เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
พระคริสต์ – ผู้ที่โลกเห็นว่าไร้ค่า (บทเทศนาตอนที่ 4 ในพระธรรมอิสยาห์ 53) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นวันเสาร์ของวันที่ 16 เดือน มีนาคม ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3) |
ดร. เอ็ดเวิร์ด เจ ยัง กล่าวว่า แถบไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่อิสยาห์พยากรณ์เอาไว้นั้นเหมือนกับสิ่งที่ไม่น่าที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน คนพูดดีและสิ่งนั้นกล่าวถึง [พระคริสต์] พวกเขาอาจพึงพอใจกับจริธรรม คำสอนของพระองค์ และก็ประกาศว่าพระองค์คือคนดีและเป็นผู้เผยพระวัจนะที่ยิ่งใหญ่ และเป็นผู้เดียวที่สามารถจะตอบปัญหาทางสังคมที่เกิดขึ้นในโลกสังคมปัจจุบัน ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้เลยว่า พวกเขาคือคนบาปสมควรรับการถูกลงโทษตลอดไป และนั่นคือหนทางที่พระคริสต์ทรงถวายพระองค์เป็นเครื่องบูชา เพื่อชำระบาปนั้นและนำคนบาปกับพระเจ้ากลับมาคืนดีกัน มนุษย์ไม่อาจรับสิ่งที่พระเจ้าทรงตรัสถึงพระบุตรของพระองค์ เพราะพวกเขาต่างก็ปฏิเสธ [พระคริสต์] และมนุษย์ก็ไม่ยำเกรงพระองค์ (Edward J. Young, Ph.D., The Book of Isaiah, William B. Eerdmans Publishing Company, 1972, volume 3, p. 344). ท่านลูเทอณ์กล่าวว่าพระธรรมอิสยาห์บทที่ห้าสิบสามคือหัวใจสำคัญของพระคัมภีร์ และผมก็เชื่อว่าสิ่งที่ท่านกล่าวนั้นว่าถูกต้อง ถ้าคุณเชื่ออย่างนั้น พระธรรมที่เราจะกล่างถึงนี้ก็จะสำคัญมากต่อคุณทีเดียว ผมเชื่อว่าพระคัมภีร์ข้อนี้คือข้อที่กล่าวได้อย่างชัดเจนถึงการที่มนุษย์ดูถูกพระคำของพระเจ้า คำว่า “ดูถูก” เราหมายถึง “การทำให้เลวลง” คำว่า “ทั้งหมด” เราถึงหมายถึง “ทุกวิถีทาง” นั่นเป็นเพราะว่ามนุษย์กลายเป็นคนบาปอย่างสิ้นเชิงโดยบรรพบุรุษแรกของเรา อย่างที่ท่าน Heidelberg Catechism กล่าวไว้ ความชั่วช้าของมนุษย์มา “จากการหลงผิดและไม่เชื่อฟังของบรรพบุรุษของเรา นั่นคืออาดามและเอวาในสวนเอเดน การหลงผิดนี้จึงเป็นเหมือนยาพิษที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเกิดมาเป็นคนบาป – เป็นทั้งความชั่วทางด้านความคิดด้วย” (The Heidelberg Catechism, Question seven). ความชั่วนี้สังเกตุได้จากการที่มนุษย์ต่อต้านพระเจ้า “เหตุว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า” (โรม 8:7) และการตั้งตัวเป็นศัตรูนี้มาจนถึงในยุคของพระคริสต์ ผู้เป็นพระบุตรของพระเจ้า ความชั่วนี้จะเห็นได้จากการที่พวกทหารโรมันได้จับกุมพระองค์ “แล้วเขาก็ถ่มน้ำลายรดพระองค์ และเอาไม้อ้อนั้นตีพระเศียรพระองค์” (มัทธิว 27:30) ความชั่วช้านี้เห็นได้จากปีลาต “โบยตีพระเยซูแล้ว ท่านก็มอบพระองค์ให้ถูกตรึงที่กางเขน” (มัทธิว 27:26). ความชั่วช้านี้เห็นได้จากการที่ฝูงชนร้องตะโกนให้ตรึงพระองค์ไว้บนไม้กางเขน “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3) I. หนึ่ง ความเลวทรามทำให้มนุษย์ดูถูกและปฏิเสธพระคริสต์ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง…” (อิสยาห์ 53:3) นี่คือการปฏิเสธที่มนุษย์ได้กระทำต่อพระองค์ในยุคปัจจุบันนี้ เราจะเห็นได้จากปกนิตยสารของอเมริกาอย่างเช่น ไทม์ และหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่เขียนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและอิสเตอร์ ข่าวนี้มักจะกล่าวถึงเรื่องราวของพระคริสต์ออกมาเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนธันวาคมและและช่วงเดือนเมษายน แต่ถ้าดูเรื่องราวของพระเยซูจากการตีพิมพ์นี้ คุณไม่มีวันที่จะเข้าใจได้ เพราะพวกเขาเลือกภาพวาดตามยุคสมัยลงไว้ในปกนิตยสารเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง พวกเขาให้พวกนักศาสนศาสตร์สายเสรีนิมมาเขียน เพราะคนเหล่านี้ปฏิเสธว่าพระองค์ว่าพระบุตรของพระเจ้า และความรอดอยู่แล้ว ผมเชื่อว่าการตีพิมพ์นั้นมาจากกลุ่มปนะเทศของสหราชอาณาจักร และจากนิตยสารทั่วโลก นอกจากนี้พระองค์ยังถูกต่อต้านอย่างเปิดเผยจากทางรายการทีวีและภาพยนต์ด้วยเช่นกัน ถ้าคุณเรียนอยู่ในโรงเรียนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย คุณจะสังเกตเห็นว่าพวกอาจารย์ที่สอนในนั้นต่างก็พูดถึงพระคริสต์และคริสเตียนไปในทางที่ผิดๆ นอกจากนี้พวกเขาเหล่านั้นยังกล่าวเพื่อโจมตีพระคริสต์ด้วยเช่นกัน “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) เพื่อนที่โรงเรียนหรือที่ทำงานก็ตาม พูดถึงพระคริสต์แบบแช่งด่า และก็พูดถึงพระคริสต์ไปในทางที่เสียๆหายๆ ถ้าคุณมาจากครอบครัวที่ไม่เป็นคริสเตียน คุณไม่สามารถขอการพึ่งพาจากคนเหล่านั้น! เพราะคุณรู้อยู่แก่ใจว่าพ่อแม่ญาติพี่น้องเหล่านั้นต่างก็ปฏิเสธพระผู้ช่วย มีคนหลายคนทีเดียวที่ต้องถูกเยาะเย้ยถึงในสิ่งที่คนพูดถึงพระคริสต์ – โดยเฉพาะผู้เชื่อในพระองค์ที่อยู่ในคณะแบ๊บติสต์อย่างเอาจริงเอาจัง ผู้เชื่อเหล่านั้นล้วนถูดชาวโลกนับว่าเป็นศัตรูของพวกเขา “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง” (อิสยาห์ 53:3) II. สอง การทำชั่วของมนุษย์ทำให้พระคริสต์ทรงโศกเศร้าและเสียพระทัย “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์…” (อิสยาห์ 