Print Sermon

เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์

ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร

ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net




ลูกแกะที่ไม่ปริปาก

(บทเทศนาตอนที่ 8 ในพระธรรมอิสยาห์)
THE SILENCE OF THE LAMB
(SERMON NUMBER 8 ON ISAIAH 53)
(Thai)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์
by Dr. R. L. Hymers, Jr.

เทศนาในตอนเย็นวันเสาร์ของวันที่ 24 เดือน มีนาคม ค.ศ. 2013 ณ
คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแอนเจลิส
A sermon preached at the Baptist Tabernacle of Los Angeles
Lord’s Day Evening, March 24, 2013

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)


พระธรรมข้อนี้ทำให้เราสามารถได้ยินเสียงของผู้ที่ถูกฆาตกรรมเพราะความเชื่อ ใจของเราสามารถได้ยินเสียงของคนเหล่านั้น นักเทศน์ในยุคศตวรรคที่สองอย่างท่านโปลิคาร์ปาส ชื่อของท่านในภาษาอังกฤษอ่านว่า โปลิคาร์ป แต่ในภาษาลาตินอ่านว่า โปลิคาร์ปาส ท่านเป็นศิษย์ของอัครทูตยอห์น หลายปีหลังจากนั้นท่านได้ไปยืนต่อหน้าการตัดสินของคนต่างชาติ ผู้พิพากษากล่าวว่า “ท่านก็แก่ชายชรามากแล้ว” ไม่สมควรที่ต้องมาตายเช่นนี้เลยเพียงแค่สาบานต่อเราก็จะปล่อยเจ้าออกไป คำพูดของซีซาร์ทำอะไรได้บ้าง? ถ้าคุณสาบานต่อหน้าซีซาร์ว่าจะปฏิเสธพระคริสต์ คุณก็จะถูกปล่อยและรอดมีชีวิต”

โปลิคาร์ป ตอบกลับไปว่า “แปดสิบหกปีที่ข้าพเจ้ารับใช้ [พระคริสต์] นั้นพระองค์ไม่เคยทำเรื่องใดที่ผิดต่อข้าพเจ้าเลย ไฉนจะให้ข้าพเจ้ากล่าวดูหมิ่นกษัตริย์ของข้าได้อย่างไรกัน?” ผู้พิพากษากล่าวว่า “เราจะเผาเจ้าด้วยไฟ” โปลิคาร์ป ตอบว่า “ไฟที่พวกท่านใช้เผานั้นไหม้ประเดี๋ยวเดียวแล้วก็ดับไป” พวกท่านไม่รู้เลยหรือว่าไฟแห่งการพิพากษาที่จะมาถึงนั้นจะไหม้อย่างไม่มีวันดับนั่นคือการลงโทษสำหรับคนที่ไม่เชื่อ [ผู้ที่หลงหาย]? แล้วพวกท่านยังมัวชักช้าอยู่ทำไม? มาเลย มาทำในสิ่งที่ใจของพวกท่านต้องการ”

ผู้พิพากษาท่านนี้จึงนำเขาไปในที่สาธารณชนและประกาศเสียงดังว่า "โปลิคาร์ปสารภาพว่าตัวเองเป็นคริสเตียน!" "จงเผาเขาอย่างเป็นๆ!" ฝูงชนเถื่อนเหล่านั้นต่างก็ตะโกนว่า ไฟเตรียมพร้อมแล้ว เพชฌฆาตเข้าหาโปลิคาร์ตอกตะปูและเผาเขาทั้งเป็น โปลิคาร์กล่าวอย่างใจเย็นว่า, "ปล่อยฉันอย่างที่ฉันเป็น พระองค์ผู้ซึ่งช่วยเหลือข้าจะให้ข้าอยู่ที่ไฟนั้นโดยไปพาหนีไปไหน ไม่จำเป็นที่จะอาศัยคนของพวกท่านมาเฝ้าระวัง”

