เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
พระเจ้าทรงรักษาความโดดเดี่ยวอ้างว้างของมนุษย์ GOD’S CURE FOR MAN’S LONELINESS โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ เทศนาในตอนเช้าวันของพระเป็นเจ้า วันที่ 16 เดือน กันยายน ค.ศ. 2012 ณ คริตจักร |
ผมเป็นสมาชิกที่คริสตจักรจีนที่หนึ่งในลอสแอเจลิสได้ประมาณยี่สิบสามปี และตอนนั้น ดร. ทิโมธี หลิน เป็นศิษยาภิบาลที่นั่น ก่อนหน้าที่ท่านจะมาที่เป็นศิษยาที่คริสตจักรท่าน สอนอยู่สอนฮีบรู และศาสนศาสตร์อยู่ที่มหาวิทยาลัย บ๊อบ โจนส์ ทุกวันนี้ผมได้รับหลายอย่างจากท่าน หนึ่งในนั้นคือเรื่องของการเทศนา ท่านกล่าวว่า ท่ามกลางพันธกิจต่างของศิษยาภิบาลนั้น สิ่งที่ยากและสำคัญมากที่สุดคือ การรู้ที่จะกล่าวพระวัจนของพระเจ้าในทุกวันอาทิตย์อย่างไม่ต้องสงสัย…และรวมจนถึงเทศนาในวันพฤหัสบดีด้วย การเทศนาที่คลุมเคลือ และถ้า [เป็น] อย่างนั้นจริง จำเป็นที่ผู้รับใช้คนนั้นต้องทุ่มเทให้กับการอธิฐานและอดอาหาร…วิญญาณของเราที่จะต้องรับรู้นั้นยังมีอีกมากมายเพื่อที่จะฟังพระคำของพระเจ้า และการเทศนานี้ต้องเกิดจากประสบการณ์ของส่วนบุคคล (Timothy Lin, Ph.D., The Secret of Church Growth, First Chinese Baptist Church, 1992, p. 23). ทุกวันนี้พระเจ้าทรงแสนดีต่อพวกเรามาก พระองค์ได้ประทานพระคำของพระองค์ให้กับผมครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างไม่มีอุปสรรคใดๆเลย ดูเหมือนว่าจะเป็นการง่ายสำหรับผมว่าจะต้องเททศน์ในเริ่องอะไรต่อการเทศนาในแต่ละครั้งไม่ว่าในช่วงเช้า ช่วงเย็น แม้กระทั่งในช่วงคืนวันเสาร์! มีผู้รับใช้บางคนถามผมว่า “คุณทำได้อย่างไรกับการเทศนาสามครั้งต่ออาทิตย์โดยที่เนื้อหาไม่ซ้ำกันเลย?” สิ่งเดียวที่ผมพูดได้นั่นเพราะพระคุณของพระเจ้า! ผมรู้ว่าการเทศนาของผมนั้นดูเหมือนจะเป็นการง่าย นั่นเป็นเพราะว่าเราได้มีการอดอาหารอธิษฐานในคืนวันเสาร์ การอธิษฐานเช่นนี้นำมาซึ่งพระพรของพระเจ้า เลยทำให้เป็นการง่ายสำหรับผมที่จะเตรียมบทเทศนา! และนั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมใช้เวลานานมากในการเตีรยมบทเทศนาที่จะเทศน์ในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ ผมไม่รู้เลยว่าจะเตรียมอะไรเพื่อใช้เทศน์ในเช้าของวันอาทิตย์ แต่ดูเหมือนพระเจ้าได้ตรัสให้กับผมว่า “อย่ากังวลเลย” – ขอให้เจ้าเตรียมบทเทศนาที่จะใช้เทศน์ในตอนเย็นให้เสร็จก่อน หลังจากนั้นเราจะสำแดงให้เจ้ารู้ว่าจะต้องเตรียมเรื่องอะไรเพื่อใช้เทศน์ในเช้าของวันอาทิตย์” สรรเสริญพระเจ้า! และนั่นคือความจริงที่ได้เกิดขึ้น! หลังจากที่ผมเตรียมบทเทศนาที่จะใช้เทศน์ในช่วงเย็นเสร็จสิ้นลง