เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ฟื้นคืนมา ณ เวลานี้!RESURRECTION NOW! โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:4-6) |
”การทำอัศจรรย์ของพระคริสต์ทรงทำขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นความจริงทางฝ่ายวิญญาณ พระองค์ทรงเปิดตาของคนตาบอดเพื่อแสดงว่าพระองค์สามารถเปิดตาใจที่บอดทางวิญญาณได้ด้วย พระองค์ทรงรักษาคนโรคเรื้อนเพื่อแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงสามารถรักษาวิญญาณที่มลทินทางวิญญาณได้ แต่เพระองค์ทำให้สามคนเป็นขึ้นมาจากความตาย ในมาระโกบทที่ห้าแสดงให้เราเห็นถึงพระองค์ทรงทำให้บุตรสาวของไยรัสเป็นขึ้นมาจากความตาย ในบทที่เจ็ดของลูกาบอกเราาพระองค์ทรงให้บุตรชายของหญิงม่ายแห่งเนนเป็นขึ้นมาจากความตาย ในบทที่สิบเอ็ดของยอห์นกล่าวว่าพระองค์ทรงทำให้ลาซารัสฟื้นขึ้นมาจากความตาย บทเรียนเหล่านี้แสดงว่าพระเยซูทรงสามารถทำให้คนที่ตายแล้วฟื้นคืนมา “ตายในความผิดและบาป” (เอเฟซัส 2: 1) การนมัสการในคืนนี้เรามีลูกสาวหลายคนของไยรัส มีบุตรของหญิงม่ายหลายคน และลาซารัสที่ฟื้นคืนจากความตาย - เพราะพวกเราหลายคนตายในการละเมิดและบาป แต่โดยฤทธิ์อำนาจของพระเยซูทรงสามารถนำจิตวิญญาณที่ตายแล้วเป็นขึ้นมาและมีชีวิตใหม่! การฟื้นคืนจากความตายนี้เรียกว่า "การถูกสร้างใหม่" - คำที่พูดถึงชีวิตจากความตายที่รู้จักกันว่าการบังเกิดใหม่ Dr. W. G. T. Shedd ชี้ให้เห็นว่าพระคัมภีร์มักจะใช้ “การฟื้นคืนจากความตายเพื่อแสดงถึงการถูกสร้างใหม่” … “เป็นการพูดถึงการถูกสร้างใหม่หรือมีชีวิตใหม่ในฝ่ายวิญญาณ” (W. G. T. Shedd, Ph.D., Dogmatic Theology, P and R Publishing, 2003 edition, pp. 864, 865) การเชื่อมโยงระหว่างการฟื้นคืนชีวิตทางกายและทางฝ่ายวิญญาณนั้นชัดเจนในบทที่สองของเอเฟซัส “ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:4-6) จากพระธรรมข้อเหล่านี้เราได้เรียนรู้ความจริงที่ยิ่งใหญ่สามอย่างที่เกี่ยวกับการบังเกิดใหม่ - ความจริงสามข้อเกี่ยวกับการฟื้นฟูผ่านอำนาจของพระคริสต์ที่ฟื้นคืนชีพ I. หนึ่ง เรานั้นตายแล้ว ตามพระคัมภีร์นั้นทุกคนตายในฝ่ายวิญญาณ บางคนบอกเราว่าเราถูกบอกช้ำจากการหลงทำบาป - แต่พวกเขาไม่เชื่อว่าเราถูกฆ่าโดยมัน แต่พระวจนะของพระเจ้านั้นชัดเจนมาก บอกว่าเราไม่ได้รับเพียงแค่บาดเจ็บ แต่เราเป็น “คนที่ตายโดยการละเมิดและบาป” (เอเฟซัส 2: 1) แต่คนเหล่านี้บอกเราว่าโดยธรรมชาติมนุษย์เป็นคนดี ดังนั้นมนุษย์ไม่ตายในบาป ซี จี ฟินเนย์ สอนผิดดังนี้ เหตุใดบาปจึงเป็นธรรมชาติต่อมนุษยชาติ ไม่ใช่เพราะธรรมชาติของพวกเขานั้นเป็นคนบาป…หลักคำสอนนี้…ไร้ซึ่งความเสื่อมเสียต่อพระเจ้าอย่างไม่สิ้นสุดและเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจเหมือนพระผู้เป็นเจ้าและสติปัญญาของมนุษย์ มันเป็นที่ระลึกของปรัชญาของศาสนานอกรีตและเป็นที่นิยมในหมู่คำสอนของศาสนาคริสต์โดยออกัสติน (C. G. Finney, Finney’s Systematic Theology, Bethany House Publishers, 1994 edition, pp. 268, 263) + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ทว่าหลักคำสอนของมนุษย์ที่ตายในบาปได้ถูกกำจัดออกจากการเทศนาส่วนใหญ่ของเราในทุกวันนี้ ผลลัพธ์คืออะไร อนาธิปไตยทางศีลธรรมและจิตวิญญาณที่เราเห็นในวันนี้อย่างนั้นหรือ? - นั่นคือเหตุผล! หลักคำสอนของมนุษย์ที่ตายไปในบาปถูกคิดค้นโดยออกัสตินหรือไม่? ไม่ใช่เลย! จากพระคัมภีร์นสมัยของโนอาห์เราพบว่ามนุษย์นั้นไร้ความหวังและมีชีวิตเต็มด้วยความบาป “และพระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วของมนุษย์มีมากบนแผ่นดินโลก และเจตนาทุกอย่างแห่งความคิดทั้งหลายในใจของเขาล้วนแต่ชั่วร้ายอย่างเดียวเสมอไป” (สดุดี 6:5) เราอ่านพระธรรมโยบ “ใครจะเอาสิ่งสะอาดออกมาจากสิ่งไม่สะอาดได้? ไม่มีใครสักคน” (โยบ 14:4) “มนุษย์เป็นอะไรเล่า เขาจึงจะสะอาดได้ หรือเขาผู้เกิดมาโดยผู้หญิงเป็นอะไร เขาจึงชอบธรรมได้?” (โยบ 15:14) ผู้เขียนพระธรรมสดุดีกล่าวว่า “ดูเถิด ข้าพระองค์ถือกำเนิดมาในความชั่วช้า และมารดาตั้งครรภ์ข้าพระองค์ในบาป” (เพลงสดุดี 51:5) “คนชั่วหลงเจิ่นไปตั้งแต่จากครรภ์ เขาหลงทางไปตั้งแต่เกิด คือพูดมุสา” (เพลงสดุดี 58:3) กษัตริย์โซโลมอนตรัสว่า “จิตใจของบุตรทั้งหลายของมนุษย์ก็เต็มไปด้วยความชั่ว” (ปัญญาจารย์ 9:3) ผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์กล่าวว่า “จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียว ผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า?” (เยเรมีย์ 17:9) และอัครสาวกเปาโลบอกเราว่า “พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป … ตามสันดานเราจึงเป็นบุตรแห่งพระอาชญาเหมือนอย่างคนอื่นand” (เอเฟซัส 2:1, 3) อัครสาวกกล่าวอีกว่าในโคโลสี “และท่านที่ตายแล้วด้วยความบาปทั้งหลายของท่าน” (โคโลสี 2:13) ฟินเนย์โจมตีหลักคำสอนของมนุษย์ที่ตายในบาปโดยอ้างถึงออกัสติน แต่ตามที่ผมได้แสดงถึงหลักคำสอนนี้ เราพบพระคัมภีร์ตลอดทั้ฃเล่มสอนต่างจากความคิดนี้ เพราะความคิดของฟินเนย์มาจาก พวกนอกรีตอย่างพาลาเจียน (A.D. 354-420) ความคิดนอกรีตของเขามีมานานหลายศตวรรษ สิ่งที่ฟินเนย์สอนคือ พาลาเจียนนิยม หรือ Pelagianism ! ให้เรายึดตามหลักคำสอนที่สอนไว้อย่างชัดเจนในพระคัมภีร์! มนุษย์อยู่ในสภาพที่ไม่ได้รับการถูกสร้างใหม่! พวกเขาเป็นคนบาป ใช่ว่าเจ็บป่วย พวกเขาตายกับสิ่งต่าง ๆ ของพระเจ้า! “พระองค์ทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายมีชีวิตอยู่ แม้ว่าท่านตายแล้วโดยการละเมิดและการบาป” (เอเฟซัส 2:1) “เราตายไปแล้วในการบาป” (เอเฟซัส 2:5) จะมีอะไรที่สอนชัดเจนไปกว่านี้อีกหรือ? ไม่มีอีกแล้ว! “ตายในบาป” – นี่ไม่ใช่ภาพที่แท้จริงของมนุษย์ในสภาพธรรมชาติของพวกเขาอีกหรือ? Great ท่านสเปอร์เจียนร กล่าวว่า สังเกตว่าคนที่ตาย: คุณตีศพนั้น คุณอาจทำร้ายมันได้ แต่คนที่ตายนั้นจะไม่ร้องไห้ คุณอาจวางจองหนักไว้บนศพนั้น แต่มันก็ไม่รู้สึกเหนื่อย คุณเก็บมันไว้ในความมืด แต่มันไม่รู้สึกเศร้าโศก ดังนั้น เช่นเดี่ยวคนที่ไม่กลับใจก็รับภาระหนักจากบาป แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกว่าหนัก พวกเขาถูกขังอยู่ในคุกแห่งความยุติธรรมของพระเจ้า แต่พวกเขากลับไม่มีเสรีภาพ พวกเขาอยู่ภายใต้การถูกสาปแช่งากพระเจ้า… แต่คำสาปนั้นกลับดูเหมือนไม่มีผลใด ๆ ต่อจิตใจของคนเหล่านั้น นั่นเป็นเพราะพวกเขาตายไปแล้ว…โอ้! ถ้าคุณยังมีชีวิตอยู่คุณจะไม่มีอยู่เฉย ๆ จนกว่าคุณจะได้รับการช่วยกู้ให้รอดพ้นจากพระพิโรธที่จะเกิดขึ้น มนุษย์ยังคงไม่ทราบเรื่องฝ่ายจิตวิญญาณและไม่สนใจ เพราะในฝ่ายจิตวิญญาณนั้นพวกเขาตายไปแล้ว (C. H. Spurgeon, “Resurrection With Christ,” The Metropolitan Tabernacle Pulpit, Pilgrim Publications, volume 14, pp. 207, 208) คุณสามารถนั่งในคริสตจักรและฟังคำเทศนาแต่กลับไม่มีผลดีใด ๆ ต่อคุณ – เพราะคุณ “ตายในบาป” คุณสามารถได้ยินถึงความทุกข์ของพระคริสต์จากการที่พระองค์ถูกโบยและตอกตะปูบนไม้กางเขนและคุณไม่สะทดสะท้านใด ๆ เพราะคุณเป็น “ตายในบาป” คุณได้ยินว่าพระคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตายและปรากฏต่อเหล่าสาวกของพระองค์ “โดยมีหลักฐานอันหลายข้อ” (กิจการ 1: 3) และคุณไม่สามารถรับการเคลื่อนไหวด้วยอำนาจและความยิ่งใหญ่ของการฟื้นคืนพระชนม์นี้ เพราะว่าคุณ “ตายในบาป” คุณสามารถได้ยินว่าพระโลหิตของพระองค์พร้อมที่จะชำระบาปของคุณ และคุณอาจไม่รู้สึกว่าต้องการการชำระ เพราะคุณ “ตายในบาป” คุณสามารถได้ยินผู้อื่นอธิษฐานด้วยความกระตือรือร้นอย่างแรงกล้า แต่คุณไม่อาจอธิษฐานตามนั้นได้ด้วยตัวคุณเอง – เพราะคุณ “ตายในบาป” คุณสามารถซื้อพระคัมภีร์เล่มใหญ่ๆ และอ่านได้ แต่พระคำเหล่านั้นกลับไม่มีชีวิต กับคุณมันเป็นเพียงคำพูดทั่วไป – เพราะคุณ “ตายในบาป” คนอื่นมีความปีติยินดีในความเชื่อของพวกเขา แต่กับตัวคุณนั้นกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย - เพราะคุณ“ตายในบาป” คนอื่นรู้จักพระคริสต์และชื่นชมยินดีที่ได้รู้จักพระองค์ แต่คุณกลับไม่รู้จักกับพระองค์ ตัวคุณนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยและความกลัว – เพราะคุณ “ตายในบาป” คนอื่น ๆ บอกคุณให้มาที่พระคริสต์ แต่ทุกสิ่งที่คุณสามารถพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกก็คือ “มาได้อย่างไร” “ฉันจะมาหาพระองค์ได้อย่างไร” คำตอบนี้ไกลจากคุณและคุณไม่สามารถเข้าใจได้ - เพราะคุณเป็น "คนบาป" ผมบอกคุณแล้วว่าถ้าคุณพยายามที่จะรับความรอดโดยการเรียนรู้มันก็จะเหมือนเดิมเสมอ คุณจะไม่สามารถ "เรียนรู้" เพื่อรับความรอด! ไม่เลยในห้าสิบปีของการศึกษาพระคัมภีร์ – การเรียนรู้เท่านั้นไม่อาจทำให้คุณรอดได้ เพราะคุณ “ตายในบาป” และยิ่งคุณศึกษามากขึ้นและถามมากขึ้นยิ่งกลับทำให้คุณแย่ลงเรื่อย ๆ และคุณก็จะมานั่งในคริสตจักรโดยไม่มีหวังอะไรเลยเพราะคุณ “ตายในบาป” - “เรียนรู้และไม่สามารถรู้ถึงความจริง” (2 ทิโมธี 2) 3: 7) และในที่สุดคุณจะตายในบาปของคุณและพบว่าตัวเองอยู่ในโลกหน้าที่แต่ความทรมานและสิ้นหวังและถูกโยนออกจากพระเจ้าไปอยู่ในเปลวไฟไร้ซึ่งความหวังใน "ความมืดเป็นนิตย์” (ยูดาห์ 13) – เพราะคุณ “ตายในบาป” แต่ตอนนี้เนื้อหาของเราให้ความหวังและความหวังนั้นอยู่ในความเมตตาและพระคุณของพระเจ้าในพระคริสต์เท่านั้น นี่เป็นประสบการณ์ของผมและผมก็ภาวนาว่ามันจะเป็นของคุณด้วยเช่นกัน ขอบคุณพระเจ้า พวกเราที่รอดแล้วสามารถพูดได้ว่าเราถูกทำให้มีชีวิตโดยจากการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ II. สอง เราถูกทำให้มีชีวิตใหม่ กรุณายืนขึ้นและอ่านขอสี่และข้อห้า ดัง ๆ ”แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ: (เอเฟซัส 2:4-5) พวกคุณนั่งได้ โอ้คนบาปฟังนี่! ฟังคำพูดที่ไม่ได้เป็นนของอัครสาวก "แต่พระเจ้า" คำพูดเหล่านั้นมีความหวัง! “แต่พระเจ้า” คุณตายในความบาป “แต่ไม่ใช่พระเจ้า!” สรรเสริญพระองค์ด้วยคำพูดเหล่านั้น! กระโดดและเต้นด้วยสันติสุขเมื่อคุณได้ยินพวกเขา! “แต่พระเจ้า!” เราสามารถใช้คำเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกในประวัติศาสตร์แห่งความเชื่อ เมื่อสิ่งต่าง ๆ ที่สิ้นหวังแต่พระเจ้าลับทรงทำให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง พระธรรมเอเฟซัส 2: 4 กล่าวว่า “แต่พระเจ้า!” โลกทั้งโลกได้รับความเสียหายจากบาปอย่างที่พระเจ้าตรัสไว้ว่า “เราจะทำลายมนุษย์ซึ่งเราได้สร้างขึ้น” (ปฐมกาล 6: 7) “แต่พบว่าโนอาห์มีความชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า” (ปฐมกาล 6: 