ายกันกับคนที่ไม่ยอมกลับใจในสมัยนี้ พวกเขาไม่เคยที่จะคิดถึงการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์อย่างจริงจัง ตอนที่หนังเรื่อง “The Passion of the Christ” ออกฉายตามโรงหนังต่างๆ พวกนักข่าวต่างก็พูดกันว่าหนังเรื่อวนี้จะเข้ามามีอิทธิพลต่อคนที่เห็น พวกเขาบอกว่านั่นอาจเป็นจุดชนวนให้คนหันมาสรใจในพระกิตติคุณ บางคนก็บอกว่าอาจจะทำให้คนมากมายหลั่งไหลไปที่คริสตจักร

หน่งเรื่องนี้ออกฉายในปี 2004 หรือประมาณเก้าปีที่ผ่านมา เรากำลังเฝ้าดูว่าคำพูดของคนเหล่านั้นจะเป็นจริงหรือเปล่า และการทนทุกข์ของพระคริสต์ที่เห็นได้จากหนังเรื่องนี้อาจใช้เป็นจิตวิทยาที่มีอิทธิพลให้กับคนเหล่านั้น แต่แล้วเราก็เห็นแล้วว่ากลับไมเป็นที่ประทับใจให้กับคนเหล่านั้นเลย พวกเขาไปดูและกลับมาใช้ชีวิตตามเดิมอย่างคนบาป

คุณเห็นว่าบาปนั้นรุนแรงแค่ไหน ผู้เชื่อทั้งหลายเพียงแค่สะเทือนใจนิดหน่อยเมือพวกเขาเห็นการทนทุกข์ของพระคริสต์จากหนังเรื่องนี้ ความต้องการหรือตอบสนองเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น คนส่วนใหญ่ไปๆมาๆและหมกมุ่งอยู่กับการ “ท่องเน็ท” เป็นชั่วโมง ลุ่มหลงในเงินทอง มีชีวิตโดยไม่มีพระเจ้า จมอยู่กับการเล่มีวีดีโอเกมส์ ขาดการไปโบสถ์ในวันอาทิตย์ พระเจ้าและพระคริสต์ผู้ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเพื่อช่วยพวกเขาให้รอดสำหรับพวกเขาแถบไม่มีอยู่ในหัวเลย ใครล่ะจะสามารถ…อธิบายเหตุการณ์ในสมัยพระเยซูได้? ทำไมผู้คนในยุคของพระเยซูนั้นมีท่าทีเช่นเดียวกันกับพวกคุณ! เพราะพวกเขารักแต่ตัวเอง ไม่มีพระเจ้า และนอกจากบาปแล้วในชีวิตของพวกเขาแถบไม่มีอะไรเลย และภาพนี้เป็นจริงให้กับพวกคุณในเวลานี้ด้วยหรือเปล่า? จะมีสักครั้งที่คุณใช้เวลามาคิดถึงพระเจ้า? จะมีสักกี่ครั้งที่คุณใช้เวลาสำหรับการอธิฐานในแต่ละวัน? พระโลหิตของพระคริสต์บนไม้กางเขนนั้นมีส่วนในชีวิตของคุณมากน้อยแค่ไหน? ถ้าคุณสัตย์ซื่อให้กับตัวเอง ผมคิดว่าพวกคุณคงไม่แตกต่างจากผู้คนที่ปฏิเสธและฆ่าพระเยซูคริสต์และเดินออกไปจากพระองค์ในสมัยนั้น นั่น คือพลังหางบาป นั่น ธรรมชาติของบาป นั่น คือเครื่องพิสูจน์ว่าคุณคือคนบาป และคุณคือคนผิดคนหนึ่งเช่นเดียวกับผู้คนที่ฆ่ะพระคริสต์ ถึงแม้ว่าคุณจะมาโบสถ์ในทุกวันอาทิตย์ก็ตาม ความจริงแล้วลักษณะของคุณคือ “ไม่มีพระเจ้าเลย” (2 ทิโมธี 3:5) นั่นคือความจริงให้คุณใช่หรือเปล่า? หรือว่านี่ไม่จริงให้กับคุณ “เหตุว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากสง่าราศีของพระเจ้า” (โรม 3:5) ดังนั้นจากการที่ทุกอย่างเป็นจริงให้กับคุณ แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้คุณหนีหลุดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า? ศาสนาจารย์ ไอเอน เฮ็ช เมอร์เรย์ กล่าวไว้ในหนังสือของท่านในเล่มล่าสุด ท่านกล่าวว่า

      สำหรับท่าน ดร. ลอย์ด โจมส์ ได้เทศนาถึงความผิดของมนุษย์ยามอยู่ต่อหน้าพระพักต์พระเจ้า พระพิโรธของพระเจ้าก็จะตกลงยังคนที่ไม่เชื่อ และกำลังจะพิพาษาคนเหล่านั้นตกนรก…และที่นั่น ‘มีตัวหนอนที่ไม่ตายและไฟที่ไม่มีวันดับ’ (Iain H. Murray, The Life of Martyn Lloyd-Jones, The Banner of Truth Trust, 2013, p. 317).

