เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
หนังสือที่ทำลายไม่ได้ THE INDESTRUCTIBLE BOOK โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนา ณ คริสตจักรแบ๊บติสต์แห่งนครลอสแองเจลิส ตอนเย็น “ต่อมาในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม ราชบุตรของโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์พระวจนะต่อไปนี้มาจากพระเยโฮวาห์ถึงเยเรมีย์ว่า เจ้าจงเอาหนังสือม้วนม้วนหนึ่ง และเขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้าปรักปรำอิสราเอลและยูดาห์ และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่เราได้พูดกับเจ้า ตั้งแต่รัชกาลโยสิยาห์จนถึงวันนี้ ชะรอยวงศ์วานยูดาห์จะได้ยินถึงความร้ายทั้งสิ้นซึ่งเราประสงค์จะกระทำแก่เขาทั้งปวง เพื่อว่าทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของเขา และเพื่อเราจะอภัยโทษความชั่วช้าของเขาและบาปของเขา” (เยเรมีย์ 36:1-3). |
ชนชาติยูดาห็ทำบาปต่อต้านพระเจ้า นี่คือบาปที่ใหญ่หลวง ชั่วช้าและทรยศ ในค่ำคืนเราก็กำลังอยู่ในลักษณะเช่นเดีนวกัน ในขณะเราต่างก็สงสัยและไม่เข้าใจ พระวัจนะของพระเจ้าในพระธรรมเยเรมีย์บทที่ยี่สิบหกกำลังบอกเรา ตอนที่ผมได้ไปโต้แย้งที่พระคริสตธรรมถึงเรื่องที่พวกเขาปฎิเสธพระวัจนะของพระเจ้า ผมอ่านพระธรรมบทนี่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะอาจารย์เหล่าได้กล่าวโจมตีพระวัจนะในชั้นเรียน แต่เวลาที่ผมกลับมายังห้องของผมและอ่านพระธรรมตอนนี้ติดต่อกันหลายคืน เพราะเป็นบทหนึ่งที่สอนได้ดีมากๆ เพราะบอกเราถึงที่มาของพระคัมภีร์ว่ามาจากไหน และบอกเราว่าทำไมคนชั่วถึงเกลียดพระคัมภีร์ และทางที่พวกเขาพยายามทำลายมัน นอกจากนี้บทยี้ยังบอกเราถึงการที่พระเจ้าทรงปกป้องรักษาพระคัมภีร์ ให้หลุดพ้นจากผู้ที่จ้องทำลาย การเทศนาของผมไม่บ่อยนักที่จะเทศน์แบบใช้พระธรรมบทหนึ่งเป็นแม่แบบ แต่ในค่ำคืนมันจำเป็นที่ต้องทำอย่างนั้น เพราะพระธรรมบทนี้มีสาระสำคัญมาก และจำเป็นสำหรับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับพระคัมภีร์ในยุคของเรานี้ ให้เรามาศึกษาพระธรรมบทนี้ด้วยกัน เพราะบอกเราไว่อย่างชัดเจนว่าพระคัมภีร์ได้รับดลใจมาจากพระเจ้า! มีอยู่สี่อย่างในพระธรรมบทนี้เป็นคำตอบให้เรา I. หนึ่ง พระคัมภีร์มาจากที่ไหน คำตอบที่เราสามารถพบได้อยู่ในพระธรรมเยเรมีย์ 36:1-2 ให้ดูข้อเหล่านี้ด้วยกัน “ต่อมาในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม ราชบุตรของโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์พระวจนะต่อไปนี้มาจากพระเยโฮวาห์ถึงเยเรมีย์ว่า เจ้าจงเอาหนังสือม้วนม้วนหนึ่ง และเขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้าปรักปรำอิสราเอลและยูดาห์ และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่เราได้พูดกับเจ้า ตั้งแต่รัชกาลโยสิยาห์จนถึงวันนี้” (เยเรมีย์ 36:1-2). คำเหล่านี้มาถึงเยเรมีย์จากพระเจ้า “และเขียน…ถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้า” นี่แสดงให้เห็นถึงการดลใจของการเขียนพระคัมภีร์ อาจารย์เปาโลกล่าวว่า “อย่าถือว่าเขาเป็นศัตรู แต่จงเตือนสติเขาฉันพี่น้องคนหนึ่ง บัดนี้ ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งสันติสุข ทรงโปรดประทานสันติสุขให้แก่ท่านทั้งหลายทุกเวลาและทุกทาง ขอให้องค์พระผู้เป็นเจ้าดำรงอยู่กับท่านทุกคนเถิด” (เยเรมีย์ 3:15-16) ตอนนี้อาจารย์เปาโลกำลังบอกเรา “พระคริสตธรรมคัมภีร์” คือสิ่งที่ได้รับ “การดลใจโดยพระเจ้า” คำว่า “การดลใจ” ในภาษากรีก คือคำว่า “theopneustos.” ซึ่งหมายถึง “พระเจ้าทรงหายใจ” นั่นหมายความว่าพระวัจนะคือลมหายใจที่ออกมาพระเจ้า เปาโลบอกทิโมธีว่าทุกถ้อยที่เขียนนั้นคือลมหายที่ออกจากพระเจ้า การเขียนนี้ไม่ได้จากมนุษย์ เพราะพระเจ้าทรงหายใจในนั้น ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องบอกว่าพระเจ้าทรงหายใจออกเป็นทุกถ้อยคำ และให้มนุษย์บันทึกเอาไว้ ตอนที่พระเยซูตรัส พระองค์บอกไว้อย่างชัดเจนว่า “มีเขียนไว้แล้วว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” (มัทธิว 4:4) ทุกๆคำในพระคัมภีร์ “ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า” นอกจากนั้น ใน 2 เปโตร 2:21 เราอ่านพบว่าคำพยากรณ์ของคัมภีร์ "ไม่ได้เป็นไปมาตามประสงค์ของทุกคน แต่โดยคนของพระเจ้าที่ได้รับการเคลื่อนไหวโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์" คำว่า "เคลื่อนย้าย" เป็น ในภาษากรีก "phero" หมายถึง "การดำเนินตาม." ดังนั้นคนของพระเจ้าได้ดำเนินการไปตามการทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตามอย่างที่พระประสงค์ของพระเจ้าให้เขียนคำเหล่านั้นลง พระเจ้าทรงดลใจผู้เผยพระวจนะ ควบคู่พร้อมไปกับให้พวกเขาเขียนลงไปตามพระประสงค์ของพระองค์โดยตรง Spurgeon C. H กล่าวว่า หนังสือ [พระคัมภีร์] เป็นการเขียนโดยพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่: ทุกตัวอักษรถูกบันทึกโดยด้วยนิ้วพระหัตถ์; ทุกถ้อยคำนำมาจากลิ้นแห่งนิรันดร์; แต่ละประโยคเป็นไปตามพระวิญญาณบริสุทธิ์ แม้ว่าโมเสสถูกเรียกมาเพื่อเขียนประวัติศาสตร์ด้วยปากกาแห่งไฟ แต่พระเจ้าทรงเป็นผู้นำแห่งการเขีนนั้น [และรวมถึงหนังสือทุกเล่มในพระคัมภีร์] นั่นเป็นเสียงของพระเจ้า ไม่ใช่มนุษย์; ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นคำของพระเจ้า...พระคัมภีร์นี้เป็นพระคำของพระเจ้า และเมื่อฉันเห็น ดูเหมือนฉันจะได้ยินเสียงผุดขึ้นมาจากหนังสือนั้นบอกว่า "ฉันคือหนังสือของพระเจ้า: มนุษย์อ่านฉัน พระเจ้าทรงเขียนฉัน เปิดฉันออก ฉันถูกเขียนโดยพระเจ้า จงอ่านสิ เพราะพระองค์คือผู้ประพันธ์ฉัน" (C. H. Spurgeon, “A Coffer of Jewels About the Bible,” หน้า 45-46). พระเยซูทรงย้ำเสมอว่าพระคัมภีร์คือถ้อยคำอันประเสริฐและพระวัจนะของพระเจ้า “พระองค์ตรัสว่าฟ้าและดินจะล่วงไป