8) “แต่พระเจ้า” พระองค์ทรงช่วยให้โนอาห์และครอบครัวของเขารอดพ้นจากอุทกภัยครั้งใหญ่ คนอิสราเอลร้องไห้และคร่ำครวญภายใต้การเป็นทาสในระบบทาสของฟาโรห์ในอียิปต์ แต่พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า "เราจะนำพวกเจ้าไปให้พ้นจากงานตรากตรำที่ชาวอียิปต์เกณฑ์ให้ทำ และจะให้พ้นจากการเป็นทาสเขา เราจะช่วยเจ้าให้พ้นด้วยแขนที่เหยียดออก และด้วยการพิพากษาอันใหญ่หลวง เราจะรับพวกเจ้าเป็นพลไพร่ของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของพวกเจ้า พวกเจ้าจะรู้ว่า เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า ผู้นำเจ้าไปให้พ้นจากงานตรากตรำที่ชาวอียิปต์เกณฑ์ให้ทำ" (อพยพ 6: 6-7) “แต่พระเจ้า” ในช่วงเวลาของผู้วินิจฉัยชนชาติอิสราเอล “ตกต่ำลงมากเพราะคนมีเดียน” (ผู้วินิจฉัย 6: 6) แต่พระเจ้าเสด็จมาหากิเดโอน ตอนที่เขากำลังนวดข้าวสาลี "เพื่อซ่อนไว้จากคนมีเดียน" (ผู้วินิจฉัย 6:11) “ และองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับ [กิเดโอน] ว่า “แต่เราจะอยู่กับเจ้าแน่ และเจ้าจะได้โจมตีคนมีเดียนอย่างกับตีคนคนเดียว” (ผู้วินิจฉัย 6:16) และกิเดโอนก็ร้องไห้ “จงลุกขึ้นเถิด เพราะว่าพระเยโฮวาห์ทรงมอบกองทัพคนมีเดียนไว้ในมือของท่านทั้งหลายแล้ว” (ผู้วินิจฉัย 7:15) “แต่พระเจ้า” พระเยซูถูกจับกุม ถูกตี ถูกตรึงที่กางเขน สิ้นพระชนม์และถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพและถูกผนึกไว้ แต่พระเจ้าทรงให้ฟื้นขึ้นจากความตาย ”ในวันที่สามพระเจ้าได้ทรงให้พระองค์คืนพระชนม์และทรงให้ปรากฏ” (กิจการ 10:40) “แต่พระเจ้า” พวกมหาปุโรหิตและคนของเขานำพวกอัครสาวกมาและขังพวกเขา “ในคุก” (กิจการ 5:18) เพื่อหยุดพวกเขาไม่ให้ประกาศพระกิตติคุณ “แต่ทูตสวรรค์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้เปิดประตูคุกในเวลากลางคืน…และกล่าววว่า “จงไปยืนในพระวิหาร ประกาศบรรดาข้อความแห่งชีวิตนี้ให้ประชาชนฟัง” (กิจการ 5:19, 20) “แต่พระเจ้า” ทรงเปิดประตูคุกและอวยพรสิ่งที่พวกเขาประกาศ ตลอดทั้งพระคัมภีร์นั้นบอกเราถึงพระเมตตาของพระเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ”แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ” (เอเฟซัส 2:4-5) และเนื่องจากพระเจ้าทรงเมตตาในวันของโนอาห์และในวันของโมเสสและในวันของกิเดโอนและในวันของอัครสาวกและในวันฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์ คุณไม่คิดหรือว่าพรองคงค์ทรงสามารถเมตตาคุณได้ด้วยหรือ? ”แต่พระเจ้า ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ” (เอเฟซัส 2:4-5) มองดูคนที่ “ถูกสร้างใหม่” ในท่ามกลางพวกเรา