ผมก็เดินไปที่ห้องที่ทางด้านหน้า เพื่อไปทานอาหารมื้อเที่ยง ช่วงเวลานั้นผมมักจะดูข่าวตามช่องทีวีที่ชื่อ ฟ็อกซ์ ตอนที่ผมไปเปิดทีวีนั้น กลับเปิดผิดไปอีกช่องหนึ่งที่ผมไม่เคยดูมาก่อน ตอนที่เปิดไปที่ช่องนั้น จอร์จ เบเวอร์ลี เชีย กำลังร้องเพลงอยู่ เสียงตีระฆังบ่งบอกถึงวันเก่าหมดหมไป และข่าวของวันใหม่ผ่านเข้ามา ภรรยาของผมได้เดินมาที่ห้องรับแขกมาฟังท่าน เชีย ร้องเพลง หลังจากนั้น บิลลี่ เกรแฮมก็ออกมาเทศนา นี่เป็นเทปเก่าบันทึกที่เมือง เดนเวอร์ รัฐโคโลราโดในปี 1988 ตอนที่ผมเปิดทีวีนั้นผมไม่รู้อะไรกับช่องนี้เลย ท่านบิลลี่ ได้เริ่มต้นเทศนาในหัวข้อความอ้างว้าง และท่านก็เทศน์ไว้ได้ดีมาก ในทันใดนั้นพระเจ้าก็ตรัสให้ผมว่าให้เอาหัวข้อนี้ไปเทศน์ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์! ภรรยาของผมก็พูดย้ำในสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสให้กับผม เธอบอกผมว่า “โรเบริต์ เธอต้องเทศนาหัวข้อนีในเช้าอาทิตย์หน้านี้นะ” จริงๆแล้ว มิส ไฮเมอร์ส จะไม่ค่อยแนะนำอะไรผมมากกับพันธกิจที่ผมทำ – ไม่ค่อยมีจริงๆ ตอนที่เธอแนะนำ ผมก็รับฟังเธอ และผมก็พบว่าทุกครั้งที่เธอทำอะไรมักจะถูกเสมอ และนั่นคือหัวข้อเทศนาของผมตามแบบฉบับบของท่าน บิลลี่ เกรแฮม นักเทศน์ผู้มีชื่อเสียงในห้วข้อที่ชื่อว่า ความอ้างว้าง กรุณาเปิดพระคัมภีร์ขอท่านไปพร้อมกับผมไปที่สดุดี 102:6-7 “ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกกระทุงที่ในถิ่นทุรกันดาร ดุจนกเค้าแมวแห่งทะเลทราย ข้าพระองค์เฝ้าอยู่ ข้าพระองค์เหมือนนกกระจอกโดดเดี่ยวบนหลังคาเรือน” (สดุดี 102:6-7) พวกคุณนั่งลงได้ ดร. จอห์น กิลล์ (1697-1771) ได้ให้แง่คิดที่ดีมากให้กับพระธรรมตอนนี้ ดร. กิลล์ กล่าวว่า หลังคาบ้านของคนยิวจะมีลักษณะแบบแบนหรือเรียบ จึงเป็นที่ดึงดูดนกที่ชอบสันโดดบินมานอนในช่วงตอนกลางคืน ผู้เขียนพระธรรมสดุดี [ได้เปรียบเทียบ] ตัวเอง ที่ถูกทอดทิ้งโดยเพื่อนๆมิตรสหาย ตลอดจนผู้คนที่รู้จักคุ้นเคย หรือในขณะที่สถานการณ์ [น่าเศร้า และอ้างว้าง] เช่นนี้ เขากลับเลือกที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง เพื่อไว้ทุกข์เหนือความเศร้าและสถานการณ์เหล่านั้น (John Gill, D.D., An Exposition of the Old Testament, The Baptist Standard Bearer, 1989 reprint, volume IV, p. 127; note on Psalm 102:6-7). “ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกกระทุงที่ในถิ่นทุรกันดาร