เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
น้ำตาของพระเยซู THE TEARS OF JESUS โดย ดร. อาร์ เอล์ ฮิวเมอร์ จูเนียร์ เทศนาในตอนเย็นวันของพระเป็นเจ้า วันที่ 11 เดือน มีนาคม 2012 “ในระหว่างที่พระเยซูทรงอยู่ในโลก พระองค์ได้ถวายคำอธิษฐานและคำร้องทูลอ้อนวอนด้วยเสียงอันดังและด้วยน้ำตาไหลต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์จากความตาย และพระเจ้าทรงสดับเพราะพระเยซูทรงเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความเกรงกลัว” (ฮีบรู 5:7) |
หัวข้อเทศนาของผมในเย็นนี้คือ “น้ำตาของพระเยซู” พระธรรมตอนนี้บอกเราอย่างชัดเจนว่าในขณะที่พระเยซูค์ยังอยู่ในโลกนี้พระองทรงอธิษฐานด้วยน้ำตา “นั่นคือในขณะที่พระองค์ยังทรงเป็นมนุษย์” ผู้เผยพระวัจนะอิสยาห์ได้กล่าวไว้ว่า “เขาเป็นคนเจ้าทุกข์และคุ้นเคยกับความทรมาณ” (อิสยาห์ 53:3) จากคำอธิบายนี้ก็แสดงให้เราเห็นว่าพระองค์ทรงร้องไห้หลายครั้งที่เดียวในขณะที่ยังทรงทำพันธกิจในโลกนี้ “เขาเป็นคนเจ้าทุกข์” คือชื่อ พระเยซู ผู้ทรงทนทุกข์ทรมาณ แน่นอนทีเดียวที่พระองค์ทรงร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง จากการบันทึกในพระคัมภีร์พบว่ามีเหตุการณ์สำคัญอยู่สามครั้งที่แสดงถึงความเมตตาและจิตใจที่เปี่ยมด้วยความรักของพระองค์ I. ประการแรก พระเยซูทรงร้องไห้ที่อุโมงค์ฝังศพของลาซารัส เมื่อพระเยซูเสด็จมาถึงที่เบธานีลาซารัสซึ่งเป็นเพื่อนของพระเยซูได้เสียชีวิต และศพของเขาถูกนำไปฝังก่อนหน้านั้นได้ประมาณสี่วันแล้ว น้องสาวของลาซารัสได้ไปพบพระเยซู “ในขณะที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นเธอกำลังร้องไห้อยู่นั้น พระองค์ก็ทรงร้องไห้ไปกับเธอ เพราะพระองค์ก็ทรงเป็นทุกข์และสะเทือนพระทัย และตรัสถามว่า พวกท่านนำศพเขาไปฝังไว้ที่ไหน? เขาทูลพระองค์ว่า ทอดพระเนตรเถิด พระเยซูทรงร้องไห้ แล้วตรัสกับพวกยิวว่า พระองค์ทรงรักพวกเขามาก!” (ยอหน์ 11:33-36) พระเยซูทรงทราบว่าพระองค์สามารถทำให้ลาซารัสฟื้นขึ้นจากความตาย กระนั้นพระองค์ก็ยังทรงร้องไห้กับมารีย์และคนอื่นๆ ดร. ยอนห์ อาร์ ไรซ์ กล่าวว่า ทำไมพระเยซูทรงร้องไห้? ทั้งๆที่พระองค์ทรงทราบดีว่าในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าพระองค์จะทำให้ลาซารัสออกจากอุโมงค์ฝังศพ…โอ้ พระองค์ทรงร้องไห้ เพราะน้ำตาของมารีย์ มาธาร์ และคนอื่นๆ พระองค์ทรงร้องไห้กับทุกคนในโลกนี้เพราะการที่จิตใจของเขาได้แตกสลาย พระองค์ทรงร้องไห้กับแม่ทุกคนที่[สูญเสีย] ลูกน้อย และกับสามีทุกคนที่กำลังยืนอยู่หน้าโลงศพภรรยา พระองค์ทรงร้องไห้กับแม่หรือพ่อที่มีบุตรใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และมีลูกสาวที่เอาแต่ใจตัวเอง…ไม่เท่านั้นน้ำตาเหล่านั้นก็เพื่อฉันเพื่อคุณ และกับทุกคนที่มีความทุกข์อยู่ในโลกนี้… พระองค์ทรงร่วมทุกข์กับพวกเรา…พระองค์ทรงเข้าร่วมทุกความทุกข์ยาก (John R. Rice, D.D.,The Son of God, Sword of the Lord, 1976, p. 233). พระคัมภีร์กล่าวว่า “จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่ชื่นชมยินดี และร้องไห้กับผู้ที่ร้องไห้” (โรม 12:15) ดร. ไรซ์ พูดว่า “เราอย่าคิดว่าพระเยซูทรงทำน้อยกว่าเรา จากพันธกิจที่ทรงมอบมหายให้เราทำ ความจริงก็คือพระองค์ทรงร้องไห้ในทุกของความทุกข์ยากของเรา…หลายต่อหลายครั้งที่พระองค์ทรงร้องไห้เพื่อคนบาปทั้งหลาย พระคัมภีร์หลายตอนที่กล่าวถึงพระเยซู ‘ทรงเสด็จตามที่ต่างๆด้วยรักและเมตตา’ เราสามารถจินตนาการถึงน้ำตาที่ไหลออกจากตาที่บริสุทธิ์ของพระเยซูแทนความทุกข์และความเมตตาจากใจของพระองค์” (Rice, ibid.). คุณย่าที่ผมรักเสียชีวิตตอนที่ผมอายุสิบห้าปี ผมรักท่านมาก! ตอนที่ท่านเสียชีวิตแล้ว ผมเดินไปหยิบไวน์ของท่านที่โรงครัว และผมก็เก็บมันไว้กับผมถึง 56 ปี ทุกๆที่ผมย้ายไป ผมจะนำมันติดไปเสมอ ซึ่งตอนนี้ก็ยังตั้งอยู่ที่โต๊ะทำงานของผม ในขณะที่ผมกำลังเตรียมคำเทศนานี้ผมก็ได้มองไปที่มัน ผมได้ให้สัญญากับ “แม่” ว่าผมจะเก็บมันไว้กับผมจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เพื่อระลึกถึงท่าน ว่าผมรักท่าน! คืนไหนที่ผมนอนไม่หลับ ผมมักจะเดินไปที่เตียงนอนของท่านเหมือนเด็กตัวเล็กๆ วางศีรษะลงบนหน้าอกของท่าน และฟังหัวใจของท่านเต้น เพื่อผมจะได้นอนหลับ ผมรักท่าน! ผมได้ไปยืนอยู่ที่หลุมฝังศพของท่านและร้องไห้ เพราะว่าผมไม่อาจกลั้นน้ำตาได้ ผมก็วิ่งไปที่เชิงเขา และวิ่งไปวิ่งมาที่สุสาน ผมล้มลงที่พื้นร้องไห้และเสียใจ แล้วพระเจ้าได้เสด็จลงมาหาผม เหมือนกับที่พระองค์ได้เสด็จมาหายาโคบในถิ่นทุรกันดาร ผมไม่สามารถสนทนากับพระองค์ “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทรงอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน” (ปฐมกาล 28:16) โอ้ คนหนุ่มคนสาว พระเยซูทรงร้องไห้ที่หลุมฝังศพของลาซารัส! และพระองค์ก็ทรงร้องไห้ให้ท่านในคืนนี้ด้วย! เพราะพระเยซูทรงทราบทุกความทุกข์ยากและความกลัวของท่าน! ข้าพเจ้าวิงวอนให้ท่าน - ผมขอร้องล่ะ – มาหาพระองค์ผู้ที่รักท่านด้วยรักแห่งนิรันดร์! พระองค์ทรงรักตลอดไป ความรักของพระองค์นั้นดีเลิศ “พระเยซูทรงร้องไห้” (ยอหน์ 11”35) ดร. เฮนรี่ เอ็ม มอรี่ พูดว่า มันไม่มีสักตอนเดียวที่พระคัมภีร์กล่าวถึงการหัวเราะของพระเยซู แต่ที่พบพระองค์มักจะร้องไห้ ในกรณีเช่น พระองค์ทรงรู้สึกเสียใจร่วมกับมารีย์และมาธาร์ เพราะว่าพระองค์ทรงรักลาซารัสมาก ไม่เพียงแค่นั้น