เป้าหมายของเว็ปไซต์นี้คือจัดเตรียมบทเทศนาที่เขียนจากต้นฉบับ และในรูปแบบวีดีโอให้กับผู้รับใช้ และมิชชั่นนารีที่ไปรับใช้ในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในโลกที่สามที่ขาดแคลนพระคริสตธรรมหรือโรงเรียนอบรมพระคัมภีร์
ต้นฉบับของบทเทศนาเหล่านี้ถูกอ่านในคอมพิวเตอร์ประมาณ 1,500,000 เครื่อง และมากกว่า 221 ประเทศในแต่ละปี โปรดไปอ่านได้ที www.sermonsfortheworld.com ในขณะเดียวกันมีหลายร้อยคนดูวิดีโอบน YouTube และหลังจากนั้นคนเหล่านั้นก็จะย้ายจากดู YouTube มาอ่านเว็บไซต์ของเรา YouTube นำคนมาที่เว็บไซต์ของเรา บทเทศนาต้นฉบับนี้ถูกแปลออกเป็น 46 ภาษา และมีคนอ่านในคอมพิวเตอร์มากถึง 120,000 ทุก ๆ เดือน บทเทศนาต้นฉบับนี้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นักเทศนาสามารถนำไปใช้เทศน์ได้ นอกจากนี้ยังมีในรูปแบบวีดีโอเป็นร้อย ๆ ซึ่งเทศน์โดย ดร. ไฮเมอร์ส และนักศึกษาของท่าน บทเทศนาต้นฉบับไม่สงวน แต่จะสงวนเฉพาะในรูปแบบวีดีโอ กรุณาคลิกที่นี่เพื่อเรียนรู้ว่าจะสนับสนุนการประกาศพระกิตติคุณไปทั่วโลกได้อย่างไร
ตอนที่คุณเขียนหนังสือไปให้ ดร. ไฮเมอร์ส บอกท่านเสมอว่าคุณเขียนมาจากประเทศอะไร หรือท่านไม่ได้ตอบคุณ อีเมล์ของ ดร. ไฮเมอร์ส คือ rlhymersjr@sbcglobal.net
ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น! CHURCH CENTERED EVANGELISM! โดย ดร. อาร์ เอล ฮิวเมอร์ จูเนียร์ เทศนาในเช้าวันของพระเป็นเจ้า วันที่ 25 เดือน มกราคม 2009 “ดังนั้นจงไปสร้างสาวกจากมวลประชาชาติ ให้เขารับบัพติศมาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และวิญญาณบริสุทธิ์ สอนให้เขาเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราสั่ง พวกท่านไว้ และแน่นอน เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค อาเมน” (มัทธิว 28:19-20) |
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เดียวที่คิดว่าการประกาศข่าวประเสริฐนั้นเป็นหน้าที่ของบางคนที่อยู่ในคริสตจักรเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่พันธสัญญาใหม่สอนเอาไว้ พระมหาบัญชาที่อยู่ในพระธรรมมัทธิว 28:19-20 ให้กับทุกๆคนและทุกคริสจักรท้องถิ่นที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ใหม่ ดร. คริสเวลล์ ได้แก้ไขคำศัพท์นี้ใหม่ไว้ดังนี้ พระบัญชาของพระเยซูนั้นให้กับทุกๆคนในคริสตจักร และทุกยุคทุกสมัย คำที่อยู่ในเชิงของการบังคับนั่นคือ “สอนมวลประชาชาติ” และที่สำคัญกว่านั้นคือ “การสร้างสาวก” (W. A. Criswell, Ph.D., The Criswell Study Bible, Thomas Nelson, จาก มัทธิว 28:19-20) “พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์นั้นให้กับทุกคริสตจักร” นั่นก็คือทุกคนนาสาสาคริสตจักรต่างก็ได้รับมอบหมายจากพระเยซูคริสต์ให้ทำงานด้านประกาศข่าวประเสริฐ ทุกคนต่างก็ถูกเรียกและมอบหมายให้สร้างสาวกจากทุกมวลประชาชาติ จงประกาศข่าวประเสริฐให้กับทุกคนที่พบเห็น ความจริงที่เราเชื่อก็คือคำว่าทุกๆคน รวมไปถึงคนที่ยังไม่เป็นสมาชิกก็ควรเข้าร่วมทำพันธกิจสำคัญนี้เพื่อพระคริสต์ การประกาศข่าวประเสริฐนั้นจะต้องเป็นหัวใจสำคัญของการทำพันกิจในคริสตจักรของเรา นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราได้วางการประกาศข่าวประเสริฐให้อยู่เหนือพันธกิจทั้งปวงที่เราทำเพื่อพระคริสต์ ด้วยเหตุนี้เราจึงถือว่าการประกาศเป็นพันธกิจที่สำคัญที่สุดในฐานะที่เราเป็นคริสตจักร พวกเรามีการอธิษฐานทุกๆวันเสาร์และตามด้วยการประกาศข่าวประเสริฐ เราก็ยังมีการประกาศในทุกวันอาทิตย์หลังจากนัสการเสร็จ นอกจากนี้ยังรวมถึงทุกๆคืนของวันพุธและพฤหัสบดี ดังอย่างที่ ดร. คริสเวลล์ได้กล่าวไว้ “พระมหาบัญชาของพระเยซูคริสต์เพื่อคริสตจักรทั้งหมด” “จงออกไป และสอนทุกมวลประชาชาติ ให้เขารับบัพติศมาใน หลายคนที่เดียวที่เชื่อว่าการประกาศช่าว ประเสริฐคือการที่เราออกไปแจกใบปลิวตามทางคนเดิน หรือเป็นการนำคนอธิษฐานตามอย่าง “หลักการอธิษฐานของคนบาป” แต่ให้เราระลึกเสมอว่าเป้าหมายนั้นไม่ได้อยู่ที่ “ให้รับการตัดสินใจ” แต่อยู่ที่ ให้สร้างสาวก อย่างที่ ดร.คริสเวลล์ได้พูดใหม่ว่า “‘สอนทุกมวลประชาชาติ’ [คือ] ตามศัพท์ดั้งเดิมควรแปลว่า ‘สร้างสาวก’ นี่แสดงให้เห็นว่าพระมหาบัญชาคือศูนย์กลางของคริสตจักรท้องถิ่น การออกเดินแจกใบปลิว และการอธิษฐานตาม “หลักการอธิษฐานของคนบาป” มันไม่ได้ช่วยให้คนเข้าไปในคริสตจักรเลย ดังนั้นหลายคริสตจักรที่ใช้วิธีดังกล่าวนี้ต่างเลิกใช้กันไปแล้ว มันง่ายก็จริงแต่ไม่ได้ผล แต่มีวิธีที่ดีกว่านี้! เราเรียกว่า “ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น” นั่นคือให้คุณออกไปจดรายชื่อและหมายเลขโทรศัพท์ของผู้คน ผู้นำของคริสตจักรก็รับหน้าที่โทรไปหาและเชื้อเชิญให้บุคคลเหล่านั้นให้เข้ามา โดยการที่เอารถของคุณไปรับเขามา ตอนที่เขามาถึงคริสตจักร เราก็ประกาศพระกิตตุณอย่างลึกซึ่งให้กับคนเหล่านั้น นั่นแหละคือชัยชนะของเรา ตอลดจนสร้างสาวกใหม่จากผู้เชื่อใหม่เหล่านั้นด้วย แผนการนี้ได้ผลจริงๆ ต่างกับวิธีการอื่นที่ไร้ผล ถ้าหากคุณต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น” สามารถส่งอีเมล์ให้ผม อีเมล์ของผมนั้นอยู่ด้านหน้าของเว็บไซต์นี้ตอนด้านล่างทางซ้ายมือ หรือคุณจะโทรศัพท์ก็ได้ตามหมาลเลขนี้ (818)352-0452. หลายช่วงอายุคนที่ผ่านมา การตัดสินใจนิยมนั้นมักจะนำไปสู่ความคิดที่เชื่อว่า“เข้ารับการตัดสินใจ”มากกว่าการที่จะพาคนๆนั้นเข้ามายังคริสตจักร