มองดูคนที่ถูกนำออกจากความตายและทำให้มีชีวิตโดยพระคุณของพระเจ้าในพระคริสต์! ดูเถิด - กลุ่มมัคนยกของเราทุกคนหรือผู้นำในคริสตจักรของเรา – พวกเขาทั้งหมดครั้งหนึ่งเคย “ตายในบาป” แต่ตอนนี้ดูและดู – พวกเขาถูกนำมา “ร่วมกันกับพระคริสต์” - ทำให้มีชีวิตในพระคริสต์ โดยพระคุณ! ใครบ้างที่สามารถบอกได้ว่าพวกเขาไม่ได้ “ถูกสร้างใหม่…ด้วยพระคริสต์”? มีใครสามารถสงสัยว่าพวกเขาเป็นจึ้นมาจากความตาย “กับพระคริสต์” หรือไม่? สเปอร์เจียนกล่าว พัว มาร์ธาต้องประหลาดใจมากที่พระคริสต์ทรงทำให้น้องชายของเธอ [ลาซารัส] ฟื้นจากความตาย แต่คำพูดของพระองค์กับจะทำให้เธอประหลาดใจยิ่งขึ้น "และผู้ใดที่มีชีวิตและเชื่อในเราจะไม่ตายเลย เจ้าเชื่ออย่างนี้ไหม” (ยอห์น 11:26) นี่คือหนึ่งในสิ่งที่เราต้องเชื่อว่าเมื่อเราได้รับชีวิตทางจิตวิญญาณ และนี่ก็เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับชีวิตของพระคริสต์และดังนั้นจึงไม่สามารถตายได้ (Spurgeon, ibid., p. 214) ใช่ “ไม่ตายอีก!” เราปฏิเสธคำสอนเท็จของ ฟินเนย์ เกี่ยวกับผู้ที่เกิดใหม่อีกครั้ง ฟินเนย์กล่าวว่า “พวกเขาได้รับแจ้งอย่างชัดเจนว่าความรอดของพวกเขานั้นขึ้นอย่างเงื่อนไขของความบริสุทธิ์ที่ตัวเองมีอยู่และรักษาจนถึงที่สุด …กลัว…เกรงว่าพวกเขาจะหลงทาง” (Charles G. Finney, Finney’s Systematic Theology, Bethany House Publishers, 1994 reprint of 1878 edition, p. 546) ใช่ฟินเนีย์บอกว่าผู้ที่ได้รับความรอดจะสูญเสียอีก! ในความเป็นจริงฟินเนย์กล่าวว่าคริสเตียนสามารถหลุดออกจากสวรรค์และสูญเสียความรอดหลังจากที่พวกเขาตาย! นี่คือคำอ้างอิงจากหนังสือเทววิทยาของฟินเนย์ “นักบุญในสวรรค์สามารถทำได้โดยการละทิ้งความเชื่อโดยธรรมชาติ (C. G. Finney, ibid., p. 508) ใช่ฟินเนย์ กล่าวว่าคริสเตียนสามารถตกจากสวรรค์ได้! นี่คือคำสอนเท็จของพาลาเจียน! ผู้ที่กลับใจใหม่แล้วจะ "ไม่กลับใจใหม่อีก" ผู้ที่ได้รับการถูกสร้างใหม่แล้วจะ "ไม่เป็นคนที่ไม่กลับใจใหม่อีก"! “”ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ) (เอเฟซัส 2:5) สเปอร์เจียนกล่าวว่า “ได้รับชีวิตจากพระเจ้าก็เป็นเพียงครั้งเดียวคน ๆ นั้นจะไม่มีวันหลงหายอีกเลย พระเจ้า…ไม่ได้ทำให้เราบังเกิดจากภายในและจากนั้นปล่อยให้เราพินาศ ... พระองค์ไม่ได้ช่วยกู้เราให้รอดในวันนี้และวันพรุ่งนี้จะพบกับความพินาศ…พระเกียรติจงมีแด่พระเจ้า ดังนั้นผู้ที่มีชีวิตอยู่ด้วยความเชื่อในพระคริสต์ และสรรเสริญพระเจ้าของคุณ!” (Spurgeon, ibid., p. 215) แต่มีอีกหนึ่งจุดคือ พวกเราตายแล้ว เราถูกทำให้มีชีวิต III. สาม เราเป็นขึ้นมา กรุณายืนขึ้นและอ่านข้อที่ห้าและหกดัง