ดุจนกเค้าแมวแห่งทะเลทราย ข้าพระองค์เฝ้าอยู่ ข้าพระองค์เหมือนนกกระจอกโดดเดี่ยวบนหลังคาเรือน” (สดุดี 102:6-7) มีวัยรุ่นจำนวนมากมายที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ – ต่างอยู่โดดเดี่ยวอ้างว้างเหมือนนกกระทุงที่อาศัยในถิ่นทุรกันดาร หรือนกฮูกที่อาศัยอยู่ในทะเลทราย และนี่เป็นเรื่องปกติที่สามารถพบเห็นทั่วไปในหมู่วัยรุ่นอยู่อย่างอ้างว้าง เหมือนติดอยู่ในบ้านที่ไร้ผู้คน ผมทำพันธกิจให้กับเด็กที่อยู่ในวัยมัธยม และวัยวิทยาลัย ได้ประมาณหกสิบห้าปีแล้ว ผมจึงพบว่าในส่วนลึกๆแล้ววัยรุ่นเหล่านั้นต่างก็อยู่แบบอ้างว้างเดียวดาย ชายหนุ่มคนหนึ่งเล่าว่า ผมอยากจะเป็นคนพิเศษให้กับใครบางคน แต่หารู้ไม่ว่าไม่มีใครรักและต้องการผม ผมแถบจำไม่ได้เลยว่ามีคนมาสัมผัส และยิ้มให้ผม หรือต้องการที่จะอยู่กับผม…ผมเหงามาก และยากเกินที่จะยืนหยัดต่อไปได้ (อ้างอิง โดย Josh McDowell, The Disconnected Generation, Word, 2000, p. 11). วัยรุ่นหนุ่มสาวจำนวนพันๆคนต่างก็รู้สึกเช่นนั้น ดร. ลิโอนาร์ด ซูนิน นักจิตแพทย์กล่าวว่า “ปัญหาที่เลวร้ายที่สุดของมนุษย์คือโดดเดี่ยวอ้างว้าง” นักจิตวิเคราะห์อีกท่านหนึ่งชื่อ เอริคฮ์ ฟลอ์ม กล่าวเอาไว้ว่า “สิ่งที่อยู่ในส่วนลึกๆของมนุษย์นั้นคือการพยายามเอาชนะความเป็นเอกเทศของตัวเอง แสวงหาทางออกจากคุกแห่งความอ้างว้างโดดเดี่ยวของเขา” และคงไม่มีที่ไหนอื่นใดอีกแล้วที่วัยรุ่นทั้งหลายจะอยู่อย่างอ้างว้างได้เท่ากับผู้คนที่อาศัยอยู่ที่เมืองลอสแอเจลิส นักเขียนท่านหนึ่งชื่อ เฮอร์เบิร์ต โปรชเนาว์ กล่าวเอาไว้ว่า “เมืองใหญ่ชุมชนหนาคือที่ๆผู้คนอยู่ด้วยกันแบบอ้างว้างและโดดเดี่ยว” นักศึกษาชาวจีนคนหนึ่งบอกว่า “ไม่มีใครเลยที่จะเข้าใจฉัน นับตั้งแต่ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า จนเวลากลับเข้าไปนอนในตอนดึก ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างมาก” คุณเคยรู้สึกอย่างนี้บ้างหรือเปล่า? คุณเคยรู้สึกบ้างไหมว่าไม่มีใครเลยรักและต้องการคุณ? คุณเคยรู้สึกไหมว่าไม่มีคนที่เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจในตัวคุณเลย? คุณเคยรู้สึกไหมว่าเหมือนอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางผู้คนมากมาย? ผมได้ยินมาว่ามีวัยรุ่นต่างคุยกันว่าพวกเขาไปเดินที่ห้างเพียงเพื่อมีคนอยู่รอบข้างพวกเขาเท่านั้น แต่นั่นช่วยอะไรไม่ได้เลย! พวกเขาต่างรู้สึกอ้างว้างท่ามกลางผู้ที่กำลังสนุบสนาน คนอื่นๆต่างก็หัวเราะเฮฮา แต่พวกเขากลับไม่สามารถหลีกหนีพ้นจากจากคุกแห่งความโดดเดี่ยอ้างว้างของพวกเขา ดร. หลิน