โปลิคาร์ได้เปล่งเสียงออกมาด้วยการอธิษฐานดังๆ สรรเสริญพระเจ้าที่พระองค์ทรงถือว่าการตายนี้มีค่า” ไฟนั้นก็ไหม้ไปรอบตัวของท่าน ตอนที่ร่างกายของท่านยังไม่ถูกไฟไหม้นั้น เพชฌฆาตคนหนึ่งได้ใช้กริซแทงไปที่ท่าน นั่นคือการเสียชีวิตของท่านโปลิคาร์ป ผู้ซึ่งเคยเป็นศิษยาภิบาลที่คริสตจักรเมืองสเมอนาและศิษย์ของอัครทูตรยอห์น (ให้ดู James C. Hefley, Heroes of the Faith, Moody Press, 1963, pp. 12-14)

สเปอร์เจียนเคยกล่าวเอาไว้ว่า “แจน โบชิเออ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแบ๊บติสต์ของเราที่ยอมตายเพราะความเชื่อ…ตอนที่ท่านถูกนำมาต่อหน้า คลินเมอร์และริดเรย์” สองท่านนี้คือบาทหลวงแห่งคริสตจักรในอังกฤษ ผู้ที่กล่าวว่าsหญิงแบ๊บติสต์คนนี้ต้องถูกเผาทั้งเป็น โดยกล่าวว่าการเผานั้นง่ายต่อการตาย หล่อนบอกพวกเขาว่า “ฉันคือผู้รับใช้ของพระคริสต์อย่างแท้จริงเหมือนกับพวกท่าน ถ้าท่านกระทำให้น้องสาวผู้ยากไร้คนนี้ถึงแก่ความตาย จงดูแล [จงระวัง] เกรงว่าพระเจ้าจะปล่อยหมาป่าแห่งกรุงโรมนั้นมาที่พวกท่าน แล้วพวกคุณก็จะทนทุกข์เพราะพระองค์ด้วย” คำพูดที่หล่อนกล่าวนั้นช่างเป็นจริงเหลือเกิน คนเหล่านั้นต่างก็ถูกฆาตกรรมหลังจากนั้นไม่นาน! (ดู C. H. Spurgeon, “All-Sufficiency Magnified,” The New Park Street Pulpit, volume VI, pp. 481-482)

ถึงแม้ว่าจะแตกต่างกันหลายศตวรรค แต่ทั้งโปลิคาร์ปและแจน โบชิเออเพราะความเชื่อของพวกเขาถึงกับยอมตายโดยการถูกเผาทั้งเป็น และพระคริสต์ก็ไม่ทรงกระทำการใดตอนที่พระองค์ทรงถูกทรมาณและสิ้นพระชนม์! แน่นอนสิ่งที่พระองค์ตรัสให้กับพวกธรรมจารย์ และตรัสให้กับเจ้าเมืองโรมนั่นคือปีลาต แต่พระองค์ก็ถูกแทงจนเกือบสิ้นพระชนม์และหลังจากนั้นถึงค่อยนำไปตรึงที่กางเขน พระธรรมอิสยาห์ข้อนี้กำลังกล่าวถึงพระพักต์ของพระองค์ทรงอยู่อย่างสงบ!

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

พระองค์ไม่ตรัสแม้แต่คำเดียวตอนที่พวกเขาโบยตีพระองค์! พระองค์ไม่ตรัสอะไรเลยตอนที่พวกเขากำลังตรึงพระองค์ที่กางเขน! ให้เรากลับมาที่เนื้อหาของเราและใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งโดยการถามและตอบ

I. หนึ่ง ชายที่เรียกกันว่าเยซูนั้นคือใคร?

คือคนที่ผู้เผยพระวัจนะได้กล่าวถึง

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก….”? (อิสยาห์ 53:7)

