เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
การอดอยากพระวัจนะ A FAMINE OF THE WORD! โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นของวันที่ 3 เดือน กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่การอดอาหาร หรือการกระหายน้ำ แต่จะอดฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์เขาทั้งหลายจะท่องเที่ยวจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เขาทั้งหลายจะวิ่งไปวิ่งมาเพื่อแสวงหาพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แต่เขาจะหาไม่พบในวันนั้น สาวพรหมจารีสวยๆและคนหนุ่มจะสลบไสลเพราะความกระหาย” (อาโมส 8:11-13) |
อาโมสอยู่ที่เมืองเทโคอา ในหมู่บ้านเล็กๆใกล้กับทะเลตาย ท่านมาจากถิ่นทุรกันดารอาณาจักรทางตอนใต้คือประเทศยูดาห์ พระเจ้าทรงเรียกท่านมาที่อาณาจักรทางตอนเหนือ คือประเทศอิสราเอล ซึ่งแยกออกจากยูดาห์ โดยมีเยโรโบอัมที่หนึ่งเป็นกษัตริย์ในเวลานั้น เยโรโบอัมได้นำการนมัสการแบบผิดๆมาใช้ที่เบ็ธเอล อเมสิยาห์ซึ่งเป็นปุโรหิตในเวลานั้นก็นำรูปเคารพมากราบไหว้ อาโมสพยากรณ์ว่าพระเจ้าจะทรงกระทำให้อาณาจักรยูดาห์ล่มสลาย แต่อเมสิยาห์ได้ปฏิเสธคำพยากรณ์ของอาโมส ดร. ชาร์ลส์ เอล ไฟน์เบิร์ก กล่าวว่า ช่างเป็นการประกาศน้ำพระทัยและพระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างตรงไปตรงมา [เสมอ] ให้กับพวกคนอธรรมเหล่านั้น นั่นคือในยุคของอาโมส พระคำของพระเจ้าจะไม่เปลี่ยนแปลง อเมสิยาห์คือปุโรหิตที่เมืองเบ็ธเอล ได้ใส่ร้ายผู้เผยพระวัจนะให้กับ [กษัตริย์] เยโรโบอัม…อเมสิยาห์กล่าวหาอย่างไม่มีมูลความจริงว่า คำพูดของผู้เผยพระวัจนะนั้นแสดงถึงการก่อกบฏ ปฏิวัติหรือก่อการจลาจล…อเมสิยาห์เป็นพยานใส่ร้ายว่าคำพูดของอาโมสได้ต่อต้านกษัตริย์…ตอนนี้เอเมสิยาห์…บอกให้ผู้เผยพระวัจนะจงกลับไปยังประเทศของตนคือยูดาห์…ไม่ให้พยากรณ์ที่เมืองเบ็ธเอลอีกต่อไป…เพราะว่าหลักการสอนทางศาสนานั้นคือส่วนหนึ่งของอาณาจักรที่ปกครองโดยกษิตริย์ อาโมสตอบปุโรหิตชั่วนั้นอย่างนี้ว่า “อาโมสจึงตอบอามาซิยาห์ว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้พยากรณ์ หรือลูกชายของผู้พยากรณ์ ข้าพเจ้าเป็นคนเลี้ยงสัตว์ และเป็นคนเก็บผลมะเดื่อและพระเยโฮวาห์ทรงนำข้าพเจ้ามาจากการติดตามฝูงแพะแกะ และพระเยโฮวาห์ตรัสกับข้าพเจ้าว่า ไปซิ จงพยากรณ์แก่อิสราเอลประชาชนของเรา ฉะนั้นบัดนี้ จงฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์ ท่านกล่าวว่า ‘อย่าพยากรณ์กล่าวโทษอิสราเอล และอย่าเทศนากล่าวโทษวงศ์วานอิสอัค เพราะฉะนั้น พระเยโฮวาห์จึงตรัสดังนี้ว่า ‘ภรรยาของท่านจะเป็นหญิงโสเภณีที่ในเมือง บุตรชายหญิงของท่านจะล้มลงตายด้วยดาบ และที่ดินของท่านเขาจะขึงเส้นแบ่งออก