กล่าวเสมอว่า “วัยหนุ่มสาวคือวัยโดดเดี่ยวอ้างว้าง” ท่านเข้าใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี ท่านจึงกล่าวถึงมันบ่อยๆ ผมรู้ว่าท่านเคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ตอนที่อยู่ในประเทศจีนในช่วงที่ท่านยังเป็นวัยรุ่นอยู่นั้นก็รู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างในที่ยามที่ต้องอยู่ห่างจากบ้าน เพราะต้องไปเรียนหนังสือที่วิทยาลัย แล้วคุณล่ะ? เคยรู้สึกอย่างนั้นด้วยหรือเปล่า? คุณเคยรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างและไม่เป็นที่ต้องการของใครๆ? นักประพันธ์ท่านหนึ่งชื่อ เออร์เนสท เฮมมิงเวย์ (1899-1961) ท่านรับรางวัลโนเบล และมีทุกสิ่งตามที่เงินสามารถซื้อได้ ประธานาธิบดีจอห์นเคนเนดี้ได้เชิญเขาให้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีแต่งตั้งท่านให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา แต่เฮมมิงเวย์ไม่สามารถไปตามคำเชื้อเชิญนี้ได้ เพราะเขามีอาการซึมเศร้า เขาบอกว่าเขาเหงารู้สึกเหมือน "หลอดที่ถูกเผาออกมาจากวิทยุ" หลังจากนั้นเขาก็ได้ฆ่าตังเองตาย ตอนที่ครอบของไปเที่ยวที่เมือง คีย์ เวสท์ รัฐฟอริด้านั้น เราได้ไปเยี่ยมชมบ้านของท่าน ประมาณ 75% หนังสือของท่านที่ถูกเขียนขึ้นในบ้านหลังนี้ ตอนที่ไอรินาพาลูกๆไปเที่ยวที่อื่น ผมได้เดินย้อมกลับไปที่บ้านหลังนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงบ่ายเสร็จๆ ช่างเป็นบรรยากาศที่เยือกเย็นมาก มันดู้เหมือนว่าบ้านหลังนี้เต็มไปด้วยความโดดเดี่ยวและอ้างว้าง ผมรู้สึกได้ว่ามีวิญญาณชั่วสิงสถิตอยู่ แถบจะไม่มีความหวังและสันติสุขอยู่ที่นั่นเลย และชายคนนั้นจึงไม่สามารถหลีบหนีออกจากเหตุการณเช่นนี้ อีกไม่กี่ต่อมาที่เมืองพวกราได้กลับไปที่เมือง เกทชุม รัฐไอดาโฮ คือเมืองที่ เฮมมิงเวย์ ใช้ปืนยิงตัวเองตาย และนั่นอีกครั้งหนึ่งที่ผมรู้ได้ว่าวิญญาณแห่งความโดดเดี่ยวอ้างว้างได้ตามล่า และฆ่าเขา หนึ่งในหนังสือกล่าวถึงชีวประวัติของท่านได้กล่าวไว้ว่า “การตายและทุกหยดเลือดของเขานั้นมันไม่มีวันที่จะจานและลืมเลือนได้” (Kenneth S. Lynn, Hemingway, Harvard University Press, 1987, p. 593). คุณรู้ไหมว่าการฆ่าตายตายคือหนึ่งในสองอย่างที่เกิดขึ้นมากสำหรับคนหนุ่มสาวที่อยู่ในช่วงอายุยี่สิบห้าปี? ผมมีเพื่อนคนหนึ่งสมัยเรียนมัธยมด้วยกันได้ฆ่าตัวตายเช่นเดียวกับ เฮมมิงเวย์ นั่นคือเขายิงที่ศีรษะของเขาและเสียชีวิต ต่อมาผมทราบจากแม่ของเขาว่าในชีวิตเขามีผมคนเดียวที่เป็นเพื่อน เมื่อผมได้ยินเช่นนั้นผมรู้สึกเสียใจไปหลายปี เพราะผมไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ เท่ากับว่าผมเป็นคนฆ่าเขาเพราะไม่ได้พาเขามาที่คริสตจักร โปรดกรุณาอย่าทำผิดพลาดเหมือนผม ให้พาเพื่อนๆของคุณทุกคนมาฟังพระกิตติคุณของพระเจ้า! ผมขอย้ำอีกครั้งว่า ให้พาเพื่อนๆของคุณทุกคนมาฟังพระกิตติคุณ! แล้วคุณจะได้ไม่ต้องเสียเหมือนผม! ช่วยใครบางคนในวันนี้ ใครบางคนกับชีวิตของเขา ดร. จอห์น เอส วอล์ดรีป ท่านเป็นศิษยาภิบาลและเป็นเพื่อนของผมคนหนึ่ง ท่านกล่าวถึงตอนที่ท่านยังเป็นวัยรุ่นว่า ผมคือแกะดำให้กับเพื่อนๆของผมทั้งชายและหญิง ผมยืนอยู่ในห้องท่ามกลางคนมากมาย ผมอยู่โดดเดี่ยวอ้างว้างดดยที่ไม่มีใครเหลวแลเลย…เราต่างเติมเวลาของเราลงบนแผนผนัง…แต่กิจกรรมต่างๆนั้น เราต่างใช้เพื่อเชื่อมโยงไปถึงคนอื่นเท่านั้น เรากลายเป็นสังคมที่เป็นเพียงรู้จักคุ้นเคยกัน มากกว่าการเป็นเพื่อนต่อกันและกัน (John S. Waldrip, Th.D., “Cure for the Lonely Heart,” May 2, 2004). จึงไม่แปลกใจที่มีจำนวนวัยรุ่นมากมายที่ต่างก็เป็นเหมือนกับผู้เขียนพระธรรมสดุดี! “ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกกระทุงที่ในถิ่นทุรกันดาร ดุจนกเค้าแมวแห่งทะเลทราย ข้าพระองค์เฝ้าอยู่ ข้าพระองค์เหมือนนกกระจอกโดดเดี่ยวบนหลังคาเรือน” (สดุดี 102:6-7) “ช่วยใครบางคนในวันนี้” ร้องเพลงนี้ด้วยกัน! ช่วยใครบางคนในวันนี้ ใครบางคนกับชีวิตของเขา แต่สำหรับพระเจ้าแล้วไม่ต้องการให้คุณอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้าง ในสวนเอเดนนั้นพระเจ้าตรัสว่า “ซึ่งมนุษย์นั้นอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ เราจะสร้างผู้อุปถัมภ์ให้เขา” (ปฐมกาล 2:18) นักแต่งกลอนของคริสเตียนท่านหนึ่งชื่อ จอห์น มิลตัน (1608-1674) กล่าวว่า “ความโดดเดี่ยวอ้างว้างคือสิ่งแรกที่พระเจ้าเห็นว่าไม่ดี” และตอนนี้ก็เป็นเหมือนเช่นเดียวกับในวันนั้น พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณต้องอยู่โดดเดี่ยว พระองค์ตรัสว่า “ซึ่งชายนั้นอยู่คนเดียวก็ไม่เหมาะ เราจะสร้างผู้อุปถัมภ์ให้เขา” – หรือ ผู้หญิงก็เช่นเดียวกัน! นั่นแหละคือสาเหตุที่พระเจ้าได้ตระเตรียมสองหนทางสำหรับใช้รักษาความโดดเดี่ยวอ้างว้าง I. สิ่งแรก พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ในตอนที่บรรพบุรูษของเราได้ทำบาป ในทันใดนั้นเขากลายเป็นคนแปลกหน้าและถูกตัดขาดจากพระเจ้า อาดัมได้หลบหน้าพระเจ้า (ปฐมกาล 3:10) อาดัมและภรรยาของเขาถูกขับไล่ออกจากสวนเอเดนเพราะความบาปของเขาทั้งสอง เขาถูกตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่มีกับพระเจ้า พระคัมภีร์ได้สอนว่าความบาปนั้นได้ตกลงมาเหนือมนุษย์ทุกคน นั่นแหละคือเหตุที่พระเจ้าดูจะเป็นเรื่องไม่จิรงให้กับคุณ ความบาปแยกตัวคุณออกจากพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่า “แต่ว่าความชั่วช้าของเจ้าทั้งหลายได้กระทำให้เกิดการแยกระหว่างเจ้ากับพระเจ้าของเจ้า และบาปของเจ้าทั้งหลายได้บังพระพักตร์ของพระองค์เสียจากเจ้า พระองค์จึงมิได้ยิน” อิสยาห์ แม้กระทั่งทุกวันนี้มนุษย์ได้ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างไม่มีพระเจ้า อยู่อย่างสิ้นหวัง เฮ จี เวลลส์ (1866-1946) กล่าวว่า “ผมอายุครบหกสิบห้าปีแล้ว ผมรู้สึกอ้างว้างและไม่เคยพบกับสันติสุขเลย” แต่สำหรับพระเจ้าไม่อยากให้คุณต้องอยู่ในลักษณะเช่นนั้น พระเจ้าต้องการที่จะคืนดีกับคุณ นั่นแหละคือสาเหตุที่พระเจ้าทรงส่งพระเยซูมาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อความบาปของคุณจะได้รับการให้อภัย และรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้าใหม่ พระวัจนะตรัสว่า “เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศัตรู เราได้กลับคืนดีกับพระเจ้าโดยที่พระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์ ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อเรากลับคืนดีแล้ว เราก็จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์แน่” (โรม 5:10) ตอนที่คุณมาหาพระเยซูด้วยความเชื่อนั้น ความบาปของคุณได้รับการให้อภัยโดยเหตุที่พระเยซูทรงสิ้นพระชนมบนไม้กางเขนแทนคุณ-และคุณก็กลับมาคืนดีกับกรพระเจ้า! พระกายของพระเยซูได้เป็นขึ้นมาจากความตาย และประทานชิวิตนิรัดร์ให้คุณ จงมาหาพระเยซูด้วยความเชื่อ พระองค์ทรงช่วยคุณให้หลุดพ้นจากบาปและคนแปลกหน้าสำหรับพระเจ้า ผมพร้อมที่จะคุยกับทุกคนที่อยากจะเชื่อวางใจในพระเยซูและรับเอาความรอด “ช่วยใครบางคนในวันนี้” ร้องเพลงนี้ ช่วยใครบางคนในวันนี้ ใครบางคนกับชีวิตของเขา II. สอง พระเจ้าทรงตระเตรียมคริสจักรท้องถิ่นให้เรา เพื่อรักษาอารมณ์แห่งความอ้างว้างของเรา ผมไม่เชื่อหรอกว่าพระเจ้าทรงช่วยคุณ แล้วก็ปล่อยให้อยู่ตามลำพังโดยที่ไม่มีเพื่อนสักคนในโลกนี้ มีตอนหนึ่งในคำเทศนาของ บิลลี่ เกรแฮม ที่ผมชอบมาก แต่ผมไม่เชื่อว่าเขาพูดออกมาทั้งหมด เขากล่าวว่าจงวางใจในพระเยซูแล้วจะได้รับความรอดและหลุดพ้นจากการเป็นคนแปลกหน้าให้กับพระเจ้า และความอ้างว้างในฝ่ายวิญญาณ เขาควรพูดเสริมว่าพระเยซูได้ก่อตั้งคริสตจักรของพระองค์ เพื่อช่วยเหลือคุณให้หลุดพ้นจากอารมณ์โดดเดี่ยวอ้างว้าง