เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
การเสด็จสู่สววรค์ของพระคริสต์ THE ASCENSION OF CHRIST โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเช้าของวันที่ 10 เดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร “เหตุฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปเป็นเชลยอีก และประทานของประทานแก่มนุษย์” (เอเฟซัส 4:8) |
คนเยบุสเคยเป็นศัตรูของพวกอิสราเอล พวกเขาก็ครอบครองเมืองเยรูซาเร็มมานานก่อนที่พระเจ้าจะยกให้กับคนของพระองค์ ดาวิดและคนของท่านคือพวกที่เข้ามาครอบครองเมืองนี้ ท่านจำได้ตอนที่ทหารของท่านขึ้นไปยังจุดสูงสุดของตัวเมืองเยรูซาเร็ม นั่นคือจุดสุดยอดบนภูเขาของพระเจ้าเรียกว่าซีโอน ที่ๆคริสตจักรของพระเจ้าก่อตั้งไว้ที่นั่น ด้วยบทเพลงที่ร้องชื่นชมยินดี ดาวิดได้นำหีบพันธสัญญาไปไว้บนภูเขานั้น ที่ๆควรจะเก็บมันไว้ที่นั่น แต่ดาวิดกลับมองไกลไปกว่านั้น ท่านมองเห็นการเสด็จสู่สวรรค์ของพระคริสต์ ท่านนำคนบาป และได้รับชัยชนะเพื่อคนของพระองค์ ดังนั้นพระองค์จึงอยู่ท่ามกลางพวกเขาอย่างพระเจ้า พระผู้ช่วยให้รอด ท่านจึงเขียนไว้ในพระธรรมสดุดีบทที่ 68 ไว้ดังนี้ว่า “พระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปเป็นเชลยอีก และรับของประทานเพื่อมนุษย์ และรับเพื่อผู้ที่กบฏด้วย เพื่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าจะทรงประทับท่ามกลางพวกเขา” (สดุดี 68:18) หนึ่งพันปีหลังจากนั้น อาจารย์เปาโลได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยนำพระธรรมตอนนี้มาประยุกต์ใช้ ท่านจึงได้อ้างพระธรรมสดุดีบทที่ 68:18 ว่าเป็นการกล่าวถึงการเสด็จสวรรค์ของพระเยซูคริสต์ “เหตุฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปเป็นเชลยอีก และประทานของประทานแก่มนุษย์” (เอเฟซัส 4:8) พระเยซูทรงเสด็จจากสวรรค์ลงมาบังเกิดเป็นทารกน้อยนอนอยู่ในรางหญ้าที่เมืองเบ็ธเลเฮ็ม พระองค์ยังดำเนินต่อไปถึงที่ “ท่านได้ถูกมนุษย์ดูหมิ่นและทอดทิ้ง เป็นคนที่รับความเศร้าโศกและคุ้นเคยกับความระทมทุกข์ และดังผู้หนึ่งซึ่งคนทนมองดูไม่ได้ ท่านถูกดูหมิ่น และเราทั้งหลายไม่ได้นับถือท่าน” (อิสยาห์ 53:3) ท่านยังเสด็จต่ำไปกว่านั้นคือตอนที่บาปของเราลงมาที่พระองค์ในสวนเกทเสมนี ตอนที่ท่านเจ็บปวด ส่งเสียงร้อง และเหงื่อ “ของพระองค์เป็นเหมือนโลหิตไหลหยดลงถึงดินเป็นเม็ดใหญ่” (ลูกา 22:44) พระองค์เสด็จไปต่ำกว่านั้น “จนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน” (ฟีลิปปี 2:8) พระองค์เสด็จลงต่ำไปถึงที่ถูกฝังอยู่มนถ้ำ เหมือนอย่างที่อาจารย์เปาโลกล่าว่า “จะหมายความอย่างอื่นประการใดเล่า นอกจากว่าพระองค์ได้เสด็จลงไปสู่เบื้องต่ำของแผ่นดินโลกก่อนด้วย” (เอเฟซัส 4:9) ท่านลงไปไกลและมืดมิด ลงไปสู่ความอัปยศอดสูและความตาย ที่ท่านต่องตายและร้องออกมาว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย” (มัทธิว 27:46) ท่านเสด็จไปในถ้ำที่พวกทหารโรมันปิดประตูถ้ำและเฝ้าดูอย่างแน่นหนา แต่ตอนเช้าของวันที่สาม เกิดแผ่นดินไหว นั่นคือทูตสวรรค์ได้เลื่อนฝ่าปิดประตูถ้ำออก พระเยซูทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และเดินออกจากถ้ำแห่งความมืดในเช้าของวันอาทิตย์! ฮาเลลูยา! ฮาเลลูยา! ฮาเลลูยา! เช้าที่สดไสแห่งวันอิสเตอร์นั้นคือวันที่พระคริสต์ทรงเริ่มต้นเสด็จไปบนที่สูง! เป็นการพิสูจน์ว่าพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายด้วยร่างกายแท้ พระองค์ประทับอยู่บนโลก และ “ได้ทรงปรากฏแก่เขาทั้งหลายถึงสี่สิบวัน และได้ทรงกล่าวถึงเรื่องอาณาจักรของพระเจ้า” (กิจการ 1:3) มารีย์ แม็กดาลี และยากอบได้พระองค์เพียงลำพัง แต่สาวกอีกสิบคนเห็นพระองค์ในขณะที่พระองค์มาปรากฏท่ามกลางของพวหเขา “เขาก็เอาปลาย่างชิ้นหนึ่งกับรวงผึ้งชิ้นหนึ่งมาถวายพระองค์” (ลูกา 24:42) ชายสองคนที่เดินทางไปที่เมืออิมมาอุสได้พูดกับพระองค์ คนห้าพันคนเห็นพระองค์ในเวลาเดียวกัน พระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกว่า “จงคลำตัวเราดู เพราะว่าผีไม่มีเนื้อและกระดูกเหมือนท่านเห็นเรามีอยู่นั้น” (ลูกา 24:39) โทมัสได้เอาจิ้มไปที่แผลที่มือและแผลที่อยู่ที่ข้างกายของพระองค์ คือแผลที่ถูกแทงด้วยทวนของพวกทหารโรมันที่กางเขน แผลเหล่านั้นต่างก็พิสูจน์ว่าพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์จริงๆ และแผลที่โทมัสได้สัมผัสด้วยมือของเขานั้นก็พิสูจน์ว่าพระองค์เป็นขึ้นมาจากความตาย การเป็นขึ้นมาของพระคริสต์นั้นจึงไม่เป็นที่สงสัยใดๆ! ฮาเลลูยา! ฮาเลลูยา! ฮาเลลูยา! หลังจากที่พระองค์พิสูจน์ให้พวกเขาว่าเห็นแล้วว่าพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายอย่างแท้จริง พระองค์ก็พาเหล่าสาวกที่ถูเขามะกอกเทศ ในขณะที่พวกเขากำลังมองอยู่นั้น “พระองค์ก็ถูกรับขึ้นไป และมีเมฆคลุมพระองค์ให้พ้นสายตาของเขา” (กิการ 1:9) ดังนั้นนักแต่งกลอนท่านนี้จึงกล่าวไว้อย่างถูกต้องว่า เสียงเงินและเสียงทอง นั่นคือเสียงของทูตสวรรค์ พระเยซูคริสต์เสด็จกลับสู่สวรรค์ที่ๆพระองค์เคยประทับ โอ้ พระคริสต์ ทรงเป็นกษัตริย์ของจักรวาล! ทรงเป็นพระบุตรของพระเป็นเจ้า! พระองค์ประทับอยู่บนสวรรค์ ทงรครอบครองด้วยสง่าราศี ทรงสวมด้วยฤทธิ์อำนาจ กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลาย พระองค์แห่งคนทั้งหลาย! เยซู พระผู้ข่วย ทรงปกครองตลอดและตลอดไป เรากลับมาที่เนื้อหาของเรา “เหตุฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปเป็นเชลยอีก และประทานของประทานแก่มนุษย์” (เอเฟซัส 4:8) จากเนื้อนี้เราเห็นความจริงสามประการที่พูดถึงการเสด็จกลับสู่สวรรค์ของพระคริสต์ I. หนึ่ง ชัยชนะของพระคริสต์เห็นได้จากการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ พระคริสต์เสด็จมาในโลกนี้คือเพื่อมาต่อสู้กับศัตรูของพระเจ้าและมนุษย์ การต่อสู้ที่พบนี้ไม่ใช่ฝ่านเนื้อหนังและเลือด “ไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือดแต่ต่อสู้กับเทพผู้ครอบครอง ศักดิเทพ เทพผู้ครองพิภพในโมหะความมืดแห่งโลกนี้ ต่อสู้กับเหล่าวิญญาณที่ชั่วในสถานฟ้าอากาศ” (เอเฟซัส 6:12) พระคริสต์ต่อสู้กับความบาป ความตาย และนรก พระองค์ทรงต่อสู้กับผู้ที่เกลียดพระเจ้าและรักศาสนาแบบจอมปลอม