ตัวท่านเองจะสิ้นชีวิตในแผ่นดินที่ไม่สะอาด และอิสราเอลจะต้องตกไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตนเป็นแน่’” (อาโมส 7:14-17). ในสมัยนั้น คำพยากรณ์ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ ประเทศคือสิ่งที่สูงสุดและต้องเข้มแข็ง แต่อาโมสสื่อสารพระคำของพระเจ้า ท่านเทศน์ว่ามีอยู่สี่อย่างที่เป็นการพิพากษาจากพระเจ้า การพิพากษาครั้งแรกคือชาวอิสราเอลจะตกไปเป็นทาสในต่างแดน “เพราะฉะนั้น เราจะนำเจ้าให้ไปเป็นเชลย ณ ที่เลยเมืองดามัสกัสไป” พระเยโฮวาห์ ซึ่งทรงพระนามว่าพระเจ้าจอมโยธา ตรัสดังนี้แหละ” (อาโมส 5:27) การพิพากษาของพระเจ้าครั้งที่สองต่ออิสราเอลคือจะถูกทิ้งร้าง “สถานที่อันสูงทั้งหลายของอิสอัคจะรกร้างไป และสถานบริสุทธิ์ทั้งหลายของอิสราเอลจะถูกทิ้งไว้เสียเปล่า และเราจะลุกขึ้นต่อสู้วงศ์วานเยโรโบอัมด้วยดาบ” (อาโมส 7:9). การพิพากษาของพระเจ้าครั้งที่สามคือความตายจะเกิดขึ้นทั่วทุกแห่งหน “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “ในวันนั้น เสียงเพลงในพระวิหารจะเป็นเสียงร่ำไห้ จะมีศพมากมายทุกแห่งทิ้งไว้เงียบๆ” (อาโมส 8:3) ความตายจะเกิดขึ้นทุกแห่งหน คนที่เหลือนั้นจะถูกนำไปปล่อยไว้นอกเมืองที่ๆไร้ผู้คน แต่การพิพากษาในครั้งที่สี่นั้นจะต่างไปจากครั้งก่อนๆ “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่การอดอาหาร หรือการกระหายน้ำ แต่จะอดฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์เขาทั้งหลายจะท่องเที่ยวจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เขาทั้งหลายจะวิ่งไปวิ่งมาเพื่อแสวงหาพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แต่เขาจะหาไม่พบในวันนั้น สาวพรหมจารีสวยๆและคนหนุ่มจะสลบไสลเพราะความกระหาย” (อาโมส 8:11-13) ลองคิดเรื่องนี้ดู! การเตือนครั้งสุดท้ายในขณะที่พวกเขายังตกเป็นทาสอยู่นั้นคือความเงียบสงัดและความตาย – จุดสำคัญที่พระเจ้าทรงพิพากษานั้นคือจะไม่มีโอกาสฟังพระวัจนะซึ่งเป็นพระคำของพระเจ้าอีกต่อไป แต่ความเป็นจริงอีกด้านหนึ่งคือการพิพากษาที่โหดร้ายจะมาถึงทุกคน! การเป็นทาส ความเงียบสงัด และความตายจะเกิดขึ้น แต่การที่ไม่มีพระคำของพระเจ้านั้นทุกความหวังก็สูญสิ้นไป บาทหลวง ริชาร์ด วูรม์บรานด์ (1909-2001) อยู่ในคุกของพวกคอมมิวนิสต์ที่โรเมเนียถึงสิบสี่ปี ท่านถูกทรมานและสูญเสียทุกอย่าง – ทุกอย่างในที่นี้ ไม่รวมพระคำของพระเจ้! ในทางตรงกันข้ามพระคำของพระเจ้าทรงนำท่านให้ผ่านพ้นการทดลอง ความเจ็บปวด และการถูกทรมาน! อาจารย์เวนจ์ มิงเดา (1909-1991) ถูกจองจำอยู่ในคุกคอมมิวนิสต์ที่ประเทศจีนถึงยี่สิบปี ตอนที่มีคนไปสัมภาษณ์ท่านว่าตอนที่อยู่ในคุกนั้นอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เวนจ์ ตอบว่า “พระวัจนะ” คนเหล่านั่นมีพระคำของพระเจ้าอยู่ในใจที่คอยหนุนใจตลอดระยะเวลาที่พวกเขาที่ถูกขังอยู่นคุกเหตุเพราะความเชื่อของพวกเขา ไม่มีการทรมานใดที่ทำกับคนๆหนึ่ง หรือประเทศชาติ มากไปกว่าการที่พระเจ้าทรงส่งการอด “ฟังพระวจนะหรือพระคำของพระเจ้า” (อาโมส 8:11) นั่นคือการพิพากษาที่จะนำมากล่าวในบทเทศนานี้ “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่การอดอาหาร หรือการกระหายน้ำ แต่จะอดฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์เขาทั้งหลายจะท่องเที่ยวจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เขาทั้งหลายจะวิ่งไปวิ่งมาเพื่อแสวงหาพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แต่เขาจะหาไม่พบ” (อาโมส 8:11-12) เราได้เห็นเบื้องหลังต่างๆผ่านไปแล้ว และการอธิบายสั้นถึงเรื่องเหล่านั้น แต่มีอยู่สองประการที่ผมจะกล่าวถึง II. ประการที่สอง การนำพระวัจนะมาประยุกต์ “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่การอดอาหาร หรือการกระหายน้ำ แต่จะอดฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์เขาทั้งหลายจะท่องเที่ยวจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เขาทั้งหลายจะวิ่งไปวิ่งมาเพื่อแสวงหาพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แต่เขาจะหาไม่พบในวันนั้น สาวพรหมจารีสวยๆและคนหนุ่มจะสลบไสลเพราะความกระหาย” (อาโมส 8:11-13) ดร. คิทฟ์ เอ็ม แบเรย์ เลขาธิการของคณะมิชชั่นเอลเลียน ครั้งหนึ่งท่านกล่าวว่า ผมคิดว่า เอ ดับบรัว คือผู้เผยพระวัจนะที่เห็นไกลเกินกว่าที่คนในยุคนั้นจะมองเห็น ท่านมองเห็นและวิเคราะห์ไปถึงหัวใจสำคัญของคริสตจักร ในทางการพยากร ท่านกล่าวถึงเรื่อนั้นอย่างมีประสิทธิภาพและอำนาจ (Dr. Keith M. Bailey in the preface to I Call It Heresy! โดย Dr. A. W. Tozer, Christian Publications, 1974 edition, หน้า 6). ดร. โทเซอได้เขียนถึงสองอย่างที่ผู้เผยพระวัจนะได้กล่าวเอาไว้ ท่านกล่าวไว้ดังนี้ มารซาตานจะไม่ทำอะไรใดๆให้กับนักเทศน์ที่กลัวในการใช้พระวัจนะเทศน์ให้กับสมาซิก และกลัวว่าจะตกงานเพราะหากเทศน์เกินสามสิบนาที แต่จะชอบพูดแบบรวมๆว่า “จงเป็นคนดีแล้วทุกอย่างก็จะดี” คุณสามารถที่จะเป็นคนดีตามที่ใจคุณต้องการ และอาจต้องตกนรกหากคุณไม่ยอมวางใจในพระเยซูคริสต์! มารซาตานจะไม่เสียเวลามายุ่นอยู่กับพวกนักเทศน์ที่ชอบพูดว่า “จงทำดี!” (A. W. Tozer, D.D., “Who Put Jesus on the Cross?” in The Best of A. W. Tozer, compiled by Warren W. Wiersbe, Baker Book House, 1986 edition, หน้า 230, 231). ดร. โทเซอยังกล่าวอีกว่า นักเทศน์ที่มีของประทานในการเทศน์อาจทำให้คริสตจักรต้องตายหากเขาปล่อยให้คริสตจักรอยู่เพียงลำพัง