เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
การเทศนาของโนอาห์ THE PREACHING OF NOAH โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นของวันที่ 13 เดือน มกราคม ค.ศ. 2013 ณ คริสตจักร “และไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกครั้งโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนให้รอด เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” (2 เปโตร 2:5) |
ข้อความนี้เป็นส่วนหนึ่งในประโยค มันควรจะต้องเป็นเช่นนี้ เพราะว่าตั้งแต่ข้อที่สี่จนถึงข้อเก้าเป็นประโคยเดี่ยว เป็นหนึ่งในประโยคที่ยาวที่สุดในพระคัมภีร์ใหม่ พระธรรมบทนี้จะเริ่มต้นด้วยการเอ๋ยถึงบรรดาผู้เผยพระวัจนะเท็จ เปโตรได้กล่าวถึงการสาปเช่งผู้เผยพระวัจนะเท็จเหล่านั้น และนี่ก็ตามมาด้วยสามตัวอย่างที่กล่าวถึงการพิพากษาของพระเจ้าที่ทรงกระทำในอดิต อันดับแรก การพิพากษาให้กับทูตสวรรค์ที่หลงทำบาป อันดับสอง การพิพากษามนษยชาติในยุคของโนอาห์ อันดับที่สาม การตัดสินลงโทษเมืองโสโดมและโกโมราห์ และในส่วนนี้ก็จบด้วยสามตัวอย่างนี้ที่กล่าวว่าพระเจ้าทรงทราบ “วิธีที่จะช่วยคนที่ตามทางของพระเจ้าให้รอดพ้นจากการทดลองต่างๆ และทรงทราบวิธีที่จะรักษาคนอธรรมไว้จนถึงวันพิพากษาเพื่อจะได้ลงโทษเขา” (2 เปโตร 2:9) ตัวอย่างที่สองนี้คือเนื้อหาในบทเทศนาในค่ำคืนนี้ พระคัมภีร์บอกเราถึงพระเจ้าว่า “…ไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกครั้งโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนให้รอด เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” (2 เปโตร 2:5) เราจะแบ่งเนื้อหาของเราออกเป็นสามประการด้วยกัน: คนฟัง นักเทศน์ และการพิพากษา I. ประการแรก กลุ่มผู้ฟัง ก่อนที่เราจะไปกล่าวถึงนักเทศน์อย่างโนอาห์ สิ่งที่สำคัญเราควรจะต้องรู้คนเหล่านั้นเพราะพระเยซูก็ทรงตรัสถึงคนรุ่นหลังก่อนที่จะถึงในยุคสุดท้ายเหมือนดั่งในยุคของโนอาห์ พระองค์ทรงตรัสว่า “ด้วยสมัยของโนอาห์เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย” (มัทธิว 24:37) คนในยุคนั้นเป็นอย่างไร? พวกเขาคือพวกวัตถุนิยม นี่คือปัจจัยสำคัญของคนเหล่านั้น เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับวัตถุนิยมของพวกเขา พระเยซูทรงบอกเราว่าสิ่งที่พวกเขาสนใจคือการมุ่งไปที่ “การกินและการดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา” ( มัทธิว 24:38) จุดศูนย์กลางแห่งการดำรงชีวิตของพวกเขาคือการกินและความสนุกสนาน ในชีวิตของพวกเขาต้องการแต่วัตถุ นอกเหนือนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ดร. ฟราสซิกส์ แชคเฟอร์ ได้กล่าวว่า คุณค่าของคริสเตียนในยุคของเรานี้ตกต่ำมาก เพราะสิ่งสำคัญที่มีเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนคือการมีเสรีภาพและความมั่งคั่งแบบส่วนตัว ดร.แชคเฟอร์ ยังกล่าวอีกว่า เสรีภาพแบบส่วนตัวนั้นหมายถึงความต้องการชีวิตแบบส่วนตัว ไม่มีอะไรเข้ามายุ่งกียวในชีวิตฉัน ไม่สนใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อลูกๆและหลาน ความมั่งคั่งรุ่งเรืองหมายความว่าครอบงำและเพิ่มมากขึ้น – มีชีวิตอยู่ด้วยวัตถุ สิ่งของ และอยากมีมากขึ้น – ความสำเร็จในระดับสูงวัดโดยความอุดมสมบูรณ์ในฝ่ายวัตถุ (Francis A. Schaeffer, How Should We Then Live?, Revell, 1976, หน้า 205). ตอนที่ผมยังหนุ่มอยู่นั้นก็เห็นถึงผู้คนที่สนใจแต่การสวมใส่เสื้อผ้า รถราคาแพงๆ นี่คือสิ่งที่พวกเขาอยากจะมีและก็เรียกมันว่า “ความเข้มข้นของชีวิต” ผมไม่ใช่พวกชอบไว้ผมยาว ไม่เลยสักนิด แต่ผมกลับพึงพอใจกับรถยี่ห้อที่ชื่อว่าดอดจ์ สีเทา เล็กๆ พร้อมกับห้องเล็กๆในอพาท์เมนท์ ทุกวันนี้ผมจะขับรถโตโยต้า โคโรลลาซึ่งมีอายุประมาณสิบหกปีแล้ว ผมก็มีสูทอยู่แค่สองชุดเอาไว้ใส่ นั่นก็ดูเพียงพอสำหรับผมแล้ว ผมจะไม่มีบ้านเป็นของตัวเองเลยถ้าแม่ไม่ยกให้ผม พระคัมภีร์ตรัสว่า “อย่าวางใจในการบีบบังคับ อย่าหวังเปล่าด้วยการปล้นสะดม ถ้าความมั่งคั่งเพิ่มขึ้น อย่าวางใจในสิ่งนั้น” (สดุดี 62:10) ผมขอพูดด้วยความจริงใจให้กับพวกคุณว่า ผมไม่เข้าใจคนที่มีชีวิตอยู่ล้อมรอบด้วยเสรีภาพส่วนตัวและวัตถุสิ่งของ ตอนที่ผมอายุสิบแปดปีนั้นผมแสดงอยู่ในบทบาทของเศษฐีหนุ่มตามที่ปรากฏในพระธรรมลูกาบทที่สิบสอง ตอนนั้นผมเกือบตายเพราะโรคหัวใจวาย เสียงของพระเจ้าเปล่งออกมาจากลำโพง “คนที่ส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัว และมิได้มั่งมีจำเพาะพระเจ้าก็เป็นเช่นนั้นแหละ และพระองค์ตรัสกับเหล่าสาวกของพระองค์ว่า “เหตุฉะนั้นเราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่าจะเอาอะไรกิน และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่าจะเอาอะไรนุ่ง” (ลูกา 12:20, 21) ผู้คนในสมัยของโนอาห์นั้นเป็นเหมือนกับเศษฐีโง่คนนั้น และวัตถุนิยมก็กำลังอาละวาดในเวลานี้ด้วย ต่อมาจิตใจของเขาจะเต็มไปด้วยความชั่ว ปฐมกาล 6:5 บอกเราว่า “และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเจตนาทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป” (ปฐมกาล 6:5) ลูเทอร์บอกว่า “ตอนที่ผู้คนเริ่มทำชั่ว พวกเขาจะไม่เกรงกลัวพระองค์ แต่เกลียดชังพระองค์ พระคำและพันธกิจของพระองค์…นี่คือลักษณะของคนชั่วที่มีอยู่ทั่วไปในสมัยของโนอาห์” (Martin Luther, Th.D., Luther’s Commentary on Genesis, Zondervan, 1958, volume I, หน้า 128; comments on Genesis, chapter 