พระองค์ก็ยัง “ทรงเป็นทุกข์และสะเทือนพระทัยยิ่งนัก” (ยอหน์ 11:33) เหตุด้วยชีวิตที่ต้องตาย และ…บาปแห่งความตายเข้าครอบครอง (Henry M. Morris, Ph.D., The Defender’s Study Bible, World Publishers, 1995 edition, p. 1154; note on John 11:35). พระองค์ทรงรักตลอดไป ความรักของพระองค์นั้นดีเลิศ II. ประการที่สอง พระเยซูทรงร้องไห้สงสารกรุงเยรูซาเร็ม ดร, เจ เวอนอน เมคกี พูดว่า “พระองค์ทรงร้องไห้สงสารกรุงเยรูซาเร็ม นับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงร้องไห้เหนือกรุงเยรูซาเร็มนั้น ผมเชื่อมั่นว่าพระองค์ต้องร้องไห้สงสารเมืองที่คุณและผมอาศัยอยู่ด้วยเช่นกัน” (J. Vernon McGee, Th.D., Thru the Bible, Thomas Nelson Publishers, 1983, volume V, p. 540, note on Hebrews 5:7). “เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้เมืองเยรูซาเร็ม ก็ทรงร้องไห้สงสารกรุงนั้น และตรัสว่า ถ้าเพียงแต่เจ้าได้รู้ในวันนี้ว่าอะไรจะนำสันติสุขมาสู่เจ้า แต่บัดนี้สิ่งเหล่านั้นได้ถูกซ่อนจากตาของเจ้าแล้ว วาระนั้นจะมาถึง เมื่อศัตรูของเจ้าก่อเทินโจมตีและล้อมเจ้าไว้ทุกด้าน พวกเขาจะเหวี่ยงเจ้าลงกับพื้น ทั้งเจ้ากับลูกหลานภายในของเจ้า เขาจะไม่ปล่อยให้ศิลาเหลือซ้อนทับกันสักก้อน เพราะเจ้าไม่ได้ตระหนักถึงเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาหาเจ้า” (ลูกา 19:41-44) พระองค์ทรงร้องไห้เหตุที่คิดถึงเหตุการณ์ทำลายกำแพงเมืองเยรูซาเร็มในปีคริสตศักราชที่ 70 คือช่วงที่อาณาจักรโรมัน ตีตัส ได้ทำลายล้างเมืองนี้อย่างไร้ความปราณี การที่พระองค์ทรงร้องไห้เพราะพระองค์ทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการทำลายอย่างใหญ่หลวงครั้งนี้ซึ่งรวมถึงพระวิหารอันสวยงามในเยรูซาเร็ม ไม่เหลืออะไร เว้นแต่ชิ้นส่วนของผนังกำแพงและพระวิหาร ผมได้ไปยืนอยู่ที่ผนังกำแพงและสัมผัสมัน ผมได้ร้องไห้เหมือนอย่างที่พระเยซูทรงร้องในขณะที่ยืนอยู่ที่ผนังกำแพงนั้น ผมร้องไห้เพราะผมคิดถึงการที่คนของพระเจ้าถูกการประหัตประหาร และพวกยิวก็กระจัดกระจายไปทั่วโลก โอ แล้วพระองค์จะร้องไห้อีกสักกี่ครั้ง ในค่ำคืนนี้เพื่อเมืองต่างๆในโลกนี้ ด้วยเหตุมีล้านๆดวงวิญญาณที่ยังไม่ได้รับเอาความรอด! จะสักอีกกี่ครั้งที่พระองค์ต้องร้องไห้ให้เมือง วอชิงตัน ลอนดอน ปารีส เบอร์ลิน กัลกัตและปักกิ่ง กลาสโกว์และซิดนีย์ เม็กซิโกซิตี้และไซง่อน เวียงจันทน์และย่างกุ้ง จาการ์ตาและมอสโก – รวมถึงเมืองใหญ่เมืองเล็กในโลกนี้! หัวใจของเราที่แตกสลายก็ทำลายหัวใจของพระเจ้าด้วย! น้ำตาของพระเจ้าได้เคลื่อนไหวเรา ซึ่งไม่มีอะไรที่ทำได้ จงประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกอย่างที่พระเจ้าทรงสร้าง