การสอนและให้ความจริงในด้านวัตถุประสงค์ และไม่เคยแนะนำตักเตือนในสิ่งที่พวกเขาทำผิด และพวกเขาก็พึงพอใจ และในอีกด้านหนึ่ง สำหรับนักเทศน์ที่นำคำสอนมาประยุกต์ใช้ให้กับคนฟังนั้นต้องถูกตอกด้วยตะปู และสวมด้วยมงกุฏหนาม ถึงแม้เขาจะนำไปทางที่ยากลำบาก แต่เต็มด้วยเกียรติ ขอพระเจ้าทรงชูกำลังผู้เผยพระวัจนะเหล่านี้ เพราะพวกเขาคือคนที่คริสตจักรไม่ต้องการ (เล่มเดียวกัน หน้า 142) ลีโอนาร์ด เรเวนฮิลล์ เป็นเพื่อนของ ดร. โทเซอ ความจริงคือ ดร. โทเซอคือคนที่เขียนบทนำในหนังสือของ เรเวนฮิลล์ ที่ชื่อว่า Why Revival Tarries. ในหนังสือของท่านชื่อ America is Too Young to Die, ท่านเรเวนฮิลล์ กล่าวเอาไว้ว่า มีการอดอยากคำเทศนาที่สำคัญอยู่เรื่องหนึ่ง คือการเทศนาที่จ่อลึกถึงชีวิฝ่ายตจิตวิญญาณ อดฟังการเทศนาที่สามารถทำให้ใจของเราแตกออก อดฟังการเทศนาจ่อลึกเข้าถึงจิตวิญญาณ คำเทศนาเป็นเหมือนพ่อของเราปลุกคนๆหนึ่งให้ตื่นขึ้นในเวลากลางคืนเพื่อรอดพ้นจากนรก ผมขอย้ำ “นั่นคืออดฟังพระวัจนะของพระเจ้า” อดฟังเสียงแห่งการประกาศข่าวประเสริฐ (Leonard Ravenhill, America is Too Young to Die, Bethany Fellowship, 1979, หน้า 80). ผมเชื่อว่า ดร. โทเซอ และ ท่านลีโอนาร์ดกล่าวมานั้นถูกต้องทีเดียว “นั่นคือการอดอยากในเรื่องการเทศนาเหมือนอย่างที่พ่อของเรารู้และทำให้เราตื่นในยามค่ำคืนเพื่อไม่ให้ตกลงไปที่นรก” แน่นอน นั่นคือการอดอยากคำเทศนาที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ แม้แต่ในกลุ่มคริสตจักรอนุรักษ์นิยมก็ตาม ถ้าคุณยังไม่ได้กลับใจใหม่นี่คือสิ่งที่จำเป็นที่คุณต้องฟัง คนที่จะยืนอยู่กับผมที่ธรรมมาส์นี้ คือคนอย่าง ดร. คาเกน ดร. ชาน ท่านกรีฟฟท์ ท่านลี ท่านพลูโฮมมี ท่านซอง และท่านเมนเซีย คือคนที่ถูกเรียกให้มาพูดความจริง ความจริงที่แท้จริงคือเกี่ยวกับการจะพิพากษาคนบาปโดยพระเจ้า ความจริงเกี่ยวกับการบังเกิดใหม่ และคุณต้องกลับใจใหม่ – หรือคุณจะลงไปที่นรก ตอนนี้ยังไม่หนักอะไรมากนัก แต่ก็คือเรื่องจริง! พระเยซูทรงตรัสว่า “และพวกเหล่านี้จะต้องออกไปรับโทษอยู่เป็นนิตย์ แต่ผู้ชอบธรรมจะเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์…อยู่ในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับพญามารและสมุนของมันนั้น (มัทธิว 25:46, 41). นี่คือความจริงที่เราจำเป็นต้องบอกคุณ เราถูกเรียกมาเช่นเดียวกันกับอาโมส เพื่อบอกคุณถึงเรื่องแห่งความจริง เราถูกพระเจ้าบังคับให้นำความจริงนี้มาบอกพวกคุณ! พระวิญญาณใช้กำลังบังคับเราให้บอกคุณถึงความจริงนี้! คุณได้หลงหาย! คุณได้หลงหาย! พระเยซูตรัสว่าคุณจะถูกทิ้งลงน “บึงไฟแห่งนิรันดร์ ที่ได้เตรียมเอาไว้ให้กับซาตานและสมุนของมัน” (มัทธิว 