แต่คำของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย” (มัทธิว 24:35) พระองค์ทรงตรัสว่า “จะฝ่าฝืนพระคัมภีร์ไม่ได้” (ยอหน์ 10:35) พระองค์ตรัสว่า “เหตุฉะนั้น ถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเราในชั่วอายุนี้ ซึ่งประกอบด้วยการล่วงประเวณีและการผิดบาป บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วยสง่าราศีแห่งพระบิดาของพระองค์…” (มาระโก 8:38) แนะนำ ในพระธรรมเยเรมีย์ 36:2 พระเจ้าตรัสกับผู้เผยพระวัจนะว่า “เขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้” บ่งบอกว่า “ทุกถ้อย” คำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจโดยพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องของความคิดเห็น หรือเรื่องราว ที่รับมาจากพระเจ้า ไม่เลย เพราะ “คำ” เหล่านั้นบริสุทธิ์ และคือ “ลมหายใจของพระเจ้า” ที่มาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ ในพระธรรมเยเรมีย์ 30:2 เราอ่านจะพบว่าพระเจ้าบอกเยเรมีย์ “เขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ในหนังสือ” พระคัมภีร์ที่เราถือในมือของเรา คือฉบับแปลในถาษาอังกฤษ และเรายังแน่ใจว่า ยังมีพระคัมภีร์อื่นๆมากมายที่แปลมาจากภาษาฮีบรูและกรีก ซึ่งคือ “ลมหายใจของพระเจ้าที่ออกมา” โดยพระเจ้า และมนุษย์เขียนไว้ตามภาษาฮีบรูและกรีกที่ได้รับจากพระเจ้า จากการบอกเล่าของ บารุ ในข้อที่ 18 “เขา [เยเรมีย์] บอกว่าทุกถ้อยคำที่ฉันกล่าวนี้ มาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และบารุ ก็บันทึกเอาไว้ และนั่นคือพระคัมที่เรามีที่มาจกลมหายใจของพระเจ้า! ดร บี บี เมคกีนนี่กล่าวไว้ในบทเพลงของเขาว่า ฉันรู้ว่าพระคัมภีร์ถูกส่งมาจากพระเจ้า II. สอง ทำไมพระคัมภีร์ถึงถูกเกลียด อย่าเข้าใจผิด การที่หลายต่อหลายคนในทุกวันนี้เกลียดพระคัมภีร์ – เพราะมันถูกเกลียโดยคนมากมายอยู่แล้ว ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ให้ดูในข้อที่สองอีกครั้งหนึ่ง “เจ้าจงเอาหนังสือม้วนม้วนหนึ่ง และเขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้าปรักปรำอิสราเอลและยูดาห์ และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่เราได้พูดกับเจ้า ตั้งแต่รัชกาลโยสิยาห์จนถึงวันนี้” (เยเรมีย์ 36:2) ให้ดูคำในตอนท้ายๆบอกว่า “เขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้าปรักปรำอิสราเอลและยูดาห์ และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น…” นั่นคือ สาเหตุที่ทำให้คนเกลียดพระคัมภีร์! เพราะกล่าวต่อต้านพวกเขา! คนเกลียดพระคัมภีร์เพราะบอกว่าพวกเขาคือคนบาป ไม่มีหนังสือเล่มไหนที่เขียนตักเตือนจิตสำนึกของมนุษยืเรื่องของบาปเท่ากับพระคัมภีร์อีกแล้ว คนที่ไม่เชื่อเรื่องพระเจ้าเกลียด เพราะว่าพระคัมภีร์เรียกพวกเขาว่าโง่ – “คนโง่รำพึงในใจของตนว่า “ไม่มีพระเจ้า” เขาทั้งหลายก็เลวทรามลง เขากระทำกิจการที่น่าสะอิดสะเอียน ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี” (สดุดี 