น้ำตาของพระเจ้าได้เคลื่อนไหวเราจากการที่เราเพิ่มหลายภาษาเข้าไปในเว็บไซต์ของเรา – เพื่อเป็นการประกาศข่าวประเสริฐแก่ทุกคนที่เราสามารถทำได้ เราไม่ได้มาแบบ “นักล่าอาณานิคม” ที่นำเอาวัฒนธรรมของเราไปยัดเยียดให้กับเขาเหล่านั้น! ไม่เลย! เรามาอย่างคนที่จิตใจแตกสลายและเป็นผู้ติดตามพระเยซู – แบ่งปันความรักของพระองค์ให้กับพวกเขา เพราะความรักของพระองค์นั้นช่วยให้เรารอดพ้นจากความบาป ความตาย และนรก! เราขอบอกให้ทุกคนที่ได้ยินคำเทศนานี้ หรืออ่านจากเว็บไซต์ของเราว่า พระองค์ทรงรักตลอดไป ความรักของพระองค์นั้นดีเลิศ และน้ำตาของพระเยซูก็ได้เคลื่อนไหวเราให้ประกาศในนครลอสแองเจลิสด้วย! พระองค์ตรัสกับเราว่า “จงไปตามถนนหนทางในชนบท และระดมพวกเขาให้เข้ามาให้เต็มบ้านของเรา” (ลูกา 14:23) III. ประการที่สาม พระเยซูทรงร้องไห้ที่สวนเกทเสมนี นี่คือครั้งที่สามที่กล่าวถึงการทรงร้องไห้ของพระองค์ โอ้ น้ำตาของพระองค์ได้หลั่งลงในความมืดแห่งสวนนั้น! พระคัมภีร์ของเราได้กล่าวถึงพระเยซู “ในระหว่างที่พระเยซูทรงอยู่ในโลก พระองค์ได้ถวายคำอธิษฐานและคำร้องทูลอ้อนวอนด้วยเสียงอันดังและด้วยน้ำตาไหลต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์จากความตาย และพระเจ้าทรงสดับเพราะพระเยซูทรงเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความเกรงกลัว” (ฮีบรู 5:7) ในสวนเกทเสมนี คือคืนก่อนที่พระองค์จะถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์ทรงอธิษฐานเพียงลำพัง และในคือแห่งความมืดที่สวนเกทเสมนีนั้นพระผู้ไถ่ได้อธิษฐานโดยการถวายวิญญาณจิตต่อพระเป็นเจ้า “คำร้องทูลอ้อนวอนด้วยเสียงอันดังและด้วยน้ำตาไหลต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์จากความตาย และพระเจ้าทรงสดับเพราะพระเยซูทรงเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความเกรงกลัว” (ฮีบรู 5:7) พระองค์ทรงกลัวอะไร? ผมเชื่อว่าพระเยซูทรงกลัวว่าพระองค์จะสิ้นพระชนม์ที่สวนเกทเสมนีก่อนที่จะไปสิ้นพระชนม์บนไม้กางเพื่อไถ่บาปของเรา ดร. ยอหน์ อาร์ ไรซ์ พูดว่า “พระเยซูทรงอธิษฐานขอให้ถ้วยนี้เลื่อนไปจากพระองค์ในคืนนั้น เพราะพระองค์จะได้มีชีวิตไปสิ้นพระชนม์ในวันถัดไป” (เล่มเดียวกัน หน้า 441) ดร. เจ โอลิเวอร์ บัสเวลล์ นักศาสนศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงกล่าวในทำนองเดียวกันว่า “[พระเยซู] ทรงอธิษฐานขอให้ช่วยรอดพ้นจากความตายที่สวนเกทเสมนี เพื่อพระองค์จะได้บรรลุพระประสงค์ซึ่งอยู่บนไม้กางเขน การตีความเหล่านี้ก็สอดคล้องกับพระธรรมฮีบรูบทที่ 5:7 ผมเองก็คิดว่าการอธิบายนั้นนั่นจะเป็นไปอย่างนั้น” (J. Oliver Buswell, Ph.D., A