เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
การฉีกและรักษาTORN AND HEALED โดย ดร. อาร์ เอล์ ฮิวเมอร์ จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้า วันที่ 15 เดือน กรกฎาคม 2012 “มาเถิดให้เรามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์ทรงฉีกเราเป็นชั้นๆ แต่พระองค์จะทรงรักษาเรา แม้ทรงกระทำให้เราบาดเจ็บ แต่พระองค์จะทรงสมานแผลให้เรา ภายในสองวัน พระองค์จะทรงฟื้นฟูเรา ในวันที่สาม พระองค์จะทรงให้เรากลับสู่สภาพดี เพื่อเราจะมีชีวิตต่อหน้าพระองค์” (โฮเชยา 6:1-2) |
ผู้เผยพระวัจนะโฮเชยาได้ให้ภาพแห่งความน่าเศร้าสลดเกียวกับผู้เชื่อในอิสรเอล เขากล่าวว่า “ประชากรของเราถูกทำลายไปเพราะขาดความรู้” (โฉเชยา 4:6) เอฟราอิมเป็นเผ่าที่ใหญ่สุดในอิสราเอล ในขณะเดียวกันผู้เผยพระวัจนะก็มักจะใช้ชื่อนี้เรียกแทนคนทั้งชาติ โฮเชยากล่าวว่า “เอฟราอิมไปยึดติดกับรูปเคารพ จงปล่อยพวกเขาไว้ตามลำพังเถิด”(โฮเชยา 4:17) พระเจ้าตรัสกับอิสราเอลว่าพวกเขาได้ลุ่มหลงรูปเคารพ พระองค์จะปล่อยพวกเขาให้อาศัยอยู่กับบาปของเขา โฮเชยากล่าวว่า “พระองค์ทรงทอดทิ้งพวกเขาไปเสียแล้ว” (โฮเชยา 5:6) พระเจ้าตรัสว่า “เราจะกลับไปยังที่ของเรา จนกว่าพวกเขาจะยอมรับผิด และแสวงหาหน้าของเรา…” (โฉเชยา 5:15) เราสามารถเอาพระคัมภีร์ตอนนี้มาประยุกต์ใช้กับประเทศของเรา และกับทุกชาติในตะวันตก นั่นคือความจริง คนของเราถูกทำลายเพราะขาดความรู้เกี่ยวกับพระเจ้า คนของเรามัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับรูปเคารพ พระองค์จะดึงพระหัตถ์แห่งความเมตตาออกจากพวกเรา เพราะเหตุที่เรารักความบาป และให้คริสตจักรของเราอยู่อย่างไร้ทิศทาง จะเห็นได้ว่าเราไม่เคยมีการฟื้นฟูเลยหลังจากปี 1859 ดร. มารตีน ลอยด์ โจนส์ กล่าวว่า พวกเราทราบหรือเปล่าว่าพระเจ้าไม่พอพระทัยต่อคริสตจักร? ทำไมช่างเป็นช่วงระยะเวลานานเหลือเกินที่พระองค์ได้เสด็จมาหาคนของพระเจ้าครั้งสุกท้ายที่การฟื้นฟูครั้งนั้น? ทำไมถึงเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเหลือเกิน? เหตุใดพวกเขาถึงเป็นเช่นนั้น? ทำไมคริสตจักรที่นับได้ช่างน้อยเหลือเกิน ทำไมคริสตจักรถึงไม่เกิดผล? ทำไมทั้งชายและหญิงต่างก็จมอยู่กับความบาป? จากการที่เขาเป็นอยู่อย่างนี้ กลับยิ่งเลวร้ายจากชั่วไปสู่หายนะ?...ชายหญิงเหล่านั้นต่างก็คิดว่าไม่เห็นจะมีเหตุการณเลวร้ายอะไรเกิดขึ้นเลยแม้จะไม่มีพระเจ้าก็ตาม…ไม่ทรัพย์สินภายนอก และไม่มีความสำเร็จใดๆ ที่สามารถชดเชยเกี่ยวกับการไม่มีพระเจ้า (D. Martyn Lloyd-Jones, M.D., Revival, Crossway Books, 1987 edition, pp. 155, 157, 159). สำหรับในค่ำคืนนี้ผมจะไม่ประยุกต์พระธรรมตอนนี้ให้กับผู้เชื่อในชาติตะวันตก แต่จะให้กับผู้ที่ยังไม่ได้กลับใจรับเชื่อในพระเยซูคริสต์ “มาเถิดให้เรามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์ทรงฉีกเราเป็นชั้นๆ แต่พระองค์จะทรงรักษาเรา แม้ทรงกระทำให้เราบาดเจ็บ แต่พระองค์จะทรงสมานแผลให้เรา ภายในสองวัน พระองค์จะทรงฟื้นฟูเรา ในวันที่สาม พระองค์จะทรงให้เรากลับสู่สภาพดี เพื่อเราจะมีชีวิตต่อหน้าพระองค์” (โฮเชยา 6:1-2) มันจะเป็นเรื่องที่ดีมากถ้าเราทุกคนสามารถสามัคคีธรรมร่วมกับพระเจ้า เพราะที่ผ่านพระเจ้ากับมนุษย์อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างมีสันติสุขและเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนอย่างบรรพบุรุษของเราที่มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอย่างแน่นแฟ้น แต่พวกเขาก็ได้ทรยศพระองค์ และกระทำบาป ในทันใดนั้นพวกเขาก็ถูกตัดขาดจากพระเจ้า “จึงหลบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ให้พ้นจากพระองค์” (ปฐมกาล 3:8) บัดนี้พวกเขาก็กลัวพระองค์ จิตใจของเขาที่ทรยศนั้น “ก็เป็นศัตรูกับพระเจ้า” (โรม 8:7) จิตใจลูกหลานเหล่านั้นก็ประสงค์ร้ายและกบฏเช่นเดียวกับจิตใจของพ่อแม่ของเขา “เพราะมนุษย์คนเดียวและบาปนำความตายมา และโดยทางนี้เองความตายจึงมาถึงมวลมนุษย์…” (โรม 5:12) และนั่นไม่เพียงแค่ชิวิตฝ่ายร่างกายต้องตายเพราะสืบเนื่องมาจากอาดัม ยังรวมไปถึงการตายในด้านจิตวิญญานด้วย – ตลอดจนลูกหลานของพวกเขาในอนาคตที่จะเกิดล้วน “ได้ตายแล้วในการละเมิดและในบาปทั้งหลาย” (เอเฟซัส 2:1) ความตายที่กล่าวถึงนี้ คือการที่พวกเขาไม่รู้จักพระเจ้าเป็นการส่วนตัว แต่กลับกราบไหว้รูปเคารพ “และพระเกียรติสิริของพระเจ้าอมตะไปแลกกับลูกเคารพ ซึ่งสร้างขึ้นตามแบบของมนุษย์ที่ต้องตาย สัตว์ปีก สัตวเลื้อยคลาน และสัตว์ต่างๆ” (โรม 1:23) พวกเขาถูกตัดขาดจากพระเจ้าอย่างสิ้นเชิงเหตุด้วยบาปของเขา และอิสยาห์กล่าวว่า “แต่ความชั่วช้าของเจ้าต่างหาก ที่ได้แยกเจ้าออกจากพระเจ้าของเจ้า” (อิสยาห์ 59:2) ถึงกระนั้นพระเจ้ายังทรงเมตตามนุษยชาติ และทรงส่งพระวิญญาณของพระองค์ทรงสำแดงให้พวกเขารู้ถึงความบาปของเขา เพื่อพวกเขาจะได้รับการรักษา และกลับมาอยู่ร่วมกับพระองค์พระผู้สร้างของเขาอย่างมีความสุขอีกครั้งหนึ่ง แต่การที่จะนำมนุษย์กลับมารับสันติสุขนี้ คนบาปต้องรับการรักษาโดยพระเจ้าอย่างรุนแรงทีเดียว พระเจ้าทรงฉีกและตบคนบาปให้ตื่นขึ้นจากการหลับไหลอยู่ในความบาป นี่คือพระเจ้าที่แท้จริงในพระคัมีร์ พระองค์ทรงเป็นทั้งผู้ยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม แน่นอนพระองค์จะไม่กระทำต่อเราอย่างที่เราสมควรจะได้รับ การตัดสินของพระองค์นั้นออกจากใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์ทรงฉีกและตีสอนเราเพื่อเราจะได้รู้สึกตัว เป็นการรื้อฟื้นพวกเราให้กลับมีชีวิตผ่านทางพระคริสต์ นั่นคือการสามัคคีธรรมที่บรรพบุรุษของเราได้ทำสูญหายเหตุบาปของเขาในสวนเอเดน จงใคร่ครวญดูที่เนื้อหาของเราต่อไปนี้ด้วยใจที่ยึดมั่นในความจริง I. ประการแรก พระวิญญาณของพระเจ้าทรงฉีกและทำลายใจของคนบาป “มาเถิดให้เรามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์ทรงฉีกเราเป็นชั้นๆ แต่พระองค์จะทรงรักษาเรา แม้ทรงกระทำให้เราบาดเจ็บ แต่พระองค์จะทรงสมานแผลให้เรา” (โฮเชยา 6:1) คนที่ไม่เชื่อพระเจ้าเชื่อว่าปัญหาเกิดขึ้นกับพวกเขาเป็นเพราะเหตุโดยบังเอิญ เขาไม่เชื่อว่าปัญหาเหล่านี้มาจากพระเจ้า บางครั้งพวกเขาเหล่านั้นยังคิดว่าปัญหาของเขานั้นเกิดจากมารซาตาน นั่นเป็นเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าทุกสิ่งที่ชั่วร้ายในโลกนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นเองได้ถ้าพระเจ้าไม่อนุญาตให้มารซาตานทำ ซึ่งในพระธรรมโยบบทที่หนึ่งบอกเราไว้อย่างนั้น หรือพวกเขาอาจคิดว่าการทดลองนั้นอาจมาจากคนอื่น พวกเขาเลยโกรธคนเหล่านั้นที่ทำผิดต่อเขา โดยพระคุณของพระเจ้าที่มีต่อคุณ จงมองดูว่าการทดลองและปัญหาต่างๆมาจากพระเจ้าโดยตรง พระองค์เป็นผู้บันดาลให้ปัญหาดเหล่านี้เกิดกับคุณตามการไว้วางใจของคุณที่มีต่อพระองค์ ในกรณีของผู้ที่สูญหาย หรืออื่น ๆ เป็นการบ่งบอกตัวคุณหรือนำคุณมาสู่จุดที่คุณจะรู้สึกตัว! พระคัมภีร์กล่าวว่า “เมื่อเกิดภัยพิบัติในเมืองใดองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเป็นผู้บันดาลหรือ” (อาโมส 3:6) ไม่ว่าการทดลองจะมาจากที่ไหน มันมาจากพระเจ้า ถ้าปัญหานั้นมาจากศัตรูคนใดคนหนึ่ง หรือจากเพื่อนที่ชอบโกงหลอกลวง นั่นก็มาจากพระเจ้า และถ้าธุรกิจล้มเหลวหรือการเจ็บไข้ได้ป่วย นี่ก็มาจากพระเจ้า พระองค์ทรงอนุญาตมันให้เกิดกับคุณอย่างมีเหตุผล จงเรียนรู้จากบทเรียนที่พระเจ้าได้ตีสอนและทรงฉีกคุณ ตามพระประสงค์หรือเป้าหมายของพระองค์ มันอาจจะดูเหมือนว่า “คุณช่างโชคร้ายเหลือเกิน” แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ขอพระวิญญาณของพระเจ้าทรงสำแดงให้คุณรู้ว่าการสูญเสียตลอดจนความทุกข์ยากของคุณนั้นมาจากพระหัตถ์ของพระองค์ – ที่มีเหตุและผล! ผมจะไม่แปลกใจถ้าคุณได้รับการตีสอนและฉีกขาด นั่นเป็นเพราะพระเจ้ามีจุดประสงค์ที่ดีในการทำเช่นนั้น เพราะพระองค์ทรงรักคุณ! ดูจากเรื่องของบุตรน้อยหลงหายที่ได้เดินทางไปในที่ไกล เขามีเงินมากมาย เขาก็ใช้มันจนหมด! มีเหตุการณ์ที่เลวร้ายเกิดหลังจากที่อีกเหตุการณ์หนึ่งได้เกิดขึ้นกับเขา ทำไมล่ะ? นั่นเป็นการบอกเตือนเขาให้รู้สึกตัวเพื่อจะได้รอด! “เขาคิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง” (ลูกา 15:17) อย่างไรก็ตามเขาจะไม่สามารถคิดขึ้นได้ด้วยตัวเอง ถ้าพระหัตถ์ของพระเจ้าไม่ตีและฉีกตัวเขาจนกว่าเขาจะพูดว่า “เราจะกลับไปหาบิดาของเรา” (ลูกา 15:18) ถ้าคุณเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังเจาะเข้าไปในบ้าน ทางที่ดีคุณก็ไปตามทางของคุณดีกว่ามายุ่งกับเรื่องนี้ แต่ถ้าคุณเห็นลูกของคุณกำลังทำอย่างนี้ ผมมั่นใจว่าคุณจะต้องไปคว้าตัวเขาและตบเขา