6). ตั้งแต่มีการสังหารหมู่ด้วยปืนกลไฟ ในทางการเมืองนั้นบอกเราว่าถ้ากำจัดปืนเหล่านั้นให้หมดไป แล้วก็จะสามารถหยุดการเข่นฆ่ากัน ช่างเป็นความคิดที่ไร้สาระและทำให้ผมปวดใจจริงๆ เพราะเราต่างก็มีปืนไม่รู้กี่ยุคกี่สมัยมาแล้ว ตอนที่ผมยังเป็นเด็กนั้นปืนยิ่งมีมากกว่านี้ ผมเองตอนอายุแค่สิบปีก็เคยมีปืนไรเฟิลกระบอกหนึ่ง จากปี 1949 ถึง ปี 1953 ผมอยู่ที่ทะเลทรายเมืองอาริโซนา เกือบทุกคนในเวลานั้นมีปืนไว้ในครอบครอง แต่เราไม่ได้มีไว้ฆ่าคน แล้วตอนนี้ล่ะต่างกันอย่างไร? เป็นเหมือนเศษขยะที่กลุ่มดารานักแสดงฮอลลีวู้ดป้อนใส่สมองให้กับพวกเด็กๆ ในทุกวันนี้! หนังสือพิมพ์ชื่อ Los Angeles Time (1/7/13 หน้า D1) เขียนเรื่องใหม่ในหัวข้อ “วางแผนเข่นฆ่ากันใหม่ แต่ NBC แต่ได้ต่อต้านความคิดที่พวกเขาปลุกระดมความรุนแรง” วรสารนี้กล่าวว่า “การเข่นฆ่ามวลชน…คือสื่อที่มาจากทีวีที่พยายามฉายถึงเรื่องราวของการใช้กำลังที่เกิดตามเมืองต่างๆ…แสดงถึงการฆ่ากันแบบจริงๆ “การหาเงินตามแบบการทำภาพยนตร์นั้นทำให้ผมรู้สึกปวดท้อง! เลือดสาดกระเด็นที่เห็นตามทีวีนั้นกำลังทำลายทุกชาตพันธุ์ ทำให้ผมปวดใจ และโนอาห์ก็เช่นเดียวกันที่ต้องปวดใจให้คนเหล่านั้น! “ดังนั้นมนุษย์โลกจึงชั่วช้าต่อพระพักตร์พระเจ้า และแผ่นดินโลกก็เต็มไปด้วยความอำมหิต พระเจ้าทอดพระเนตรบนแผ่นดินโลก และดูเถิด แผ่นดินโลกก็ชั่วช้า เพราะว่าบรรดาเนื้อหนังได้กระทำการชั่วช้าบนแผ่นดินโลก พระเจ้าตรัสแก่โนอาห์ว่า “ต่อหน้าเราบรรดาเนื้อหนังก็มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว เพราะว่าแผ่นดินโลกเต็มไปด้วยความอำมหิตเพราะพวกเขา และดูเถิด เราจะทำลายพวกเขาพร้อมกับแผ่นดินโลก” (ปฐมกาล 6:11-13) คนหนุ่มสาวทั้งหลายผมอยากจะบอกพวกคุณ และผมอยากจะบอกให้ชัดเจนเท่าที่ผมจะทำได้ ว่าจงหลีกหนีออกจากวัตถุนิยม และคิดน้อยๆให้กับเรื่องของความก้าวหน้า – และคิดอีกนิดหนึ่งถึงการสะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์! และหลีกหนีจากภาพยนตร์ที่แสดงถึงการฆ่ากัน รวมถึงพวกภูตผีปีศาจทั้งหลายที่ฉายตามทีวี – และจงหนีออกจากการเล่นเกมส์ – วีดีโอเกมส์ทั้งหลาย – แล้วหันหน้าเข้าหาพระคัมภีร์ และเข้าคริสตจักร และเข้าร่วมกลุ่มอธิษฐาน! ถ้าคุณไม่ทำเช่นนี้ คุณต้องตกนรกไปกับพวกที่บ้าฮอลลีวู้ดเหล่านั้น และเลือดที่สาดออก สมองที่ตายแล้วเช่นเดียวกับคนที่อยู่ในยุคของโนอาห์! จงบอกคนอื่นว่าผมเป็นบอกว่าอย่างนั้น! และผมก็จะไม่หัวเราะเมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้! กลุ่มคนฟังของโนอาห์นั้นเป็นเหมือนกับพวกครั่งฮอลลีวู้ดทั้งหลาย จึงไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครสักคนที่รอด คุณไม่สามารถทำให้คนเหล่านั้นรอดโดยมือและเข่าของคุณ! คนแห่ง “โบราณนั้น” ประพฤติอุลามกตามราคะตัณหาในใจของเขา ให้เขากระทำสิ่งซึ่งน่าอัปยศทางกายต่อกัน “พระเจ้าก็ปล่อย” (โรม 1:24) II. ประการที่สอง นักเทศน์ “[พระเจ้า] และไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกครั้งโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรม…” (2 เปโตร 2:5) โนอาห์ไมใช่นักสอนพระคัมภีร์ แต่ท่านคือนักเทศน์ ตามภาษากรีกคำว่า “keryx” หมายถึง “นักประกาศข่าวประเสริฐ” ท่านประกาศถึงความชอบธรรม “เหมือนคนประกาศตามสาธารณชน” (ฉบับของ Strong) ดร. จอห์น กิลล์(1697-1771) กล่าวว่า “คนยิวต่างบอกว่าโนอาห์คือผู้เผยพระวัจนะ และพวกเขายังบอกอีกว่าท่านยังเป็นนักเทศน์อีกด้วย และยังบอกเราถึงคำที่ท่านใช้เทศน์ให้กับคนในสมัยนั้น” (John Gill, D.D., An Exposition of the New Testament, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, volume III, หน้า 597, 598). ดร. กิลล์ ยังอ้างคำพูดพวกธรรมจารย์ในสมัยโบราณนั้น พวกเขาต่างก็ใช้คำพูดของโนอาห์ “จงหันหลังให้กับความชั่วและการกระทำของคุณ เพื่อจะได้หลุดพ้นจากน้ำที่จะท่วมมานั้น และการทำลายลูกหลานของคนเหล่านั้น” (กิลล์ เล่มเดียวกัน ดร. อาร์ ซี เฮช เลนสกี (1864 – 1936) กล่าวว่า น่าจะถามเปโตรว่ารู้ได้อย่างไรว่าโนอาห์คือ “นักเทศน์ผู้ชอบธรรม” ตามที่พระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงท่านว่า “ผู้ชอบธรรม” อาจดูเหมือนว่าเป็นคำถามที่ไม่สำคัญเช่น แล้วโนอาห์ชอบธรรมตลอดทั้ง 120 ปีเลยหรือเปล่า? พระเจ้าทอดทิ้งโลกที่ถูกน้ำท่วมนั้นหรือเปล่า? เปโตรเขียนด้วยนิมิตหรือเปล่า? พระเจ้าทรงเตือนคนในสมัยของโนอาห์ว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะไม่พยายามอย่างนั้นตลอดไป พระวิญญาณจะไม่ทำให้พวกเขารู้ถึงการลงโทษนั้นและนำพวกเขากลับใจใหม่ ลูเทอร์กล่าวถึงคำเหล่านี้ว่า “วิญญาณของเราจะไม่อดทนกับคนเหล่านั้นตลอดไป” คำพูดนี้คือสิ่งที่โนอาห์ได้กล่าวเอาไว้ “การนมัสการตามสาธารณะ” ที่ท่านกล่าวยังนั้นหมายถึงอะไร ‘เราสอนและเตือนตามฝ่ายเนื้อหนัง ชาวโลกไม่ยอมรับการแก้ไขนั้น’ การอธิบายนี้ก็เห็นด้วยกับหลักข้อเชื่อและพระคัมภีร์ เพราะพระคำของพระเจ้านั้นสำแดงจากสวรรค์ แต่น้อยคนที่กลับใจ แต่ส่วนใหญ่กลับปฏิเสธ และมักใหญ่ใฝ่สูง รักความสกปรก…ทำให้พระเจ้าจำเป็นต้องพิพากษา จากปากของคนชอบธรรม [โนอาห์] ที่ไม่อาจทนต่อคนเหล่านั้นอีก พระองค์จึงตรัสว่าสิ่งที่ท่านกล่าวว่าไม่มีเป้าหมายและพระคำของพระองค์จะไม่ช่วยมนุษย์อีก ดังนั้นคนที่ได้ฟังพระคำแล้วควรต้องรับทันที ขอบคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งนั้น และแสวงหา…พระองค์แล้วก็จะพบ’ อิสยาห์ 55:6” (ลูเทอร์ เล่มเดียวกัน