พระองค์ทรงต่อสู้พญามารกับสมุนของมัน พระองค์ทรงต่อสู้กับพวกมันจงถึงขั้นเหงื่อไหลออกมาเป็นเลือด และ “เพราะท่านเทจิตวิญญาณของท่านถึงความมรณา” (อิสยาห์ 53:12) แต่ตอนการต่อสู้นี้สิ้นสุดลง พระองค์เป็นขึ้นมาจากความตายด้วยชัยชนะและเสด็จกลับสู่พระบิดา! ความอับอาย ความทุกข์ และการเยาะเย้ยต่างๆ ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังของพระองค์ พระองค์ไปไกลเกินกว่าที่พวกฟาริสีและพวกสะดูสีจะเยาะเย้ยได้อีก ยูดาสไม่อาจจุบพระองค์ได้อีก ปีลาตไม่เฆี่ยนพระองค์ได้ เฮโรคไม่อาจเย้ยพระองค์อีก พระองค์ทรงประทับเบื้องบนไกลเกินที่ศัตรูจะทำร้ายพระองค์ได้อีก! พระองค์ผู้เสด็จมาช่วยเรา พระองค์ได้หลั่งเลือดและสิ้นพระชนม์ พันธกิจของพระองค์ในโลกนี้สำเร็จแล้ว ตอนที่พระองค์ทรงร้องที่กางเขนว่า “มันสำเร็จแล้ว” ไม่มีอะไรอีกแล้วที่จะต้องทำเพื่อรับเอาความรอดอีก พระองค์ทรงประทับอยู่บนบัลลังก์ทรงแก้ต่างเพื่อเราอย่างมหาปุโรหิต ตอนนี้พระนามของพระองค์อยู่เหนือนามทั้งปวง และทุกอย่างก็ถูกวางไว้ใตเพระบาทของพระองค์! นี่ พระคริสต์ผู้เราไว้วางใจ ผู้ที่เรารัก! เราจึงไม่ควรลืมในสิ่งดีที่รับผ่านมาทางพระองค์ นั่นคือพระพรที่รับผ่านมาทางพระองค์ “พระองค์เสด็จสู่เบื่องบน” “พระองค์ทรงนำคนที่เป็นทาส พระองค์ประทานพระพรให้แก่คน” ขอให้เราจงชื่นชมยินดีกับการที่พระคริสต์เสด็จกลับสู่บัลลังก์ การเสด็จสู่เบื้องบนคือข้อพิสูจน์ถึงชัยชนะของพระองค์ และคือหลักฐานที่แสดงถึงชัยชนะของพระองค์! ทุกอย่างที่ต้องการความรอดตอนนี้พบแล้วที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ เป็นความจริง เสียงตะโกนที่ว่า “สำเร็จแล้ว” – ทุกอย่างที่ต้องการความรอดตอนนี้พบแล้วที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ด้วยสง่าราศี II. สอง พระองค์เสด็จสู่สวรรค์แสดงถึงชันะเหนือทุกศัตรู “ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ ทรง นำ พวกเชลย ไปด้วย” เราเคยเป็นทาส เราเป็นทาสของบาป เราเป็นทาสของซาตาน “คือวิญญาณที่ครอบครองอยู่ในบุตรแห่งการไม่เชื่อฟัง” (เอเฟซัส 2:2) เราเป็นทาสของโชคชะตา ถูกสาปแช่ง เป็นทาสของใจที่มีแต่การหลอกลวง “แต่พระคริสคริสต์ทรงนำเชลยนั้นออก” อย่าลืมว่าเราต่างก็ถูกจับโดยศัตรู อย่าลืมว่าเราเคยเป็นทาสที่อยู่อย่างสิ้นหวังเหมือนอย่างลูกหลานของคนอิสราเอลในอียีตป์ และเหมือนฟาโรห์ ซาตานจะทำให้พบกับความโหดร้าย แต่พระคริสต์ และโมเสสของเราทำให้เราเป็นไท! และที่การเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ “พระองค์ ทรง นำ พวกเชลย” โอ้ จงสรรเสริญพระนามอันบริสุทธิ์ของพระองค์! และไม่เป็นที่สงสัยว่าเรายังมีใครบางคนในเช้านี้ที่ยังเป็นทาสของซาตาน เจ้าชายแห่งความมืด คุณถูก “ผู้ซึ่งดักจับเขาไว้ให้ทำตามความประสงค์ของมัน” (2 ทิโมธี 2:26) แต่พระคริสต์ทรงเสด็จกลับสู่สวรรค์เพื่อเพื่อนำคุณออกจากอสูรชั่วนี้! จงวางใจในพระคริสต์ผู้ฟื้นคืนพระชนม์! ผมรู้ว่านี่คือความจริงเพราะพระคริสต์ทรงกระทำให้ผมเอง! “ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ ทรง