นั่นเป็นเพราะว่าคุณรักลูกของคุณน้อยกว่าอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ลูกหรือเปล่า? ไม่เลย นั่นเป็นเพราะว่าคุณกำลังสอนเขา ด้วยเหตุที่คุณรักเขามาก! ดังนั้น พระเจ้าตรัสว่า “เราว่ากล่าวและตีสอนผู้ที่เรารัก” วิวรณ์ 3:4 แล้วความเชื่อเรื่องของบาปล่ะ? พวกคุณบางคนอาจร้องไห้กับพระเจ้าเพื่อขอความเมตตา และพระเจ้าก็ไม่ตอบ ในขณะเดียวกันพระองค์กลับถอยห่างจากตัวคุณ ปล่อยให้คุณต้องผิดหวัง ทำไมพระองค์ไม่เมมตาและตอบคุณล่ะ? นั่นเพราะว่าพระองค์รักคุณ! พระองค์ตรัสว่า “เราว่ากล่าวและตีสอนผู้ที่เรารัก” พระองค์ต้องการปล่อยให้คุณอยู่อย่างน่าเศร้าสลดทกข์ยากและสูญเสีย เพื่อเป็นการบอกและเตือนคุณว่าโลกนี้ไม่สามารถนำสันติสุขมาให้กับจิตใจของคุณได้ นอกจากพระบุตรของพระเจ้า! ความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่ได้ประทานให้คุณนั้น พระองค์ต้องการให้คุณว่าเห็นการตีสอนนั้นไป “ควบคู่ไปกับความรัก” (บทเพลงซาโลมอน 5:16) โดยธรรมชาติคุณต้องถูก “ดูถูกทอดทิ้ง” พระเยซู, การให้เกียรต “เขาไม่ได้รับ” (อิสยาห์ 53:3) พระเจ้าจะตีและฉีกตัวคุณจนถึงจุดที่คุณหันกลับมาหาพระเยซู ด้วยเหตุที่ไม่มีทางอื่นที่คุณจะหันไปอีก! นั่นไม่ใช่อย่างที่ที่เปโตรบอกว่า พระองค์เจ้าข้า เราจะไปหาใคร? พระองค์ทรงมีถ้อยคำแห่งชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 6:68) พระวิญญาณของพระเจ้าจะทำให้คุณไม่มีความหวังอื่นอีก พระองค์กำลำงตีและกำลังฉีกตัวคุณโดยการตัดความเชื่อมั่นของคุณ จนกว่าคุณไม่มีใครเป็นที่พึ่ง จากนั้นคุณก็โยนตัวของคุณและคุกเข่าต่อหน้าพระพักต์ของพระเยซู “พระองค์เจ้าข้า ช่วยข้าพระองค์ด้วย” (มัทธิว 14:30) พระวิญญาณบริสุทธื พระองค์ เท่านั้น ตอนที่พระวิญญาณของพระเจ้าฉีกและตีสอนคุณ พระเยซูก็จะรักษาคุณ พระองค์จะใช้น้ำมันและน้ำองุ่นเทใส่แผล เช่นเดียวกันกับชาวสะมาเรียใจดี หลังจากนั้นพระองค์จะทำความสะอาดคนโรคเรื้อนแห่งบาปในใจคุณด้วยพระโลหิตของพระองค์ พระองค์จะสมานแผลของคุณ ชะล้างความบาปของคุณด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง และประทานสันติสุขภายในตัวคุณ “มาเถิดให้เรามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์ทรงฉีกเราเป็นชั้นๆ แต่พระองค์จะทรงรักษาเรา แม้ทรงกระทำให้เราบาดเจ็บ แต่พระองค์จะทรงสมานแผลให้เรา” (โฮเชยา 6:1) พระวิญญาณบริสุทธ์ พระองค์ เท่านั้น เมื่อพระองค์ทรงฉีกใจของคุณและตีคุณจากจิตใต้สำนึกของคุณ และคุณจะรู้สึกว่าไม่สามารถทนอยู่กับบาปอีกต่อไป แล้วคุณก็จะมองดูพระเยซู และสามารถที่จะร้องเพลง ฉันจะสรรเสริญพระองค์! ฉันจะสรรเสริญพระองค์! II. ประการที่สอง พระวิญญาณของพระเจ้าทรงฟื้นฟูจิตใจเพื่อคุณจะมีชีวิตอยู่ต่อหน้าพระองค์ “ภายในสองวัน พระองค์จะทรงฟื้นฟูเรา ในวันที่สาม พระองค์จะทรงให้เรากลับสู่สภาพดี เพื่อเราจะมีชีวิตต่อหน้าพระองค์” (โฮเชยา 