หน้า 129, 130). ขอเตือนใครบางคนในค่ำคืนนี้ ผมขอบอกว่าพระเจ้าจะไม่อดทนให้กับคนตลอดไป และตอนที่พระวิญญาณหยุดทำงานแล้ว จะไม่มีทางอื่นอีกที่สามารถทำให้คุณกลับใจได้อีก เวลานั้นคุณก็รับความหายนะเหมือนกับคนอธรรมอื่นๆที่อยู่ในยุคของโนอาห์ III. ประการที่สาม การพิพากษา “[พระเจ้า] ไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกครั้งโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนให้รอด เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” (2 เปโตร 2:5) คำว่า “ใน” ไม่ได้มาจากภาษากรีก คำนี้จึงควรอ่านว่า “การนำน้ำลงมาสู่โลกแห่งอธรรม” อย่าได้แปลกใจที่คนทั้งหลายบนโลกนี้รับความหายนะ นอกจากโนอาห์และครอบครัวของท่าน พระวัจนะตรัสว่า “คนชั่วจะต้องถอยไปสู่นรก คือประชาชาติทั้งมวลที่ลืมพระเจ้า” พระเยซูคริสต์ทรงตรัสเอาไว้ว่า “ประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” (มัทธิว 7:14) ทั่วทั้ง “โลกอธธรม” และถูกท่วมโดยน้ำท่วมครั้งใหญ่ ดร. กิลล์ กล่าวว่า “โลกนี้เต็มไปด้วยพวกเขา แต่ไม่สามารถรับรองว่าจะรอดพ้นจากพระพิโรธของพระเจ้า [นี่] ตัวของพระเจ้าเอง คือผู้ที่ทำให้น้ำนั้นพุ่งออกมา และเปิดหน้าต่างสวรรค์ และทำลายมนุษย์ทั้งโลกในเวลาเดียวกันไม่ว่า ชาย หญิง เด็ก และทุกสิ่งที่มีชีวิต ยกเว้นสิ่งที่อยู่กับโนอาห์ในนาวานั้น และ…ไม่ควรคิดว่าการพิพากพวกเขานั้นจะจบเพียงแค่นี้ [พวกธรรมจารย์โบราณกล่าวเอาไว้ว่า] ‘คนในยุคแห่งน้ำท่วมนั้นจะไม่มีส่วนใดๆกับโลกข้างหน้านี้’” (กิลล์ เล่มเดีวกัน หน้า 598) จำนวนตัวเลขไม่ใช่เครื่องรับประกันว่ารอดแน่ เพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆกับข้อมูลในโลกนี้ แต่เรากำลังเกี่ยวข้องกับพระเจ้า ถ้าคนทุกคนในโลกนี้ปฏิเสธที่จะกลับใจใหม่และรับเอาความรอด หมายความว่าทุกคนในโลกจะถูกพิพากษาโดยพระเจ้าและจะทนทุกข์ทรมาณตลอดไป นี่คือคำตรัสของพระเจ้า โลกนี้อาจหัวเราะเยาะเย้ย แต่นี่คือความจริงของพระเจ้าที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ “คนชั่วจะต้องถอยไปสู่นรก คือประชาชาติทั้งมวลที่ลืมพระเจ้า” “เพราะว่าประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีน้อย” ตอนนี้ และข้างหน้า อีกข้อคิดหนึ่ง ทำไมคนในยุคของโนอาห์ถึงไม่กลับใจใหม่และรับการช่วยกู้? นาวาคือแบบหรือภาพของพระเยซู พระคริสต์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของเรา และทรงฟื้นคืนพระชนม์ประทานชีวิตให้เรา แต่การที่คุณจะรอดได้นั้นต้องมาที่พระคริสต์ เหมือนกับคนในยุคของโนอาห์ต้องเข้ามาในนาวาของโนอาห์ ทำไมถึงไม่มีใครสักคนที่เข้ามาในนาวาของโนอาห์เพื่อจะได้รอด? เหตุผลแรกที่ผมคิดเป็นเพราะว่า ไม่เชื่อ พวกเขาไม่เชื่อคำตรัสของพระเจ้าเกี่ยวกับการพิพากษานั้น พวกเขาจึงไม่ยอมกลับใจและเข้ามาในนาวาเพื่อจะได้ปลอดภัย เหตุผลที่สองที่ผมคิดคือ คนเหล่านั้นไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงหรือละทิ้งวิถีชีวิตเก่าของพวกเขา พวกเขากลัวการเปลี่ยนแปลงมากกว่ากลัวพระพิโรธของพระเจ้า นี่แหละพวกเขาจึงไม่ยอมกลับใจใหม่และเข้ามาในนาวาเพื่อความปลอดภัย เหตุผลที่สามที่ผมคิดเอาไว้คือ คนเหล่านั้นกลัวครอบครัว หรือเพื่อนๆของพวกเขาจะคิดอย่างไรถ้าต้องกลับใจและเข้าไปในนาวานั้นเพื่อความปลอดภัย การกลัวคนอธรรมร้ายแรงยิ่งกว่าคนติดสุรา หรือแม้แต่การล่วงประเวณี เพื่อนของฉันจะคิดอย่างไร? พวกเขากลัวถูกหัวเราะเยาะจากครอบครัวและเพื่อนๆ พวกเขาจึงไม่ยอมกลับใจและมาที่นาวาเพื่อความปลอดภัย แล้วตัวคุณล่ะ? ทำไมถึงปล่อยให้ความกลัวเช่นนี้หยุดคุณจากการกลับใจใหม่ และการมาที่พระคริสต์? บางคนอาจพูดว่า “อะไรจะเกิดขึ้นให้กับฉันถ้าฉันมาที่พระคริสต์และกลายเป็นคริสเตียนที่ร้อนรนคนหนึ่ง? ผมพูดจากใจจริง ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดให้กับคุณถ้าคุณต้องมาเป็นคริสเตียนที่ร้อนรน แต่ผมรู้แน่ว่าอะไรจะเกิดให้กับคุณถ้าคุณกลัวสิ่งหนึ่งสิ่งใดในนั้น “แต่คนขลาด คนไม่เชื่อ คนที่น่าสะอิดสะเอียน ฆาตกร คนล่วงประเวณี คนใช้เวทมนตร์ คนไหว้รูปเคารพ และคนทั้งปวงที่พูดมุสานั้น จะได้รับส่วนของตนในบึงที่เผาไหม้ด้วยไฟและกำมะถัน นั่นคือความตายครั้งที่สอง” (วิวรณ์ 21:8) ผมอธิษฐานให้คุณเพื่อจะได้วางใจในพระคริสต์ก่อนที่พระองค์จะเอาพระวิญญาณออกจากตัวคุณ และปล่อยคุณให้อยู่กับความหายนะ พระองค์ “ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” (2 เปโตร 2:5) ถ้าคุณอยากจะคุยกับพวกเราเกี่ยวกับการเป็นคริสเตียน กรุณาเดินออกไปข้างหลังของห้องนมัสการนี้ ดร. คาเกน จะนำพวกท่านไปยังอีกห้องหนึ่งเพื่ออธิษฐานเผื่อและให้คำปรึกษา ดร. ชานกรุณานำเราอธิษฐาน (จบการเทศนา) You may email Dr. Hymers at rlhymersjr@sbcglobal.net, (Click Here) – or you may อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนาโดย ลีคยูดง: ปฐมกาล 6:5-12. |
โครงร่างของ การเทศนาของโนอาห์ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “และไม่ได้ทรงยกเว้นมนุษย์โลกครั้งโบราณ แต่ได้ทรงช่วยโนอาห์ผู้ประกาศความชอบธรรมกับคนอื่นอีกเจ็ดคนให้รอด เมื่อคราวที่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้น้ำท่วมโลกของคนอธรรม” (2 เปโตร 2:5) (2 เปโตร 2:9) I. ประการแรก กลุ่มผู้ฟัง มัทธิว 24:37, 38; สดุดี 62:10; II. ประการที่สอง นักเทศน์ 2 เปโตร 2:5. III. ประการที่สาม การพิพากษา สดุดี 9:17; มัทธิว 7:14; วิวรณ์ 21:8. |