III. สาม พระธรรมข้อนี้อธิบายอย่างลึกซึ้งถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์

กรุณายืนขึ้นและอ่านพระธรรมอิสยาห์ 53:8 ด้วยเสียงดังๆ และโปรดให้ความสนใจให้กับประโยคสุดท้าย “ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา”

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

กรุณานั่งได้

ดร. เมอร์เรลล์ เฮ็ช อันเกอร์ กล่าวว่า

ในช่วงศตวรรคที่เจ็ด [หนังสือฉบับอรรถธิบายพระธรรมอิสยาห์ 53 ที่ชื่อเมเซียนีค] เป็นหนังสื่อเล่ม เดียว เท่านั้นที่ใช้อรรถธิบายพระคัมภีร์ท่ามกลางคริสเตียน [และ] อยู่ในภายใต้อำนาจของพวกยิว [หลังจากพวกยิว] ได้ละเลยพระธรรมอิสยาห์ในบทนี้เป็นเพราะว่ามีข้อความมากมายที่กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ (อันเกอร์ เล่มเดียวกัน หน้า 1293)

นักวิชาการของคนยิวในสมัยนี้ยังกล่าวอ้างว่าพระธรรมอิสยาห์บทที่ห้าสิบสามที่กล่าวถึงการทนทุกข์นั้นเป็นการพูดถึงการทนทุกข์ของคนยิว ไม่ใช่พระเยซู ถึงแม้ว่าคนยิวได้รับความทุกข์เพราะการกดขี่ข่มเหงจากพวกคริสเตียนปลอมก็ตาม แต่นี่ไม่ใช่ความหมายที่พระคัมภีร์บทนี้กล่าวถึง เพราะกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “ต้องท่านถูกตีเพราะการละเมิด [บาป] ของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8) ประโยคที่ว่า “ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” ดร. เฮนรรี่ เอ็ม มอรรี่ กล่าวว่า “พระองค์สิ้นพระชนม์เพื่อ ‘คนของฉัน’ – นั่นคือชาวอิสราเอล – แสดงว่า [พระคริสต์] ทรงทนทุกข์ไม่ใช่คนอิสราเอลอย่างพวกเขาพูดกัน” (Henry M. Morris, Ph.D., The Defender’s Study Bible, Word Publishing, 1995, p. 767) ดังนั้นนี่ก็ชัดเจนแล้วว่าการทนทุกข์ในที่นี้จึงไมใช่พวกยิวแน่นอน แต่คือพระคริสต์ผู้ทรงทนทุกข์แทนที่ของพวกเขา เพราะบาปของพวกเขาเพื่อเป็นการไถ้ถอนบาปผิดของพวกเขาและของพวกเรา พระองค์ทรงถูกตรึงเพื่อไถ่บาปของเรา!

ดร. จอห์น กิลล์ กล่าวว่าคำว่า “ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” ก็เพื่อคนยิวและคริสเตียนที่พระเจ้าทรงเลือกเอาไว้ – นั่นแสดงว่าพระเยซูถูกตีเพราะบาปของตนยิวและ “คนของพระเจ้า” คือผู้เชื่อทุกคน (Gill เล่มเดียวกัน หน้า 314)

“ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

พระคริสต์ “ถูกตี” ที่กางเขนพวกไถ่บาปคนของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นยิวหรือต่างชาติ พระองค์สิ้นพระชนม์แทนที่เรา และไถ่บาปของเรา นั่นเป็นการทำให้พระพิโรธของพระเจ้าไม่ตกลงมาคนบาป

แต่ในนั้นก็มีเงื่อนไข นั่นคือการที่พระคริสต์จะสามารถชำระบาปของคุณได้นั้น คุรต้องวางใจในพระองค์โดยทางความเชื่อ อีกนัยหยึ่งก็คือการไถ่ถอนบาปของพระคริสต์บนไม้กางเขนจะไม่มีผลต่อคนไม่เชื่อวางใจในพระเยซู ทางเดียวก็คือต่อเมื่อคุณยอมจำนนต่อพระเยซู บาปของคุณถึงจะถูกลบออกจากการบันทึกของพระเจ้าเพราะพระโลหิตของพระผู้ช่วยให้รอด

โปรดจำไว้แม้ว่าคุณสามารถรู้เรื่องราวทั้งหมดในพระคัมภีร์ข้อนี้คุณก็ยังไม่รอด เพราะมารซาตารก็รู้เช่นเดียวกัน แต่การรู้เพียงอย่างเดียวช่วยอะไรไม่ได้ ยากอบกล่าวว่า “ท่านเชื่อว่ามีพระเจ้าองค์เดียว นั่นก็ดีอยู่แล้ว แม้พวกปีศาจก็เชื่อเช่นกัน และกลัวจนตัวสั่น” (ยากอบ 2:19) สิ่งที่มารมีคือ “ความรู้ที่อยู่ในหัว” เกี่ยวกับการสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของพระคริสต์ คุณต้องไปให้ไกลกว่านั้นถ้าคุณต้องการจะรอด คุณต้องเชื่อและยอมจำนนวางใจพระคริสต์ คุณจะเลือกการกลับใจใหม่โดยทางพระคุณของพระเจ้า หรือยอมตกนรกเพราะเหตุแค่รู้หรือจำเรื่องราวของพระคริสต์บนไม้กางเขนเท่านั้น