พระวัจนะบอกเราว่าพระองค์คือพระเจ้าผู้กอรปด้วยสง่าราศี ทรงเป็นบุคคลที่สองในตรีเอกานุภาพ พระเจ้าผู้ทรงเป็นพระบุตรที่บังเกิดมาเป็นมนุษย์! อย่างที่หลักข้อเชื่อกล่าวว่า “พระเจ้ายิ่งใหญ่ พระเจ้ายิ่งใหญ่” เราไม่ควรคิดว่าพระเยซูคริสต์เป็นเพียงแค่ครูสอนศาสนาและผู้เผยพระวัจนะคนหนึ่ง! พระองค์ไม่อยากให้เราคิดอย่างอื่นตามสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสเอาไว้

“เรากับพระบิดาของเราเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” (ยอห์น 10:30)

พระองค์ตรัสอีกครั้งหนึ่งว่า

“เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต ผู้ที่เชื่อในเรานั้น ถึงแม้ว่าเขาตายแล้วก็ยังจะมีชีวิตอีก” (ยอห์น 11:25)

ถ้าคนอื่นพูดว่าพระองค์ถูกผีสิง ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อวิกลจริต! แต่ตอนที่พระเยซูกล่าวว่าพระองค์และพระบิดาเป็นหนึ่งเดียวกันนั้น พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นเหตุให้คนทั้งปวงเป็นขึ้นและมีชีวิต” คำพูดเหล่านี้ เราต่างไม่สนใจ และคิดว่าการพูดเช่นนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ!

แม้ว่ามีบางอย่างผมจะไม่เห็นด้วยกีบ ซี เอส ลีวีส ในบางจุด และโดยเฉพาะคำพูดของท่านที่กล่าวถึงพระคริสต์? ซี เอส ลีวีส กล่าวว่า

ฉันยืนหยัดอยู่ทีนี่เพื่อปกป้องพระองค์ที่คนชั่วทั้งหลายพูดใส่ร้ายพระองค์: “ผมยอมรับว่าพระเยซูคืออาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สอนด้านคุณธรรม แต่ผมไม่ยอมรับคำพูดที่พระองค์ตรัสว่าพระองค์เป็นพระเจ้า” มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรที่จะพูด คนๆหนึ่งที่เป็นเพียงมนุษย์และกล่าวว่าพระเยซูไม่ใช่อาจารย์สอนคุณธรรมที่ยิ่งใหญ่ คนที่กล่าวเช่นนั้นอาจจะบ้า – คนเหล่านั้นอาจจะไร้สาระ – หรืออาจจะเป็นปีศาจแห่งนรก คุณอาจเลือกทางของคุณ ไม่ว่าอย่างที่ชายคนนี้เคยเป็น และเป็นอยู่ นั่นคือพระบุตรของพระเจ้า: หรือคนบ้าหรือทำบางอย่างให้เลวลง คุณอาจจะหยุดยั้งความโง่เขลาของเขา คุณสามารถปล่อยหรือฆ่าเขาเหมือนอย่างปีศาจ; หรือคุณจะคุกเขาต่อหน้าพระองค์และเรียกว่าพระเจ้า แต่ขอให้เราอย่ามองข้ามถึงการเป็นมนุษย์ของพระองค์ผู้เป็นอาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ พระองค์ยังไม่ได้เปิดเผยให้เรารู้ พระองค์ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้นด้วย (C. S. Lewis, Ph.D., Mere Christianity, Harper Collins, 2001, หน้า 52)

คุณสามารถปล่อยหรือฆ่าพระองค์เหมือนอย่างปีศาจ; หรือคุณจะคุกเขาต่อหน้าพระองค์และเรียกว่าพระเจ้า…นั่นคือสิทธิ์ของคุณที่จะเลือก” แต่สำหรับพระเยซูพระองค์ตรัสว่า

“เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางเรา” (ยอห์น 14:6)