53:3) อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระองค์ทรงเสียพระทัย? ไม่มีอะไรอีกนอกจากการตั้งตัวเป็นศัตรูและการปฎิเสธพระองค์! ตอนที่พระองค์ยังอยู่ในโลกนี้ พวกฟารีสี พวกธรรมจารย์ต่างก็ตั้งตัวเป็นศัตรู และปฏิเสธกับพระองค์อย่างเอาจริงเอาจัง พระองค์จึงทรงร้องไห้ออกจากส่วนลึกภายในว่า: “โอ เยรูซาเล็มๆ ที่ได้ฆ่าบรรดาศาสดาพยากรณ์และเอาหินขว้างผู้ที่ได้รับใช้มาหาเจ้าให้ถึงตาย เราใคร่จะรวบรวมลูกของเจ้าไว้เนืองๆ เหมือนแม่ไก่กกลูกอยู่ใต้ปีกของมัน แต่เจ้าไม่ยอมเลยหนอ” (ลูกา 13:34) จิตใจของพระองค์ทรงแตกสลายเพราะการโศกเศร้าเสียพระทัยนี้ เพราะเหตุบาปของมนุษย์ได้ตกลงมาที่พระองค์ในสวนเกทเสมเน คืนก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงที่กางเขน “พระเสโทของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44) พระเจ้าของฉันบังเกิดเพราะบาปของฉัน อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พระองค์ต้องพบกับความทุกทั้งทางด้านร่างกายและฝ่ายจิตวิญญาณ ใช่บาปของคุณหรือเปล่า? อะไรคือสาเหตุทำให้พระองค์มีความเศร้าโศกและเสียพระทัย? ถ้าไม่ใช่การตั้งตัวเป็นศัตรูและความชั่วช้าของคุณ ที่ทำให้การพิพากษาของพระเจ้าต้องลงมาที่พระองค์ ที่ทำให้พระองค์ต้องแบกเอาบาปของคุณที่สวนเกทเสมเนและจนถึงที่กางเขน? เมื่อพระองค์ ผู้เป็นกษัตริย์ผู้ทรงพระสง่าราศี เสด็จมา อะไรที่ยังอยู่ภายในตัวคุณที่ทำให้พระองค์ต้องเศร้าและเสียพระทัย ตอนที่พระองค์ทรงมองดูคุณจากสวรรค์? พระองค์ทรงเศร้าและเสียพระทัยเพราะคุณ เหตุที่คุณดูถูกและต่อต้านพระองค์ แม้คุณอาจจะบอกว่าคุณรักพระองค์ก็ตาม แต่ใบหน้าของคุณบ่งบอกว่าคุณเกลียดและปฏิเสธพระองค์ กรุณาสัตย์ซื่อกับตัวเอง! ถ้าคุณไม่ดูถูกและปฏิเสธพระองค์ แล้วเหตุใดที่ทำให้คุณไม่ยอมที่จะวางใจในพระองค์? การทีคุณปฏิเสธที่จะวางใจในพระองค์นั้นคือเหตุผลใหญ่ที่ทำให้พระองค์เศร้าและเสียพระทัยในตอนเย็นนี้ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้…” (อิสยาห์ 53:3) III. สาม การลุ่มหลงอยู่ในกิเลสทำให้มนุษย์ต้องหลบหน้าพระคริสต์ กรุณาดูไปที่ข้อนี้ในประโยคที่สาม “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ ดร. กิลล์ กล่าวว่า “และเราหลบหน้าคือการที่เราไม่รับพระองค์ ทำยังกับพระองค์เป็นคนที่น่าขยะแขยงและน่ารังเกียจ และเหมือนกับพระองค์เป็นที่น่าเกลียด และเกลียดชังพระองค์ เยาะเย้ยพระองค์ ดูพระองค์ไร้ค่า” (John Gill, D.D., An Exposition of the Old Testament, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, volume I, pp. 311-312). จากธรรมชาติแห่งความชั่วของมนุษย์ทำให้พวกเขาหลบหน้าพระคริสต์ พวกเขาอาจจะเหมือนอย่างที่ ดร. ยัง กล่าวเอาไว้ “พูดสิ่งที่ดีๆและขอบคุณสิ่งต่างๆเกี่ยวกับพระองค์…[แต่] พวกเขาไม่เคยเลย แต่อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาเป็นคนบาป ที่สมควรที่จะถูกลงโทษตลอดไป และการสิ้นพระชนม์ของพระคริสต์ที่ตายแทน เพื่อเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระบิดาและเพื่อนำคนบาปกัลคืนดีกับพระเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่เคยรับในสิ่งที่อยู่ในพระบุตรของพระเจ้า” (เล่มเดียวกัน) ศาสนาของคนที่ไม่เชื่อพระเจ้านั้นปฏิเสธพระคริสต์อย่างสิ้นเชิง นอกจากนั้นยังบอกว่าพระองค์เป็นเพียวแค่ “ผู้เผยพระวัจนะ” หรือครูสอนศาสนา” นั่นแหละเหตุที่พวกเขาปฏิเสธความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์อย่างที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ ลัทธิต่างๆก็ปฏิเสธพระองค์ พวกเขาปฎิเสธคริสต์ศาสนาดั้งเดิมและความเป็นจริงเกี่ยวกับพระองค์ “เพราะว่าถ้าคนใดจะมาเทศนาสั่งสอนถึงพระเยซูอีกองค์หนึ่ง” (2 โครินธ์ 11:4) พระเยซูทรงกล่าวล่วงหน้าว่า “ด้วยว่าจะมีพระคริสต์เทียมเท็จและผู้พยากรณ์เทียมเท็จเกิดขึ้นหลายคน” (มัทธิว 24:24) มีพระคริสต์เดียวที่แท้จริงนั่นคือผู้ที่พระคัมภีร์เดิมและใหม่กล่าวเอาไว้ ความคิดต่างๆที่พูดถึงพระคริสต์นั้นต่าง “เท็จการทั้งนั้น” หรืออย่างที่อาจารย์เปาโลกล่าวเอาไว้ “เพราะว่าถ้าคนใดจะมาเทศนาสั่งสอนถึงพระเยซูอีกองค์หนึ่ง” พวกมอร์มอนก็มีพระคริสต์เท็จ พวกพยานพยะโฮวาห์ก็มีพระคริสต์เท็จ พวกอีเวนจีลีคอล์ก็มี “พระวิญญาณของพระคริสต์ที่เท็จ” พวกจีนอสติส (gnostic) อย่างที่ ดร. มิเชลล์ ฮอร์ตัน อธิบายในหนังสือของท่านที่ชื่อ คริสเตียนที่ไม่มีพระเจ้า หรือ Christless Christianity (Baker Books, 2008). ผู้คนที่เชื่อในพระคริสตืเทียมเท็จนั้นก็จะพยายามหลบหน้าพระคริสต์ที่ปรากฏในพระคัมภีร์ และก็น่าเศร้าเพราะมันคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในกลุ่มที่เรียกอีเวนจีลีคอล ดร. เอ ดับบริว์ โทเซอร์ ท่านเป็นหนึ่งในนักเขียนที่มีชื่อเสียงของกลุ่มอีเวนจีลีคอล กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า มีพระคริสต์จอมปลอมอยู่มากมาย [ปลอม] ท่ามกลางพวกเรา [อีเวนจีลีคอล] ในทุกวันนี้ จอห์น โอเวน ท่านเตือนผู้คนว่าในสมัยของท่านว่า “พวกได้จินตนากันพระคริสต์อย่างคุณเห็นและก็พอใจในพระคริสต์และความรอดตามที่พวกคุณจินตนากันไว้”…แต่ในความเป็นจริงนั้นมีพระคริสต์แท้เพียงผู้เดียว