ๆ “ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรคสถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:5-6) กรุณานั่งได้ มีคนถามผมว่า “ฉันจะมาที่พระคริสต์ได้อย่างไร?” พวกเขาสับสนแม้พวกเขารู้ว่าพระคริสต์อยู่ที่ไหนในสวรรค์ชั้นสาม (2 โครินธ์ 12: 2) พวกเขารู้ว่าพระคริสต์อยู่เหนือบรรยากาศเหนือดาวของกาแลคซีแห่งนี้ในสถานที่ซึ่งพวกเขาเรียกว่า “สวรรค์” (ลูกา 23:43) พวกเขาอ่านพระคัมภีร์และรู้ว่าพระคริสต์ประทับอยู่ที่พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า “ฉันจะขึ้นไปที่นั่นได้อย่างไร” พวกเขาถาม “ฉันจะมาที่พระคริสต์ได้อย่างไร ในอีกโลกหนึ่ง?” แน่นอนคำตอบควรชัดเจน คุณไม่สามารถไปเองได้! แต่คำสอนเกี่ยวกับ "การตัดสินใจนิยม" หรือ “decisionism” ได้ทำให้หลายคนตาบอด พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถมาที่พระคริสต์ได้ด้วยความพยายามของพวกเขาเอง! นั่นคือเหตุผลที่พวกเขาสะดุดเมื่อพวกเขาอ่านยอห์น 6:44 “ไม่มีผู้ใดมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” (ยอห์น 6:44) พวกเขาไม่สงสัยในการเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงนำพวกเขาให้พบกับพระคริสต์ในอากาศตอนพระคริสต์เสด็มาครั้งที่สอง (ดู 1 สะโลนิกา 4: 16-17; แต่พวกเขามีปัญหามากมายที่เชื่อในสิ่งเดียวกันเมื่อพูดถึงความรอด! แต่ทั้งสองอย่างนี้มีคำตอบในยอห์น 6:44 “ไม่มีผู้ใดมาถึงเราได้นอกจากพระบิดาผู้ทรงใช้เรามาจะทรงชักนำให้เขามา และเราจะให้ผู้นั้นฟื้นขึ้นมาในวันสุดท้าย” (ยอห์น 6:44) พลังอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่จะนำคริสเตียนให้พบกับพระคริสต์ในอากาศ ตอนนี้ก็สามารถนำคุณมาหาพระคริสต์ที่พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า! เป็นพระเจ้าที่นำคนบาปมาหาพระคริสต์ - ไม่ใช่ตัวของคนบาปเอง แต่เป็นพระเจ้า “ไม่มีใครมาหาเราได้นอกจากพระบิดา…นำเขาออกมา” เหมือนกับการนำสู่ท้องฟ้าเพื่อพบพระองค์ที่นั่น - เกิดขึ้นตอนนี้เท่านั้น - เมื่อคุณมาที่พระคริสต์! จากนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ เอเฟซัส 2: 6 ก็เกิดขึ้น! ลองดูสิ! ยืนขึ้นและอ่านออกเสียง! “และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:6). พวกคุณนั่งได้ ดร. เฮนรีริคเซ่นพูดถึงข้อนั้นดังนี้ว่า “เราเอง…ทำให้มีชีวิตขึ้นไปและอยู่ในสวรรค์” (William Hendriksen, Ph.D., New Testament Commentary, Baker Book House, 1981 reprint, p. 118; note on Ephesians 2:6). พระคัมภีร์ฉบับ The Reformation Study Bible กล่าวว่า …ทำให้เรามีชีวิตอยู่…ยกเราขึ้น…เรานั่งลง