คุณสามารถมีได้! แต่คุณไม่อาจเอาพระองค์ไปรวมกับศาสนาพุทธ ฮินดู หรืออิสลาม เพราะว่าพระเยซู “ยังไมได้เปิดเผยให้เรารู้ พระองค์ไม่ได้สนใจสิ่งนั้นด้วย” พระองค์ไม่ได้บอกเราว่ายังมีทางเลือกอื่นอีก พระองค์ตรัสว่า ไม่มีใครจะมาถึงพระบิดาได้นอกจากทางเรา” ซี เอส ลีวีส กล่าวว่า “คุณสามารถปล่อยหรือฆ่าพระองค์…หรือคุณจะคุกเข่าลงที่พระพักต์พระองค์และเรียกพระองค์ว่าพระเจ้า…นั่นคือสิทธิของคุณที่ทำได้” จงเลือกทางใดทางหนึ่ง ไม่มีใครหรอกที่จะอยู่ระหว่างสองทางนี้! พวกเขาอาจจะสมมุติว่าอยู่ระหว่างนั้น แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นไปไม่ได้ “ยังไมได้เปิดเผยให้เรารู้”

II. สอง ทำไมพระเยซูถึงไม่ปกป้องตัวเองตอนที่คนเหล่านั้นโบยตีทรมาณและฆ่าพระองค์?

อิสยาห์กล่าวว่าอย่างไร

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก”
       (อิสยาห์ 53:7)

นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่งและไม่ใช่คริสเตียนชื่ออัลเบิร์ท อิสทิน กล่าวว่า

ไม่มีใครหรอกที่จะสามารถอ่านพระกิตติคุณทั้ง [สี่] เล่มโดยที่ไม่สามารถสัมผัสถึงการทรงพระชนม์อยู่ของพระเยซู พระลักษณะของพระองค์คืออยู่ในทุกถ้อยคำนั้น ไม่มีอะไรที่จะสามารถมีชีวิตอย่างนั้นได้ (Albert Einstein, Ph.D., The Saturday Evening Post, October 26, 1929)

ใช่แล่วพระองค์ไม่ปริปากเลยตอนที่พระองค์ถูกเฆี่ยนตีและตรึงไว้บนไม้กางเขน! ทำไมพระเยซูถึงไม่ปกป้องตัวเองตอนที่คนเหล่านั้นโบยตีทรมาณและฆ่าพระองค์? นักปรัซญาชาวฝรั่งเศสชื่อ Rousseau ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้า ก็เข้าใกล้ถึงคำตอบถึงสิ่งที่ท่านพูดนั้น

ถ้าโสเครติสมีชีวิตอยู่และตายอย่างนักปรัชญา พระเยซูก็สิ้นพระชนม์เหมือนอย่างพระเจ้า (Jean-Jacques Rousseau, French philosopher, 1712-1778)

พระเยซูไม่ปกป้องตัวพระองค์เองเพราะเหตุผลหนึ่งที่เสด็จเข้ามาในโลกนี้คือการทนทุกข์และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพราะหนึ่งปีก่อนหน้านั้นพระเยซูได้ทรงทำนายล่วงหน้าถึงเหตุการณ์เหล่านี้ไว้อย่างชัดเจน

“ตั้งแต่เวลานั้นมา พระเยซูทรงเริ่มเผยแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า พระองค์จะต้องเสด็จไปกรุงเยรูซาเล็ม และจะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการจากพวกผู้ใหญ่และพวกปุโรหิตใหญ่และพวกธรรมาจารย์ จนต้องถูกประหารเสีย แต่ในวันที่สามจะทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาใหม่” (มัทธิว 16:21)