6:1-2) พระวิญญาณของพระเจ้าจะฉีกและตีเขาอย่างรุนแรงจนกว่าพระองค์ทรงเห็นว่าคนๆนั้นตายอยู่ในความบาปเพราะการล่วงละเมิด “ภายในสองวัน พระองค์จะทรงฟื้นฟูเรา”แน่นอนเราไม่อาจทำตามอย่างพระคัมภีร์ตอนนี้ เหตุคำกล่าวนี้ใช้แทนความหมายที่กล่าวถึงชิวิตที่ล้มเหลวและไร้เป้าหมายของคุณเท่านั้น ช่วงระยะเวลาที่คุณรู้สึกว่าตายในบาปนั้น มันจะนานสักเท่าไหร่ นั่นคือจนกว่าคุณจะรู้ว่าคุณนั้นตายและไม่สามารถทำอะไรเพื่อช่วยตัวคุณให้รอด ซึ่งมาถึงในเวลานี้อาจจะใช้ช่วงเวลบาสั้นๆ อาจจะเพียงแค่สองสามนาที แต่สำหรับ ดร. คาเกน์ มันกลับใช้เวลาสองปีกว่าจะรู้สึกว่าตัวเองได้หลงหายและสิ้นหวัง สำหรับผมต้องใช้เวลาเจ็ดปีกว่าจะรู้ว่าตัวเองตายในบาป ผมยังรู้อีกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกฉีกและตีเป็นระยะเวลาถึงเจ็ดปีก่อนที่จะรู้ว่าเธอได้ตายอยู่ในอำนาจของตัวเอง และแล้วพระวิญญาณของพระเจ้าได้ฟื้นฟูตัวเธอนำกลับมาอยู่กับพระคริสต์ ในสายพระเนตรของพระองค์! “สองวัน” ใช้แทนคำว่า เวลานาน ถึงอย่างไรก็ตามจะสั้นหรือจะนานที่จิตวิญญาณอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง และรู้ว่าตายต่อพระเจ้า และไม่มีอำนาจไหนที่จะช่วยให้รอด ตอนที่คุณรู้สึกว่าได้ตายอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ทุกความหวังในโลกนี้บรรลัยไป เวลานั้นพระวิญญาณของพระเจ้าจะทำให้คุณฟื้นคืนมามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ – อยู่ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้า – โดยความเชื่อที่คุณไม่เคยมีมาก่อน! “แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วย พระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้นถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ) และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:4-6) พระวิญญาณของพระเจ้าทำให้ฟื้นขึ้นมาจากความตาย คุณก็จะ “อยู่ในสายพระเนตรของพระองค์”! สำหรับคนที่ไม่เคยถูกฉีกและถูกตีอย่างรุนแรงก็จะถามว่า “ฉันจะมาถึงพระเยซูได้อย่างไร?” ถึงตอนที่ความหวังจอมปลอมของเขาหายไป เขารู้สึกว่าตายในบาป พระเจ้าก็ทำให้เขาฟื้นคืนมามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์! มันดูเหมือนว่าเป็นธรรมชาติและง่ายเหลือเกินกับสิ่งที่พระองค์ทรงทำนั้น! ตอนที่คุณฟื้นขึ้นมาใหม่นั้นทุกอย่างเกี่ยวกับการที่ถูกตีและฉีกนั้นคุณก็จะลืมมันไป “และ [ทรงโปรด] ให้เรานั่ง…ในสวรรคสถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์”!!! พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์เท่านั้น ฤทธิ์เดชที่ทรงให้พระคริสต์ฟิ้นคืนพระชนม์จากความตายคือฤทธ์เดชเดียวกันที่จะทำให้คุณฟื้นคืนมีชีวิอยู่ร่วมกับพะองค์! “เหตุฉะนั้นเราจึงถูกฝังไว้กับพระองค์แล้วโดยการรับบัพติศมาเข้าส่วนในความตายนั้น เหมือนกับที่พระคริสต์ได้ทรงถูกชุบให้เป็นขึ้นมาจากความตาย โดยเดชพระรัศมีของพระบิดาอย่างไร เราก็จะได้ดำเนินตามชีวิตใหม่ด้วยอย่างนั้น เพราะว่าถ้าเราเข้าสนิทกับพระองค์แล้วในการตายอย่างพระองค์ เราก็จะเป็นขึ้นมาอย่างพระองค์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายด้วยเหมือนกันเช่นนั้นแหละท่านทั้งหลายจงถือว่า ท่านได้ตายต่อบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (โรม 6:4,5, 11) พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์เท่านั้น พระเยซูคืนพระชนม์ในวันที่สาม! “อีกสองวันพระองค์จะทรงฟื้นฟูเราขึ้นใหม่ พอถึงวันที่สามจะทรงยกเราขึ้น เพื่อเราจะดำรงชีวิตอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์” (โฮเชยา 6:2) เมื่อคุณฟื้นคืนจากความตาย เราจะร้องเพลงให้คุณ เหมือนที่เราร้องเพลงให้พระเยซู ผู้ที่ตายแล้วจะมีชีวิตอยู่อีกครั้ง ร้องเพลงกับผม! ผู้ที่ตายแล้วจะมีชีวิตอยู่อีกครั้ง บิดาที่บุตรน้อยได้หลงหายพูดว่า “เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้ว แต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็เริ่มมีความรื่นเริงยินดี” (ลูกา 15:24) นี่คือพระกิตติคุณของพระเป็นเจ้า! นี่คือชีวิตจากความตาย! นี่คือข่าวดีสำหรับพวกคุณในค่ำคืนนี้! คนบาปที่ตายแล้วกลับเป็นขึ้นมาโดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า! “อีกสองวันพระองค์จะทรงฟื้นฟูเราขึ้นใหม่ พอถึงวันที่สามจะทรงยกเราขึ้น เพื่อเราจะดำรงชีวิตอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์” (โฮเชยา 6:2) พระเยซูเสด็จมาด้วยความรักและความเมตตา ร้องท่อนรับด้วยกันกับผม! พระองค์ยกฉันขึ้นจากการที่จมอยู่ในกองทราย ผมต้องเพิ่มคำเตือนไว้ ณ ที่นี้ ตอนที่คุณมาถึงที่พระเยซูคริสต์โดยผ่านทางความเชื่อ ในเวลาเดียวกันนั้นคุณก็จะรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง และมั่นใจว่าพระเยซูได้ทรงช่วยคุณให้รอดแล้ว คุณก็จะออกจากที่นี่ด้วยใจที่มีแต่ความชื่นชมยินดี และรู้ว่าคุณถูกยกขึ้นจากความตายมาที่พระคริสต์ และอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ และถ้าคุณทำ เราจะสรรเสริญพระเจ้าเพราะสิ่งนี้! ก็มีบางคนที่ได้รับชีวิตใหม่และอยู่ในสายพระเนตรแล้วแต่ยังไม่มั่นใจ ผมจำวันที่พระเยซูทรงช่วยผมให้รอดได้อย่างแม่นยำ แต่ในเวลานั้นผมยังไม่มั่นใจ หลายวันหลังจากนั้นผมก็ได้ทราบว่าพระองค์ได้ทรงอภัยความบาปของผมแล้ว และทำให้ผมฟื้นจากความตายมีชีวิตใหม่ ดร. อาบีเนเซอร์ พอเตอร์ ผู้เป็นภรรยาของนักเทศน์ฟื้นฟู ดร. พอเตอร์ กล่าวว่า “บางคนมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งกับสง่าราศีของพระเจ้า เริ่มต้น “เต็มเปี่ยมความหวัง” แต่ที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นจะค่อยๆสร้างความชื่นชมยินดีให้กับความหวังนั้นนั่นเพราะว่าพวกเขาได้คืนดีกับพระเจ้า" (Dr. Ebenezer Porter, Letters