และพระเจ้าก็ตรัสว่านี่คือพระบุตรองค์เดียวของพระองค์…แม้ว่าแต่คนที่รึถึงฐานะของพระองค์ก็ยังไม่สามารถจำพระองค์ได้ เราได้รับการยืนยันว่าตอนที่พระองค์อยู่ในโลกนี้พระองค์คือพระเจ้าอยู่กับมนุษย์ แต่เราก็มองข้ามความสำคัญและความจริงเกี่ยวกับพระองค์ นั่นคือตอนนี้พระองค์สถิตอยู่บนบังลังก์ [บนสวรรค์] พระองค์คือมนุษย์ที่อยู่กับพระเจ้า ตามที่ปรากฏพระคมภีร์ใหม่จะกล่าวไว้ว่า ณ ตอนนี้ เวลานี้ มีมนุษย์คนหนึ่งอยู่บนสวรรค์กับพระเจ้าเพื่อพวกเรา พระองค์ทรงเป็นมนุษย์อย่างกับอาดาม หรือโมเสส หรืออาจารย์เปาโล พระองค?คือมนุษย์ที่ทรงด้วยสง่าราสี ทุกวันนี้พระองค์ก็ยังเป็นมนษย์ และเชื้อแห่งการเป็นมนุษย์ ธรรมชาติแห่งความชั่วแห่งใจของมนุษย์นั้นคือสาเหตุที่ทำให้พวกเราต้องหลบหน้าจากพระคริสต์ “และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้” (อิสยาห์ 53:3) IV. สี่ ความชั่วคือสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มองพระคริสต์อย่างไร้ค่า ให้ดูตอนท้ายของข้อนี้ ขอให้เรายืนขึ้นและอ่านดังๆในตอนประโยคสุด้ทาย เริ่มด้วยคำพูดเหล่านี้ม “พระองค์ถูกเกลีดชัง….” “ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3) นั่งลงได้ ในขณะที่พูดถึงคำเหล่านี้ “เราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” นับเทศน์อย่าง “สเปอร์เจียนกล่าวว่า” นี่น่าจะเป็นหลักการอธิษฐานสารภาพบาปให้กับคนทั่วโลก จากจุดที่สุงที่แห่งการเป็นพระมหากษัตริย์ลงมาถึงจุดต่ำต้อย [ต่ำสุด] อย่างลูกชาวไร่ชาวนา จากผู้ที่มีความรอบรู้ไปที่ๆไม่มีอะไรเลย จากที่เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกคนสู่ที่ๆไม่มีใครรู้จักและให้ความสำคัญ นี่ควรจะอยู่คำสารภาพบาปของเรา: เราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน”…จากจุดๆหนึ่ง “ไม่ได้นับถือท่าน [ก่อนที่พวกเขาจะกลับใจ]” (C. H. Spurgeon, “Why Christ is Not Esteemed,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, 1978 reprint, volume LIII, p. 157). ในบทเทศนาเดียวกัน ชื่อหัวข้อ “พระคริสต์ไม่ได้รับการยอมรับนับถือ” ท่านสเปอร์ให้เหตุผลสี่อย่างที่กล่าวถึงทำไมคนถึงไม่นับถือพระองค์ม ทำไม้คนที่ไม่เชื่อถึงไม่เห็นคุณค่าของพระองค์ ไม่นมัสการพระองค์ เหตุผลของท่านสเปอร์เจียนมีไว้ดังนี้: (1) มนุษย์ไม่ให้เกียรติพระองค์เพราะว่าพวกเขาตั้งตัวสูงกว่าที่จะเป็น “การนับถือตัวเอง” ท่านกล่าวว่า “เอาพระคริสต์ออก…และก็นับถือตัวเองให้มากขึ้น ยิ่งเรายิ่งเชิดชูตัวเรา [ปิด] ประตูต่อพระองค์และต่อต้านพระองค์ การรักตัวเองป้องกันการรักพระผู้ช่วยให้รอด” (2) มนุษย์ไม่นับถือพระองค์เพราะว่าพวกเขายกโลกนี้สุงเกินไป