นำ พวกเชลยไปด้วย” และช่วยผมด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์! พระองค์ทรงฉุดฉันขึ้นจากหลุมทราย III. สาม พระองค์เสด็จสู่สวรรค์และประทานของประทานให้เรา พระวัจนะกล่าวว่า “ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปด้วย และ ประทาน ของประทาน แก่ มนุษย์ (เอเฟซัส 4:8) ตามบริบทในพระธรรมเอเฟซัสในบทที่สี่ ให้เราอ่านของประทานบางอย่างที่พระองค์ประทานให้เราในเวลาที่พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ “พระองค์ผู้เสด็จลงไปนั้น ก็คือพระองค์ผู้ที่เสด็จขึ้นไปสู่เบื้องสูงเหนือฟ้าสวรรค์ทั้งปวงนั่นเอง เพื่อจะได้ทำให้สิ่งสารพัดสำเร็จ พระองค์จึงให้บางคนเป็นอัครสาวก บางคนเป็นศาสดาพยากรณ์ บางคนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐ บางคนเป็นศิษยาภิบาล และอาจารย์” (เอเฟซัส 4:10-11) พระองค์ประทานพวกอัครสาวกให้เรา เพราะท่านเหล่านั้นส่วนใหญ่ได้เขียนพระธรรมพระคัมภีร์ใหม่ให้เราได้อ่าน พระองค์ประทานพวกผู้เผยพระวัจนะเพื่อเตือนเราทั้งหลาย พระองค์ประทานนักประกาศเพื่อประกาศพระกิตติคุณให้เรา พระองค์ประทานศิษยาภิบาลเพื่อมานำเรา พระองค์ประทานครูผู้สอนเพื่ออธิบายพระคัมภีร์และให้เรานำไปประยุกต์ใช้ พระองค์ประทานบุคคลที่มีของประทานเหล่านี้ให้เรา “เพื่อเตรียมวิสุทธิชนให้ดีรอบคอบ เพื่อช่วยในการรับใช้ เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสต์ให้จำเริญขึ้น อวัยวะทุกส่วนทำงานเพื่อเป้าหมายเดียวกัน จนกว่าเราทุกคนจะบรรลุถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในความเชื่อและในความรู้ถึงพระบุตรของพระเจ้า จนกว่าเราจะโตเป็นผู้ใหญ่เต็มที่คือเต็มถึงขนาดความไพบูลย์ของพระคริสต์เพื่อเราจะไม่เป็นเด็กอีกต่อไปถูกซัดไปซัดมาและหันไปเหมาด้วยลมปากแห่งคำสั่งสอนทุกอย่าง และด้วยเล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาดอันเป็นการล่อลวง แต่ให้เราพูดความจริงด้วยใจรักเพื่อจะจำเริญขึ้นทุกอย่างสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์คือเนื่องจากพระองค์นั้น ร่างกายทั้งสิ้นที่ติดต่อสนิทและผูกพันกันโดยที่ทุกๆข้อต่อได้ช่วยชูกำลังตามขนาดแห่งอวัยวะทุกส่วน ร่างกายนั้นจึงได้จำเริญเติบโตขึ้นเองด้วยความรัก” (เอเฟซัส 4:12-16). อาเมน! ให้เราอ่านพระธรรมที่เขียนโดยพวกอัครทูต พวกเขาคือของประทานที่ทรงประทานให้เราเพราะเหตุที่ต้องเสด็จสู่สวรรค์! จงฟังถ้อยคำของผู้เผยพระวัจนะ เราพระพรจากคนเหล่านั้น พระคำเหล่านั้นล้วนเป็นของประทานเพราะเหตุที่พระองค์ต้องเสด็จสู่สวรรค์! จงเชื่อฟังศิษยาภิบาลของท่าน และขอบพระคุณพระองค์เพราะท่านเหล่านี้ เพราะท่านเป็นของประทานที่ประทานให้เราเหตุที่พระองค์ต้องเสด็จสู่สวรรค์ จงทำตามอย่างบุคคลที่เป็นของประทานที่พระเจ้าประทานให้ท่าน! ใช่ พระองค์ “ทรงประทานของปะทานให้กับมนุษย์” สรรเสริญพระนามของพระองค์! ยังมีของประทานอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญที่พระองค์ทรงสัญญาณให้เราก่อนที่จะเสด็จสู่สวรรค์ นั่นคือการเสด็จมาครั้งที่สอง พระองค์เสด็จมาบนโลกและเสด็จสู่สวรรค์ และทรงให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ว่า “และถ้าเราไปจัดเตรียมที่ไว้สำหรับท่านแล้ว เราจะกลับมาอีกรับท่านไปอยู่กับเรา เพื่อว่าเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย” (ยอห์น 14:3) พระสัญญาที่กล่าวถึงการเสด็จมาครั้งที่สองนั้นนั้นสำคัญและเป็นความจริงต่อคริสเตียนทุกคน “แต่พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่อยากให้ท่านไม่ทราบถึงเรื่องคนเหล่านั้นที่ล่วงหลับไปแล้ว เพื่อท่านจะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าอย่างคนอื่นๆที่ไม่มีความหวัง” (1 เธสะโลนิกา 4:13) คนที่อยู่บนโลกใบนี้ไม่มีความหวังใดๆเลย! แต่คริสเตียนมีชีวิตอยู่ด้วยความหวัง “ด้วยว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเองจะเสด็จมาจากสวรรค์ ด้วยเสียงกู่ก้อง ด้วยสำเนียงของเทพบดี และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และคนทั้งปวงที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นเราทั้งหลายซึ่งยังเป็นอยู่และเหลืออยู่ จะถูกรับขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น เพื่อจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละเราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ เหตุฉะนั้นจงปลอบใจกันและกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด” (1 เธสะโลนิกา 4:16-18) นี่ คือความหวังของเรา แม้แต่ “คอยความหวังอันมีสุข และการปรากฏอันทรงสง่าราศีของพระเจ้าใหญ่ยิ่ง และพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา” (ตีตัส 2:13) “พระพรแห่งความหวัง” – ของพระคริสต์ได้กลับมาบนโลกนี้อีกนั้นเป็นหนึ่งในของประทานที่สำคัญที่ยืนยันโดยการที่พระองค์เสด็จสู่สววรค์ พระองค์เสด็จกลับสู่สวรรค์ก็ยืนยันว่าพระองค์จะเสด็จมาอีก! ตอนที่พระองค์เสด็จสู่สวรรคนั้น ทูตสสวรรค์ได้กล่าวว่า “ชาวกาลิลีเอ๋ย เหตุไฉนท่านจึงยืนเขม้นดูฟ้าสวรรค์ พระเยซูองค์นี้ซึ่งทรงรับไปจากท่านขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกเหมือนอย่างที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น” (กิจการ 1:11) อาเมน! พระองค์จะเสด็จมาอีกครั้ง พระองค์เสด็จสู่สวรรค์นั้นยืนยันว่าพระองค์ต้องเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อเรา พระพรแห่งความหวังนั้นคือของประทานก่อนที่พระคริสต์เสด็จสู่สวรรค์ได้ประทานให้เรา “ไม่มีความเศร้าอีกต่อไป แม้แต่คนที่ไร้ความหวัง” ช่างเป็นพระพรที่ยิ่งใหญ่! และอาเมน! แต่ยังมีอีก ให้กับคนที่ยังไม่ได้รับความรอด พระเยซูผู้เสด็จสู่สวรรค์ได้ประทานพระวิญญาณลงมา พระเยซูตรัสว่า “อย่างไรก็ตามเราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป พระองค์ผู้ปลอบประโลมใจก็จะไม่เสด็จมาหาท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน เมื่อพระองค์นั้นเสด็จมาแล้ว พระองค์จะทรงกระทำให้โลกรู้สึกถึงความผิดบาป และถึงความชอบธรรม และถึงการพิพากษา” (ยอห์น 16:7-8) พระเยซูทรงตรัสว่า “เราจะส่งคนๆหนึ่งอยู่ท่ามกลางท่าน” พระองค์ทรงส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็น “เพื่อมาลงโทษบาปแห่งโลกนี้” นั่นไม่ใช่งานเล็กๆ นั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ “ผู้นำการทำพันธกิจ” นั่นคือพันธกิจของพระองค์ พระองค์ทรงส่งพระวิญญาณเพื่อชี้คนบาปให้รู้ถึงบาปของพวกเขา ตอนที่คุณรู้สึกถึงบาปและรู้ว่าหลงหาย นั่นไม่ใช่ว่าคุณเป็นคนสติไม่ดีหรือ “แปลกออกไป” แต่เป็นเพราะว่าพระวิญญาณกำลังทำให้คุณรู้ถึงบาปของคุณ และทรงเตือนคุณถึงการพิพากษาที่จะมาถึง พระวิญญาณทรงทำให้จิตสำนึกของคุณรับรู้ และทรงทำให้คุณรู้สึกว่าคุณต้องพระโลหิตของพระคริสต์มาชำระบาปของคุณ อย่าเอาของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้นถือเป็นเรื่องไม่สำคัญ จงเชื่อฟังการลงโทษของพระองค์และให้เข้ามาหาพระคริสต์โดยทางความเชื่อ พระคริสต์จะทรงอภัยความบาปของคุณและประทานสันติสุขให้คุณ! “ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปด้วย และ ประทาน ของประทาน แก่ มนุษย์ (เอเฟซัส 4:8) และยังมีของประทานอีกอย่างหนึ่งที่พระคริสต์ทรงประทานให้เราก่อนเสด็จสู้สวรรค์คือพระโลหิตของพระองค์! พระโลหิตของพระองค์มีพร้อมไว้สำหรับคุณในค่เวลานี้ อยู่ที่นั่น อยู่บนสวรรค์กับพระคริสต์ และพระคัมภีร์ตรัสว่า “แต่ถ้าเราดำเนินอยู่ในความสว่าง เหมือนอย่างพระองค์ทรงสถิตในความสว่าง เราก็ร่วมสามัคคีธรรมซึ่งกันและกัน และพระโลหิตของพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ ก็ชำระเราทั้งหลายให้ปราศจากบาปทั้งสิ้น” (1 ยอห์น 1:7) ณ เวลาที่คุณเข้ามาวางใจพระคริสต์ พระโลหิตของพระองค์จะชำระบาปของคุณ – แล้วคุณก็พร้อมที่เผชิญกับพระเจ้าและมีสันติสุขกับพระองค์ตลอดไป! เราจะอธิษฐานให้คุณวางใจในพระผู้ช่วย และรับเอาพระโลหิตของพระองค์ชำระความบาปของคุณ! อาเมน! ถ้าคุณอยากจะคุยกับเราเกี่ยวกับการช่วยกู้นี้ และกลายเป็นคริสเตียนที่แท้จริง กรุณายืนขึ้นและเดินออกไปข้างหลังในห้องนมัสการนี้ ในขณะที่เรากำลังร้องเพลงบทที่เจ็ด ดร. คาเกน จะมานำพวกท่านไปอีกห้องหนึ่งเพื่อสอนและอธิษฐานเผื่อ กรุณาออกไปได้ในขณะที่เรากำลังร้องเพลงนี้ ฉันรู้ว่าพระนามของพระองค์นั้นหวานชื่นใจ ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐานเผื่อคนที่ได้จำนนต่อพระคริสต์นั้น (จบการเทศนา) คุณสามารถส่งอีเมล์ถึง ดร. ไฮเมอร์ส ที่ rlhymersjr@sbcglobal.net อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล พลูโฮมมี: เอเฟซัส 4:4-13 |
โครงร่าง การเสด็จสู่สววรค์ของพระคริสต์ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “เหตุฉะนั้นพระองค์ตรัสไว้แล้วว่า ‘ครั้นพระองค์เสด็จขึ้นสู่เบื้องสูง พระองค์ทรงนำพวกเชลยไปเป็นเชลยอีก และประทานของประทานแก่มนุษย์” (เอเฟซัส 4:8) (สดุดี 68:18; อิสยาห์ 53:3; ลูกา 22:44; ฟีลิปปี 2:8; I. หนึ่ง ชัยชนะของพระคริสต์เห็นได้จากการเสด็จสู่สวรรค์ของพระองค์ เอเฟซัส 6:12;
II. สอง พระองค์เสด็จสู่สวรรค์แสดงถึงชันะเหนือทุกศัตรู เอเฟซัส 2:2; 2 ทิโมธี 2:26. III. สาม พระองค์เสด็จสู่สวรรค์และประทานของประทานให้เราเอเฟซัส 4:10-11, 12-16;
|