25:41) จงปล่อยให้พวกเขาหัวเราะไปก่อน ปล่อยให้พวกเขาเยาะเย้ยในคำเทศนาของเรา ปล่อยให้พวกเขาปฏิเสธในสิ่งเราพูด เหมือนอย่างที่อเมสิยาห์ปฏิเสธการตักเตือนของอาโมส เราจำเป็นต้องบอกอย่างที่อาโมสบอกให้กับคนบาปเหล่านั้น “ตัวท่านเองจะสิ้นชีวิตในแผ่นดินที่ไม่สะอาด และ [ท่าน] จะต้องตกไปเป็นเชลยห่างจากแผ่นดินของตนเป็นแน่” (อาโมส 7:17) วันหนึ่งคุณจะรู้ว่าความตายกำลังกำจัดตัวคุณ จิตวิญญาณของคุณก็จะลงไปในทีลึก คือไฟแห่งนรกที่ไม่มีวันดับ! จงปล่อยให้พวกเขาหัวเราะเยาะเย้ย และใส่ร้ายป้ายสีพวกเราไปก่อน เหมือนอย่างที่ปุโรหิตจอมปลอมนั้นทำต่ออาโมส แต่เราไม่อาจยับยั้งที่จะพูดพระคำของพระเจ้า พระวัจนะของพระเจ้า! พระวัจนะของพระเจ้า! พระวัจนะของพระเจ้ากล่าวให้คุณว่า “จงลงไปอยู่ที่แห่งการพิพากษาตลอดไป…ในบึงไฟที่ไม่มีวันดับ” นั่นคือพระวัจนะของพระเจ้า! – พระเยซูคริสต์! โอ้ จงใคร่ครวญพระวัจนะของพระองค์! โอ้ จงฟังพระคำของพระองค์! โอ้ จงเกรงกลัวพระคำของพระองค์! โอ้ จงเข้าหาพระคริสต์ พระองค์เท่านั้นที่ช่วยคุณ! พระองค์เท่านั้นที่สามารถชำระความบาปของคุณโดยพระโลหิตของพระองค์เอง! พระองค์เท่านั้นที่สามารถสวมใส่คุณด้วยความชอบธรรม! พระองค์เท่านั้นที่สามารถนำคุณเข้าแผ่นสวรรค์ – และพระองค์เท่านั้นที่สามารถช่วยคุณให้รอดพ้นจากปลิวไฟที่ลุกอย่างไม่มีวันดับ! จงกลับใจ จงวางใจในพระคริสต์ แล้วพระโลหิตของพระองค์จะชำระบาปของคุณ คุณถึงจะรอด! ผมจะร้องเพลง ผมอยากจะพูดให้กับทุกคน กรุณาลุกจากที่นั่งของท่านเดินออกไปข้างหลัง ดร. คาเกนจะนำท่านไปยังห้องเงียบๆเพื่อบอกท่านเรื่องความรอด และการรับการชำระจากพระโลหิตของพระผู้ช่วย จงออกไปในขณะที่ผมยังร้องเพลงอยู่มีน้ำพุหนึ่งที่เต็มไปด้วยเลือด ดร. ชาน กรุณานำเราอธิษฐาน (จบการเทศนา) You may email Dr. Hymers at rlhymersjr@sbcglobal.net, (Click Here) – or you may อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดยท่าน อาเบล พลูโฮมมี: อาโมส 7:10-17. |
โครงร่าง การอดอยากพระวัจนะ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าตรัสว่า “ดูเถิด วันเวลาก็มาถึง เมื่อเราจะส่งทุพภิกขภัยมาที่แผ่นดิน ไม่ใช่การอดอาหาร หรือการกระหายน้ำ แต่จะอดฟังพระวจนะของพระเยโฮวาห์เขาทั้งหลายจะท่องเที่ยวจากทะเลนี้ไปทะเลโน้น และจากทิศเหนือไปทิศตะวันออก เขาทั้งหลายจะวิ่งไปวิ่งมาเพื่อแสวงหาพระวจนะของพระเยโฮวาห์ แต่เขาจะหาไม่พบในวันนั้น สาวพรหมจารีสวยๆและคนหนุ่มจะสลบไสลเพราะความกระหาย” (อาโมส 8:11-13) (อาโมส 7:14-17; 5:27; 7:9; 8:3) I. ประการแรก หลักคำสอนที่เราเรียนรู้จากพระวัจนะ 1 ซามูเอล 28:6; II. ประการที่สอง การนำพระวัจนะมาประยุกต์ มัทธัว 25:46, 41; อาโมส 7:17. |