พระเยซูตรัสว่า “ฝ่ายเราบอกท่านด้วยว่า ท่านคือเปโตร และบนศิลานี้เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และประตูแห่งนรกจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นก็หามิได้” (มัทธิว 16:18) พระเจ้าได้ตระเตรียมคริสตจักรท้องถิ่นเพื่อเป็นสถานที่สำหรับการสามัคคีธรรมและพบสันติสุข – สถานที่ๆอารมณ์โดดเดี่ยวอ้างว้างของคุณจะได้การรักษา “จงช่วยเหลือใครบางคนในวันนี้” ร้องด้วยกัน! จงช่วยใครบางคนในวันนี้ ใครบางคนกับชีวิตของเขา คนมักจะพูดในวันที่รับปรัญญาหรือสำเร็จการศึกษาว่า “หมั่นติดต่อกันนะ” “เจอกันใหม่ในเร็วๆนี้” แต่คำพูดนี้ไม่อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าคุณไม่เคยพบหน้ากันเป็นเวลา 40 ถึง 50 ปี – หลังจากนั้นหากต้องมาเจอกันอีกครั้งก็คงจะยากที่จะจำกันได้! แต่สำหรับในในคริสตจักรแล้วคุณไม่มีวันที่พลาดพลาบจากกัน แม้ว่าตายแล้วก็ตามก็ยังไปเจอกันที่สวรรค์! และนั่นแหละก็เหตุที่ผมเขียนบทเพลงสั้นๆให้ท่าน กรีฟฟท์ ร้องไปก่อนหน้านั้น พวกเขามอบความรักความห่วงใยต่อกันเพียวน้อยนิด ร้องท่อนรับพร้อมกับผม! จงกลับมาที่คริสตจักรและดื่มกิน สามัคคีธรรมอย่างรื่นเริ่งด้วยกัน แต่จะไม่มีการรักษาใดๆเกิดขึ้น ถ้าคุณมาที่คริสตจักรเพียงแค่สองสามชั่วโมงในวันอาทิตย์! โอ้ อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย! นั่นแหละคือสาเหตุที่ทำให้หลายๆคริสตจักรไม่สามารถทำการประกาศให้กับคนหนุ่มสาว เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่มีการนมัสการในช่วงเย็นวันอาทิตย์! สิ่งที่เลวร้ายไปกว่านั้นที่ผมไม่อยากคิดถึงคือ! พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าอะไรคือตัวทำลายองค์กรหรือคณะของพวกเขา? เช่นมันทำลายพวกเมทอดิสต์ และเพรสไบทีเรียน และมันกำลังจะทำลายคริสตจักรแบ๊บติสต์ที่ตั้งตนเป็นอิสระที่ปิดการนมัสการในช่วงเย็น! จะให้วัยรุ่นทั้งหลายมาที่คริสตจักรในช่วงเย็น หรือจะปล่อยให้พวกเขาอยู่โดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างนั้น พวกเขาจำเป็นที่จะต้องอยู่ร่วมกับคนอื่นๆในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ ดร. หลิน กล่าวเสมอว่า “ทำคริสตจักรให้เป็นบ้านหลังที่สองของคุณ” ที่ท่านกล่าวนั้นถูกต้อง นั่นแหละคือสาเหตุที่มีคนหนุ่มสาวที่เป็นคนจีนต่างทยอยมาที่คริสตจักรในตอนที่ท่านยังเป็นศิษยาภิบาลอยู่ มีการฟื้นฟูเกิดขึ้นที่นั่น คริสตจักรจีนเลยเป็นเหมือกับคริสตจักรในเยรูซาเร็ม เขาทั้งหลาย “ได้ตั้งมั่นคงอยู่ในคำสอนของจำพวกอัครสาวก