แล้วอะไรล่ะคือ“เข้ารับการตัดสินใจ”ถ้าเราไม่“รับ”คน? การเจริญเติบโตของคริสตจักรนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเชื่อฟังพระมหาบัญชาโดยที่พาคนเข้ามาในคริสตจักร นี่เป็นโอกาสที่เราจะนำพวกเขารับเชื่อและสร้างสาวก ไม่ใช่มัวแต่เสียเวลาตามคนที่ไม่ยอมกลับใจใหม่สักที เราต้องออกไปพาคนมาในคริสตจักร และทางเดียวที่เขาจะได้ยินพระคำของพระเจ้านั่นก็คือในคริสตจักร ดังนั้นคริสตจักรท้องถิ่นจึงกลายเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์ไปโดยปริยาย กรุณาเปิดพระคัมภีร์ของคุณไปที่ลูกา14:23 ซึ่งเป็นข้อหนึ่งที่กล่าวได้อย่างชัดเจน “แล้วนายจึงบอกคนรับใช้ว่า จงไปตามถนนหนทางในชนบท และระดมพวกเขามาให้เต็มบ้านของเรา” (ลูกา 14:23) คุณนั่งลงได้ วิธีการนี้เป็นรูปธรรมและถูกต้องตามพระมหาบัญชาในพระธรรมมัทธิว 28:19-20 แล้วผมจะไป “สอนทุกมวลประชาชาติได้ที่ไหน? คำตอบ – “ตามถนนหนทางและตามชนบท”–ตามตรอกซอย-ตลอดจน “แผ่นดินโลก” (มาระโก 16:15) ผมต้องอะไรกับการประกาศข่าวประเสริฐให้กับผู้ที่หลงหาย? “ระดมพวกเขาให้เข้ามาในคริสตจักรให้เต็มบ้านของเรา” ง่ายๆ! ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น: ไปรับเขามาที่คริสตจักรเพื่อฟังพระวัจนะ พาเขารับเชื่อ และสร้างพวกเขาให้กลายเป็นสาวกของพระคริสต์ ณ ตรงนี้ สองคำที่น่าสนใจในตอนต้นของข้อ 23 และสองคำที่อยู่เกือบท้าย: “ออกไป” ง่ายๆ! “ออกไป” และพาพวกเขา “มาช้างใน” นี่แสดงให้เห็นว่าคุณได้ “สอนทุกมวลประชาชาติ” นั่นก็คือคุณพาพวกเขามารับเชื่อ และสร้างให้เป็นสาวก–ในและผ่านทางคริสตจักรท้องถิ่น “ออกไป” I. ประการแรก ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น คือ จง ออก “ไป” เราไม่สามารถรอให้ชาวโลกเข้ามาด้วยตัวเขาเอง ใช่ ผมเชื่อว่าพระเจ้าคือผู้ครอบครอง แต่พะเจ้าก็ใช้วิธีการเพื่อให้บรรลุตามพระประสงค์ของพระองค์ ถ้าเราเป็นคริสตจักรที่ไม่เชื่อฟังพระบัญชาของพระคริสต์ตามในพระธรรมมัทธิว28:19-20 และ ลูกา14:23 เราก็ไม่ควรขอให้พระเจ้าอวยพรเรา การเชื่อฟังพระมหาบัญชานั้นคือกุญแจดอกสำคัญที่จะพาคริสตจักรไปสู่ความสำเร็จ การที่เราอธิษฐาน – นั้นเป็นเรื่องดี เราอาจจะอ่านและสอนพระคัมภีร์ – นั่นก็คือเรื่องดี เราร้องเพลงนัสการออกจากใจของเรา – นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราขาดการเชื่อฟังคำสั่งของพระคริสต์คือพระมหาบัญชา และถ้าเราไม่ “ออกไป” “ระดมคนเข้ามาข้างใน”! นั่นเพราะเราล้มเลวต่อการ “ออกไป และระดมคนเข้ามาข้างใน” นั่นหมายความว่าเราล้มเหลวต่อพระบัญชาครั้งสุดท้ายของพระเยซูคริสต์ที่ประทานให้เรา เราจะออกไปหาผู้คนที่หลงหาย หรือหนีออกจากพระเจ้า รวมถึงเรารับพระบัญชาของพระองค์อย่างไม่เต็มใจ เราไม่ยอมรับฟังพระสุรเสียงของพระองค์ เราไม่ยอมทำในสิ่งที่พระองค์ทรงมอบหมายให้เรา และเพื่อให้ผมได้ตอกย้ำในสิ่งดีที่อยู่ในตัวผม “ออก ไป…และระดมพวกเขาเข้ามา ให้เต็มบ้านของเรา” บางคนก็ชราและไร้เรี่ยวแรง บางคนก็ยังเล็กและหนุ่ม แต่สำหรับคนชรานั้นก็ให้มาดูแลเด็กๆที่คริสตจักร – ทำงานร่วมกันโดยให้พ่อแม่ของเขามีอิสระที่จะออกไปประกาศข่าวประเสริฐ สำหรับคนชราที่ไม่มีโอกาสออกไปประกาศข่าวประเสริฐอย่างคนอื่นก็ขอให้จับมือผู้ปกครองของเด็กๆเหมือนอย่างที่อาโรนและเฮอได้จับมือของโมเสส โดยการที่ทำหน้าสำคัญคือดูแลเด็กๆหรือพาไปเฝ้าที่บ้านเพื่อให้พ่อแม่ของเขาได้ออกไปพาคนเข้ามาคริสตจักร เพื่อบ้านของ [พระเจ้า] จะได้เต็ม จงทำมัน! แม้จะหมดค่าใช้จ่ายไปเท่าไหร่ แม้คุณจะสละอะไรก็ตาม คุณต้องทำ จงประกาศข่าวประเสริฐและนำคนมายังพระวิหารของพระคริสต์ คุณต้องทำให้สุดกำลังของคุณ ทุกคนในคริสตจักรจงทำตามความสามารถของคุณที่จะทำได้ ตามวิธีของคุณ เพื่อให้คริสตจักรนี้จะได้ทำตามพระบัญชาของพระคริสต์ และจง “ออกไป…และระดมคนให้เข้ามาข้างใน” จงทำมัน! ทำงานด้วยกันอย่างคริสตจักร จงช่วยเหลือกันเหมืนเป็นกายเดียวที่ถูกก่อขึ้นไม่วาจะเป็นบุรุษ สตรี หนุ่มสาว จงเชื่อฟังพระคริสต์ โดยการระดมคนเข้ามา เพื่อให้พระวิหารของ [พระองค์] จะได้เต็ม จงออกไปด้วยพลังแห่งวัยหนุ่มสาว ก้าวไปข้างหน้าเพื่อพระคริสต์ ใช้สุขภาพพลังแห่งวัยหนุ่มสาว และชีวิตที่ไร้พันธะผูกพันมุ่งออกไปข้างหน้าอย่างนักประกาศผู้ยิ่งใหญ่ อย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่ ทุกอย่างที่หมดไป ก็เพื่อให้บรรลุพระมหาบัญชา การ “ออกไป – และระดมคนเข้ามาข้างใน” นี่คือจุดสำคัญอันดับแรกที่คริสตจักรจะต้องใส่ใจ เพื่อการประกาศข่าวประเสริฐของทุกๆคนนั้นบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ตามที่ทรงเรียก มันเริ่มต้นโดยการออกไป ถ้าคุณไม่ออกไปเขาก็จะไม่มาข้างในเช่นกัน - บ้านของพระเจ้าก็จะไม่มีวันเต็ม “ออกไป…และระดมคนให้เข้ามาข้างใน”! มันเริ่มต้นที่ตัวคุณ จงพูดกับใจตัวเอง “ฉันจะออกไป ฉันจะทำมัน ถึงจะสูญเสียเท่าไหร่ และยากลำบากอย่างไรก็ตามฉันจะต้องแบกภาระนี้ – ฉันจะออกไป พระคริสต์ทรงบัญชาให้ฉันทำมัน และฉันก็จะเชื่อฟังพระองค์ ‘ฉันจะออกไป’!” นี่คือเวลาเก็บเกี่ยวจิตวิญญาณ ถ้าเราล้มเหลว เราจะท้อแท้และพ่ายแพ้ - แต่ถ้าเราประสบความสำเร็จ - เราจะได้เห็นใบหน้าใหม่ ๆ ที่สดใสเช่นนักศึกษาจากสถาบันที่เราได้ไปประกาศ และคนในห้างสรรพสินค้าและตามถนนที่เรานำข่าวดีไปให้, ต่างทยอยเข้ามาในคริสตจักรของเราด้วยใบหน้าที่มีแต่ความสุข พระเจ้าต้องการให้คุณช่วยเราสร้างความชื่นชมยินดีนี้ให้กลายเป็นพลังที่แท้จริง! จงพูดในใจ “ฉันจะเชื่อฟังพระบัญชาของพระคริสต์ในทุกๆโอกาส ฉันจะ ‘ออกไป’ด้วยเท้าที่มุ่งมั่น และด้วยใจที่เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณ – ฉันจะทำมันเพื่อถวายเกียรติแด่พระเยซูคริสต์ ผู้ทรงพระชนม์และไถ่จิตวิญญาณของฉันออกจากความบาปและขุมนรก! ฉันจะออกไป!” มันเริ่มต้นด้วยกันออกไป นั่นคือหนทางที่เราจะบรรลุพระบัญชาของพระคริสต์ ให้ไปเอารายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของคนที่พบเห็นเท่าที่จะทำได้ แล้วนำมาให้กับผู้นำในคริสตจักร เพื่อจะได้โทรศัพท์กลับไปหาและจัดเตรียมรถไปรับและพามานมัสการในวันอาทิยต์ II. ประการที่สอง ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น คือ พาพวกเขา “เข้า” การออกไปแจกใบปลิวตามทางเดินเพียงอย่างเดียวมันไม่พอ เพราะเราทราบโดยประสบการณ์มานานแล้วว่ามีน้อยคนนักที่จะมาคริสตจักรโดยวิธีนี้ เรายังรู้อีกว่าการอธิษฐาณตาม “หลักการอธิษฐานของคนยาป” กับพวกเขาตามบ้านหรือตามท้องถนน – เป็นวิธีที่ไร้ประสิทธิภาพและไม่ก่อผลใดๆในการนำพวกเขามา วิธีนี้อาจจะช่วยกระตุ้นให้กับคนที่กำลังตัดสินใจ แต่เราก็พบมานานแล้วว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เข้ามาในคริสตจักรท้องถิ่น เราต้องทำมากกว่า มากกว่านั้น! พระเยซูตตรัสว่า “ออกไป…และระดมพวกเขาให้เข้ามา ให้เต็มบ้านของเรา” พวกเขาจะต้องถูก “ระดม”มาที่พระวิหารของพระเจ้า พวกเขาจะต้องถูกระดมเข้ามาข้างใน เชิญชวนพวกเขา และเราต้องทำให้เขาเข้ามาข้างใน! ในภาษากรีกใช้คำว่า “ระดม”! เหมือนอย่างที่ มร. กรีฟท์ได้ร้องเพลง พาพวกเขามาข้างใน พาพวกเขามาข้างใน พวกเขาจะไม่อยู่ข้าง “ใน” เพราะพึ่งมาเพียงแค่ไม่กี่ครั้ง พวกเขาจะไม่อยู่ข้างใน จนกว่าจะอยู่ “ในพระเยซูคริสต์” ( 1 โครินธิ์ 1:30) ดังนั้น อย่าพึ่งคิดว่าหน้าที่เราสิ้นสุดลงแล้ว เพราะคนเหล่านั้นมาได้หลายอาทิตย์หรือหลายเดือนแล้ว พวกเขาจะไม่อยู่ข้าง “ใน” จนกว่าจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์และกลับใจใหม่อย่างแท้จริง เราต้อง “ระดมพวกเขาเข้ามาข้างใน”อย่างต่อเนื่องจนกว่าพวกเขาได้รับฟังพระวัจนะถึงขั้นรับรู้ว่าเขาคือผู้หลงหาย จนกว่าเขาจะยอมเชื่อเรื่องของความบาป ทันใดนั้นแหละเขาก็จะไว้วางใจและเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ ถึงแม้ว่าเขาจะกลับใจใหม่แล้วก็ตาม เรายังต้องช่วยเหลือพวกเขาจนก่วาจะกลายเป็นสาวกที่เข้มแข็งของพระคริสต์ “สอนเขาให้เชื่อฟังทุกสิ่งที่เราได้สั่งท่านไว้” (มัทธิว 28:20) นี่ไม่ใช่พันธกิจของศิษยาภิบาลเพียงผู้เดียว พระคัมภีร์กล่าวว่า “และให้เราพิจารณาดูว่าเราจะปลุกใจซึ่งกันและกันให้มุ่งสู่ความรักและการกระทำ:
และอย่าให้เราลืมคนใหม่ที่ได้เข้ามาในคริสตจักรในช่วงระยะหนึ่ง เราต้อง “ส่งเสริม [พวกเขา] ด้วยความรักและการทำงานที่ดี” เราต้องทำด้วยความรักและความอดทนเหมือนอย่างผู้เชื่อ ผมคิดว่ามีบางครั้งที่เราอ่านพระมหาบัญชาอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้พิจารณาคำเหล่านั้น ให้เรายืนขึ้นและอ่านอีกครั้ง ออกเสียงดังๆในมัทธิว 28:19-20 “ดังนั้นจงไปสร้างสาวกจากมวลประชาชาติ ให้เขารับบัพติศมาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และวิญญาณบริสุทธิ์ สอนให้เขาเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ และแน่นอน เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค อาเมน” นั่งลงได้ แน่นอนอย่างที่ผมพูด การอ่านคำสั่งของพระคริสต์ในพระมหาบัญชานั้น ต้องอ่านอย่างระมัดระวัง แน่นอนการประกาศข่าวประเสริฐมิได้จำกัดเพียงแค่การออกไปเท่านั้น ยังรวมถึงการระดมพวกเขาให้เข้า “มาข้างใน” (ลูกา14:23) แน่นอนมันหมายถึงว่ารักและฝึกสอนพวกเขาให้ประกาศด้วยตัวเขาเอง – ในทุกๆโอกาส การประกาศที่ไม่เพื่มคนให้กับคริสตจักร จึงยากที่จะพูดว่านั่นคือการทำตามรูปแบบในพระคัมภีร์ใหม่! การประกาศตามหลักคำสอนในพระคัมภีร์นั้นจะต้องเพิ่มคนให้กับคริสตจักรท้องถิ่น เช่นในพระธรรมกิจการ เราจะเห็นได้จากคริสตจักรในเยรูซาเร็ม “พวกเขา คำเพิ่มเติม ประมาณสามพันวิญญาณ” “และพระองค์ เพิ่มคำว่าคริสตจักร ในแต่ละวันนั้นทรงให้คนทั้งหลายได้รับความรอด” (กิจการ 2:47). “การเอาชนะฝ่ายวิญญาณ” ที่ไม่เพิ่มพูมคนให้คริสตจักร เหมือนอย่างที่คริสตจักรในเยรูซาเร็มได้เพิ่มพูม มันไม่ใช่การประกาศข่าวประเสริฐตามอย่างในพระคัมภีร์ใหม่! III. ประการที่สาม ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น คือ เพิ่มพูมให้เต็มบ้านของพระเจ้า พระเยซูตรัสว่า “จงไปตามถนนหนทางในชนนท และระดมพวกเขามา ให้เต็มบ้านของเรา” (ลูกา 14:23) ผมใช้ในที่นี้ซึ่งหมายถึงคริสตจักรท้องถิ่น “คือคริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์” (1 ทิโมธี 3:15) “ให้เต็มบ้านของเรา” สำหรับผม ประโยคนี้จะไร้ความหมาย ถ้ามันมิได้หมายถึงคริสตจักรท้องถิ่น “คริสตจักรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์” (1 ทิโมธี 3:15) ใช่ ผมรู้ว่าถ้าเราเชื่อพระบัญชาของพระคริสต์แล้วจะต้องมีคนใหม่มากทีเดียว นั่นคือคนที่ยังไม่ได้รับการฝึกฝนและยังไม่ได้กลับใจใหม่เข้ามาร่วมนมัสการในครั้งนี้ ผมยังรู้ว่านี่อาจจะทำให้เกิดการยุ่งยากและปัญหาหลายอย่าง แต่นั่นไม่ใช่หลักการการประกาศหรือ? พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใดเราก็ส่งพวกท่านไปฉันนั้น” คนอเมริกาไม่น้อยทีเดียวที่ไม่อยากมีลูก เพราะว่าเด็กๆคือปัญหาใหญ่ในหลายๆอย่าง พวกเขาเลือกที่จะนั่งหน้าจอทีวีจนถึงวันตาย–อยู่อย่างเดียวดาย การมีเด็กและเลี้ยงดูพวกเขามันสร้างความยุ่งยากแทนที่จะอยู่อย่างสงบ นี่คือชีวิตที่เห็นแก่ตัว และนั่นไม่ใช่บางคริสตจักรที่สมาชิกไม่ชอบนำคนใหม่เข้ามาในคริสตจักรหรือ? พวกเขาชอบพูดว่า “ทำไปก่อน จงอบรมเด็กๆในคริสตจักรของเรา อย่าไปนำคนข้างนอกมาสร้างความยุ่งยากให้กับพวกเราเลย” แต่ท่าทีเช่นนี้มาจากความล้มเหลวต่อการเชื่อฟังพระมหาบัญชาของพระองค์! พระองค์ตรัสกับเราว่า “ท่านจงออกไป และสอนมวลประชาชาติ” (มัทธิว 28:19) เราจะพูดได้อย่างไรว่าเราเชื่อฟังพระคริสต์ ถ้าเราล้มเหลวทำตามในสิ่งที่พะองค์ตรัส? “สถานที่ประกาศข่าวประเสริฐ” ของเราคือ ทุกที่ๆอยู่รอบตัวเรา – ตามท้องถนน สถานบันการศึกษา ตามห้างสรรพสินค้า และตามตลาดต่างๆ “ทุกมวลประชาชาติ” ก็อยู่ตรงนี้ – อยู่ในสถาบันการศึกษาทั้งเจ็ดแห่งที่อยู่รอบศูนย์กลางเมืองลอสแองเจลิส คริสตจักรของเราก็ตั้งอยู่ตรงนั้น ผู้นำสูงสุดของเราคือพระเยซูคริสต์ คำบัญชาของพระองค์นั้นก็ชัดเจน “จงออกไป และสอนทุกมวลประชาชาติ ให้เขารับบัพติศมาใน “จงไปตามถนนหนทางในชนนท และระดมพวกเขามา ออกไปประกาศข่าวประเสริฐ! อย่าให้อะไรหยุดยั้งคุณได้! โยนตัวคุณเองลงไปที่พันธกิจของพระคริสต์! “ระดมพวกเขาเข้ามาข้างใน บ้านของ [พระคริสต์] ให้เต็ม”! พวกคุณบางคนที่มาในเช้านี้ยังไม่ได้รับเชื่อ ผมไม่สามารถจบการเทศนา โดยการที่ไม่ได้เชิญคุณให้มาหาพระเยซู พระองค์สิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อไถ่บาปของคุณ พระกายของพระองค์ได้เป็นขึ้นมาจากความตายและก็ประทานชีวิตนิรันดร์ให้คุณ พระองค์ทรงพระชนม์อยู่บนสวรรค์กำลังอธิษฐานเพื่อให้วิญญาณของคุณจะได้รอด จงมาที่พระองค์ โยนตัวคุณมาที่พระองค์โดยความเชื่อ พระโลหิตของพระองค์จะชำระทุกความผิดบาปของคุณ แล้วคุณจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ในพระองค์ รวมถึงในคริสตจักรแห่งนี้ด้วย (จบการเทศนา) You may email Dr. Hymers at rlhymersjr@sbcglobal.net, (Click Here) – or you may อ่านพระคัมภีร์ก่อนเทศนา โดย ดร. กรีฟตัน เอล์ เชน: ยอห์น 20:19-21 |
โครงร่างของ ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น! โดย ดร. อาร์ เอล ฮิวเมอร์ “ดังนั้นจงไปสร้างสาวกจากมวลประชาชาติ ให้เขารับบัพติศมาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และวิญญาณบริสุทธิ์ สอนให้เขาเชื่อฟังทุกสิ่งที่เราสั่งพวกท่านไว้ และแน่นอน เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค อาเมน” (มัทธิว 28:19-20) (ลูกา 14:23; มาระโก 16:15) I. ประการที่หนึ่ง ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักรท้องถิ่น”คือ II. ประการที่สอง ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักร III. ประการที่สาม ศูนย์กลางการประกาศข่าวประเสริฐแห่งคริสตจักร |