สเปอร์เจียนกล่าวว่า “พวกเขาเทิดทุนโลกนี้ไม่ใช่เพราะเรารักมันแต่เพราะความโง่” (3) เราไม่เห็นพระองค์ไร้ค่าเพราะว่าพวกเขาไม่รู้จักพระองค์ สเปอร์เจียนกล่าว่า “ต่าวกันมากกับสองคำนี้การรู้เกี่ยวกับพระคริสต์ และการรู้จักกับตัวของพระคริสต์เอง…คนที่คิดพระองค์ไปในทางที่ผิดไม่เคยรู้จักพระองค์…’เราไม่นับถือพระองค์’…เพราะว่าไม่รู้จักกับพระองค์” (4) คนไม่เห็นคุณค่าของพระคริสต์เพราะว่าพวกเขาตายแล้วในด้านจิตวิญญาณ สเปอร์เจียนกล่าวว่า “ไม่ควรแปลกใจกับการที่เราไม่นับพระองค์ เพราะเราตายแล้วในฝ่ายวิญญาณ…เรา ‘ตายแล้วเหตุการล่วงละเมิดและบาป’ และเหมือนอย่างลาซารัสที่อยู่ในถ้ำเก็บศพ เราจะกลายเป็นคนชั่วและชั่วในทุกๆขณะที่ผ่านพ้นไป” นี่คือเหตูผลต่างๆที่ท่านสเปอร์เจียนกล่าวถุงทำไมคนถึงปฏิเสธพระผู้ช่วยให้รอด นั่นคือความจริงที่พวกเขาเห็นพระองค์ไร้ค่า ผมก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่าพระธรรมข้อนี้กำลังจะประยุกต์ใช้กับพวกคุณกันอย่างไร? “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3) พระคำตอนนี้ทำให้คุณว่าคุณคือคนชั่วคนหนึ่งด้วยหรือเปล่า ใจของคุณยังแข็งกระด้างต่อพระคริสต์หรือไม่? ใจของคุณคิดสักนิดหรือเปล่าว่าคุณทำสิ่งชั่วเอาไว้ นั่นคือการปฏิเสธพระคริสต์และไม่ให้เกียรติพระองค์ ถ้าใจของคุณรู้สึกถึงสิ่งชั่วเช่นนี้ ผมขอบอกว่ามีทางเดียวที่ช่วยคุณได้นั่นคือพระคุณของพระเจ้า อย่างที่จอห์น นิวตันแต่วบทเพลงนี้เอาไว้ พระคุณพระเจ้า นั้นแสนชื่นใจ ถ้าคุณยังรู้สึกว่ายังมีใจที่แข็งกระด้างและต่อต้านพระคริสต์ และคุณรู้สึกถึงความชั่วร้ายทุกอย่างที่ได้ปฏิเสธพระองค์ คุณจะยอมจำนนต่อพระคริสต์ในเวลานี่หรือไม่ คุณจะวางใจในพระคริสต์ คนที่ชาวโลกต่างพากันเกลียดชังและปฏิเสธหรือไม่? ตอนที่คุณเข้ามาวางใจในพระเยซูคุณจะได้รับความรอดและรอดจากบาปโดยสิ้นเชิง โดยทางพระโลหิตของพระคริสต์ผู้ทรงชอบธรรม อาเมน (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยศิษยาภิบาล: อิสยาห์ 52:13-53:3 |
โครงร่างของ พระคริสต์ – ผู้ที่โลกเห็นว่าไร้ค่า (บทเทศนาตอนที่ 4 ในพระธรรมอิสยาห์ 53) โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3) (โรม 8:7; มัทธิว 27:20, 26) I. หนึ่ง ความเลวทรามทำให้มนุษย์ดูถูกและปฏิเสธพระคริสต์ II. สอง การทำชั่วของมนุษย์ทำให้พระคริสต์ทรงโศกเศร้าและเสียพระทัย III. สาม การลุ่มหลงอยู่ในกิเลสทำให้มนุษย์ต้องหลบหน้าพระคริสต์ IV. สี่ ความชั่วคือสาเหตุที่ทำให้มนุษย์มองพระคริสต์อย่างไร้ค่า อิสยาห์ 53:3d. |