และในการสามัคคีธรรม และในการหักขนมปัง และในการอธิษฐาน” (กิจการ 2:47) และยังเหลืออีกสิ่งหนึ่ง ถ้าคุณต้องการคริสตจักรนี้รักษาความโดดเดี่ยอ้างว้างของคุณจริงๆ ให้พาใครบางคนมาพร้อมกับคุณในวันอาทิตย์! ใช่แล้ว! ให้พาญาติพี่น้องหรือมิตรสหายมาพร้อมกับคุณในวันอาทิตย์หน้า – หรือบางทีอาจเป็นคืนนี้เลยก็ได้! มีชายวัยรุ่นชาวจีนคนหนึ่งพึ่งมาที่คริสตจักรนี้ได้ไม่กี่อาทิตย์ เขาได้ยินผมพูดในตอนเช้าของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาก็พาอีกคนหนึ่งมาพร้อมกับเขามาร่วมนมัสการในตอยเย็น! นั่นคือหนทางรักษาอาการโดดเดี่ยวอ้างว้างของคุณ เริ่มคิดที่จะช่วยใครบางคร! นั่นคือสิ่งแรกที่พระเยซูทรงตรัสให้กับสาวกของพระองค์ “จงตามเรามาเถิด และเราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา” (มัทธิว 4:19) จงออกไปตกปลาในช่วงตอนบ่ายนี้! ไปและนำญาติมิตรสหายมาพร้อมกับคุณในตอนเย็นนี้ – หรืออาทิตย์หน้าก็ได้อย่างช้าสุด! “เราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา” ร้องด้วยกัน เราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา ถ้าคุณใช้เวลานำคนเข้ามาที่คริสตจักร คุณจะไม่มีเวลาอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวอ้างว้าง! เราจะตั้งท่านให้เป็นผู้หาคนดั่งหาปลา พาใครบางคนมาร่วมงานฉลองวันเกิดของเรา-รับประทานอาหารเที่ยงและเย็นกับพวกเรา และฟังพระคำของพระเจ้าด้วยกัน! “’จงกลับมาที่คริสตจักร” ร้องท่อนรับพร้อมกับผม! กลับมาที่คริสตจักรและดื่มกิน สามัคคีธรรมอย่างรื่นเริ่งด้วยกัน พระเจ้า โปรดช่วยพวกเขาให้นำคนเข้ามา! ในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน “จงช่วยเหลือใครบางคนในวันนี้” ร้องเพลงนี้ จงช่วยใครบางคนในวันนี้ ใครบางคนกับชีวิตของเขา (จบการเทศนา) You may email Dr. Hymers at rlhymersjr@sbcglobal.net, (Click Here) – or you may อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนา โดย ดร. กรีนตัน เอล์ ชาน: สดุดี 102:1-7. |
โครงร่างของ พระเจ้าทรงรักษาความโดดเดี่ยวอ้างว้างของมนุษย์ โดย ดร. อาร์ เอล์ ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “ข้าพระองค์เป็นเหมือนนกกระทุงที่ในถิ่นทุรกันดาร ดุจนกเค้าแมวแห่งทะเลทราย ข้าพระองค์เฝ้าอยู่ ข้าพระองค์เหมือนนกกระจอกโดดเดี่ยวบนหลังคาเรือน” (สดุดี 102:6-7) (ปฐมกาล 2:18) I. สิ่งแรก พระเจ้าทรงส่งพระบุตรของพระองค์มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน II. สอง พระเจ้าทรงตระเตรียมคริสจักรท้องถิ่นให้เรา |