on Revival, Linde Publications, 1992 reprint, p. 82). ดังนั้นอย่าพึ่งท้อใจว่าคุณจะออกจากที่นี่ในค่ำคืนนี้โดยไม่แน่ใจว่าได้รับความรอดแล้ว เหนืออื่นใด “ความมั่นใจ” ไม่ได้อยู่ที่ว่าอะไรคือสิ่งคุณต้องการมากที่สุด ความั่นใจจะมาในภายหลัง สิ่งแรกที่คุณต้องทำในค่ำคืนนี้คือรับการให้อภัยบาป บาปของคุณต้องได้รับการชำระโดยพระโลหิตของพระเยซู เนื้อหาของเราในค่ำคืนนี้บอกว่า “ให้เราหันกลับมาหาพระองค์ เพื่อบาดแผลที่ถูกตีจะได้รับรักษา และที่ถูกฉีกจะได้รับการสมานเข้าด้วยกัน” จงมาหาพระเยซูในคืนนี้ ปล่อยสิ่งต่างๆไว้ข้างหลัง มาหาพระเยซูเพื่อพระองค์จะได้รักษาแผลแห่งบาปของท่าน และชำระมันออกด้วยพระโลหิตของพระองค์ ผมจะร้องเพลงที่ มร. กรีฟท์ได้ร้องไปตอนช่วงแรกของการเทศนานี้ ในขณะที่ผมร้องเพลง กรุณาลุกจากที่นั่งของท่านไปที่ด้านของห้องนสมัสการ ดร. คาเกน จะนำท่านไปที่ห้องเพื่อให้คำปรึกษาและอธิษฐานเผื่อ ถ้าคุณยังไม่ได้รับเอาความรอดกรุณาไปที่ด้านหลังในห้องนมัสการนี้ในขณะที่ผมร้องเพลง พระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์เท่านั้น ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ หากคุณได้รับพระพรจากบทเทศนานี้ ดร. ไฮเมอร์ส อยากจะได้ยินจากคุณ ตอนที่เขียนจดหมายถึง ดร. ไฮเมอร์ส กรุณาบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือหากท่านไม่อาจตอบอีเมลล์ของท่าน หากบทเทศนานี้เป็นพระพรให้กับคุณ กรุณาเขียนอีเมล์ส่งไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส และบอกท่านว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร และนี่คืออีเมล์ของดร.ไฮเมอร์ส – rlhymersjr@sbcglobal.net (คลิกที่นี่) คุณสามารถเขียนถึง ดร. ไฮเมอร์ส ในภาษาของคุณ แต่หากเป็นไปได้ก็ขอให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษ หรือเขียนส่งจดหมายส่ง ดร. ไฮเมอร์ส ทางไปรษณีตามที่อยู่นี้ P.O. Box 15308, Los Angeles, CA 90015. คุณสามารถโทรศัพท์ไปท่านได้ที่ (818)352-0452 (จบการเทศนา) หมายเหตุ: ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์ อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนา โดย ดร. กรีฟตัน เอล ชาลล์: โฮเชยา 6:1-2 |
โครงร่างของ การฉีกและรักษา TORN AND HEALED โดย ดร. อาร์ เอล์ ฮิวเมอร์ จูเนียร์ “มาเถิดให้เรามาหาองค์พระผู้เป็นเจ้า แม้พระองค์ทรงฉีกเราเป็นชั้นๆ แต่พระองค์จะทรงรักษาเรา แม้ทรงกระทำให้เราบาดเจ็บ แต่พระองค์จะทรงสมานแผลให้เรา ภายในสองวัน พระองค์จะทรงฟื้นฟูเรา ในวันที่สาม พระองค์จะทรงให้เรากลับสู่สภาพดี เพื่อเราจะมีชีวิตต่อหน้าพระองค์” (โฮเชยา 6:1-2) (โฮเชยา 4:6, 17; 5:6, 15; ปฐมกาล 3:8; โรม 8:7; 5:12; I. ประการแรก พระวิญญาณของพระเจ้าทรงฉีกและทำลายใจของคนบาป II. ประการที่สอง พระวิญญาณของพระเจ้าทรงฟื้นฟูจิตใจและคุณจะมีชีวิตอยู่ในสาย |