14:1) ชาวพุทธที่กราบไหว้รูปเคารพเกลียดเพราะพระคัมภีรบอกว่าการไหว้รูปเคารพกลายเป็นคนโง่” (โรม 1:22) สำหรับคนที่รักในเพศเดียวกันเกลียดเพราะพระคัมภีร์บอกว่า “พระเจ้า…จึงทรงปล่อยให้เขามีใจเลวทรามและประพฤติสิ่งที่ไม่เหมาะสม” (โรม 1:26, 28) คนทำแท้งเกลียดเพราะพระคมภีร์บอกว่า “อย่าฆ่า” (อพยพ 20:13) นักวิทยาศาสตร์เกลียดเพราะพระคัมภีร์บอกว่า “พระเจ้าเป็นผู้สร้าง” (ปฐมกาล 1:1; 1:24; 1:25) คนบาปกบฏเกลียดพระคัมภีร์เพราะส่องว่างไปบนความบาปของพวกเขา “หลักของการพิพากษามีอย่างนี้ คือความสว่างได้เข้ามาในโลกแล้ว แต่มนุษย์ได้รักความมืดมากกว่ารักความสว่าง เพราะกิจการของเขาชั่ว เพราะทุกคนที่ประพฤติชั่วก็เกลียดความสว่าง และไม่มาถึงความสว่าง ด้วยกลัวว่าการกระทำของตนจะถูกตำหนิ” (ยอห์น 3:19-20) III. สาม คนบาปที่กบฏทำอย่างไรกับพระคัมภีร์ หนังสือม้วน ที่บันทึกคำของพระเจ้าจากปากของเยเรมีย์ เพื่ออ่านให้กับกษัตริย์ชั่วร้ายอย่างเยโฮยาคิม ดูข้อที่ 22 “เวลานั้นเป็นเดือนที่เก้า กษัตริย์ประทับอยู่ในพระราชวังเหมันต์ และมีไฟลุกอยู่ในโถไฟหน้าพระพักตร์ ต่อมาเมื่อเยฮูดีอ่านไปได้สามหรือสี่แถบ กษัตริย์ทรงเอามีดอาลักษณ์ตัดออก และทรงโยนเข้าไปในไฟที่ในโถไฟ จนหนังสือม้วนนั้นถูกไฟที่ในโถไฟเผาผลาญหมด ถึงกระนั้นกษัตริย์หรือข้าราชการของพระองค์ผู้ได้ยินบรรดาถ้อยคำเหล่านี้หาได้เกรงกลัวหรือฉีกเสื้อผ้าของตนไม่” (เยเรมีย์ 36:22-24) กษัตริย์ชั่วร้ายและกบฏได้เผาพระวจนะของพระเจ้า! หน้าต่อหน้า! มีอะไรอีกคือสิ่งที่ใหม่? ใช่ว่าคนบาปจะเกลียดพระคัมภีร์เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง! พวกเขาเกลียดเสมอ ในสวนเอเดนซาตานเจ้าเล่ห์กระซิบกับเอวา "ว่า พระเจ้ากล่าวว่า" (ปฐมกาล 3:1) แล้วซาตานก็ขัดแย้งโดยตรงกับพระคัมภีร์ตั้งแต่ตอนที่เขาโกหกเอวา โดยกล่าวว่า "เจ้าจะไม่ตายแน่นอน" แม้ว่าคุณไม่เชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้า (ปฐมกาล 3:4) ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาซาตานก็นำคนบาปโจมตีและดูถูกพระคัมภีร์ ผู้คนมักจะบอกว่าพวกเขาปฏิเสธพระคัมภีร์เพราะพวกเขามีความคิดดีสมบูรณ์แบบ และมีการศึกษาที่สูง แต่นั่นพวกเขากำลังหลอกตัวเองเท่านั้นเหตุผลที่แท้จริงที่พวกเขาปฏิเสธพระคัมภีร์เป็นเพราะพวกเขาเป็นศัตรูของพระเจ้า อัครทูตเปาโลกล่าวว่า “เหตุว่าใจซึ่งปักอยู่กับเนื้อหนังนั้นก็เป็นศัตรูต่อพระเจ้า เพราะหาได้อยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัติของพระเจ้าไม่ และที่จริงจะอยู่ใต้บังคับพระราชบัญญัตินั้นไม่ได้” (โรม 8:7) ตัณหาและใจของผู้ที่เกลียดชังพระคัมภีร์ที่ไม่ได้บังเกิดใหม่ยิ่งนำพวกเขาให้ต่อต้านพระคัมภีร์มากขึ้น กษัตริย์เศเดคียาไม่ได้มีสติปัญญาดีไปกว่าเยเรมีย์ เขาไม่มีการศึกษาด้วยซ้ำ! ไม่เลย เขาไม่ได้เผาพระคัมภีร์เพราะเขาคือผู้ที่มีสติปัญญาหรือการศึกษา! เขาเผาพระคัมภีร์เพราะใจของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้ายตัณหา