กรุณาฟังคำพูดของ ดร. เอ ดับบริว โตเซอร์ ท่านกล่าวต่อต้านความคิดแห่งการ “ตัดสินใจนิยม” (decisionism) และความจริงเกี่ยวกับการกลับใจใหม่ที่แท้จริง ท่านกล่าวว่า

การเปลี่ยนแปลงในทางความเชื่อสามารถทำได้โดยกลและการไร้จิตวิญญาณ ความเชื่อสามารถทำให้เติบโดยที่ไม่พึ่งคุณธรรมแห่งชีวิตและไม่อาศัยท่าทีลักษณะภายในอย่างอาดาม สามารถ“ยอมรับ” พระคริสต์ โดยที่ไม่ต้องสร้างความแบบพิเศษในจิตวิญญาณของผู้รับ (A. W. Tozer, D.D., The Best of A. W. Tozer, Baker Book House, 1979, page 14).

“การเปลี่ยนแปลงในทางศาสนาสามารถทำได้โดยกลและการไร้จิตวิญญาณ” – และ ผมขอเสริมว่าและไม่มีพระคริสต์ด้วย! “คนที่ยึดการตัดสินใจ” ของตัวเองเป็นหลัก นั้นบอกคุณว่าเพียงอธิษฐาน รับบัพติศมา แค่นั้นก็เพียงพอ โดยจะไม่พูดถึงการสิ้นพระชนม์และการเป็นเป็นขึ้นมาจากความตาย ไม่เลยไม่เชื่อในสิ่งนี้เลย! ความเชื่อเช่นนี้ไม่ใช่อย่างที่พระคัมภีร์สอน พระวจนะสอนว่าคุณต้องรู้สึกถึงความผิดบาปของคุณ และแสวงหาทางที่จะออกจากบาปนั้น และทางนั้นก็คือการมาที่พระคริสต์ คุกเข่าลงต่อหน้าพระพักต์พระองค์ วางใจพระองค์ และรับการเปลี่ยนแปลงจากภายใน ครั้งแล้วครั้งเล่าจนกว่าคุณจะสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองถึงสิ่งที่ผู้เผยพระวัจนะอิสยาห์กล่าวเอาไว้

“ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

ตอนที่คุณวางใจพระคริสต์ทางความเชื่อ พระโลหิตของพระองค์จะชำระบาปของคุณทั้งหมดและคุณก็กลับใจใหม่ – แต่ถ้าไม่เช่นนั้นจะมาสามารถเกิดขึ้นได้ ไม่เลย จะไม่มีวันเป็นไปได้! ทางเดียวคุณต้องวางใจพระเยซูคริสต์ ถ้าคุณต้องการที่จะรับการช่วยกู้!

ขอให้เรายืนขึ้น ถ้าคุณเชื่อว่าพระเยซูทรงอภัยบาปของคุณและช่วยจิตวิญญาณของคุณให้รอด เรายินดีที่จะคุยกับคุณถึงการบังเกิดใหม่เป็นมาเป็นคริสเตียน กรุณาลุกจากที่นั่งของท่านเดินออกไปข้างหลังของห้องนี้ ดร. คาเกนจะพาพวกท่านไปยังห้องเงียบๆเพื่อพูดคุย ออกไปได้ ท่านลีกรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนเหล่านี้ อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ดร. กรีนตัน เอลล์ ชาน : อิสยาห์ 53:1-8
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“Blessed Redeemer” (โดย Avis B. Christiansen, 1895-1985).


โครงร่างของ

การอธิบายถึงการทรงไถ่

(เทศนาตอนที่ 9 ในอิสยาห์ 53)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“ท่านถูกนำไปจากคุกและท่านไม่ได้รับความยุติธรรมเสียเลย และผู้ใดเล่าจะประกาศเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์ของท่าน เพราะท่านต้องถูกตัดออกไปจากแผ่นดินของคนเป็น ต้องถูกตีเพราะการละเมิดของชนชาติของเรา” (อิสยาห์ 53:8)

(อิสยาห์ 53:7)

I.   หนึ่ง ข้อนี้อธิบายถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์
อิสยาห์ 53:8a; มัทธิว 26:64, 66-67; 27:1-2, 26; กิจการ 8:32.

II.  สอง เนื้อหาในข้อนี้กล่าวถึงวันเวลาของพระคริสต์
อิสยาห์ 53:8b; มาระโก 15:19-20; กิจการ 13:28; II ทิโมธี 3:5;
โรม 3:23.

III. สาม พระธรรมข้อนี้อธิบายอย่างลึกซึ้งถึงการทนทุกข์ของพระคริสต์ อิสยาห์ 53:8ค; ยากอบ 2:19.