Systematic Theology of the Christian Religion, Zondervan Publishing House, 1971, part III, p. 62). ดร. บัสเวลล์ และ ดร. ไรซ์ เห็นด้วยกับ ดร. เมคกี ที่พูดว่า “เพื่อนของฉัน พระองค์ทรงได้ยิน ว่าพระองค์ไม่ได้สิ้นพระชนม์ที่สวนเกทเสมนี” (เล่มเดียวกัน) “ในระหว่างที่พระเยซูทรงอยู่ในโลก พระองค์ได้ถวายคำอธิษฐานและคำร้องทูลอ้อนวอนด้วยเสียงอันดังและด้วยน้ำตาไหลต่อพระเจ้าผู้ทรงสรมารถช่วยพระองค์จากความตาย และพระเจ้าทรงสดับเพราะพระเยซูทรงเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความเกรงกลัว” (ฮีบรู 5:7) ความบาปของโลกถูกวางไว้บนพระเยซูที่สวนเกทเสมนี “แล้วทรงเลี่ยงห่างจากเขาออกไปประมาณระยะขว้างหินตก ทรงคุกเข่าลงอธิษฐานว่า ข้าแต่พระบิดา ถ้าพระองค์ทรงพอพระทัย ขอทรงเอาถ้วยนี้ไปจากข้าพระองค์อย่างไรก็ตามอย่าให้เป็นไปตามใจของข้าพระองค์ แต่ขอให้สำเร็จดังพระประสงค์ของพระองค์ ทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาปรากฏ และช่วยให้พระองค์มีกำลังขึ้น พระเยซูทรงเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระองค์ทรงอธิษฐานอย่างจริงจังมากขึ้น และเหงื่อเหมือนเลือดหยดลงที่พื้น” (ลูกา 22:41-44) พระเยซูทรงทนทุกข์ทรมาณอย่างแสนสาหัสเพราะความบาปของเราที่พระเจ้าทรงวางไว้บนพระองค์ “พระเยซูทรงเป็นทุกข์ยิ่งนัก พระองค์ทรงอธิษฐานอย่างจริงจังมากขึ้น และเหงื่อเหมือนเลือดหยดลงที่พื้น” (ลูกา 22:44) ดร. เมคกีพูดว่า “พระองค์ของเราทรงอยู่ใกล้ความตาย เหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใกล้ไม้กางเขน พระองค์ได้อธิษฐานเพื่อให้อยู่รอดไปที่ไปกางเขน และเราก็ได้ยินมาว่า ‘พระองค์ทรงเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความเกรงกลัว’” (จากเล่มเดียวกัน) พระเจ้าทรงสดับคำอธิษฐานของพระเยซู “ทูลอ้อนวอนด้วยเสียงอันดังและด้วยน้ำตาไหล” จากความมืดในสวนเกทสมนี พระเจ้าทรงส่งทูตสวรรค์มาช่วยให้พระองค์มีกำลังขึ้น เพื่อพระองค์สามารถไปที่ไม้กางเขนเพื่อไถ่ความผิดบาปของเรา โยเซฟ ฮารท์ ได้พูดถึงการอธิษฐานของพระเยซูที่อยู่ในสวนไว้ในบทเพลงของเขา มองดูการทนทุกข์ของพระบุตรของพระเจ้า เห็นหรือยังว่าพระองค์ทรงรักคุณแค่ไหน! เห็นมั้ยพระองค์ทรงหลั่งน้ำตาเหตุความเศร้าโศกของเรา! เห็นพระองค์หรือยัง ว่าพระองค์กำลังทรงร้องไห้สงสารคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้! เห็นพระองค์มั้ย “กำลังทรงร้องไห้หลั่งน้ำตา” ในสวนเกทเสมนี อ้อนวอนขอร้องพระเจ้าให้พระองค์อยู่รอด เพื่อจะได้ไปถูกตรึงที่ไม้กางเขนในวันถัดไปเพื่อจะได้ไถ่บาปของพวกเรา! นี่ยังไม่เคลื่อนไหวคุณอีกหรือ? ถ้าน้ำตาของพระเยซูไม่สามารถเคลื่อนตัวคุณ แล้วอะไรล่ะ? คุณจมลึกอยู่ในบาปจนไม่รู้สึกถึงความรักของพระองค์เช่นนั้นหรือ? ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่ผมได้ฟัง บทเพลงของ ดร. วัทท์ “ตอนที่ฉันสำรวจไม้กางเขนที่แสนวิเศษ” ตอนที่ฉันสำรวจไม้กางที่แสนวิเศษ ผมขอร้องคุณในตอนเย็นนี้ – เชื่อในพระเยซูเถิด! จงมาหาพระองค์! ล้มลงที่พระองค์! ไว้วางใจพระองค์โดยสิ้นเชิง! พูดอย่าง ดร. วัทท์ “ความรักของพระเจ้าช่างมหัศจรรย์! คือความรักที่ต้องการจิตวิญญาณของฉัน ชีวิตของฉัน และทุกๆสิ่ง ในตัวฉัน” เบนจามิน เบดโดม คือนักเทศน์ของแบ๊บติสต์ที่ไร้ชื่อเสียงสมัยศตวรรษที่ 18 ปัจจุบันเราก็ไม่อาจรู้จักเขาถ้าเขาไม่ประพันธ์บทเพลง “พระคริสต์เคยทรงร้องไห้สงสารคนบาปหรือ?” (“Did Christ O’er Sinners Weep?”) พระคริสต์เคยทรงร้องไห้สงสารคนบาปหรือ ผมได้เห็นการประชุมฟื้นฟูอยู่สองแห่ง สองสิ่งที่เคลื่อนไหวโดยพระเจ้าแบบผิดปกติ ในสองเวลานั้นผู้คนได้หลั่งน้ำตาออกมาโดยการสำนึกผิดในความบาป ปัจจุบันนี้เราเห็นได้จากประเทศจีน ได้มีการฟื้นฟูอย่างแท้จริง “พระองค์ทรงร้องไห้เพื่อเราจะได้ร้องไห้ แต่ละความบาปต้องการน้ำตา” โอ้ คืนนี้คุณเชื่อในเรื่องของความบาปหรือเปล่า! – กรุณามาหาพระผู้ไถ่ผู้ได้ทรงร้องไห้! พระองค์จะช่วยให้ท่านรอด! พระองค์จะช่วยให้ท่านรอด! พระองค์จะช่วยให้ท่านรอด! ถ้าท่านสามารถมองเห็นพระองค์ขณะกำลังเดินออกมาจากสวนเกทเสมนี กำลังร้องไห้และเลือดไหลซิบๆ ท่านคิดว่ายังจะวางใจในพระองค์หรือเปล่า? โอ้ จงวางใจพระองค์เดี่ยวนี้! พระเยซูคนที่อยู่ในคืนนี้คือคนๆเดียวกันในคืนนั้น เห็นมั้ยว่าพระองค์ทรงรักคุณ! พระองค์มาหาคุณด้วยความรักด้วยสองพระหัตถ์! จงเชื่อในพระองค์ จงวางใจในพระเจ้าแล้วคุณก็จะรอดในทุกๆโอกาส! พระองค์ทรงให้อภัยและประทานชีวิตนิรันดร์ให้คุณ! (จบการเทศนา) You may email Dr. Hymers at rlhymersjr@sbcglobal.net, (Click Here) – or you may อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนา โดย ดร. กรีฟตัน เอล ชาลล์: ลูกา 22:39-45 |
โครงร่างของ น้ำตาของพระเยซู THE TEARS OF JESUS โดย ดร. อาร์ เอล์ ฮิวเมอร์ จูเนียร์ “ในระหว่างที่พระเยซูทรงอยู่ในโลก พระองค์ได้ถวายคำอธิษฐานและคำร้องทูลอ้อนวอนด้วยเสียงอันดังและด้วยน้ำตาไหลต่อพระเจ้าผู้ทรงสามารถช่วยพระองค์จากความตาย และพระเจ้าทรงสดับเพราะพระเยซูทรงเชื่อฟังพระเจ้าด้วยความเกรงกลัว” (ฮีบรู 5:7) (อิสยาห์ 53:3) I. ประการแรก พระเยซูทรงร้องไห้ที่อุโมงค์ฝังศพของลาซารัส ยอหน์ 11:33-36 II. ประการที่สอง พระเยซูทรงร้องไห้สงสารกรุงเยรูซาเร็ม ลูกา 19:41-44; 14:23. III. ประการที่สาม พระเยซูทรงร้องไห้ที่สวนเกทเสมนี อีบรู 5:7 ลูกา 22:41-44. |