พระคัมภีร์ใหม่ฉบับประยุกต์ใช้กล่าวว่า

เปโตรพึ่งจะสารภาพว่าพระเยซูคือคริสต์ พระเมศิยาห์ พระบุตรผู้ทรงพระชนม์ของพระเจ้า (ลูกา 8:29) แต่ [เปโตร] ยังคงไม่เข้าใจถึงสาเหตุการเสด็จมายังโลกนี้ของพระองค์ ท่านคิดอย่างคนยิวอื่นๆ นั่นคือคิดว่าพระเยซูเสด็จมาเป็นกษัตริย์อยู่ในโลกนี้ ดังนั้นตอนที่พระองค์บอกเขาว่า [พระองค์] จะทนทุกข์ด้วยนานาประการ และ…ถูกฆ่า เปโตรได้ยินแล้วจึงรับไม่ได้ เขาปฏิเสธพระองค์ถึงสิ่งที่พระองค์ตรัสนั้น พระเยซูยังทรงตรัสอีกว่าหลังจากนั้นสามวัน [พระองค์] จะฟื้นคืนพระชนม์ พระเยซูทรงทราบไม่ใช่เพียงแค่การที่พระองค์จะสิ้นพระชนม์ แต่ยังทรงทราบถึงการฟื้นคืนมาในวันที่สาม แต่เหล่าสาวกไม่เข้าถึงสิ่งนี้เลย (Thomas Hale, The Applied New Testament Commentary, Kingsway Publications, 1996, หน้า 260-261)

แต่เราควรเข้าใจถึงสิ่งนี้ พระคัมภีร์ตรัสว่า

“พระเยซูคริสต์ได้เสด็จมาในโลกเพื่อจะได้ทรงช่วยคนบาปให้รอด”
       (I ทิโมธี 1:15)

โดยการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขนก็เพื่อบาปของเรา และโดยการฟื้นคืนพระชนม์ เราจึงมีชีวิต พระเยซูไม่ทรงปริปากที่จะปกป้องตัวเองตอนที่พวกเขาเฆี่ยนตีและตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน อย่างที่พระองค์ทรงตรัสให้กับปีลาตว่า “เพราะเหตุนี้เราจึงเกิดมาและเข้ามาในโลก” (ยอห์น 18:37)

III. สาม พระธรรมตอนนี้บอกเราอย่างไรถึงการที่พระเยซูทรงถูกทรมาณและไม่ปริปากเลย?

กรุณายืนขึ้นและอ่านอิสยาห์ 53:7 ด้วยเสียงดังๆอีกครั้งหนึ่ง

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

พวกคุณนั่งลงได้

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ” ดร. ยัง บอกว่าคำพูดนี้น่าจะแปลว่า “พระองค์ [อนุญาต] ตัวพระองค์ให้ถูกบังคับและข่มใจ” “ในการบังคับนั้นหมายถึงพระองค์ยอมที่จะทนทุกข์…จึงไม่มีอะไรที่จะออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์เพื่อที่จะปกป้องตัวเอง ไม่มีใครที่จะสามารถอ่าน [คำพยากรณ์นี้] โดยที่ไม่คิดถึงสิ่งที่กระทำสำเร็จนั้น ต่อหน้าเจ้าเมืองปีลาตพระองค์ไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว “ตอนที่พระองค์ถูกประจาน จะไม่ถูกประจานอีก”เมื่อพระองค์ได้รับการทรทุกข์ก็จะไม่มีอีกต่อไป]” (Edward J. Young, Ph.D., The Book of Isaiah, Eerdmans, 1972, volume 3, pp. 348-349)

“ปีลาตจึงกล่าวแก่พระองค์ว่า ซึ่งเขาได้กล่าวความปรักปรำท่านเป็นหลายประการนี้ ท่านไม่ได้ยินหรือ แต่พระองค์ก็มิได้ตรัสตอบท่านสักคำเดียว เจ้าเมืองจึงอัศจรรย์ใจยิ่งนัก” (มัทธิว 27:13-14)