คือ "การเป็นศัตรูกับพระเจ้า" ผมเคยได้ยินพวกขี้เมาและติดยาเสพติดโต้แย้งพระคัมภีร์เช่นเดียวกันกับพวกอาจารย์ที่สอนที่โกลเด้นเกตวิทยาลัยศาสนศาสตร์แบ๊บติสต์ ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่นั่นคือปี 1970 ทำไมผู้ที่ถูกเรียกว่า "ผู้มีการศึกษา" ต่างก็โต้แย้งพระคัมภีร์ไม่ต่างอะไรไปกับพวกขี้ยาและพวกมีนิสัยชอบเสพกามทั้งหลาย? คำตอบง่ายๆ พวกเขายังไมได้กลับใจใหม่ เป็นเพียง"คนธรรมดา" เพราะพวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์ถึงการบังเกิดใหม่! พระคัมภีร์กล่าวว่า, “แต่มนุษย์ธรรมดาจะรับสิ่งเหล่านั้นซึ่งเป็นของพระวิญญาณแห่งพระเจ้าไม่ได้ เพราะเขาเห็นว่าเป็นสิ่งโง่เขลา และเขาไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าจะเข้าใจสิ่งเหล่านั้นได้ก็ต้องสังเกตด้วยจิตวิญญาณ” (1 โครินธ์ 2:14) จนกว่าคนบาปจะกลับใจใหม่เท่านั้น มิฉะนั้พวกเขาก็จะต่อต้านและโจมตีพระคัมภีร์เหมือนอย่างที่กษัตริย์ชั่วร้ายที่ได้ที่โยนพระคัมภีร์เข้าไปในกองไฟในยุคของเยเรมีย์ ผู้ที่โจมตีและวิพากษ์วิจารณ์พระคัมภีร์อยู่เสมอนั้นยังไม่ได้รับความรอด (เอเฟซัส 2:2) ดร. เมคกินนี่ กล่าวว่า แม้ว่าศัตรูจะปฏิเสธด้วยวิญญาณแห่งความหายนะ, IV. สี่ พระเจ้าปกป้องรักษาพระคำของพระองค์อย่างไร กษัตริย์ชั่วร้ายอย่างเยโฮยาคิใช้มีดพับตัดพระวจนะของพระเจ้าที่ละหน้า จากนั้นเขาก็โยนลงไปที่เปลวไฟซึ่งเป็นเตาผิงของเขา “ถึงกระนั้นกษัตริย์หรือข้าราชการของพระองค์ผู้ได้ยินบรรดาถ้อยคำเหล่านี้หาได้เกรงกลัวหรือฉีกเสื้อผ้าของตนไม่” (เยเรมีย์ 36:24) ความชั่วช้าอย่างที่เราทราบกันดี “ในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้า” (โรม 3:18) ทางเดียวที่จำนำคนบาปมารับรู้และเชื่อเรื่องของบาป และทำให้เกรงกลัวก็โดยทางพระวิญญาณของพระเจ้า มนุษย์จะไม่กลัวการพิพากษาในวันสุดท้าย จนกว่าพระเจ้าจะเปิดตาบอดใจบอดของพวกเขา! ตอนนี้สำเนาฉบับเดียวของเยเรมีย์ถูกเผา – ทุกถ้อยคำในนั้น! นี่คือจุดจบของพระคัมภีร์เล่มนี้หรือเปล่า? ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้น! ดูไปที่ข้อ 27 “หลังจากที่กษัตริย์ทรงเผาหนังสือม้วนอันมีถ้อยคำซึ่งบารุคเขียนตามคำบอกของเยเรมีย์แล้ว พระวจนะของพระเยโฮวาห์มายังเยเรมีย์ว่า “จงเอาหนังสือม้วนอีกม้วนหนึ่งและจงเขียนถ้อยคำแรกซึ่งอยู่ในหนังสือม้วนก่อนลงไว้ทั้งหมด คือซึ่งเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ทรงเผาเสียนั้น” (เยเรมีย์ 36:27-28) ตอนนี้ให้ดูไปที่ข้อ 32 “แล้วเยเรมีย์จึงเอาหนังสือม้วนอีกม้วนหนึ่ง มอบให้บารุคเสมียนบุตรชายเนริยาห์ ผู้เขียนถ้อยคำทั้งสิ้นในนั้นตามคำบอกของเยเรมีย์ คือถ้อยคำทั้งสิ้นในหนังสือม้วนซึ่งเยโฮยาคิมกษัตริย์แห่งยูดาห์ได้เผาเสียในไฟ และมีถ้อยคำเป็นอันมากที่คล้ายคลึงกันเพิ่มขึ้น” (เยเรมีย์ 36:32). พระคัมภีร์เป็นหนังสือเล่มเดียวเท่านั้นที่ไม่สามารถทำลายได้! ทำไม? เพราะพระคัมภีร์ทำลายไม่ได้ เปโตรกล่าวว่า "พระคำของพระเจ้ายืนยงตลอดกาล" (I เปโตร 1:25) ผู้เผยพระวจนะอิสยาห์กล่าวว่า "หญ้าเหี่ยวแห้งดอกไม้ร่วงโรย แต่พระวจนะของพระเจ้าของเราจะยืนอยู่ตลอดกาล" (อิสยาห์ 40:8) และผู้ประพันธ์พระธรรมสดุดีกล่าวว่า "โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ พระวจนะของพระองค์ปักแน่นอยู่ในสวรรค์เป็นนิตย์" (สดุดี 119:89) ดร. จอห์นอาร์ไรซ์กล่าวว่าบทกวี” (สดุดี 119:89) ดร. จอห์น อาร์ ไรซ์ กล่าวถึงพระคัมภีร์ข้อนี้ว่า (สดุดี 119:89) "แน่นอนทุกตัวอักษรของพระคัมภีร์ที่ถูกสอนจะอยู่นิรันดร์ ตั้งเก็บรักษาไว้ในสวรรค์" (John R. Rice, D.D., Our God-Breathed Book – The Bible, Sword of the Lord Publishers, 1969 edition, p. 358). คุณสามารถมั่นใจได้ว่าพระกิตติคุณเป็นความจริงเพราะพระคัมภีร์กล่าววอย่างนั้น! "แต่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้ายั่งยืนอยู่เป็นนิตย์ พระวจนะนั้นคือข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้ท่านทั้งหลายทราบแล้ว” (I เปโตร 1:25) พระเยซูคริสต์เสด็จมาจากสวรรค์ ทรงแบกความบาปของคุณ และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน – เพื่อไถ่บาปของคุณ และพระกายของพระคริสต์ "และทรงถูกฝังไว้… แล้ววันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาใหม่ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์นั้น" (1 โครินธ์ 15:4) หันหลังให้กับบาปของคุณและไว้วางใจในพระคริสต์ พระองค์จะช่วยให้คุณให้หลุดพ้นจากบาป นรกและหลุมแห่งความตาย อาเมน (จบการเทศนา) You may email Dr. Hymers at rlhymersjr@sbcglobal.net, (Click Here) – or you may อ่านพระวัจนะก่อนเทศนา โดย ดร. กรีกฟตัน เอล์ ชัน: สดุดี 119:9-18. |
โครงร่างของ หนังสือที่ทำลายไม่ได้ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอรส์ จูเนียร์ “ต่อมาในปีที่สี่แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม ราชบุตรของโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์พระวจนะต่อไปนี้มาจากพระเยโฮวาห์ถึงเยเรมีย์ว่า เจ้าจงเอาหนังสือม้วนม้วนหนึ่ง และเขียนถ้อยคำนี้ทั้งสิ้นลงไว้ เป็นคำที่เราได้พูดกับเจ้าปรักปรำอิสราเอลและยูดาห์ และบรรดาประชาชาติทั้งสิ้น ตั้งแต่วันที่เราได้พูดกับเจ้า ตั้งแต่รัชกาลโยสิยาห์จนถึงวันนี้ ชะรอยวงศ์วานยูดาห์จะได้ยินถึงความร้ายทั้งสิ้นซึ่งเราประสงค์จะกระทำแก่เขาทั้งปวง เพื่อว่าทุกคนจะหันกลับจากทางชั่วร้ายของเขา และเพื่อเราจะอภัยโทษความชั่วช้าของเขาและบาปของเขา” (เยเรมีย์ 36:1-3) I. หนึ่ง พระคัมภีร์มาจากที่ไหน เยเรมีย์ 36:1-2; 2 ทิโมธี 3:15-16; II. สอง ทำไมพระคัมภีร์ถึงถูกเกลียด เยเรมีย์ 36:2; สดุดี 14:1; III. สาม คนบาปที่กบฏทำอย่างไรกับพระคัมภีร์ เยเรมีย์ 36:22-24; IV. สี่ พระเจ้าปกป้องรักษาพระคำของพระองค์อย่างไร, เยเรมีย์ 36:24; โรม 3:18; |