เหล่านี้เป็นเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ในชีวิตของพระคริสต์: การฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์จากความตายและการสถิตที่ด้านพระหัตถ์ขวาของพระเจ้า แต่เปาโลยังยังนำมาประยุกต์ว่าจะเกิดขึ้นให้กับผู้ชื่อด้วย เปาโลสอนการรวมกันระหว่างพระคริสต์และผู้ที่มาที่…พระองค์…เพื่อกล่าวถึงพระผู้ไถ่ที่ทรงสามารถไถ่ (The Reformation Study Bible, Ligonier Ministries, 2005, p. 1706; note on Ephesians 2:5, 6) การที่สามารถมาที่พระคริสต์ได้นั้นก็โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเท่านั้น นั่นคือการดวงวิญญาณที่พระคริสต์ตอนที่พวกเรากลับใจใหม่! ถ้าอย่างนั้นคุณต้องทำยังไง? พระเยซูตรัสว่า “จงเข้าไปข้างใน” (ลูกา 13:24) จงอ่านบทเทศนาเหล่านี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พยายาม” ทำทุกสิ่งเพื่อคุณ “จะเข้าไปข้างใน” “จงเคาะแล้วจะเปิดออก” (ลูกา 11: 9) คำภาษากรีกบอกเราว่า “เคาะต่อไป อธิษฐานต่อไป” อธิษฐานให้บ่อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้เพื่อให้พระเจ้าปลุกคุณให้ตื่นขึ้นจากสภาพบาปที่หลงหาย อธิษฐานขอให้พระองค์เร่งจิตวิญญาณของคุณทำให้คุณมีชีวิตและนำคุณเข้าสู่พระคริสต์ จงนึกถึงความสยองขวัญแห่งนรกและความชั่วนิรันดร์หากปราศจากพระคริสต์ “พยายามทำอย่างนั้น” แล้วพระเจ้าจะทรง “นำ [คุณ] มาที่พระคริสต์” …และยกคุณขึ้นสู่ “สวรรค์พบกับพระเยซูคริสต์” ขอให้คุณพบกับช่วงเวลาแห่งความสุขเร็ว ๆ นี้ ขอให้คุณถูกสร้างให้กลับมามีชีวิตอยู่ในไม่ช้า – นำขึ้นไป พบกับพระเยซูคริสต์” ขอให้คุณ หรือผู้ที่ตายในความบาปได้มารับประสบการณ์แห่งการฟื้นคืนพระชนม์ในตอนนี้! ขอให้คุณบังเกิดใหม่โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้าในพระคริสต์! อาเมน “ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:4-6) |
โครงร่างของ ฟื้นคืนมา ณ เวลานี้! RESURRECTION NOW! โดย ดร. อาร์ เอล ไฮเมอร์ส จูเนียร์ “ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระกรุณา เพราะเหตุความรักอันใหญ่หลวง ซึ่งพระองค์ทรงรักเรานั้น ถึงแม้ว่าเมื่อเราตายไปแล้วในการบาป พระองค์ยังทรงกระทำให้เรามีชีวิตอยู่กับพระคริสต์ (ซึ่งท่านทั้งหลายรอดนั้นก็รอดโดยพระคุณ)และพระองค์ทรงให้เราเป็นขึ้นมากับพระองค์ และทรงโปรดให้เรานั่งในสวรรค์สถานกับพระองค์ในพระเยซูคริสต์” (เอเฟซัส 2:4-6) (เอเฟซัส 2:1) I. หนึ่ง เราตายแล้ว เอเฟซัส 2:1; ปฐมกาล 6:5; II. สอง เรามีขีวิตใหม่ เอเฟซัส 2:4-5; ปฐมกาล 6:7, 8; III. สาม เราเป็นขึ้นมา เอเฟซัส 2:5-6; |