“ฝ่ายพวกปุโรหิตใหญ่ได้ฟ้องกล่าวโทษพระองค์เป็นหลายประการ แต่พระองค์ไม่ตรัสตอบประการใด ปีลาตจึงถามพระองค์อีกว่า ท่านไม่ตอบอะไรหรือ ดูเถิด เขากล่าวความปรักปรำท่านหลายประการทีเดียว แต่พระเยซูมิได้ตรัสตอบประการใดอีก ปีลาตจึงอัศจรรย์ใจ” (มาระโก 15:3-5)

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ [ไม่ปริปาก] ของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเปรียบพระเยซูเหมือนดั่งลูกแกะที่นำมาบูชา ในอิสยาห์ 53:7 พระคริสต์ถูกเปรียบเหมือนกับลูกแกะ ตามพระคัมภีร์เดิมนั้น มนุษย์จะนำแกะมาฆ่าถวายแด่พระเจ้าเพื่อเป็นการล้างบาป ดังนั้นการเปรียบเทียบนั้นจึงกล่าวถึงแกะที่นำมาบูชา และขนก็จะถูกตัดออกไปทั้งหมด แกะนั้นก็ไม่ร้องแม้แต่คำเดียว การนำแกะที่ไม่ร้องแม้แต่คำเดียวมาฆ่าบูชาก็คือ “ท่านก็ [ไม่ปริปาก] ของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

“จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย” (ยอห์น 1:29)

ตอนที่คุณวางใจพะเยซูโดยความเชื่อ การบูชาตัวของพระองค์บนไม้กางเขนก็ชำระบาปของคุณ และคุณก็จะยืนอยู่ต่อพระพักต์พระเจ้าอย่างคนที่ไร้ความผิด เพราะความผิดของคุณได้รับการไถ่ถอนโดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และความบาปของคุณก็ได้รับการชำระโดยพระโลหิตที่หลั่งลงมา

เดวิด เบร์นเนอร์ด คือผู้ที่มีชื่อเสียงด้านการนำข่าวประเสริฐไปให้กับชาวอินเดียแดง ท่านกล่าวว่า “ผมไม่เคยอยู่ห่างจากพระเยซูและการบูชาของพระองค์ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมพบว่าคนกลุ่มนี้เห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่…หมายถึงการที่พระคริสต์ทรงบูชาแทนเรา ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอกพวกเขาให้เปลี่ยนแปลงฟฤติกรรมของพวกเขา” (Paul Lee Tan, Th.D., Encyclopedia of 7,700 Illustrations, Assurance Publishers, 1979, p. 238)

ผมรู้ว่านี่คือความจริงให้กับโลกในยุคปัจจุบันด้วยเช่นกัน ครั้งหนึ่งคุณเคยเห็นว่า

“พระคริสต์ได้ทรงวายพระชนม์เพราะบาปของเราทั้งหลาย ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์” ( 1 โครินธ์ 15:3)

และถ้าครั้งหนึ่งคุณเคยยอมจำนนต่อพระผู้ช่วยให้รอด คุณคือคริสเตียน ข้อดีก็คือง่ายต่อการที่จะอธิบายและเข้าใจ จงวางใจในพระคริสต์ทางความเชื่อแล้วคุณก็จะรอด!

อย่างที่พระองค์ทรงวายพระชนม์ ท่านสเปอร์เจียนกล่าวเอาไว้ว่า “ศาสนศาสตร์ของผมพบอยู่ที่สี่คำเล็กๆนี้ – ‘พระเยซูสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน’ ผมไม่อาจพูดถึงสิ่งนี้ในคำเทศนา ถ้าผมไม่เป็นขึ้นมาจากความตายอีกครั้งหนึ่ง แต่นั่นคือมากกว่าการตายตาม พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน (Tan เล่มเดียวกัน) คุณพูดตามนั้นได้มั้ย? คุณสามารถพูดว่า “พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน”? หรือว่าคุณจะยอมจำนนต่อพระผู้ช่วยให้รอดและวางใจในพระองค์ในค่ำคืนนี้เลยได้มั้ย? คุณพูดได้หรือเปล่าว่า “พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อฉัน”? หรือว่า คุณจะยอมจำนนต่อพระผู้ช่วยให้รอดและวางใจในพระองค์โดยทางพระโลหิตและความชอบธรรมของพระองค์”? ขอพระเจ้าทรงนำพาความเชื่อของคุณให้สามารถทำได้ อาเมน

กรุณายืนขึ้นและร้องบทเพลงนมัสการบทที่หก “และเป็นไปได้อย่างกัน?” เขียนโดย ชาร์ลี เวสเรย์

และแล้วก็สามารถเป็นไปได้ถึงสิ่งที่ฉันควรจะได้รับ
   นั่นคือค่าแห่งพระโลหิตของพระผู้ช่วยให้รอด?
พระองค์ทรงทนทุกข์และสิ้นพระชนม์ก็เพื่อฉัน
   เพื่อฉันที่พระองค์จึงยอมวายพระชนม์?
พระคุณแห่งความรัก!เป็นไปได้อย่างไรกัน
   ว่าพระเป็นพระเจ้าของฉันทรงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน
พระคุณแห่งความรัก!เป็นไปได้อย่างไรกัน
   ว่าพระเป็นพระเจ้าของฉันทรงสิ้นพระชนม์เพื่อฉัน
(“And Can It Be?” by Charles Wesley, 1707-1788).

ถ้าคุณเชื่อว่าพระเยซูทรงอภัยบาปของคุณและช่วยจิตวิญญาณของคุณให้รอด เรายินดีที่จะคุยกับคุณถึงการบังเกิดใหม่เป็นมาเป็นคริสเตียน กรุณาลุกจากที่นั่งของท่านเดินออกไปข้างหลังของห้องนี้ ดร. คาเกนจะพาพวกท่านไปยังห้องเงียบๆเพื่อพูดคุย ออกไปได้ ท่านลีกรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนเหล่านี้ อาเมน

(จบการเทศนา)
คุณสามารถอ่านบทเทศนาของ ดร. ฮิวเมอร์ ได้ในแต่ละอาทิตย์ทางอินเตอร์เนทได้ที่
www.realconversion.com. (กดที่นี่) “บทเทศนาในภาษาไทย”

คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net
– หรือเขียนจดหมายส่งไปให้เขาที่ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015.
หรือโทรศัพท์ถึงเขาที (818) 352-0452.

อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ดร. กรีนตัน เอลล์ ชาน : อิสยาห์ 52:13-53:7
ร้องเพลงเดี่ยวพิเศษโดย มร. เบนจามิน คินเคด กริฟฟิท์:
“A Crown of Thorns” (โดย Ira F. Stanphill, 1914-1993).


โครงร่างของ

ลูกแกะที่ไม่ปริปาก

(บทเทศนาตอนที่ 8 ในพระธรรมอิสยาห์)

โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์

“ท่านถูกบีบบังคับและท่านถูกข่มใจ ถึงกระนั้นท่านก็ไม่ปริปาก เหมือนลูกแกะที่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะที่เป็นใบ้อยู่หน้าผู้ตัดขนของมันฉันใด ท่านก็ไม่ปริปากของท่านเลยฉันนั้น” (อิสยาห์ 53:7)

I.   หนึ่ง ชายที่เรียกกันว่าเยซูนั้นคือใคร? ยอห์น 10:30; 11:25; ยอห์น 14:6.

II.  สอง ทำไมพระเยซูถึงไม่ปกป้องตัวเองตอนที่คนเหล่านั้นโบยตีทรมาณและฆ่าพระองค์? มัทธิว 16:21; I ทิโมธี 1:15; ยอห์น 18:37

III. สาม พระธรรมตอนนี้บอกเราอย่างไรถึงการที่พระเยซูทรงทรมาณอย่างไม่ปริปากเลย? มัทธิว 27:13-14; มาระโก 15:3-5; ยอห์น 1:29; I โครินธ์ 15:3